ฉินเหยี่ยนพูดอย่างจริงจัง “ว่ากันว่า เสด็จพ่อทรงวางแผนจะส่งองค์ชายไปตรวจสอบตามเขตเมืองและมณฑลที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากภัยพิบัติ นี่เป็นภารกิจที่สามารถสั่งสมบารมีได้ ไว้ตอนราชสำนักช่วงเช้า เสด็จพี่รัชทายาทลองหาโอกาสดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูยักไหล่เล็กน้อยและกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าข้าเอ่ยปากทูลขอจริง เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะส่งข้าไปจริงหรือ?” “เสด็จพี่รัชทายาท ในพระทัยของเสด็จพ่ออาจมิเต็มพระทัยทำเช่นนั้น แต่บัดนี้ท่านมิได้ต่อสู้ในราชสำนักเพียงลำพังแล้ว ตัวอย่างเช่น ตุลาการศาลต้าหลี่ ผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายและคนอื่น ๆ จะต้องออกมาสนับสนุนท่านแน่นอน” พูดถึงสิ่งนี้แล้ว ฉินเหยี่ยนยังให้คำมั่นอีกว่า “และขอเพียงเสด็จพี่รัชทายาททูลขอ น้องผู้นี้ก็จะสนับสนุนท่านอย่างสุดใจโดยมิลังเลเลยพ่ะย่ะค่ะ” ฉงชูโม่ที่อยู่ด้านข้างแสดงสีหน้าสงสัยและถามว่า “ท่านอ๋องจิ้น เหตุใดท่านมิลองทูลขอภารกิจที่ดีเช่นนี้ให้ตัวท่านเอง ทว่ากลับสนับสนุนองค์รัชทายาทแทน ท่านหวังผลอะไร?” ฉินเหยี่ยนถอนหายใจอย่างจนใจ “มิว่าอย่างไรเสด็จพ่อก็มิส่งข้าไปแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น จะไม่มีขุนนางคนใดออกมาสนับสนุนข้า ในสถานการณ์ยามนี้ คนที่สามารถแย่งต
หลังจากฉินเหยี่ยนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่รัชทายาท กระหม่อมเองจะมิปิดบังท่าน หากเสด็จพ่อทรงส่งฉินเซียวไปตรวจสอบเขตภัยพิบัติจริง เช่นนั้นระหว่างทางกระหม่อมจะส่งคนไปลอบสังหารเขา หนหนึ่งมิสำเร็จก็จะมีหนที่สอง หนที่สองมิสำเร็จก็หนที่สาม มิว่าอย่างไร กระหม่อมจะมิยอมให้เขามีชีวิตกลับมาที่หลงเฉิง!” “ท่านอ๋องจิ้น หากท่านส่งคนไปลอบสังหารฉินเซียวจริง ๆ และหากองค์จักรพรรดิทรงทราบเรื่อง สถานการณ์ของท่านอาจจะ…” ฉงชูโม่พูดมิทันจบ ฉินเหยี่ยนก็พูดแทรกว่า “ขอเพียงแก้แค้นให้หลิงเอ๋อร์ได้ เรื่องอื่นล้วนมิสำคัญ” ได้ยินเช่นนี้ ฉงชูโม่จึงมิพูดอะไรอีกและมองไปที่ฉินซู ฉินซูยิ้มบาง ๆ “น้องหกอย่าได้ร้อนใจ รอดูราชสำนักช่วงเช้าวันพรุ่งก่อนเถิดว่า เสด็จพ่อจะทรงตัดสินพระทัยเช่นไร ข้าจะต่อสู้ในสิ่งที่สมควรเอง” “เช่นนี้ ทุกอย่างต้องขอพึ่งเสด็จพี่รัชทายาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ น้องจะมิรบกวนท่านมากไปกว่านี้ ขอทูลลา!” ฉินเหยี่ยนโค้งคำนับแล้วหันหลังจากไป เซี่ยหลานขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า “อ๋องจิ้นมิลังเลที่จะส่งคนไปลอบสังหารฝู่กั๋วกง เขาเพียงแค่พยายามล้างแค้นให้ชายารองของเขาเท่านั้นจ
