Share

บทที่ 8

Author: จิ่วโม่ยาง
last update Last Updated: 2025-01-14 13:57:49
นักปราชญ์แห่งราชวงศ์ก่อน จะเกี่ยวข้องกับ ซื่อจื่อในราชวงศ์ปัจจุบันได้อย่างไร?

เรื่องนี้มันช่างแปลกประหลาด!

ต้องรู้ไว้ก่อนว่า ที่หอเก๋อหมั่นนั้น จะมีการแข่งขันบทกวีทุกวัน!

มันก็เหมือนกับข้อสอบคณิตศาสตร์ในวันที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย!

อาจจะมีบางปี ความยากของข้อสอบนั้นเกินหลักสูตร ผู้เข้าสอบก็จะทำไม่ได้

เมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าของร้านได้ออกข้อสอบบทกวีเกี่ยวกับภูเขา!

ผลปรากฏว่า บทกวีของหลายๆ คนไม่ได้รับการคัดเลือก

ดังนั้น รางวัลหนึ่งร้อยตำลึง จึงเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งพันตำลึง!

เรื่องเช่นนี้ หลายปีถึงจะเจอสักครั้ง!

เกาซีฉาง ในฐานะลูกค้าประจำ แน่นอนว่าต้องอยากได้ทองคำหนึ่งพันตำลึงนี้

แต่ด้วยความที่เขาถือตัว กลัวว่าถ้าไม่ได้รับการคัดเลือก จะเสียหน้า

จึงใช้ความคิดอย่างหนัก คิดอยู่หลายวัน แต่งบทกวีเสร็จ ก็ให้กงกงนำไปเข้าร่วมการแข่งขัน!

ผลปรากฏว่า กงกงที่เพิ่งมาถึงหอเก๋อหมั่น ยังไม่ทันได้ส่งผลงาน ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งชื่อเยียนถง ก็ได้รับชัยชนะไปแล้ว!

มันช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายที่สุด!

วันนั้น ฉินสุ่ยก็บังเอิญมาซื้อบทกวีพอดี แต่กั๋วซางยังไม่มา

ไม่รู้ว่าฉินสุ่ยกับกงกงตกลงกันอย่างไร ฝ่ายแรกจึงได้ใช้เงินสามร้อยตำลึงซื้อบทกวีของเกาซีฉางไป

และกงกงของนักวิจารณ์ จะเป็นคนดีไปได้อย่างไร?

กงกงคนนั้น ก็เก็บเงินจากการที่ขายบทกวีไว้ แล้วกลับไปบอก เกาซีฉางว่าบทกวีนั้นไม่ได้รับการคัดเลือก

กงกงรู้ว่า ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกเปิดโปง จึงได้หาข้ออ้างลาออก เพราะได้เงินมาแล้ว และเขาก็หนีไปต่างแคว้นในคืนนั้น!

ส่วนฉินสุ่ยที่ได้บทกวีของเกาซีฉางมา ก็ย่อมต้องอวดอ้าง

เขาก็จะอวดอ้างกับทุกคนที่ได้เจอ

ในวันหนึ่ง โดยบังเอิญ เขาก็ได้ไปอวดอ้างกวีนี้ต่อหน้าเจ้าของบทกวี!

บรรยากาศในตอนนั้น มันช่างอึดอัดสุดๆ!

เกาซีฉาง เมื่อได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่านี่เป็นบทกวีที่ตนแต่งเอง!

แต่มันกลายไปเป็นของเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน?

ช่างดีเหลือเกิน เจ้าหัวขโมยบทกวี!

ตั้งแต่นั้นมา เกาซีฉางก็ด่าฉินสุ่ยทุกครั้งที่พบหน้า!

เขาเป็นนักปราชญ์ ถึงแม้ว่าฉินสุ่ยจะเป็นซื่อจื่อที่มียศถาบรรดาศักดิ์ เขาก็หาเป็นคนที่เกรงกลัวใครไม่ สมัยราชวงศ์ก่อนเขายังด่าจนล่มสลาย จึงไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร

ดังนั้น ฉินสุ่ยจึงกลัวเกาซีฉางมากในตอนนี้!

“ทุกท่านโปรดระวังตัวด้วย!”

เกาซีฉางเข้าใจผิดคิดว่าคนที่ด่าเขาเมื่อกี้คือฉินสุ่ย จึงเริ่มด่า

“คนผู้นี้ชื่อฉินสุ่ย ถึงแม้จะเป็นซื่อจื่อ แต่ก็ทำตัวต่ำช้า! ชอบขโมยบทกวี!”

“ข้าได้รับความเดือดร้อนจากเขา!”

เกาซีฉางลูบเครา มองฉินสุ่ยด้วยสีหน้าเยาะเย้ย : “หรือว่าซื่อจื่อจะมาขโมยบทกวีอีกแล้วหรือ?”

เมื่อพูดจบ!

ฉินสุ่ยก็โกรธมาก

ตาแก่บ้า ด่าคนไม่ดูตาม้าตาเรือ ด่าคนไม่ดูให้ถูกกาละเทศะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เจ้ายังจะมาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของข้าอีกหรือ?

เป็นใครๆ ก็ต้องรักษาหน้า!

เรื่องนี้ห้ามรับเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น ซื่อจื่ออย่างเขาจะทำตัวอย่างไรต่อไป?

“เจ้าไปตายซะ!”

ฉินสุ่ยเหยียบเก้าอี้ ชี้ไปที่หัวเกาซีฉาง แล้วด่าอย่างรุนแรง: “ตาเฒ่าชั่ว!”

“ข้า ซื่อจื่อ เห็นว่าเจ้าเป็นนักปราชญ์แห่งราชวงศ์ก่อน จึงให้เกียรติเจ้า แต่เจ้ากลับเอาข้าไปนินทา นี่ถือว่าไม่ให้เกียรติข้าอย่างร้ายแรง!”

“ในเมืองหลวง ใครๆ ก็รู้ว่าข้ามีความสามารถ ในเมื่อเจ้าแต่งบทกวีได้ แล้วไยข้าจะแต่งไม่ได้เล่า?”

เมื่อเกาซีฉางได้ยินดังนั้น ก็โกรธจนทุบโต๊ะอีกครั้ง

“ได้ เจ้าคิดจะข่มขู่ข้าหรือ? ข้าอยู่มานานหลายปี เคยเห็นคนมาแล้วมากมาย!”

“ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ก่อน ยังต้องให้เกียรติข้าเลยนะ!”

“ยิ่งคนเลวขโมยบทกวีนี่ด้วยแล้ว!”

ทันใดนั้น คนในห้องก็ต่างมารวมตัวกันเพื่อดูการโต้เถียงนี้

คนสมัยก่อน ไม่มีกิจกรรมบันเทิงอะไรมากมาย การทะเลาะวิวาท การด่าทอ จึงเป็นเรื่องสนุก!

แม้แต่ฉินฮ่าว ก็ทำหน้าเหมือนกำลังดูอยู่ ยังปรบมือเชียร์ และส่งเสียงเชียร์เกาซีฉางอย่างต่อเนื่อง

พฤติกรรมของฉินฮ่าว ทำให้ฉินสุ่ยรู้สึกงุนงง เขาจึงหันไปมองฉินฮ่าว แล้วกระซิบว่า

“องค์รัชทายาท เจ้าอยู่ฝ่ายไหนกันแน่!”

ฉินฮ่าวกำลังจะพูดว่า ตนเองอยู่ฝ่ายความจริง แต่เกาซีฉางก็หันมามองฉินฮ่าวแล้วด่า

“ฮึ่ม! เจ้าอยู่กับคนเลว จะเป็นคนดีได้อย่างไร!”

“เจ้ามันเป็นพวกเดียวกัน! เจ้ามันเป็นพวกเดียวกัน!”

อะไรนะ?

ฉินฮ่าวสะดุ้งตกใจ!

นี่ข้าไปยุ่งอะไรกับเจ้าด้วยล่ะ?

แต่คิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในโลกหรือไง? ใครๆ ก็ด่าเป็นเว้ย!

“ใช่! ตาเฒ่าบ้า เจ้าพูดถูก!”

“แต่หากจะพูด ก็พูดให้มากกว่านี้หน่อยสิ ข้าว่าเจ้าคงอยู่ได้ไม่นานแล้ว พูดมากเข้าไว้ ก็ถือว่าได้กำไรหน่อย”

ฉินฮ่าวก์ก็เข้าร่วมการโต้เถียง หันไปพูดกับเกาซีฉางด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

เกาซีฉางตอบโต้ทันที “เจ้าเด็กน้อย ขนเจ้าคงยังไม่ขึ้นหรอกมั๊ง ยังกล้ามาพูดจาไม่ให้เกียรติข้าอย่างนี้หรือ!”

“บอกมาว่า บ้านเจ้าอยู่ที่ใด! ข้าจะไปที่บ้านของเจ้า เพื่อให้ครอบครัวเจ้าสอนมารยาทให้เจ้าเสียหน่อย!”

สมัยก่อนกับสมัยนี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

หลายคนเอาเด็กไม่ลง ก็ขู่ว่าจะไปหาผู้ปกครอง

ฉินฮ่าวเกาจมูก ทำหน้าไม่ใส่ใจ

“เจ้าจะอยากรู้ไปไยว่าบ้านข้าอยู่ที่ใด มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า?”

“แล้วก็ ขนข้าจะขึ้นหรือไม่ขึ้น กลับไปถามแม่เจ้าดูสิ!”

เกาซีฉางเจอคู่ต่อกรเข้าแล้ว เขาโกรธจนตัวสั่น

“เจ้าเด็กบ้า! ดูพฤติกรรมเจ้าแล้ว เจ้าไม่ได้มาจากตระกูลที่ดีเท่าไหร่ ข้า ตาเฒ่าไม่อยากเอาเรื่องกับเจ้าแล้ว

เมื่อเกาซีฉางรู้ว่าตัวเองเถียงสู้ไม่ได้ จึงปล่อยวาง และหยุดพูดไป

แต่ใครจะทราบ ฉินสุ่ยที่กำลังดูอยู่ กลับหัวเราะออกมาเสียงดัง

“นี่คือ น้องชายของข้า ตั้งแต่เด็กก็เรียนรู้หนังสือ ดนตรี ศิลปะ การแต่งบทกวี ไม่มีอะไรที่เขาไม่สามารถ!”

“เพราะเจ้าตาเฒ่าบ้าพูดจาไม่ให้เกียรติ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนเจ้าเสียหน่อย!”

“อย่าคิดว่าแค่แต่งบทกวีได้ ก็จะทำตัวเย่อหยิ่งได้หรอกนะ!”

พอพูดจบ เกาซีฉางก็เหมือนถูกกระตุ้น กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง!

นอกจากการวิจารณ์ สิ่งที่เขาถนัดที่สุดนั่นก็คือการแต่งบทกวี

ถ้าเขาไม่มีความสามารถ ในเมืองหลวงที่เฟื่องฟูด้วยกระแสวรรณกรรม การที่เขาวิจารณ์คนเช่นนี้ ก็คงถูกจัดการไปนานแล้ว

ผู้มีอำนาจก็ไม่ต้องการจัดการกับเหล่านักปราชญ์!

ดังนั้น เกาซีฉางจึงยิ้มเล็กน้อย

“ดีมาก! ถ้าอย่างนั้น เรามาแข่งแต่งบทกวีกันเถอะ! เอาหัวข้อดอกเหมย!”

“ถ้าเจ้าสองคนแต่งบทกวีได้ดีกว่าข้า ต่อไป ข้าจะเคารพเจ้าทั้งสองดั่งเป็นลูกศิษย์!”

อย่างที่เขาว่าไว้ คนประเภทเดียวกัน มักจะอยู่ด้วยกัน!

เกาซีฉางคิดว่า ฉินสุ่ยเป็นแค่เจ้าหัวขโมยบทกวี คนข้างๆ เขานั้นก็คงไม่มีความสามารถอะไร

ยิ่งเป็นวัยดรุณที่ยังไม่โตเต็มที่ จะเก่งกว่าเขาไปได้อย่างไร?

ดังนั้น เขาจึงมั่นใจนัก

ความจริงก็เป็นอย่างที่เขาคิด ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าของฉินสุ่ยก็เปลี่ยนไป

“ข้า ข้ามีธุระ จึงอยากขอตัวก่อน……”

ฉินสุ่ยยังพูดไม่จบ ฉินฮ่าวที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มอ่านบทกวี

“ยืนนิ่งที่สุดขอบฟ้า โน้มไปสู่ความงามของสรรพสิ่ง บ๊วยหนาวช่างน่าแค้นใจ มักเป็นดอกไม้ของปีที่ผ่านมา”

ทั่วทั้งหอเก๋อหมั่น!

