คิ้วของฉงชูโม่ขมวดเข้าหากัน และก้าวเท้าจะเดินตามเข้าไปด้วยตงฟางไป๋รีบพูดว่า “แม่ทัพใหญ่ฉง องค์รัชทายาทเพิ่งเองสั่งว่าห้ามใครเข้าไปโดยมิได้รับอนุญาต”“เจ้าตาบอดรึ? นั่นมันโอวหยางขุย เจ้าสำนักอาทิตย์อัสดง อีกทั้งครั้งก่อนเขาก็ลงมือลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทด้วยตัวเอง ตอนนี้องค์รัชทายาททรงพบกับเขาเพียงลำพัง เจ้ามิกังวลรึว่าเขาจะเป็นอันตรายต่อองค์รัชทายาท?”“ก็… ที่องค์รัชทายาททรงยอมพบเขาเพียงลำพัง ก็คงเพราะทรงต้องการการสนับสนุนพึ่งพากระมัง”“นั่นสิ ท่านแม่ทัพใหญ่ องค์รัชทายาทมิใช่คนบ้าบิ่นถึงเพียงนั้น คงจะเอาโอวหยางขุยได้อยู่หมัด มิเช่นนั้นพระองค์จะทรงกล้าพบเขาเพียงลำพังได้อย่างไร”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่า สิ่งที่พี่น้องตงฟางไป๋พูดนั้นดูสมเหตุสมผลนางมองเข้าไปในตำหนักบูรพาสองสามครั้งแล้วถอยออกมาเซี่ยหลานถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ชูโม่ เมื่อครู่เจ้าบอกว่า โอวหยางขุยเคยลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท เกิดเรื่องอันใดขึ้นรึ?”ฉงชูโม่เล่าคร่าว ๆ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวจากฉงชูโม่แล้ว เซี่ยหลานก็พูดด้วยความสับสน “ไม่สิ องค์รัชทายาทพบคนที่เคยลอบปลงพระชนม์พระองค์เพ
ฉงชูโม่ยังคงรออยู่ด้านนอกประตูตำหนักบูรพาอย่างกระสับกระส่ายเมื่อนางเห็นโอวหยางขุยออกมา นางรีบเข้าไปขวางเขาและถามว่า “เจ้ามีธุระอันใดกันแน่ถึงได้มาขอพบองค์รัชทายาท?”โอวหยางขุยกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “แม่ทัพใหญ่ฉง เจ้ามิจำเป็นต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้าถึงเพียงนี้หรอก ตอนนี้ข้าอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์รัชทายาทแล้ว และต่อจากนี้ไปข้าก็จะทำตามที่พระองค์สั่งเท่านั้น”“ว่ากระไรนะ? เจ้าอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์รัชทายาทรึ?!”ฉงชูโม่มองโอวหยางขุยด้วยความเหลือเชื่อพร้อมกับถามว่า “เจ้าถูกเขาควบคุมได้อย่างไร? เขาทำอะไรกับเจ้า?”“หากอยากรู้ก็ไปถามองค์รัชทายาทเอาเองเถิด ข้ามีเรื่องที่ต้องทำ ขอตัวก่อน”โอวหยางขุยยกมือคำนับและหันหลังเดินจากไปฉงชูโม่ขมวดคิ้วและเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็วทันทีที่นางมาถึงห้องรับรอง นางก็เห็นฉินซูโอบหลินชิงเหยาไว้ในอ้อมแขนและกำลังเตรียมที่จะเข้าห้องนอนเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองใกล้ชิดกัน ฉงชูโม่ก็โกรธขึ้นมาทันทีหลินชิงเหยารีบผละออกจากอ้อมแขนของฉินซูและถามอย่างเขินอาย “พี่หญิงชูโม่ ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือ?”ฉงชูโม่มิได้สนใจนางและหันไปถามฉินซู “องค์รัชทายาท ท