ฉงชูโม่พยักหน้าช้า ๆ และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อืม พวกเราสาบานได้ว่าจะมิพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังแม้แต่คำเดียวรวมถึงองค์จักรพรรดิด้วย” ฉินซูกล่าวอย่างมิใจว่า “มิว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ลับหลังข้าไม่มีผู้ยิ่งใหญ่คนใดเลยจริง ๆ หากจะยืนกรานว่ามี เช่นนั้นควรมีสามคน” “สามคนนั้นคือใคร?” เซี่ยหลานและฉงชูโม่ถามออกมาพร้อมกัน ฉินซูเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ชิงเหยาแล้วก็พวกเจ้าสองคน!” เซี่ยหลานขมวดคิ้วแล้วบ่นว่า “องค์รัชทายาท พวกเราจริงจังเพคะ ท่านยังมาล้อเล่นกับพวกเราอีก” ฉงชูโม่เองก็ม้วนแขนเสื้อขึ้น “ถูกต้อง พวกเราจะเป็นผู้ทรงภูมิอยู่เบื้องหลังท่านได้อย่างไร?” “กล่าวกันว่าบุรุษประสบความสำเร็จได้ ต้องมีสตรีคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และพวกเจ้ามิใช่สตรีที่อยู่เบื้องหลังข้าหรอกหรือ!” “ถุย! สตรีที่อยู่เบื้องหลังท่านอะไรกัน พูดจาเหลวไหลทั้งเพ!” ใบหน้าสวยของเซี่ยหลานแดงขึ้นมาเล็กน้อย “ใช่แล้ว คำพูดเช่นนี้ท่านอย่าได้พูดให้ชิงเหยาฟังเชียว มิเช่นนั้นนางต้องเข้าใจผิดแน่” เมื่อเห็นท่าทีของนางเช่นนี้แล้ว ฉินซูรู้สึกว้าวุ่นในใจ ครั้นแล้วเขาก็มองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยกับฉงชูโม่ว่า “ชูโม่ วันนี้เป่ยเย
ฉินหงทุบโต๊ะพร้อมกับพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “เพราะเช่นนั้นข้าถึงได้ขอให้พวกเจ้าคิดมาตรการรับมืออย่างไรเล่า หากปล่อยให้เจ้ารัชทายาทไร้ค่าคนนั้นยืนหยัดในราชสำนักได้อย่างมั่นคงแล้วละก็ มิใช่เพียงแค่กับข้า แม้แต่พวกเจ้าก็จะไม่มีที่ยืนอยู่ในราชสำนักเช่นกัน!”ใบหน้าเซี่ยเหอเกิดความรู้สึกมิแน่นอนขึ้นมาทันที จากนั้นครู่หนึ่งแววตาของเขาก็ฉายประกายบางอย่างและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านอ๋อง สำหรับแผนการนี้ พวกเรามิควรสู้กับองค์รัชทายาทเพียงลำพัง สมควรหาพวกเพิ่มพ่ะย่ะค่ะ!” “เจ้าพูดน่ะง่าย แล้วเราจะไปหาพวกจากที่ไหนเล่า?” “อ๋องซิ่นพ่ะย่ะค่ะ เขาเองก็เกลียดองค์รัชทายาทจะตายอยู่แล้ว หากท่านอ๋องจับมือกับเขา ก็จะจัดการองค์รัชทายาทได้ง่ายขึ้นมากพ่ะย่ะค่ะ” ฉินหงลูบคางและไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “ร่วมมือกับองค์ชายสามเป็นความคิดมิเลวจริง ๆ ทว่ายามนี้ฉินซูรุ่งโรจน์ขีดสุด กลัวว่าถึงแม้จะร่วมมือกับองค์ชายสามก็คงยากที่จะเอาชนะเขาได้อยู่ดี” หลินซีพยักหน้าช้า ๆ และกล่าวเห็นด้วย “ท่านอ๋องพูดถูก วันนี้องค์รัชทายาทพลิกวิกฤตทำให้คณะทูตเป่ยเยี่ยนปราชัยกลับไป ยิ่งกว่านั้นยังทำให้ไทฮองไทเฮากริ้วอีกด้วยแม้