เงียบกริบในทันที!

ทุกคน รวมทั้งเกาซีฉาง ต่างก็มองฉินฮ่าวด้วยความตื่นตะลึง

แม้แต่ฉินสุ่ยที่กำลังจะออกจากประตู ก็รีบวิ่งกลับมา!

“เป็นบทกวีที่ดี!”

มีคนผู้หนึ่งทำลายความเงียบ แล้วหลายๆ คนก็พูดตาม

เจ้าของร้านหอเก๋อหมั่นตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ผู้ชนะ! สมควรได้รับรางวัล!”

เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เกาซีฉางรู้สึกเหมือนกินอุจจาระเข้าไป!

ครั้งนี้คงจบกันแล้ว! ชื่อเสียงของข้า คงถึงคราพังพินาศ การที่ต้องไปเคารพเด็กหนุ่ม มันช่าวน่าอับอายเหลือเกิน!

ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด!

เมื่อเกาซีฉางนึกขึ้นได้ จึงชี้ไปที่ฉินฮ่าว ตะโกนเสียงดังว่า: “นี่เป็นบทกวีที่เจ้าขโมยมา!”

“ไม่ใช่บทกวีที่เจ้าแต่ง!”

ได้ยินดังนั้น ฉินฮ่าวยิ้ม เขาพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า: “อืม ใช่ ถูกต้องแล้ว! นี่เป็นบทกวีที่ข้าขโมยมา!”

เกาซีฉางถึงกับตะลึง เขาไม่คิดว่าฉินฮ่าวจะยอมรับ

ทันใดนั้น คนในหอก็เริ่มตำหนิฉินฮ่าว เขาไร้ยางอายพูดจาที่ไม่ดีต่างๆ!

แต่ต่อมา ฉินฮ่าวก็บอกว่า: “ใครว่าข้าขโมยมาแค่บทเดียว? ฟังให้ดีนะ!”

“หลังหิมะที่สระหยก กิ่งแรกในโลกมนุษย์ กลิ่นหอมลอยบอกถึงฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ขลุ่ยหยกบรรเลง”

“บ๊วยบานจนดอกขาวผลิ ผู้คนผ่านไปแต่เธอไม่มา ไม่ทันได้ต้มเหล้าบ๊วยเขียว รอชมฝนพรำทำบ๊วยเหลืองสุก”

“บ๊วยไม่กี่กิ่งที่มุมกำแพง ฝ่าความหนาวเหน่บบานเดียวดาย รู้แต่ไกลว่าไม่ใช่หิมะ เพราะมีกลิ่นหอมแผ่วมา”

“........”

ฉินฮ่าวอ่านบทกวี หลายบทที่มีสไตล์แตกต่างกัน

จากนั้น แขกเต็มหอเก๋อหมั่น ทุกอย่างก็เกิดความคึกคักขึ้น!

Related chapters

  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 9

    บทกวี 1 บท อาจจะบอกได้ว่าเป็นขโมยมา!แต่หาก 10 บทล่ะ?นั่นต้องมีความสามารถจริงๆ!ยิ่งไปกว่านั้น บทกวีที่ฉินฮ่าวเอ่ยออกมา ล้วนแต่เป็นบทกวีชั้นเลิศ!คนแบบนี้ จะไปขโมยบทกวีได้อย่างไร?นักปราชญ์สมัยก่อน มักจะถือตัว!ถึงแม้ที่นี่จะเป็นตลาดมืด แต่คนส่วนใหญ่ ก็จะเก็บรักษาผลงานชั้นเยี่ยมไว้กับตัวเอง!ใครๆ ก็อยากมีชื่อเสียง!ตอนนี้ผู้คนในหอต่างก็เข้ามาหาฉินฮ่าว บางคนยังเอาสมุดและปากกาออกมา ขอให้ฉินฮ่าวเซ็นชื่อ!บรรยากาศนั้น เหมือนกับการที่แฟนคลับได้พบปะไอดอลสมัยใหม่!ทุกคนต่างก็ตะโกนว่า กวีผู้ยิ่งใหญ่มาแล้วส่วนเกาซีฉาง เขากำลังโมโหจนกระอักเลือด เพราะได้รับการช่วยเหลือจากคนใช้ จึงหนีไปอย่างอับอาย!เพราะว่า ถ้าอยู่ต่อ ก็คงไม่อาจสู้หน้าใครได้อีกแล้ว!ต่อไปนี้ ก็อย่าได้อวดดีออกมาอีก ขอให้โชคดี อย่าได้เจอกับฉินฮ่าวอีกเลย“ใจเย็นๆ!”“เข้ามาทีละคนๆ!”ฉินฮ่าวยังไม่เคยเห็นสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เขารู้สึกสนุกสนาน ถ้ามีคนขอให้เซ็นชื่อ เขาก็จะเซ็นให้ทุกคนที่น่าสนใจกว่านั้น เขาไม่ได้ใช้ชื่อจริง แต่ใช้ชื่อเล่นว่า ไท่ไป๋จื้อซื่อ!เมื่อผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไป ฉินฮ่าวก็มารับเงินรางวัลจากการ

    Last Updated : 2025-01-14
  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 10