ฉินซูมิเชื่อเลยแม้แต่น้อยแต่หลินชิงเหยาก็วิเคราะห์อย่างจริงจัง“องค์รัชทายาท ช่วงนี้พี่หญิงชูโม่เอาใจใส่ท่านเป็นพิเศษ อีกทั้งตอนที่ท่านได้รับบาดเจ็บนางก็ไปนำโอสถสรรพโรคมาให้ท่านเสวยและรักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านด้วยตัวเอง เมื่อครู่ตอนที่หม่อมฉันเห็นว่าท่านมิได้บอกนางเกี่ยวกับเรื่องของโอวหยางขุย นางดูผิดหวังเสียใจเป็นอย่างมาก การกระทำเหล่านี้ของนางมันทำให้เห็นได้ชัดเจนว่านางใส่ใจท่านมิใช่หรือเพคะ?”“ที่นางรักษาบาดแผลให้ข้าคงเพราะมิอยากรับผิดก็เท่านั้น”“รับผิด?” หลินชิงเหยาถามด้วยความสับสน “องค์รัชทายาท รับผิดหมายถึงอะไรหรือเพคะ?”“หมายถึงยอมรับความผิดนั่นแหละ เจ้าลองคิดดูสิ หากข้าเป็นอะไรขึ้นมา ฝ่าบาทจะทรงยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ รึ?”หลินชิงเหยาใช้ความคิดฉินซูกล่าวต่อ “นอกจากนี้นางก็จงภักดีต่อฝ่าบาท ทุกสิ่งที่นางทำล้วนเป็นเพราะทำตามรับสั่ง ที่นางมาอยู่ที่ตำหนักบูรพาแห่งนี้ก็เพื่อเป็นหูเป็นตาให้ฝ่าบาทก็เท่านั้น นางชอบข้าน่ะหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร!”“ที่ท่านตรัสนั้นถือว่ามีเหตุผลเพคะ แต่องค์รัชทายาท สิ่งที่พี่หญิงชูโม่พูดเมื่อครู่ก็มีส่วนถูกเพคะ หากฝ่าบาททรงทราบขึ้นมาว่า ท่านติดต่อกั
ครึ่งชั่วยามต่อมาซุนฉีมาที่ห้องตำราของฉินเหยี่ยนด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข“ท่านอ๋องจิ้น ข่าวดีพ่ะย่ะค่ะ ข่าวดี!”ฉินเหยี่ยนถามด้วยความอยากรู้ “เจ้าพบโอวหยางขุยแล้วหรือ?”“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ยังมิพบตัวหยางขุย แต่เราพบพยานที่สามารถยืนยันได้ว่าองค์รัชทายาทติดต่อกับผู้มีอำนาจในยุทธภพพ่ะย่ะค่ะ!”“พยานรึ? ผู้ใดกัน?!”“เซี่ยหลาน หลานสาวของชิ่งกั๋วกงพ่ะย่ะค่ะ!”“เป็นนางหรือ? นางเห็นฉินซูพบกับโอวหยางขุยด้วยสองตาของตัวเองรึ?”ซุนฉีพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ ตามข้อมูลจากสายลับที่เราส่งไปแฝงตัว เซี่ยหลานบังเอิญอยู่หน้าประตูตำหนักบูรพาในตอนที่องค์รัชทายาทพบกับโอวหยางขุย มิรู้ว่านางเดินผ่านมาหรือว่าอะไร แต่ถึงอย่างไรนางก็ผู้ที่เห็นเหตุการณ์พ่ะย่ะค่ะ”ฉินเหยี่ยนดีใจจนตบขาดังฉาดและพูดอย่างตื่นเต้น “ฮ่า ๆ สวรรค์เข้าข้างข้าสินะ ไปรีบเตรียมเกี้ยวให้พร้อม ข้าจะไปจวนชิ่งกั๋วกงเสียหน่อย”“เกี้ยวถูกเตรียมไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ท่านอ๋อง ชิ่งกั๋วกงผู้นั้นสนิทกับอ๋องฉีมานาน อีกทั้งยังถือตัวอวดดีเป็นอย่างมาก ท่านอ๋องเสด็จไปหาเขาในครั้งนี้โปรดอย่าทำให้เขาขุ่นเคืองได้ง่าย ๆ มิเช่นนั้นเราอาจจะมิได้ความช่วยเหลือจากเซี่ยหลา