ฉินหยางพยักหน้า “ถูกต้อง ตอนนี้ความมิพอใจของราษฎรในพื้นที่ภัยพิบัติได้ขยายเป็นวงกว้าง และการเดินทางในครั้งนี้จะเต็มไปด้วยอันตราย จึงมิใช่เรื่องง่ายที่องค์รัชทายาทจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่าทางของฉินหงและคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไป!“เสด็จพี่สามต้องการยืมมือราษฎรที่ประสบภัยเพื่อทำให้องค์รัชทายาท…”ฉินหงพูดพร้อมกับทำท่าทางเชือดคอตัวเองฉินหยางเผยรอยยิ้มชั่วร้ายและพยักหน้าช้า ๆหลินซีขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ท่านอ๋องซิ่น ความคิดนี้ช่างดีเสียจริง เพียงแต่ก่อนหน้านี้อ๋องจิ้นได้ส่งยอดฝีมือจากยุทธภพไปลอบสังหารองค์รัชทายาท ทว่าก็คว้าน้ำเหลวกลับมา ยามนี้อาศัยเพียงราษฎรที่ประสบภัยเหล่านั้น แล้วจะทำสำเร็จได้อย่างไรกัน?”“คำพูดของใต้เท้าหลินมีเหตุผล เกรงว่าการลอบสังหารอาจมิสำเร็จ อีกทั้งอาจทำให้องค์รัชทายาทได้หน้าไปมิน้อย หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็จะสูญเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง”ฉินหยางพูดอย่างมั่นใจ “ที่ฉินเหยี่ยนพลาดครั้งที่แล้วเป็นเพราะชูโม่อยู่ข้างกายองค์รัชทายาท แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากครั้งนี้นางมิสามารถติดตามเขาไปได้?”“หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าน้อยก็คิดว่ามันเป็นไปได้พ่ะย่ะค่ะ!”เซี่ยเ
“ในเมืองหลงเฉิงแห่งนี้พวกเขาคงมิกล้า ทว่าหากองค์จักรพรรดิทรงส่งท่านไปตรวจสอบพื้นที่ภัยพิบัติเล่าเพคะ?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยหลานก็รู้สึกกังวล “องค์รัชทายาท หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ท่านก็จะตกอยู่ในอันตรายนะเพคะ มิเช่นนั้น วันพรุ่งหากองค์จักรพรรดิทรงส่งท่านไป ก็ทรงหาข้ออ้างหลบเลี่ยงเถิดเพคะ”ฉินซูพูดด้วยความโกรธ “หากเสด็จพ่อประสงค์ให้ข้าไปจริง ๆ ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร นอกจากนี้ หากข้ามิไป นั่นก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้ฉินเซียวได้กลับมาผงาดน่ะสิ!”เซี่ยหลานพูดอย่างกังวล “แต่หากทางหอดารารักษ์ส่งยอดฝีมือไปสกัดกั้นและสังหารท่านระหว่างทาง ท่านจะมิตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายหรอกหรือเพคะ?”“มิเป็นไร ข้าโชคดีมาโดยตลอด และข้าก็มีชูโม่คอยปกป้อง ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรเกิดขึ้นกับข้าหรอก”ฉงชูโม่ถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “ช่างเถิดเพคะ ถึงตอนนั้นพวกเราแค่ระมัดระวังกันให้มากขึ้นก็พอ”“เอาเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว พวกเจ้ารีบไปพักผ่อนได้แล้ว”“เพคะ เช่นนั้นท่านก็ทรงพักผ่อนเถิดเพคะ”หลังจากที่ฉงชูโม่พูดจบ นางก็ดึงเซี่ยหลานเดินจากไปฉินซูส่งสายตาให้เซี่ยหลานอย่างมิแสดงอารมณ์ใดเซี่ยหลานลังเล แต่สุดท้ายก็แอบพยักหน้า