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลายวันก็ล่วงเลยไปแล้ว!ในช่วงเวลานี้ ฉินฮ่าวอยู่ในตำหนักบูรพาอย่างสงบเสงี่ยมระหว่างนี้ ซื่อจื่อแห่งแคว้นกังฉินสุ่ยก็มาเยือนหลายครั้ง โดยมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือขอซื้อบทกวี!สำหรับฉินฮ่าวแล้ว นี่เหมือนกับมีคนนำเงินมามอบให้ฟรีๆ!โดยไม่รู้ตัว เขาได้สะสมทองคำในคลังส่วนตัวของเขาถึงสองหมื่นตำลึงหลังจากวันที่กลับจากตลาดมืด เขาก็ได้รับข่าวจากพระราชวังฮ่องเต้แห่งต้าเฉียนมีรับสั่งให้เขาควบคุมกองทัพทั้งหก!บัดนี้ ตำหนักบูรพาได้เปลี่ยนโฉมใหม่แล้วความสัมพันธ์ระหว่างจางอู๋เกอ ผู้บัญชาการองครักษ์กับฉินฮ่าวก็สนิทสนมราวกับพี่น้องสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะฉินฮ่าวใจกว้างและเอื้อเฟื้อ!ที่จริงแล้ว ฉินฮ่าวรู้ดีว่าองครักษ์เหล่านี้จะกลายเป็นผู้ติดตามที่ไว้ใจได้ของเขาในอนาคต!ยามคับขัน พวกเขาอาจถึงกับยอมพลีชีพเพื่อเขาได้!พูดตามตรง!แรกเริ่มเมื่อจางอู๋เกอรู้ว่าต้องมาประจำการที่ตำหนักบูรพา เขารู้สึกหงุดหงิดยิ่งนักใครเล่าจะไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทเป็นคนไร้ค่าที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย?การติดตามพระองค์เช่นนี้ จะไม่ต้องอดอยากทุกสามมื้อเก้ามื้อหรอกหรือ?ยิ่งไปกว

    Last Updated : 2025-01-14
  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 11

    ภายในพระราชวัง บรรยากาศเคร่งขรึม อึมครึมขุนนางทั้งฝ่ายพลและฝ่ายทหาร ยืนเรียงแถวเป็นสองแถวอย่างเป็นระเบียบ พวกเขากำลังกระซิบกระซาบกัน ซื่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามที่ลุ่มแม่น้ำฉางเหอฮ่องเต้แห่งฉินเฉียน สวมชุดกษัตริย์ที่งดงาม ประทับอยู่บนบัลลังก์ ด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมและสง่างามขณะนี้ พระองค์ทรงเต็มเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี!เมื่อครู่ ทหารจากแนวหน้าได้ชัยชนะกลับมา พวกเขากลับมาอย่างยิ่งใหญ่ท่านแม่ทัพฮั่วอวี่ แสดงความสามารถอันยอดเยี่ยมในการรบครั้งนี้ไม่เพียงแต่สามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้ แต่ยังสามารถกำจัดทหารของแคว้นฉีได้หลายหมื่นนายได้ เสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กองทัพแคว้นต้าเฉียนอย่างมาก!อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนยินดีก็ย่อมมีคนที่เสียใจ!อํามาตย์หยูและองค์ชายจิ่นต่างก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างยิ่ง!สิ่งที่อํามาตย์หยูกังวลใจมานานก็เกิดขึ้นในที่สุดที่น่าเศร้ากว่านั้นคือองค์ชายจิ่น ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้พักฟื้นอยู่ ร่างกายก็เริ่มดีขึ้นแล้วกำลังจะหาโอกาสแก้แค้นองค์รัชทายาท แต่กลับได้รับพระราชโองการให้เข้าวังอย่างกะทันหันเมื่อมาถึงพระราชวัง เขาก็ได้ทราบว่าองค์รัช

    Last Updated : 2025-01-14
  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 12

    “ทุกคนเงียบให้หมด!”ฉินเฉียนมองไปยังท้องพระโรงที่วุ่นวายดังตลาดสด โทสะในใจพลุ่งพล่านขึ้นมาทันทีเขาตบที่พนักพิงของพระราชบัลลังก์อย่างแรง แล้วตะโกนด้วยความโกรธในทันใดนั้น ในราชสำนักก็เงียบสนิทสายตาอันทรงอำนาจของฉินเฉียนจับจ้องไปที่ฮั่วอวี่ แล้วตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ฮั่วอวี่ บรรดาศักดิ์ที่ข้าประทานให้เจ้านับว่าเป็นการแสดงความจริงใจ มิใช่สิ่งที่จะถอนคืนได้โดยง่าย เจ้าย่อมสมควรได้รับมัน!”ฮั่วอวี่รู้สึกซาบซึ้งในพระวาจาของฮ่องเต้ จึงมิกล้าพูดอะไรอีก รีบก้มลงกราบขอบพระทัยจากนั้น ฉินเฉียนก็หันไปมององค์ชายจิ่น ดวงตาคมกริบ แม้กระทั่งมีโทสะ แล้วตำหนิ“องค์ชายจิ่น บัดนี้เจ้ายิ่งกล้าหาญมากขึ้นทุกวัน กล้าใส่ร้ายรังแกองค์รัชทายาท!”“เจ้ามีหลักฐานหรือไม่ ที่จะพิสูจน์ว่า แผนการเอาชนะศัตรูมาจากคนอื่น?”“หรือเจ้าคิดว่าข้าตามใจเจ้ามากเกินไป จึงเริ่มละเมิดกฎหมาย? หรือเจ้าคิดจะวางแผนลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท แล้วก่อกบฏ?”องค์ชายจิ่นถูกฉินเฉียนตำหนิจนหน้าซีด คุกเข่าลงกับพื้น ตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้เขาไม่เคยเห็นฉินเฉียนโกรธขนาดนี้มาก่อนยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่คิดว่าการกระทำของตนเอง

    Last Updated : 2025-01-14
  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 13

    เมื่อออกจากพระราชวังแล้วใจของฉินฮ่าวใจเหมือนกองหญ้ารก รีบไปยังตำหนักบูรพาหวานเอ๋อร์กำลังรอเขาอยู่ที่บ้าน!เมื่อนึกถึงใบหน้าที่สวยงามของหวานเอ๋อร์ ใจของฉินฮ่าวก็ถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะครั้งนี้!ไม่ว่าจะมีใครมาขัดขวาง เขาก็ทำเรื่องสำคัญนี้ได้!เมื่อมองไปที่ตำหนักบูรพา ภาพที่คุ้นเคยค่อยๆ ปรากฏขึ้นแต่ใครจะไปรู้ ในจังหวะนี้ อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน!ไม่รู้ว่าออกมาจากมุมไหนแต่พวกนี้ล้วนมีทักษะ และคล่องแคล่วทั้งนั้นข้ามาล้อมเขาไว้ทันทีเกิดอะไรขึ้น?นี่เป็นการแก้แค้นขององค์ชายจิ่นหรือไม่?โอ้แม่เจ้ามันเป็นความผิดของข้าเองที่ประมาท!หากรู้เช่นนี้ ก็คงจะให้จางอู๋เกอตามมาด้วย!“พวกเจ้าเป็นใคร! รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”ถึงแม้ใจของฉินฮ่าวจะหวั่นไหว แต่เขาก็ยังคงทำเป็นสงบอยู่!เขาพยายามที่จะยื้อเวลา ถ้าเกิดเสียงดังขึ้นที่นี่ จางอู๋เกอก็อาจจะได้รับข่าวและมาช่วยเขาได้ทันแต่สิ่งที่ฉินฮ่าวไม่คาดคิดนั่นก็คือ ทันทีที่เขาพูดจบ หนึ่งในกลุ่มคนที่ล้อมเขาอยู่ ก็โปรยผงสีขาวใส่เขาโดยไม่พูดอะไร!ทันทีที่สูดดมเข้าไป เขารู้สึกมึนงงตายจริง!มันคือยาสลบ!ครั้งนี้ต้องแพ้แล้ว ฉันจ

