แชร์

บทที่ 418

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินซูโบกมือแล้วพูดว่า “แค่เรื่องเล็กน้อย มิควรค่าแก่การกล่าวถึงหรอก”

“เรื่องขององค์รัชทายาทก็ถือเป็นเรื่องของข้าน้อย หากทรงต้องการให้ข้าน้อยรับใช้สิ่งใด องค์รัชทายาทก็หาอย่าได้เกรงพระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่มีปัญหา ๆ นี่ก็เลยเวลามามากแล้ว กินข้าวกันก่อนเถิด ข้าคิดว่าพวกเจ้าก็คงหิวแล้วเช่นกัน”

“ที่องค์รัชทายาทตรัสก็ถือว่าถูก มาเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยขอเชิญท่านดื่มหนึ่งจอก”

เฉินจางยกแก้วขึ้นเป็นสัญญาณ จากนั้นก็ดื่มสุราจนหมดในอึกเดียว

ฉินซูยิ้มบาง ๆ และดื่มด้วยเช่นกัน

“หว่านเอ๋อร์ รีบรินสุราให้องค์รัชทายาทเร็วสิ”

เฉินหว่านเอ๋อร์ส่งเสียงอืมตอบรับ จากนั้นก็หยิบไหเหล้าขึ้นมา พลางก้มลงและรินสุราให้กับฉินซู

นอกจากนี้นางยังจงใจก้มต่ำมากกว่าปกติเพื่อให้ฉินซูสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามที่อยู่ภายในชุดกระโปรงของนางแบบเต็ม ๆ ตาได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเซี่ยหลานเห็นภาพนั้น นางก็โกรธมากจนกัดฟันและนึกอยากจะเข้าไปตบเฉินหว่านเอ๋อร์สักฉาดสองฉาด

การที่เห็นเฉินหว่านเอ๋อร์ยั่วยวนฉินซูอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ทำเอานางถึงกับโมโหขึ้นมา

ตอนนี้ที่โจวเซินกับคนอื่น ๆ ต่างดื่มอวยพรให้กับฉินซู ถานเหวยและคณะเดินทางก็ท
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 419

    เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉินซูก็หยิบมาเปิดดู“ทำได้ดีมาก กินอะไรก่อนเถิด จะได้มิเป็นการดูถูกน้ำใจของใต้เท้าเฉิน”กู้เสวี่ยเจี้ยนเหลือบมองอาหารและสุราบนโต๊ะของทุกคนแล้วพูดเหน็บแนม “ราษฎรมากมายในเมืองขาดแคลนอาหาร แต่ใต้เท้าเฉินกลับมีข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ แม้แต่สุราก็ยังเป็นสุราชั้นดีอายุร้อยปี ฟุ่มเฟือยเสียจริงนะ”“ท่านใต้เท้าเสวี่ยเจี้ยน ข้าน้อยทำเช่นนี้ก็เพื่อต้อนรับองค์รัชทายาท หากเป็นปกติข้าน้อยคงมิกล้าทำเช่นนี้หรอกขอรับ”“จริงรึ? หึ ๆ เกรงว่าจะทำยิ่งกว่ายามปกติอีกกระมัง!”เฉินจางรีบอธิบาย “นี่… ท่านใต้เท้าเสวี่ยเจี้ยน ตำแหน่งขุนนางของข้าน้อยมิเกินขั้นสาม เงินประจำปีก็มิเกินร้อยตำลึง อีกทั้งเสบียงประจำเดือนก็ได้มิเกินสามสิบต้าน แล้วยามปกติข้าน้อยจะไปมีปัญญากินอาหารชั้นเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไรเล่าขอรับ”“หึ ขุนนางกังฉินเยี่ยงเจ้าใกล้ตายแล้วยังจะกล้าเถียงข้าง ๆ คู ๆ ข้าจะตัดหัวคนชั่วช้าเช่นเจ้าทิ้งเสียเดี๋ยวนี้!”กู้เสวี่ยเจี้ยนชักกระบี่ออกมาเสียงดังกราวเฉินจางตกใจมากจนหน้าซีด เขารีบพูดกับฉินซู “องค์รัชทายาท โปรดรีบตรัสอะไรสักอย่างเถิดพ่ะย่ะค่ะ ท่านใต้เท้าเสวี่ยเจี้ยนคิดจะตัดหัวข้าน้อยทั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 420

    เฉินจางปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากของตัวเองแล้วตอบอย่างใจเย็น “ทูลองค์รัชทายาท วันนี้ข้าน้อยซื้อเสบียงอาหารไปทั้งหมดหนึ่งหมื่นต้านพ่ะย่ะค่ะ”“เงินห้าแสนตำลึงซื้อเสบียงได้เพียงหนึ่งหมื่นต้านเองรึ?”ฉินซูแค่นเสียงเย็นและพูดต่อด้วยสายตาเย็นชา “เฉินจาง เสบียงในเมืองเหลียงโจวของพวกเจ้าขึ้นราคาแพงถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน หนึ่งต้านต่อห้าสิบตำลึงน่ะหรือ”ถานเหวยและคนอื่น ๆ ก็โกรธเช่นกันตามราคาตลาดปกติ เสบียงหนึ่งต้านจะมีราคาอยู่ที่ประมาณห้าตำลึงเท่านั้นแต่ราคาที่เฉินจางพูดมากลับเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า!ราคาที่ขัดกับความเป็นจริงเช่นนี้ชวนให้คนฟังตกใจกู้เสวี่ยเจี้ยนเอ่ยเหน็บ “เสบียงหนึ่งต้านราคาห้าสิบตำลึงรึ ใต้เท้าเฉิน เสบียงในเมืองเหลียงโจวของเจ้าทำจากทองคำหรือไรถึงได้แพงขนาดนี้ มิกลัวอิ่มจนท้องแตกตายหรือไร!”เฉินจางรีบอธิบาย “องค์รัชทายาท ท่านใต้เท้าเสวี่ยเจี้ยน พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าน้อยบอกว่าซื้อเสบียงมาหนึ่งหมื่นต้าน แต่มิได้บอกว่าใช้เงินบรรเทาภัยพิบัติไปทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อค้าขายข้าวก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ใช่ ๆ ๆ วันนี้พวกเราแค่ส่งมอบเสบียงหนึ่งหมื่นต้านให

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 421

    ฉินซูมองไปที่เฉินจางด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ “ใต้เท้าเฉิน พวกเจ้ายืนงงอะไรกัน คงมิได้อยากให้ข้ากล่าวคำขอโทษพวกเจ้าหรอกใช่หรือไม่?”เฉินจางรีบพยักหน้าและโค้งคำนับแล้วพูดว่า “หามิได้ ๆ หามิได้พ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าจะกล้าถือโทษโกรธท่านได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท เหตุที่ทรงเข้าพระทัยผิดก็เพราะท่านทรงคำนึงถึงความรู้สึกของราษฎร นี่คือโชคดีของราษฎรพ่ะย่ะค่ะ”“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ หากราษฎรในพื้นที่ภัยพิบัติได้รู้เรื่องนี้ พวกเขาจะต้องร้องเพลงสรรเสริญ และพระนามขององค์รัชทายาทก็จะเป็นที่จดจำตลอดไปอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”โจวเซินและขุนนางคนอื่น ๆ ต่างก็เริ่มประจบประแจงเขาฉินซูแกล้งทำเป็นสนุกและพูดคุยไร้สาระกับพวกเขากู้เสวี่ยเจี้ยนที่อยู่อีกด้านคิ้วแทบจะขมวดเข้าหากัน นางคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกสายตาของฉินซูห้ามเอาไว้เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น นางจึงจำต้องทิ้งตัวลงนั่งลงข้าง ๆ ฉินซู จากนั้นก็รินสุรามาหนึ่งจอกแล้วยกซดหมดในอึกเดียวฉินซูกระซิบ “เจ้าจะทำท่าทางหดหู่เช่นนี้ไปไย?”“ยังจะกล้าถามอีกนะเพคะ ท่านจะปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้หรือ?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 422