วันรุ่งขึ้นภายในพระตำหนักจินหลวนเมื่อเห็นฉินเซียวยืนนิ่ง ทุกคนก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน“นี่ ๆ ฝู่กั๋วกงมาที่นี่ได้อย่างไรกัน?”“นั่นสิ ตามหลักแล้ว ฝู่กั๋วกงไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมงานปกครองของทางราชสำนักนี่”“เฮ้อ ยังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าองค์จักรพรรดิทรงมีพระราชโองการไว้ล่วงหน้าแล้ว มิเช่นนั้นฝู่กั๋วกงจะกล้าฝ่าฝืนเช่นนี้ได้อย่างไร”“ก็ถือว่าถูก ดูเหมือนความมุ่งมั่นขององค์จักรพรรดิที่ทรงคิดจะฟื้นฟูสถานะของจวิ้นอ๋องนั้นจะชัดเจนแจ่มแจ้งมากทีเดียว”“...”เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบที่อยู่รอบตัว ฉินเซียวก็ยืนตัวตรงและมิเปลี่ยนสีหน้าแต่อย่างใดขณะนั้นเองฉินซูก็ได้เข้ามาขุนนางระดับสูงทุกคนต่างทักทายฉินซูฉินเซียวเดินมาหาฉินซูพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า พลางยกมือขึ้นประสานคารวะเล็กน้อยแล้วพูดอย่างจองหอง “องค์รัชทายาท ท่านคงคาดมิถึงใช่หรือไม่ ที่คราวนี้เสด็จพ่อทรงมีพระราชโองการพิเศษให้กระหม่อมมาเข้าร่วมประชุมราชสำนักช่วงเช้า!”“ก็น่าประหลาดใจจริง ๆ นั่นแหละ ว่าแต่ เจ้ามีอะไรให้ภูมิใจนักรึ?”“ฮ่า ๆ กระหม่อมก็แค่ตื้นตันใจในความไว้วางพระทัยของเสด็จพ่อ ไม่มีอะไรน่าภาคภูมิใจหรอก เมื่อถึงค
ฉินเหยี่ยนออกมายืนและพูดว่า “เป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอู๋ต้าวโกรธจัดและตำหนิว่า “บังอาจ! ที่นี่พระตำหนักจินหลวน แต่เจ้ากลับทำร้ายผู้อื่น ซ้ำคนที่เจ้าทำร้ายก็เป็นพี่ของเจ้า เจ้าเห็นข้าอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่ เคารพบ้างหรือไม่!”“เสด็จพ่อ พระองค์ทรงต้องการให้ลูกพูดเรื่องสกปรกที่ฉินเซียวทำจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเหยี่ยน ดวงตาของฉินอู๋ต้าวก็วูบไหวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็รีบโบกมือและพูดอย่างจริงจัง “เรื่องนั้นก็ให้มันจบที่ตรงนี้ อย่าให้มีครั้งต่อไปอีก!”ฉินเหยี่ยนประสานมือขึ้นคารวะเล็กน้อยพลางถอยออกไปก่อนที่จะลงมือเขารู้อยู่แล้วว่าองค์จักรพรรดิจะทรงเปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็กอย่างแน่นอนเพราะเรื่องที่ฉินเซียวส่งคนไปสังหารชายารองของเขานั้นมีเพียงมิกี่คนในราชสำนักที่รู้เรื่องนี้หากเรื่องนี้แดงขึ้นมา ราชวงศ์ก็จะเสียหน้า เห็นได้ชัดว่านี่มิใช่สิ่งที่จักรพรรดิต้องการเห็นคงต้องบอกว่าเขาได้เดิมพันถูกแล้วเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวจัดการเรื่องเช่นนี้ ฉินเซียวก็รู้สึกมิสบอารมณ์อย่างมากเขาแอบถลึงตาใส่ฉินเหยี่ยน สายตาของเขามีความขุ่นเคืองแวบผ่านเข้ามาครู่หนึ่งฉิน