    Last Updated : 2025-01-14
  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 14

    ปวดหัวแทบระเบิดขณะนี้ ความรู้สึกของฉินฮ่าวมันรุนแรงมากที่สุดราวกับกำลังตกลงไปในเหวลึก ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ และเหมือนกับตกลงไปอย่างต่อเนื่องความรู้สึกไร้น้ำหนักที่รุนแรงทำให้เขาหายใจไม่ออกอย่างไรก็ตาม ในขอบเขตแห่งความสิ้นหวัง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเหวลึกที่มืดมิดกลับปรากฏแสงสว่างขึ้นมาฉินฮ่าวจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากสิ่งที่เห็นคือหญิงสาวชุดสีเขียวนางมีใบหน้ารูปไข่ที่สวยงาม รูปลักษณ์ที่สวยงาม ราวกับภาพวาดที่วาดอย่างประณีตผมยาวราวกับน้ำตก ไหลลื่นลงบนไหล่ของนางและหน้าอกอวบอิ่ม ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ ทำให้คนหลงใหลเกิดอะไรขึ้น?นี่คือที่ไหน?ฉินฮ่าวพยายามกรอกสายตาสำรวจไปรอบๆอีกครั้งเขาพบว่านี่คือห้องลับ ห้องลับอันมืดมิด และมีบรรยากาศที่แสนอึดอัดและในห้อง มีเพียงเขาและหญิงสาวชุดสีเขียวลึกลับเท่านั้นนี่ไม่ใช่การแก้แค้นขององค์ชายจิ่นอย่างนั้นหรือ?นอกเสียจากองค์ชายจิ่น เขาก็ไม่มีศัตรูอื่นในแคว้นเฉียนอีกแล้วนะ“ท่านคือไท่ไป๋จื้อซื่อหรือไม่?”หญิงสาวชุดสีเขียวเห็นฉินฮ่าวฟื้นขึ้นมา นางนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงที่สงบในขณะนั้น ดูเ

    Last Updated : 2025-01-14
  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 15

    เยียนชิงเนียวไม่เคยคิดฝันเลยว่า ในฐานะนักล่า นางกลับกลายเป็นเหยื่อที่ถูกควบคุมได้ในพริบตา!ฉินฮ่าวกล้าได้อย่างไร! ใครให้ความกล้าเช่นนี้แก่เขา?เป็นเพียงแค่สามัญชนต่ำต้อยคนหนึ่ง กล้าดียังไงมาลงมือกับองค์หญิงอย่างนาง!ฉินฮ่าวบ้าไปแล้วหรือ?น่าเสียดาย ที่ฉินฮ่าวไม่ยอมบอกความจริงกับนางที่จริงแล้ว ฉินฮ่าวไม่ใช่สามัญชนต่ำต้อย แต่กลับเป็นองค์รัชทายาทตัวจริงของต้าเฉียน!แรกเริ่มที่ขี้ผึ้งหยดลงบนตัว เยียนชิงเนียวรู้สึกเจ็บปวด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บปวดค่อยๆ ลดลงแล้วสิ่งที่ตามมาก็คือความรู้สึกโล่งสบาย!ความรู้สึกนี้ช่างแสนวิเศษ!ตามหลักแล้ว องค์หญิงอย่างนางถูกเยาะเย้ยดูหมิ่นเช่นนี้ น่าจะทนไม่ได้แต่นางเป็นคนนอกกรอบและท้าทายจารีตประเพณีมาตั้งแต่เด็ก ไม่เช่นนั้นคงไม่คิดอยากเป็นจักรพรรดินีความรู้สึกเจ็บปวดที่แสนสุขนี้ กระตุ้นความปรารถนาในจิตใจลึกๆ ของนาง!“อื้อ…อ้า!”ถึงแม้ปากจะถูกปิดอยู่ แต่นางก็อดรนทนไม่ได้ที่จะร้องออกมาดวงตาและคิ้วของนางแสดงออกถึงความน่าสงสาร“เจ้าอยากพูดอะไร?”เยียนชิงเนียวพยายามร้องครางในลำคอ“บอกแล้วอย่าส่งเสียงดัง ไม่เช่นนั้น ก่อนที่ข้าจะตาย ข้าจะลาก

    Last Updated : 2025-01-14
  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 16

    นางบรรจงสวมชุดอย่างเบามือ แล้วเดินไปหาฉินฮ่าว คุกเข่าลงข้างๆ เขาอย่างอ่อนน้อม ราวกับเป็นนางกำนัล แล้วเอ่ยปากว่า“ท่านจะไม่ลองพิจารณาไปเยืยนแคว้นเยียนของข้าดูหรือเจ้าคะ?”ฉินฮ่าวหัวเราะในลำคอ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ด้วยแววตาเยาะเย้ย“ไปทำไม? จะให้ข้าไปเป็นที่ปรึกษาตัวเล็กๆ ของเจ้างั้นหรือ?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยียนชิงเนียวส่ายหัวไปมาอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออกหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เยียนชิงเนียวก็หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยความกล้าหาญว่า: “ไม่ ข้าจะขอให้เสด็จพ่อทรงอนุญาตให้ท่านเป็นสวามีของข้า เพื่อให้เราสามารถทำการใหญ่ร่วมกัน!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้รับความนิยมเช่นนี้อย่างไรก็ตาม ฉินฮ่าวไม่ได้ใส่ใจกับข้อเสนอของเยียนชิงเนียวเลย“เจ้าคิดหวังไว้สูงจริงๆ!”“ข้ามีธุระต้องไปก่อน ไว้คราวหน้าค่อยมาจัดการเจ้าใหม่”“เพค่ะ ท่าน!”แววตาของเยียนชิงเนียวแสดงถึงความเสียดายฉินฮ่าวเห็นสีหน้าของเยียนชิงเนียว จู่ๆ ก็รู้สึกสนุกสนานเขายกย่องเท้า หันกลับไปมองเยียนชิงเนียว ใบหน้าเผยร