    ในห้องรับรองของจวนผู้ว่าการมณฑล เฉินจางและคนอื่น ๆ ยังคงผลัดกันแลกจอกเหล้ากับฉินซูดื่มสุราและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน.หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็ม งานเลี้ยงอาหารค่ำก็สิ้นสุดลงในเวลานี้ สวี่โย่วไฉและขุนนางคนอื่น ๆ ต่างเมาจนฟุบคาโต๊ะแม้แต่ฉินซูก็ดูเหมือนจะเมาแล้วเมื่อเห็นเช่นนั้น เซี่ยหลานก็ไปช่วยประคองฉินซูฉินซูโบกมือแล้วพูดว่า “ข้ามิเมา พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้า… อึก ข้าจะสอนคุณหนูเฉินท่องบทกวี!”ขณะที่พูดเขาก็สะอึกออกมาด้วยฤทธิ์น้ำเมา จากนั้นก็มองเฉินหว่านเอ๋อร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาเมื่อเห็นเช่นนั้น เฉินจางก็ดีใจมากหากองค์รัชทายาทที่ดื่มจนเมามายใช้เวลายามค่ำคืนกับบุตรีของเขา เขาก็จะกลายเป็นพ่อตาขององค์รัชทายาทมิใช่หรือ?เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็รีบส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เฉินหว่านเอ๋อร์จากนั้นเจ้าตัวก็ตอบสนองด้วยการไปช่วยประคองฉินซูพร้อมรอยยิ้ม“องค์รัชทายาท ให้หม่อมฉันประคองไปที่ห้องรับรองด้านหลังเพื่อช่วยทำให้ท่านสร่างเมาเถิดเพคะ”ฉินซูพูดอย่างเมามาย “ก็… ก็ได้ รบกวนด้วย”เมื่อเห็นเฉินหว่านเอ๋อร์กอดแขนของฉินซูอย่างเสน่หา เซี่ยหลานก็หึงขึ้นมาและกำลังจะระเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 423

    หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาก็นำหนังสือบัญชีวางกลับไปที่เดิมใจที่เป็นกังวลก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน“หึ ๆ ใช้หนังสือบัญชีปลอมมาหลอกข้าจริง ๆ ด้วย ฉินซูหนอฉินซู หากข้าใจมินิ่งพอก็คงจะตกหลุมพรางของเจ้าไปแล้ว!”หลังจากที่เขาพูดกับตัวเองจบก็หันหลังเดินออกไปเมื่อเขามาถึงประตูห้องโถงด้านข้าง เขาก็ถามสาวใช้ที่อยู่ตรงนั้นว่า “ตอนนี้หว่านเอ๋อร์กับองค์รัชทายาทกำลังทำอะไรอยู่?”“เรียนนายท่าน ดูเหมือนว่าคุณหนูกำลังล้างพระพักตร์ให้องค์รัชทายาทอยู่เจ้าค่ะ”“เจ้าจงไปบอกหว่านเอ๋อร์ให้นางคว้าโอกาสนี้ไว้ เพราะโอกาสเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง มิควรปล่อยให้หลุดมือไป”“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปแจ้งเดี๋ยวนี้”สาวใช้หันหลังเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วขณะนี้ ห้องรับรองด้านหลังเฉินหว่านเอ๋อร์กำลังเช็ดใบหน้าของฉินซูขณะที่นางล้างหน้าให้ฉินซู นางจงใจโน้มตัวเข้าใกล้เขามากจนหน้าอกหน้าใจอันใหญ่โตของนางแทบจะแนบแก้มของฉินซูอยู่รอมร่อฉินซูดื่มไปมิน้อย แม้เขาจะมิได้เมา แต่เลือดของเขาก็ยังคงเดือดพล่านอยู่ภายใต้อิทธิพลของฤทธิ์น้ำเมาหลังจากสังเกตเห็นสายตาที่เร่าร้อนของฉินซู เฉินหว่านเอ๋อร์ก็ดีใจมากดวงตาของนางกลอกไปมาพลางคิ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 424

    ฉินซูได้ยินแค่เสียงก็รู้ว่าใครเป็นผู้พูดเขาพูดอย่างมิสบอารมณ์ “ข้ามิใช่คนประเภทที่กินมิเลือก ทว่าหากคนที่นอนอยู่บนเตียงในยามนี้คือเจ้า นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง”กู้เสวี่ยเจี้ยนหน้าแดง แต่ฉับพลันก็เอ่ยเสียงเย็น “ฝันไปเถิดเพคะ แม้บุรุษในใต้หล้านี้จะตายกันไปหมด หม่อมฉันก็มิเลือกท่าน”ฉินซูยักไหล่ “ข้าแค่ล้อเล่นเอง เจ้าจะจริงจังอะไรปานนั้น!”“เลิกพูดนอกเรื่องเถิด ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันต่อไปหรือเพคะ?”กู้เสวี่ยเจี้ยนเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วฉินซูพูดอยางมิลังเล “ตอนนี้ยังมิดึกมาก รอให้ทุกคนในจวนผู้ว่าการเข้านอนกันหมดก่อนค่อยลงมือ เช่นนี้จะทำอะไรได้จะสะดวกกว่า”“นึกว่าท่านจะให้หม่อมฉันไปค้นคลังสมบัติของเฉินจางเพียงลำพังเสียแล้ว ท่านยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างสินะเพคะ”“ปกติข้าก็มิใช่คนใจแข็งหรอก ยิ่งไปกว่านั้น เฉินจางก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อยื้อให้ข้าอยู่ที่นี่ หากข้าหาคลังสมบัติของเขามิเจอ มันจะถือเป็นการละเลยเจตนาดีของเขามิใช่หรือไร?”กู้เสวี่ยเจี้ยนกลอกตาใส่เขา “หากเฉินจางรู้จุดประสงค์ของท่าน เขาคงจะโมโหเป็นบ้าเป็นหลัง”ฉินซูยิ้มและมิพูดอะไรขณะนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากนอกป

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 425

    ในขณะนี้ ดวงตาทั้งสองข้างของพวกเขาเบิกกว้าง และดูเหมือนว่าลมหายใจของพวกเขาจะหยุดลงหลังจากที่กู้เสวี่ยเจี้ยนได้สติ ใบหน้าที่งดงามของนางก็แดงมากนางกำลังจะลุกขึ้นด้วยสีหน้าเขินอายแต่ทันใดนั้น ฉินซูก็เอื้อมมือออกไปและกอดรัดเอวบางของนางเอาไว้!กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ตัวสั่นและคิดจะระเบิดอารมณ์โมโหออกมาฉินซูอดมิได้ที่จะจูบนางกู้เสวี่ยเจี้ยนตัวแข็งทื่อในทันทีและลืมต่อต้านไปโดยสิ้นเชิงการรุกเร้าของฉินซูทำให้ในหัวของนางเกิดความสับสนวุ่นวาย และสุดท้ายก็ค่อย ๆ สูญสิ้นสติไปมินานหลังจากนั้น เสื้อผ้าของพวกเขาก็กระจัดกระจายอยู่บนพื้นเสียงที่แต่เดิมตั้งใจสร้างขึ้นกลับกลายเป็นการแสร้งทำที่กลายเป็นจริงขึ้นมามิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ทั้งคู่ต่างนอนเงียบ ๆ อยู่บนเตียงโดยไม่มีใครพูดอะไรตอนนี้ เฉินจางได้ไปจากหน้าประตูแล้วส่วนเฉินหว่านเอ๋อร์ซึ่งเดิมนอนอยู่บนเตียงก็ถูกกู้เสวี่ยเจี้ยนถีบลงไปอยู่บนพื้นฉินซูมองไปเรือนร่างบอบบางนวลเนียนขาวใสของกู้เสวี่ยเจี้ยน สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่บ่งบอกว่ายังมิเสร็จสมอารมณ์หมายเขาอดมิได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสร่างกายอันงดงามของกู้เสวี่ยเจี้ยน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 426

    หลังจากนั้นมินานประตูห้องนอนของเฉินหว่านเอ๋อร์ก็เปิดออกมีเงาร่างสองเงาเดินออกมาจากความมืดนั่นคือฉินซูและกู้เสวี่ยเจี้ยน!ในตอนแรก กู้เสวี่ยเจี้ยนคิดจะปล่อยให้ฉินซูอยู่ในห้องนอนของเฉินหว่านเอ๋อร์และไปที่คลังสมบัติของเฉินจางเพียงลำพังแต่นางมิรู้ว่าเป็นเพราะนางกลายเป็นสตรีของฉินซูแล้วหรือไม่ ตอนนี้นางจึงทนมิได้ที่ต้องเห็นสตรีอื่นอยู่รอบกายฉินซูยิ่งไปกว่านั้น เฉินหว่านเอ๋อร์ก็แต่งตัวได้น่าดึงดูดและงดงามนัก ดังนั้นนางจึงกังวลยิ่งกว่าเดิมที่จะปล่อยให้ฉินซูอยู่ที่นี่หากฉินซูมีความปรารถนาขึ้นมาอีกครั้งและมีสัมพันธ์กับเฉินหว่านเอ๋อร์ เช่นนั้นจะมิทำให้นางโกรธมากหรอกหรือไรดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพาฉินซูไปค้นหาความลับของเฉินจางด้วยกันพวกเขาทั้งสองเดินไปที่ประตูหลังของห้องโถงด้านข้าง และกู้เสวี่ยเจี้ยนก็กอดเอวของฉินซูเอาไว้จากนั้นนางก็ใช้เท้าแตะพื้นเบา ๆ เพื่อใช้วิชาตัวเบาพาฉินซูมายังเรือนหลังอย่างเงียบ ๆฉินซูถามเสียงต่ำ “มาทำอะไรที่เรือนหลัง? ทางเข้าคลังสมบัติลับของเฉินจางน่าจะอยู่ในห้องตำราหรือห้องของเขานี่”“หม่อมฉันได้ตรวจค้นห้องตำราและห้องนอนของเขาแล้ว และ