ดวงตาของซือคงเหยียนฉายแววสังหาร จากนั้นเขาก็เริ่มค้นหาภายในป่าแต่หลังจากค้นหาอยู่นานก็มิพบอะไรเลยสีหน้าของเขาหม่นมืดลึกลับ และพึมพำกับตัวเอง“ทั่วทั้งป่ามีเพียงตรงนี้ที่มีเลือดของจื่อชิน แต่ว่าศพของเขาไปอยู่ที่ใดกัน? ต่อให้ถูกพวกปีศาจภูเขากิน ก็เป็นไปมิได้ที่จะหายไปมิเหลือร่องรอย!”ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องน่าประหลาดเกินไปแต่ตอนนี้ที่ยังหาศพของหนานกงจื่อชินมิพบ ซือคงเหยียนจึงทำได้เพียงเก็บความคับแค้นไว้ในใจและเดินออกจากป่าไปในตอนนั้นเอง ที่ถนนหลวงด้านนอก มีพ่อค้าเร่กลุ่มหนึ่งเดินผ่านพอดีชายคนหนึ่งพูดด้วยความดีใจอย่างยิ่ง "พี่เจียง เจ้าได้ยินแล้วหรือยังว่า องค์รัชทายาทแห่งแคว้นต้าเหยียนของเราได้สังหารบุตรแห่งนักปราชญ์หออะไรนั่นของเป่ยเยี่ยนแล้ว!"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของซือคงเหยียนพลันมืดหม่นลง ร่างของเขาวูบไหวชั่วขณะก่อนปรากฏขึ้นตรงหน้าชายผู้นั้นราวกับภูติผีชายคนนั้นตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของซือคงเหยียนจนขาอ่อนและเซล้มลงกับพื้นเมื่อเห็นกลิ่นอายอำมหิตบนใบหน้าของซือคงเหยียน ชายคนนั้นก็ตื่นตกใจจนพูดอะไรแทบมิออก“เจ้า… เจ้าเป็นใคร คิดจะทำ… ทำอะไร?”ซือคงเ
“หวังฉือกับเนี่ยหงไอ้สุนัขสองตัวนั่น กล้าโจมตีพวกเราต่อหน้าเหล่าขุนนางเลยรึ น่าโมโหนัก!”ฉินหงปลอบใจเขา "เสด็จพี่สามใจเย็นก่อน ทั้งตุลาการศาลต้าหลี่และผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายไม่มีทางก่อปัญหาใหญ่ได้หรอก เมื่อไหร่ที่รัชทายาทล้มลง พวกเขาก็จะกลายเป็นสุนัขไร้เจ้าของ ไยต้องไปถือสาหาความกับพวกเขาเล่า”“ข้าแค่หงุดหงิดเท่านั้นเอง อีกอย่าง เสด็จพ่อยังสั่งให้หัวหน้าสำนักจับตาดูหอดารารักษ์ แล้วคนจากหอดารารักษ์จะมีโอกาสไปแก้แค้นฉินซูได้อย่างไร?”“ความแข็งแกร่งของหอดารารักษ์มิได้ด้อยไปกว่าสำนักหอดูดาวหลวงเลย เจ้าสำนักคงมิสามารถควบคุมพวกเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จ มิว่าจะอย่างไร เรื่องนี้ต้องทำให้องค์รัชทายาทยุ่งยากแน่นอน พวกเราแค่รอดูผลลัพธ์ก็พอ”ฉินหยางพยักหน้าเล็กน้อยและถามอีกครั้ง "ว่าแต่ มีข่าวคราวจากเรือสินค้าที่มุ่งใต้ไปยังหลิ่งหนานบ้างหรือไม่?"ฉินหงถอนหายใจ “ยังไม่มีเลย แต่ถ้าคำนวณเวลา ตอนนี้เรือลำนั้นน่าจะผ่านเขตเหยี่ยนโจวแล้ว”“หึ พวกโจรสลัดในเหยี่ยนโจวนั่นช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ข้าวแปดพันต้านกับเงินหกแสนตำลึง ทั้งหมดนี้เป็นทรัพย์สินมหาศาล แต่พวกมันกลับมิกล้าลงมือ!”“คงมิแน่เสมอไปว่าจะมิกล้าลง
ฉินอู๋ต้าวยังมิทันได้แสดงท่าที หวังฉือก็โต้แย้งขึ้นมาทันควัน “ข้าน้อยมิเข้าใจคำพูดของอ๋องซิ่น ยามนี้ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าเป็นฝีมือขององค์รัชทายาทเลย แล้วเหตุใดท่านจึงต้องให้องค์จักรพรรดิทรงพิจารณาให้รอบคอบด้วยหรือ?”“นั่นสิ เป่ยเยี่ยนเดิมทีก็มีความตั้งใจจะล่วงล้ำพรมแดนของราชวงศ์ต้าเหยียนมาตลอด ยามนี้ยังมิได้มีการระดมทัพเลย แต่ท่านอ๋องซิ่นกลับกลัวแล้ว หากวันหนึ่งเป่นเยี่ยนระดมทัพขึ้นมาจริง ๆ ท่านจะมิสนับสนุนให้องค์จักรพรรดิแบ่งดินแดนให้เลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินหยางถูกหวังฉือและเนี่ยหงโต้กลับจนหน้าซีดในที่สุดบัดนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่า หวังฉือและเนี่ยหง ทั้งสองเป็นขุนนางระดับสองที่กลายเป็นคนของฉินซูไปแล้วเขาเกิดความสงสัย ฉินซูเป็นองค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลด เขามีดีอะไรที่ทำให้ทั้งสองคนนั้นยอมรับเขาเป็นผู้นำ?