    Last Updated : 2025-01-14

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 40

    “อย่าคุกเข่า! ลุกขึ้น! ห้ามคุกเข่าอีก!”“คิดว่าข้าจะมาแก้แค้นเจ้าหรือ? ข้าตั้งใจจะช่วยเจิ้งกวงจริงๆ!”“อย่าพูดมาก! เอาเจิ้งกวงไปไว้ข้างนอก ข้าจะผ่าตัดให้!”ฉินฮ่าวพูดจบ ก็มองไปที่หลี่ซือถงหลี่ซือถงไม่ใช่คนโง่ คนที่เรียกตัวเองว่าข้า ก็คือองค์รัชทายาท!นางไม่เคยคิดเลยว่า ฉินฮ่าวที่ดูธรรมดาคนนี้ จะเป็นองค์รัชทายาทผู้ทรงเกียรติแต่ การผ่าตัดหมายความว่าอย่างไร?นางสงสัยมากแต่ต่อมา นางก็เข้าใจฉินฮ่าวให้เจิ้งเจี้ยนสามีภรรยาคู่นี้ ยกเจิ้งกวงไปวางบนแผ่นไม้ที่ทำความสะอาดไว้ในลานแล้วเขาก็หยิบเอาอุปกรณ์ที่ห่อหุ้มอย่างประณีตด้วยหนัง และขวดยาออกมาถูกต้องแล้ว!อุปกรณ์ผ่าตัดเป็นสิ่งที่ฉินฮ่าวได้พยายามอย่างมากในการจัดหาเมื่อไม่นานมานี้ เขาพกติดตัวอยู่เสมอ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และขวดนั้นก็บรรจุยาสมุนไพรรักษาแผลชั้นดีวันนี้ มันก็ได้ใช้งานเสียที“ไป ต้มน้ำร้อนมา!”ฉินฮ่าวสั่งหลี่ซือถงด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่นาน น้ำร้อนก็มาถึง ฉินฮ่าวก็นำน้ำร้อนมาล้างมือให้สะอาดจากนั้น เขาก็ใช้เหล้าฆ่าเชื้ออุปกรณ์ผ่าตัดอย่างระมัดระวังฉินฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าเคร่งเครียด เริ่มลงมือเขาค่อย

  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 39

    “เจิ้งกวง เจ้ากลัวเจ็บไหม?”เด็กชายบนเตียง ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพูด: “ข้าลืมความเจ็บปวดไปแล้ว!”“ดีมาก! ข้าจะรักษาขาให้เจ้า!”ฉินฮ่าวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง: “มีเจ็ดส่วนโอกาสที่เจ้าจะลุกขึ้นยืนได้อีก!”“แต่ ก็อาจจะตายได้ เจ้ากล้าไหม?”ไม่ว่ายังไง ในยุคสมัยนี้ การผ่าตัดมีความเสี่ยงสูงมาก!ดังนั้นเขาจึงต้องบอกเจิ้งกวงก่อน ถ้าเด็กชายกลัวตาย เขาก็จะไม่บังคับ!แต่ ก่อนที่เจิ้งกวงจะตอบ เจิ้งเจี้ยนก็คุกเข่าลงไปกับพื้นอย่างหนัก “ตุ๊บ!”“องค์รัชทายาท! โปรดเมตตาเจิ้งกวงด้วย!”เสียงของเจิ้งเจี้ยนสั่นเครือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินว่าฉินฮ่าวจะรักษาขาให้ลูกชาย เขาก็ตกใจจนแทบจะเป็นลมนี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!ถึงแม้ว่าช่วงนี้องค์รัชทายาทจะทำตัวไม่เหมือนคนไร้ประโยชน์แล้วก็ตามแต่ไม่เคยได้ยินเลยว่าพระองค์จะรักษาโรค!ถ้าเจิ้งกวงได้รับการรักษาจากองค์รัชทายาท ก็คงต้องตายแน่ๆ!“องค์รัชทายาท โปรดเมตตาเจิ้งกวงด้วย เจิ้งกวงเป็นลูกชายคนเดียวของข้า!”น้ำตาคลอเบ้า เจิ้งเจี้ยนพูด: “กระทรวงการคลังไม่มีเงิน เอาไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว”“จะฆ่าจะฟัน ก็ลงมือกับข้าเถอะ!”เจิ้งเจี้ยนคิดว่าอง

  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 38

    เมื่อเห็นฉินฮ่าวเดินเข้ามา ดวงตาที่มืดมนของเด็กชายก็จ้องมองฉินฮ่าวฉินฮ่าวเดินไปหาเด็กชาย พบว่าขาข้างขวาของเด็กชายบาดเจ็บ แผลเน่าเปื่อย เนื้อรอบๆ แผลดำคล้ำ มีหนองและเลือดไหลซึมออกมา“เจ้าชื่ออะไร?”ฉินฮ่าวพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเป็นธรรมชาติเด็กชายไม่รู้ว่าฉินฮ่าวเป็นใคร แต่เขาเป็นเด็กที่เข้าใจความรู้สึก เคยเรียนหนังสือมาบ้างดังนั้น เด็กชายจึงอดทนต่อความเจ็บปวด พูดด้วยน้ำเสียงที่ติดขัด“ข้าชื่อเจิ้งกวง กวงแห่งแสงสว่าง!”เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กชาย เห็นบ้านหลังเล็กๆ มืดๆ แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยใจของฉินฮ่าวสั่นสะเทือนราวกับถูกทุบตีอย่างแรง จนตัวแข็งทื่อ!แสงสว่าง!ในโลกนี้ ยังมีแสงสว่างอยู่หรือไม่?เจิ้งเจี้ยน ผู้ที่ทุ่มเททำงานรับใช้บ้านเมือง ควรจะเป็นผู้ที่เปล่งประกายด้วยแสงแห่งความหวัง!แต่ชะตาชีวิตของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น!เหตุผลที่ฉินฮ่าวมาที่นี่ ก็เพื่อจะดูว่าเจิ้งเจี้ยนเป็นคนอย่างไรความจริงปรากฏชัดเจน!“ขาของเจ้า เป็นยังไง?”หลังจากนั้นไม่นาน ฉินฮ่าวก็ตั้งสติได้ แล้วถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวแต่เมื่อฉินฮ่าวพูดจบ เจิ้งกวงก็เงียบไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้