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 703

    “นึกมิถึงว่าเขาจะหนีรอดไปได้ เขาก็มีฝีมือเหมือนกันนี่ ดูท่าทางจะเตรียมการมาอย่างดีเชียว”“องค์รัชทายาท เมื่อกลับถึงหลงเฉิงแล้วเข้าเฝ้าฝ่าบาท จะทูลเรื่องที่อ๋องฉู่สมคบคิดก่อกบฏหรือไม่เพคะ?”“ทูลสิ ต้องทูลอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเรามีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ ยิ่งกว่านั้นการที่เขาสมคบคิดก่อกบฏก็เป็นความจริง อย่างไรก็ต้องทูล”“แต่ยามนี้อ๋องฉู่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยนิสัยระแวดระวังของฝ่าบาท เกรงว่าพระองค์จะมิทรงเชื่อพวกเราเต็มร้อยกระมังเพคะ”ฉินซูกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หลังจากเรื่องของอ๋องฉู่แดงขึ้นมา เขาก็หายตัวไป นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการหนีความผิด พวกเรากราบทูลตามความจริง บวกกับคำให้การของเหล่าคนสนิทของอ๋องฉู่และทหารห้าหมื่นนายที่ไม่มีรายชื่อในทะเบียน ก็เพียงพอที่จะตัดสินความผิดของอ๋องฉู่ได้แล้ว”“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นคนนั้น หม่อมฉันให้พวกตงฟางไป๋นำทางกลับหลงเฉิงล่วงหน้าไปแล้วเพคะ”ฉงชูโม่พูดพลางรู้สึกกระวนกระวายใจแปลก ๆจากนั้น พวกเขาก็พักค้างคืนที่เมืองหลงโย่วก่อนนอน ฉินซูสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากห้องฝั่งตรงข้ามที่นั่นคือห้องของจีอันด้วยคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 702

    เซวียหมิงมองไปยังทิศทางที่ฉินซูและพรรคพวกจากไปพลางพึมพำกับตัวเอง“คิดมิถึงเลยว่าจะได้เจอกับคนที่สามารถกลืนกินปราณเลือดอาถรรพ์ได้ จีอันหรือ? ข้าจะจำเจ้าเอาไว้!”“แล้วก็ฉินซู เจ้าคอยข้าก่อนเถอะ สักวันข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนอยู่ต่อมิไหว จะตายก็มิได้!”“แค่นี้ก็น่าจะพอให้ข้าใช้แล้ว”เขาพูดพลางมองลูกแก้วสีแดงอมม่วงในมือภายในลูกแก้วนั้นคือปราณเลือดอาถรรพ์จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของเขาคือต้องการหามหาปุโรหิตแห่งสำนักจันทราโรหิต เพื่อขอยืมปราณเลือดอาถรรพ์มาใช้แต่เมื่อเข้าใกล้บริเวณนี้ ก็เห็นเฉินซีถูกฉงชูโม่ล่อลวงไปแล้ว ส่วนสาวกของสำนักจันทราโรหิตก็บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เขาจึงฉวยโอกาสจัดการสาวกที่เหลือของสำนักจันทราโรหิต จากนั้นก็เข้าไปในถ้ำจนได้พบกับแท่นบูชาต่อมาก็ฉวยโอกาสที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิทันระวังจัดการอีกฝ่ายจนสลบไป และเก็บรวบรวมปราณเลือดอาถรรพ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นเซวียหมิงก็หันหลังเดินออกจากที่นี่ไปเช่นกันขณะที่เขาเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าเหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างเมื่อก้มลงมอง ก็พบว่าเป็นขลุ่ยกระดูกสีขาวบริสุทธิ์เขายกมันขึ้นมาด

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status