แต่เมื่อเผชิญกับคำซักถามอย่างเข้มงวดของหวังฉือและเนี่ยหง เขาก็มิอาจอุบเงียบเอาไว้ได้ จึงแค่นเสียงเย็นชา"หึ! ข้าในฐานะจวิ้นอ๋องแห่งราชวงศ์ต้าเหยียน ต่อให้วันข้างหน้าสงครามปะทุขึ้นอีกครั้ง ก็ย่อมไม่มีทางให้เสด็จพ่อยอมสละดินแดนเพื่อขอสันติภาพ เพียงแต่ยามนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเร
ข่าวที่ว่าฉินซูได้สังหารบุตรแห่งนักปราชญ์ของหอดารารักษ์นั้นแพร่กระจายราวกับไฟป่า ก่อให้เกิดความปั่นป่วนทั้งในและนอกเมืองหลงเฉิงผู้คนต่างพูดถึงเรื่องนี้ทุกมื้อหลังอาหารบางคนยกย่องฉินซูว่าเขาทำให้ต้าเหยียนมีเกียรติบางคนถึงกับแอบส่ายหัว แม้ว่าฉินซูจะเป็นรัชทายาท ทว่าการสังหารบุตรแห่งนักปราชญ์ของหอดารารักษ์โดยไร้เหตุผลนั้นคงมิเป็นที่ยอมรับของราชสำนักเป่ยเยี่ยนและหอดารารักษ์ จากนี้ไปฉินซูองค์รัชทายาทผู้นี้อาจไม่มีวันมีชีวิตที่สงบสุขอีกต่อไปคนที่รู้สึกประหลาดใจที่สุดคงเป็นมู่หรงจื่อเยียนหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ ใจนางก็เกิดความสงสัยว่า คนที่ฆ่าหนานกงจื่อชินคือฉินซูจริง ๆ หรือ?แต่ฉินซูเก่งแค่วิชาตัวเบาเท่านั้น แล้วเขาจะสังหารหนานกงจื่อชินได้อย่างไร?ทว่าเมื่อนึกถึงเมื่อยามหลังจากที่ออกมาจากดินแดนแห่งความฝันนั้น ฉินซูเอาชนะอันธพาลเหล่านั้นได้ในพริบตา นางก็ตระหนักว่าความแข็งแกร่งของฉินซูนั้นมิธรรมดาเมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็รีบสงบสติอารมณ์ และบังคับให้ตัวเองใจเย็นลงหากมู่หรงฟู่รู้ว่าฉินซูมีฝีมือที่เหนือชั้นเช่นนี้ สถานการณ์ของฉินซูคงจะอันตรายอย่างมากต่อมา มู่หรงจื่อเยียนเลือกที่จะ
ฉินหงมองเนื้อหาในจดหมายเพียงครู่เดียว สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป!เขากล่าวเสียงทุ้มหนัก "เตรียมเกี้ยว ข้าจะไปจวนอ๋องซิ่น แล้วก็แจ้งให้ใต้เท้าหลินและใต้เท้าเซี่ยมาประชุมที่จวนอ๋องซิ่นด้วย!""พ่ะย่ะค่ะ!"สองเค่อต่อมาฉินหงพร้อมด้วยหลินซีและคนอื่น ๆ ก็มารวมตัวกันที่จวนอ๋องซิ่นฉินหยางถามอย่างสงสัย "น้องสี่ ดึกป่านนี้พวกเจ้ายังมากัน มีข่าวดีอะไรจากทางคูมู่หรือ?""ยังติดต่อคูมู่มิได้ แต่เสด็จพี่สาม พวกท่านลองดูนี่ก่อน"ฉินหงพูดพลางวางจดหมายฉบับนั้นลงบนโต๊ะฉินหยาง หลินซีและคนอื่น ๆ เข้ามาอ่านข้อความบนจดหมายโดยพร้อมเพรียงหลังจากได้อ่านแล้ว เซี่ยเหอก็เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ "ว่ากระไรนะ? ฉินซูสังหารศิษย์เอกของหอดารารักษ์?!"ฉินหยางถามด้วยสีหน้าฉงน "น้องสี่ แน่ใจหรือว่าข่าวนี้เป็นความจริง?""น่าจะมิใช่เรื่องเท็จ ศิษย์เอกของหอดารารักษ์มีฐานะสูงส่งในแคว้นเป่ยเยี่ยน ผู้ใดจะกล้าพูดเล่นเกี่ยวกับเรื่องนี้""แต่ศิษย์เอกอย่างหนานกงจื่อชินมีพลังแข็งแกร่งนัก องค์รัชทายาทจะสังหารเขาได้อย่างไร?"หลินซีเองก็กล่าวเสริมขึ้นเช่นกัน "ใช่แล้ว แม้กู้เสวี่ยเจี้ยนแห่งสำนักหอดูดาวหลวงจะติดตามองค์รัชทายาทไปทางเหนือด้วยแต่ด้ว