หลังจากที่เซี่ยเหอพูดจบ ก็ออกไปรับแขกที่หน้าประตูด้านเซี่ยหลานกลับมาที่ห้องส่วนตัวทันทีที่นางลงกลอนประตู ก็มีคนปิดตาของนางจากด้านหลัง ขณะเดียวกัน คนผู้นั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “สาวน้อย จงรีบถอดอาภรณ์และมาปรนนิบัติคุณชายเช่นข้าอย่างว่าง่ายเสีย!”“บ้า! ชูโม่ เจ้ากลายเป็นคนติดตลกขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรกัน แล้วไหนจะคุณชายอะไรนั่นอีก มิรู้จักอายเอาเสียเลย!”“มิจริงน่า ข้าอุตส่าห์เปลี่ยนเสียง เจ้ายังจำข้าได้อีกหรือ?”ฉงชูโม่ปล่อยมืออย่างประหลาดใจเซี่ยหลานพูดด้วยความโกรธ “เจ้ากับข้าเติบโตมาด้วยกัน คิดว่าข้าจะจำกลิ่นกายเจ้ามิได้หรือไร!”“กลิ่นกายข้า?” ฉงชูโม่ดมตัวเองโดยมิรู้ตัวพลางบ่นพึมพำ “มีที่ไหนเล่า เจ้าก็พูดไปเรื่อย”“ชิชิ บนตัวเจ้าน่ะมีกลิ่นหอมจาง ๆ ช่างเถิด มิต้องพูดเรื่องนี้แล้ว เมื่อครู่ตอนที่ข้ากลับมาข้าบังเอิญได้ยินว่าอ๋องจิ้นมาที่นี่ มิรู้ว่ามาหาท่านปู่ของข้าด้วยธุระอันใด”“อ๋องจิ้น?”ดวงตาที่งดงามของฉงชูโม่กะพริบถี่ ๆ จากนั้นนางก็พูดเสียงเบา “เจ้านอนไปก่อน เดี๋ยวข้าไปดูเองว่าพวกเขาคุยอะไรกัน”“ข้าก็อยากไปด้วย!”“ข้าจะไปแอบฟัง หากเจ้าตามข้ามาแล้วถูกจับได้จะทำอย่า
ฉินเหยี่ยนพูดอย่างมิรีบร้อน “องค์รัชทายาทฝ่าฝืนรับสั่งของเสด็จพ่อด้วยการติดต่อกับคนในยุทธภพอย่างลับ ๆ และเซี่ยหลานก็เป็นพยานในเรื่องนี้”“มิจริงกระมังพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาททรงไปหามาสู่กับคนจากยุทธภพน่ะหรือพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องจิ้น นี่เป็นเรื่องจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เซี่ยเหอแทบมิอยากเชื่อหลังจากได้ยินเรื่องราวเนื่องจากฝ่าบาทมีรับสั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าห้ามมิให้ขุนนางราชสำนักและสมาชิกราชวงศ์มีปฏิสัมพันธ์กับคนจากยุทธภพโดยเด็ดขาดแต่ตอนนี้องค์รัชทายาทกลับกล้ากระทำผิดทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ นี่เท่ากับรนหาที่ตายมิใช่หรือ?ฉินเหยี่ยนพูดอย่างเคร่งเครียด “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง วันนี้องค์รัชทายาทได้พบกับโอวหยางขุย เจ้าสำนักอาทิตย์อัสดงที่ตำหนักบูรพา เซี่ยหลานบังเอิญอยู่หน้าประตูตำหนักบูรพาในเวลานั้นพอดีและได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง!”“หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ขอท่านอ๋องโปรดรอสักครู่ กระหม่อมจะรีบให้คนไปเรียกเสี่ยวหลานมาพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากที่เซี่ยเหอพูดจบ เขาก็ตะโกนไปที่ประตู “ใครก็ได้ ไปเรียกคุณหนูมาทีซิ บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะถาม”“ขอรับ!”ตำแหน่งบนหลังคา ณ ขณะนี้ เซี่ยหลานถามเสีย