  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 37

    เมืองหลวงแบ่งออกเป็น 2 เขต คือ เขตเมืองใต้ที่คึกคักและร่ำรวย และเขตเมืองเหนือที่ทรุดโทรมและยากจนเขตเมืองใต้เป็นที่อยู่ของขุนนางและชนชั้นสูงพวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านเรือนที่โอ่อ่าหรูหรา ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่ายยามค่ำคืน เรือสำราญ โรงโคม ไฟระยิบระยับ มีการแสดงดนตรีและการร่ายรำ ราวกับสวรรค์ในทางกลับกัน เขตเมืองเหนือเป็นที่อยู่ของคนยากจนตรอกซอยแคบๆ บ้านเรือนเก่าทรุดโทรม ท่อน้ำทิ้งเหม็นเน่าผู้คนในที่นี่อาศัยอยู่รวมกันอย่างแออัด เพื่อให้ความอบอุ่นแก่กันและกัน ดิ้นรนดำรงชีวิตอยู่ในมุมหนึ่งของเมืองหลวงความยากลำบากของชีวิตทำให้ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลาในขณะนี้ ในเขตเมืองใต้ ที่บ้านหลังหนึ่งที่ดูทรุดโทรมภรรยาของเจิ้งเจี้ยน หลี่ซือถง กำลังต้มยาอย่างยากลำบากอยู่ภายในบ้านหม้อต้มยาเก่าๆ ควันร้อนลอยขึ้นมาทำให้บ้านที่มืดอยู่แล้วดูมัวไปยิ่งขึ้นหลี่ซือถงเดิมทีมีรูปร่างอวบอั้ม ผิวพรรณขาวเนียน รูปร่างสง่างาม ท่วงท่าสง่าราศี เปี่ยมไปด้วยความอ่อนหวานและสง่างามแต่บัดนี้ นางดูราวกับดอกไม้เหี่ยวเฉา ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาไร้ประกาย ผมถูกมัดอย่างลวกๆ เสื้อผ้าก็เย็บปะ

  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บททื่ 36

    รองเสนาบดีหลิวจงหนิงพูดเสียงเยาะเย้ยประชดประชันว่า: “โอ้โฮ๋ รัฐมนตรีเจิ้ง แผนการของเจ้าน่ะ คงไม่สำเร็จหรอกมั้ง? ดูท่าทางของเจ้าสิ ทำตัวไม่มั่นใจขนาดนี้ จะคิดแผนการดีๆ ออกมาได้ยังไง?”สีหน้าของเจิ้งเจี้ยนเปลี่ยนไปทันที: “รองเสนาบดีหลิว ข้ายังพูดไม่จบเลย”แต่จู่ๆ จางต้าฝู หัวหน้าแผนกการงบประมาณก็พูดเยาะเย้ยขึ้นมาว่า: “เจิ้งเจี้ยน! อย่ามาทำเป็นคนสำคัญ อย่ามาอวดอำนาจกับพวกเรา! ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าเคยตัดสินใจอะไรที่ประสบความสำเร็จบ้าง? พูดหรือไม่พูด มันต่างกันตรงไหน?”มือของเจิ้งเจี้ยนสั่นเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ: “หัวหน้าแผนกการงบประมาณจาง เจ้าพูดใส่ร้ายข้าได้ยังไง ข้าเคย…”หลี่ซุ่นหยู หัวหน้าแผนกการคลังก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้าอีก: “เจิ้งเจี้ยน ดูตัวเองสิ เจ้าทำตัวขลาดเขลาแบบนี้ มันเหมือนหัวหน้าแผนกการคลังตรงไหน? ถึงหมาหน้าประตูยังดูมีสง่าราศีกว่าเจ้า!”คำพูดนี้ทำให้ทุกคนหัวเราะลั่น หน้าเจิ้งเจี้ยนแดงก่ำขึ้นมาทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความอับอายหวังฟู่กุย หัวหน้าแผนกเหรียญกษาปณ์มองเจิ้งเจี้ยนอย่างเยาะเย้ย: “พูดตามตรง เจิ้งเจี้ยน ถ้าเจ้าไม่มีความสามาร

  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 35

    ต้าเฉียน กระทรวงกลาง ศาลาราชการ!นี่คือที่ทำงานของอํามาตย์หยูขณะนี้หยูเฉิงและฉินหยู พร้อมพวกพ้องอีกหลายคน กำลังสนทนากันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะดังอยู่ตลอดเวลา“ฮ่าๆๆๆ องค์รัชทายาทองค์นั้นช่างโชคร้ายจริงๆ!”สืออัน เสนาบดีกระทรวงกลางเป็นผู้ออกปากก่อน ด้วยสีหน้าเยาะเย้ยถากถาง “ธัญญาหารที่ดีๆ กลับถูกเผาไหม้จนหมดสิ้น!”สืออันดำรงตำแหน่งระดับ 4 ช่วยหยูเฉิงทำงานในราชการซูโยวชิง เสนาบดีระดับ 3 ก็รีบเสริมว่า: “ใช่แล้ว! ได้ยินว่ามีชาวบ้านที่ประสบภัยเสียชีวิตด้วยซ้ำ! ไอ้คนไร้ความสามารถนั่นจะไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างไร? ถ้าจะพูดตามตรง งานอย่างนี้ มีแต่องค์ชายจิ่นอย่างท่านเท่านั้นที่จะทำสำเร็จได้!”ทั้งสองคนนี้เป็นพวกเดียวกับองค์ชายจิ่น เป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก! ย่อมไม่ลังเลที่จะใส่ร้ายฉินฮ่าว และยกยอฉินหยูแน่นอน พวกเขารู้ดีว่าไฟเมื่อคืนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!แต่ใครจะโง่ถึงกับพูดมันออกมาล่ะ!นี่คือวิถีของข้าราชการ คือการรู้เห็นแต่ไม่เปิดเผยได้ยินคำสรรเสริญเยินยอจากพวกสมุน องค์ชายจิ่นก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ทรงยกน้ำชาขึ้นจิบเบาๆ แล้วตรัสว่า“เป็นของข้า ไม่มีใครแย่งไปได้! ฉินฮ่าวไอ