นางพูดด้วยเสียงสะอื้นพร้อมถามกลับว่า "เสด็จพี่หมายความว่าอย่างไร? หรือท่านคิดว่าหม่อมฉันเป็นคนฆ่าพี่จื่อชินเช่นนั้นหรือ?"ซือคงเหยียนรีบพูดขึ้น "องค์ชาย ท่านหญิงจื่อเยียนมีใจรักใคร่กับจื่อชิน นางจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร? การตายของจื่อชินถือเป็นการกระทบกระเทือนใจอย่างใหญ่หลวงต่อนาง โปรดอย่าได้สงสัยในตัวนางเลยพ่ะย่ะค่ะ"มู่หรงฟู่ครุ่นคิดแล้วเห็นด้วย จากนั้นก็สงบอารมณ์ลงเขาพูดอย่างจริงจัง "จื่อเยียน ข้าหาได้มีเจตนาสงสัยเจ้าไม่ แต่เจ้าต้องบอกความจริงเกี่ยวกับการตายของจื่อชิน มิเช่นนั้นพวกเราจะล้างแค้นให้เขาได้อย่างไร?"“หม่อมฉันมิรู้จริง ๆ เดิมทีพี่จื่อชินได้ขวางเส้นทางของฉินซูไว้ในป่า หม่อมฉันกังวลว่า คนของฉินซูจะรู้เรื่องนี้เข้า จึงขอร้องพี่จื่อชินว่าอย่าทำอะไรวู่วาม สุดท้ายเขาก็ฟาดข้าจนหมดสติไปพอฟื้นขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ใต้หน้าผา หม่อมฉันปีนขึ้นมาอย่างยากลำบากแล้วหาม้าตัวหนึ่งขี่กลับมา ส่วนเรื่องอื่นหม่อมฉันมิรู้จริง ๆ”หลังจากฟังคำพูดของมู่หรงจื่อเยียนแล้ว สีหน้าของมู่หรงฟู่และซือคงเหยียนก็ยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นผ่านไปครู่หนึ่ง มู่หรงฟู่ก็เอ่ยขึ้นเสียงหนักอึ้ง "
มู่หรงจื่อเยียนตกตะลึง ก่อนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ "เสด็จพี่ พี่จื่อชินเขายังมิได้กลับมาหรอกหรือ?"“ไม่ เกิดเรื่องอันใดขึ้น? พวกเจ้ามิได้กลับมาด้วยกันหรอกหรือ?”“เป็นไปมิได้ หากพูดตามเหตุผล เขาควรจะกลับมาเร็วกว่าหม่อมฉันสิ หรือว่าระหว่างจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงทำให้เขากลับมาล่าช้า?”มู่หรงจื่อเยียนครุ่นคิดในใจ ตนและฉินซูติดอยู่ในดินแดนแห่งความฝันนานขนาดนั้น หนานกงจื่อชินก็น่าจะกลับมาตั้งนานแล้วถึงจะถูกหรือว่า เขาจะยังตามหาตนอยู่ที่บริเวณขอบผานั่น?มู่หรงฟู่มองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า "ที่นี่เต็มไปด้วยสายลับ เข้าไปคุยข้างในดีกว่า"มู่หรงจื่อเยียนพยักหน้าเห็นด้วย และเดินตามมู่หรงฟู่เข้าไปข้างในทันทีที่นางนั่งลง มู่หรงฟู่ก็ถามขึ้นด้วยความร้อนใจ "เป็นอย่างไรบ้าง? ทำสำเร็จหรือไม่? ฉินซูถูกกำจัดเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?"มู่หรงจื่อเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า "มิสำเร็จ ตอนที่พี่จื่อชินกำลังจะลงมือก็มีกลุ่มปีศาจภูเขาเข้ามาก่อกวน ต่อมา… หม่อมฉันก็พลัดหลงกับเขา ส่วนเรื่องหลังจากนั้น หม่อมฉันก็มิรู้แล้ว”มู่หรงฟู่ขมวดคิ้วรู้สึกว่า คำพูดของมู่หรงจื่อเยียนดูมิค่อยสมเหตุสมผลกันเขาขมวดคิ้วแ