“ท่านปู่ทราบได้อย่างไรเจ้าคะ?” เซี่ยหลานถามอีกครั้งด้วยความประหลาดใจเซี่ยเหอพูดด้วยสีหน้าแปลก ๆ “ตอนนี้ข้ากำลังถามเจ้าอยู่ บอกข้ามาว่าเจ้าไปทำอะไรที่ตำหนักบูรพา”“ข้าไปชูโม่เจ้าค่ะ นางเป็นอาจารย์ขององค์รัชทายาท ข้าก็ต้องไปหานางที่ตำหนักบูรพาน่ะสิเจ้าคะ”“เช่นนั้นวันนี้องค์รัชทายาทได้พบกับเจ้าสำนักอาทิตย์อัสดงหรือไม่?”เซี่ยหลานทำท่าครุ่นคิดแล้วตอบว่า “วันนี้องค์รัชทายาทพบกับชายลึกลับในชุดดำเจ้าค่ะ แต่ข้ามิแน่ใจว่าใช่เจ้าสำนักอาทิตย์อัสดงหรือไม่”ฉินเหยี่ยนรีบหยิบรูปเหมือนออกมาจากแขนเสื้อและถามว่า “เซี่ยหลาน นี่คือคนที่องค์รัชทายาทได้พบในวันนี้หรือไม่?”เซี่ยหลานเหลือบมองภาพนั้นแล้วพยักหน้าช้า ๆ “ใช่เขาเพคะ!”ฉินเหยี่ยนตบฉาดเข้าที่ต้นขาอย่างตื่นเต้นและพูดด้วยความดีใจว่า “ดีมาก คนผู้นี้คือเจ้าสำนักอาทิตย์อัสดง โอวหยางขุย! คราวนี้ฉินซูจบเห่แล้ว เซี่ยหลาน เจ้ายินดีหรือไม่ที่จะมาเป็นพยานชี้ตัวองค์รัชทายาทว่าเขาได้ทำการติดต่อกับคนจากยุทธภพ?”“เอ่อคือ…”เซี่ยหลานหันไปถามเซี่ยเหอผ่านสายตาเขาพูดเสียงทุ้ม “เสี่ยวหลาน หากเจ้าเห็นด้วยตาของตัวเองจริง ๆ ก็ไปเป็นพยานเสีย ส่วนเรื่องอื่นเจ้
การกระทำที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของนาง ทำให้สาวใช้ที่อยู่ใกล้ ๆ ถึงกับตกใจจนลนลาน สองสาวใช้หน้าถอดสี รีบทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น มิกล้าหายใจแม้แต่น้อยภายในห้อง ฉินซูและหลินชิงเหยาก็ถูกทำให้ตกใจเช่นกัน โดยเฉพาะหลินชิงเหยา ที่ถึงกับใบหน้าซีดเผือด รีบซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มทันทีเมื่อถูกรบกวนจนเสียอารมณ์ ฉินซูโกรธจัด ตะโกนด่าผู้ที่อยู่ด้านนอกว่า "ใครมันบังอาจขนาดนี้ กล้ามาเตะประตูห้องบรรทมขององค์รัชทายาท อยากตายนักหรืออย่างไร!"เสียงเย็นชาของฉงชูโม่ตอบกลับอย่างเฉยเมย "หึ หากท่านมิออกมา องค์รัชทายาทตำแหน่งนี้ของท่าน คงจะถูกปลดในวันพรุ่งแล้ว!"เมื่อได้ยินเสียงของฉงชูโม่ ฉินซูก็ขมวดคิ้วครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบสวมอาภรณ์และปลอบใจหลินชิงเหยาเล็กน้อย แล้วเดินออกไปฉงชูโม่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะแสดงท่าทางรังเกียจแล้วเบือนหน้าหนีไปฉินซูเลิกคิ้วถาม "ฉงชูโม่ เจ้ากล้ามาเตะประตูห้องข้า เรื่องนี้เดี๋ยวข้าจะสะสางกับเจ้าทีหลัง แต่บอกข้ามาก่อนว่า คำพูดเมื่อครู่ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?"ฉงชูโม่แค่นเสียงเย็น "ไม่มีความหมายอะไร หม่อมฉันมิอยากขัดจังหวะเรื่องสำคัญของท่าน หม่อมฉันขอทูลลา"พูดจบ นางก็ห