  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 34

    อย่างไรก็ตาม คำพูดของฉินฮ่าวเพิ่งออกจากปาก สีหน้าขององค์ชายฉินสุ่ยก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที“ฉินฮ่าว เจ้าไม่รู้หรือว่ากระทรวงการคลังเป็นอย่างไรอยู่ในตอนนี้?”ฉินสุ่ยขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเร่งรีบ: “กระทรวงการคลังไม่มีเงินแล้ว! ดูจากความคิดของข้า เจ้าควรลาออกจากตำแหน่งนี้เสีย!”“พวกข้าพี่น้องรู้จักกันดี ทำไมต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเล่า!”ฉินสุ่ยถอนหายใจยาว ส่ายหัวด้วยความจนใจ“เออ! คำพูดเหล่านี้องค์ชายไม่ควรพูด แต่ก็เพราะเจ้าเป็นเพื่อนรักของข้า!”“ถึงแม้จะไม่ได้เป็นองค์รัชทายาท แต่พวกเราก็เป็นองค์ชายที่ร่ำรวย ใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ไม่ใช่หรือ?”ฉินสุ่ยพูดจาอย่างจริงใจเพื่อเกลี้ยกล่อม: “ฉินหยูนั้นไม่ใช่คนดี เจ้าสู้เขาและอํามาตย์หยูไม่ได้หรอก”คนที่ใช้สมองคิดนิดหน่อยก็สามารถเข้าใจได้ว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นฝีมือขององค์ชายจิ่นฉินสุ่ยจริงใจปฏิบัติต่อฉินฮ่าวเหมือนเพื่อนรัก จึงพูดออกมาจากใจจริงเช่นนี้เพราะว่าเขากับตัวตนเดิมมักจะเที่ยวเตร่สนุกสนานด้วยกันอยู่เสมอเขาอดที่จะเห็นฉินฮ่าวพ่ายแพ้ไม่ลง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีการสนับสนุนจากจวนแม่ทัพก็ตามได้ยินคำพูดของฉินสุ่ย ฉินฮ่าวก็ชะง

  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 33

    เมื่อหวานเอ๋อร์ซื้อของที่ฉินฮ่าวต้องการมาทั้งหมดแล้วฉินฮ่าวก็สั่งหวานเอ๋อร์ให้ไปรออยู่ที่ลานบ้านอย่างจริงจัง ห้ามเข้ามาเด็ดขาดเว้นแต่จะได้รับอนุญาตถึงแม้หวานเอ๋อร์จะสงสัยมาก แต่ก็ทำตามอย่างว่าง่ายฉินฮ่าวที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน หายใจเข้าลึกๆ และเริ่มผสมอย่างเด็ดเดี่ยวมือของเขาสั่นเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่หยิบวัสดุ เขาจะตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากราวกับฝนฉินฮ่าวรู้ดีว่าสิ่งที่เขากำลังทำนั้นอันตรายมากหากเกิดความผิดพลาด ผลที่ตามมาจะคาดไม่ถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวนเวียนอยู่ในหัวเขาเหมือนฝันร้าย กระตุ้นเขาอย่างมากหากไม่ใช่เพื่อให้ฉินหยูและหยูเฉิงได้รับผลกรรม เขาจะไม่เสี่ยงขนาดนี้ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เนื่องจากเงื่อนไขจำกัด การสร้างระเบิดด้วยมือเปล่า เสี่ยงต่อชีวิตมาก!ในระหว่างการสร้าง ความเสี่ยงและความไม่แน่นอน อาจทำให้เขาตายได้!ฉินฮ่าวตั้งใจทดลองสัดส่วน ตาไม่กระพริบเวลาราวกับหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงหายใจหนักๆ ของเขาที่ก้องอยู่ในห้องเมื่อวัสดุต่างๆ ผสมกัน ก็มีเสียง “ซี่ซี่” ดังขึ้นกล้ามเนื้อทั่วร่างกายของฉินฮ่าวเกร็งตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัวโชคดีที

  • องค์รัชทายาทผู้มีเสน่ห์เหลือล้น   บทที่ 32

    “ทั้งหมดนี้! พวกเจ้าต้องใช้ชีวิตมาชดใช้!”ฉินฮ่าวตะโกนด้วยความโกรธ เสียงราวกับจะทะลุฟ้าฉินฮ่าวไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้หลี่ซื่อจะไม่มา เขาก็เดาได้ว่าเป็นฝีมือขององค์ชายจิ่นแต่ไม่คาดคิดว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย พวกเขาจะโหดร้ายขนาดนี้!มันช่างโหดร้ายทารุณ ละเมิดกฎหมาย!ในขณะเดียวกันโก่วตั้นและคนอื่นๆ ก็วิ่งมาหาฉินฮ่าวโก่วตั้นร้องไห้จนตาบวมแดงเหมือนลูกพลับ“พี่ใหญ่ พ่อข้าตายแล้ว!”“เพื่อช่วยข้าวสาร ท่านถูกไฟไหม้ตาย!”“ใครกันแน่ที่ชั่วร้ายขนาดนี้ เผาข้าวสาร ไม่ให้พวกข้ากิน!”ร่างกายเล็กๆ ของโก่วตั้นสั่นเทา น้ำตาและน้ำมูกเปรอะเปื้อนใบหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวังเด็กๆ คนอื่นๆ ก็ร้องไห้ตาม“ใช่แล้ว!”“พวกข้าแค่อยากมีชีวิตอยู่ มันผิดตรงไหนหรือ?”“อื้อๆๆๆ... ข้าวสารหมดแล้ว ทุกคนจะต้องอดตาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กๆ ใจของฉินฮ่าวรู้สึกเหมือนถูกแทงด้วยมีดที่แหลมคม เจ็บปวดจนหายใจไม่ออกใช่แล้ว!การมีชีวิตอยู่มันผิดตรงไหน?ทำไมแม้แต่สิทธิ์ในการมีชีวิตอยู่ก็ยังถูกพรากไป?ฉินฮ่าวหันไปมองผู้ประสบภัยเดิมที เมื่อแจกข้าว ดวงตาของผู้คนเหล่านี้ยังเต็มไปด้วยความหวังแต่ตอ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status