ส่วนครอบครัวและคนสนิทของทั่วป๋าชื่อทั้งหมดถูกตวนมู่สั่งคนไปจัดการประหารจนหมดสิ้นแล้วอีกทั้งตวนมู่ยังได้แต่งตั้งคนสนิทของตนขึ้นมาควบคุมกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ภายในชนเผ่าฉินซูพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ตวนมู่ทำงานอย่างเฉียบขาด รวดเร็ว สามารถรวบรวมกำลังอำนาจของตนได้ภายในเวลาอันสั้นเพียงนี้ อีกทั้งยังกล้าหาญ นับว่าเป็นบุคคลที่ทำการใหญ่ได้ทันใดนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงถามอย่างสงสัย "ตวนมู่ ชนเผ่าโครยอของเจ้ามีทหารเพียงสองหมื่นนายเท่านั้น แต่ทั่วป๋าชื่อเอาความกล้าจากที่ใดมาคิดสังหารข้ากัน"“องค์รัชทายาท ก่อนที่ท่านจะเสด็จมา ทั่วป๋าชื่อได้รับจดหมายจากผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่ง ในนั้นมีการสัญญาว่า ขอเพียงทั่วป๋าชื่อสามารถกำจัดองค์รัชทายาทได้ วันหน้าเมื่อผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นได้ขึ้นครองบัลลังก์ เขาจะมอบเมืองให้ชนเผ่าโครยอของเราสองสามเมืองเพื่อฟื้นฟูชนเผ่าพ่ะย่ะค่ะ”“ผู้สูงศักดิ์? คือผู้ใด?”“เรื่องนี้ ทั่วป๋าชื่อมิได้บอกอย่างชัดเจน เขาบอกเพียงว่าเป็นหนึ่งในพระโอรสขององค์จักรพรรดิ อ้อ ใช่แล้ว จดหมายฉบับนั้นน่าจะอยู่ในห้องตำราของทั่วป๋าชื่อ ข้าน้อยจะไปค้นหามาให้พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากที่ตวนมู่พูดจ
ฉินซูโบกมือแล้วตะโกนสั่งกับทหารผู้นั้น "ไป นำตัวตวนมู่หาให้ข้า!"“รับพระบัญชา!”ทหารผู้นั้นรับคำอย่างนอบน้อมแล้วนำคนอีกสองคนเดินอย่างรวดเร็วไปยังคุกเพียงชั่วครู่ ตวนมู่ก็ถูกนำตัวมาในตอนนี้ เขาถูกใส่โซ่ตรวนที่มือและเท้า ดูคล้ายกับนักโทษอย่างไรอย่างนั้นฉินซูเลิกคิ้ว พลันถามว่า "ตวนมู่ ข้าได้ยินมาว่า ทั่วป๋าชื่อสั่งให้เจ้าฆ่าข้า มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ?"ตวนมู่กวาดสายตามองสถานการณ์ภายในลาน เมื่อเห็นเศษแขนขาที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ม่านตาของเขาก็หดตัวในฉับพลันความคิดในหัวของเขาแล่นอย่างรวดเร็ว มินานก็วิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าได้เมื่อตั้งสติได้ เขาจึงรีบเอ่ยตอบ "องค์รัชทายาท เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงมิทำตามคำสั่งของเขา?”“องค์รัชทายาท ท่านคือรัชทายาทผู้สืบทอดราชบัลลังก์แห่งแผ่นดิน หากลงมือกับท่านก็เท่ากับการก่อกบฏ เป็นที่สาปแช่งทั้งฟ้าดิน ข้าน้อยยอมตายเสียดีกว่าทำเรื่องที่ไร้ความจงรักภักดีและอกตัญญูเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”คำพูดของตวนมู่แฝงความมิจริงใจอยู่บ้าง แต่เขารู้ดีว่าบัดนี้ฉินซูได้กุมอำนาจในสถานการณ์นี้ไว้แล้วดังนั้นหากมิแสดงความจงรักภักดีเสียตอนนี้แล