ยามพลบค่ำ ท้องฟ้าแต่งแต้มด้วยสีแดงสดตลาดทิศบูรพาบนชั้นสองของโรงน้ำชา หลี่หลงหลินยังคงจิบชาอย่างใจเย็น สีหน้าสงบนิ่งพลางมองลงไปยังฝูงชนที่คึกคักเบื้องล่างซูเฟิ่งหลิงและเหล่าหญิงสาวที่อยู่ข้างหลี่หลงหลิน ล้วนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง จนไม่อาจหาคำใดมาเปรียบเปรยได้ความนิยมอย่างล้นหลามของหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยเกินกว่าที่พวกนางคาดคิดไว้เพียงครึ่งวัน แผงหนังสือในตลาดทิศบูรพาก็ขายหมดเกลี้ยงในช่วงที่เหลือของวัน ลั่วอวี้จู๋เร่งรีบเดินทางไปทั่วเมืองหลวงเพื่อรวบรวมข้อมูลรายได้จากแผงหนังสืออื่นเวลานี้ ลั่วอวี้จู๋กลับมาแล้ว พร้อมผลลัพธ์ชัดเจนในมือ“รัชทายาท!”ลั่วอวี้จู๋ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยจำนวนหนึ่งแสนฉบับ ถูกขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียว!”ซี๊ด...บรรดาสตรีตระกูลซูต่างสูดหายใจลึก แม้ว่าพวกนางจะเตรียมใจไว้แล้วก็ตามแต่เมื่อได้ยินข่าวนี้จากปากลั่วอวี้จู๋โดยตรง ก็ยังอดตะลึงไม่ได้หลี่หลงหลินยิ้มบางๆ จิบชาด้วยความใจเย็น ทุกอย่างล้วนอยู่ในความคาดหมายของเขามีอะไรน่าตกใจ?ซูเฟิ่งหลิงตื่
“แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสามแสนตำลึงเต็มๆ”“ช่างยากจะเข้าใจจริงๆ”ลั่วอวี้จู๋ยิ้มเล็กน้อย ก่อนกล่าวต่อ “ช่วงบ่ายจู่ๆ ก็มีคนเสนอราคาสูงเพื่อซื้อหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย ราคาพุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วงเย็น กลับพุ่งสูงถึงยี่สิบตำลึงต่อฉบับ”ยี่สิบตำลึงต่อหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยหนึ่งฉบับ?เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยินข่าวนี้ นางถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยราคาหนึ่งร้อยเหวิน นางก็คิดว่าแพงแล้วยี่สิบตำลึงเชียวหรือ?เป็นใครกันที่ทุ่มเงินมากมายขนาดนี้?คนผู้นี้ซื้อหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยในราคาสูง เพื่ออะไรกันแน่?ลั่วอวี้จู๋ผายมืออย่างจนปัญญา “พวกเจ้าอย่ามองข้า! ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”“สรุปแล้ว ข้าก็แค่ฉวยโอกาสตอนที่ราคาสูงที่สุด ขายหนังสือพิมพ์สองหมื่นฉบับที่พิมพ์เพิ่ม และหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยที่เหลือจากแผงอื่นๆ ทั้งหมดในคราวเดียว!”“หักลบต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงแล้ว กำไรสุทธิสามแสนตำลึง”คำพูดนี้ ทำให้ทั้งโรงน้ำชาเงียบสนิท ราวกับเข็มตกก็ยังได้ยินบรรดาสตรีตระกูลซูต่างตกตะลึง อ้าปากค้าง สมองว่างเปล่า ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะต
ณ ห้องทรงพระอักษรฮ่องเต้หวู่เผชิญหน้ากับฎีกาที่กองสูงราวกับภูเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลต้าเซี่ยในตอนนี้ เปรียบเสมือนถุงผุๆ ที่มีรูรั่วรอบด้านเพิ่งอุดรูรั่วทางทิศตะวันออก ทางทิศตะวันตกก็รั่วอีกตั้งแต่ราชสำนักไปจนถึงท้องถิ่น ทุกหนทุกแห่งล้วนมีปัญหา ต้องการเงินมากมายเพิ่งจะสงบสุขได้ไม่กี่วัน ก็มีข่าวภัยพิบัติหิมะมาจากดินแดนทางเหนือฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจ แม้ในใจจะรู้สึกโล่งใจอยู่บ้างโชคดีที่ข้าเชื่อคำของเจ้าเก้า ให้ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนอยู่ในเมืองหลวง รอจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิจึงค่อยกลับดินแดนทางเหนือดังนั้น จำนวนผู้ประสบภัยจึงไม่มากนักไม่เช่นนั้น หากหลังคาบ้านรั่วในคืนฝนตกหนัก ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนต้องเผชิญภัยพิบัติ ผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินกว่าจะคาดคิด!“เจ้าเก้า ช่างเป็นผู้มีบุญของข้ายิ่งนัก!”ในใจของฮ่องเต้หวู่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายหากไม่ใช่เพราะเจ้าเก้า เกรงว่าข้าคงตายไปหลายครั้งแล้วชาวบ้านยิ่งต้องเดือดร้อน!น่าเสียดาย แม้เจ้าเก้าจะมีโชค แต่ก็ไม่สามารถเสกหินให้กลายเป็นทอง หรือเปลี่ยนเงินออกมาได้สุดท้ายแล้ว แม่ครัวเก่งแค่ไหน ก็ทำอาหารไม่ได้ หากไม่มีข้าวสาร!ฮ
ฮ่องเต้หวู่นับแล้วนับอีก ได้หนึ่งแสนตำลึงพอดี “นี่คือ......” ฮ่องเต้หวู่เอ่ยพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่เจ้าเก้าจะทำอะไร” เว่ยซวินรีบเอ่ย “ฝ่าบาท นี่ดูเหมือนจะเป็น ส่วนแบ่งกำไรที่แบ่งให้พระองค์ เป็นการแสดงความกตัญญูขององค์รัชทายาท” ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่เผยให้เห็นรอยยิ้ม “แม้จะบอกว่าหนึ่งแสนตำลึงเงินไม่มากมายอะไร แต่ในใจของเจ้าเก้ามีข้า ความกตัญญูเป็นสิ่งที่น่ายกย่องสรรเสริญ เงินพวกนี้ก็เก็บเข้าไปไว้ในคลังหลวงส่วนตัวของข้าเถอะ” พูดตามความจริงแล้ว ฮ่องเต้หวู่ในฐานะโอรสสวรรค์แห่งต้าเซี่ย มั่งคั่งที่สุดในแผ่นดิน เคยเห็นเงินทองมามากจนนับไม่ถ้วน ในช่วงที่ต้าเซี่ยมั่งคั่งที่สุด ในคลังหลวงส่วนพระองค์มีเงินทองกองโตเป็นภูเขา ฮ่องเต้หวู่ไม่ได้สนใจเลย เงินเล็กน้อยเพียงหนึ่งแสนตำลึง ฮ่องเต้หวู่ไม่ได้สนใจเลยสักนิด เพียงแต่ ของขวัญอาจเล็กน้อย แต่น้ำใจนั้นยิ่งใหญ่ ความกตัญญูของเจ้าเก้า กลับทำให้ฮ่องเต้หวู่ซาบซึ้งใจ “ฝ่าบาท” สีหน้าเว่ยซวินเผยความประหลาดใจ “ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยถูกต้อง” ฮ่องเต้หวู่ชะงัก “ไม่ถูกต้อง? ลูกส่งเงินให้พ่อ ก็เป็นเรื่องที่ควรจะเป็นอยู่แล้วไม่ใช่หรือ มีอะไร
ณ เมืองหลวง ท้องฟ้ามืดสนิท เสียงกีบม้าดังกึกก้องราวเสียงฟ้าร้อง ไฟคบเพลิงเรียงรายเป็นสาย ทั้งชุดมัจฉาบิน และดาบปักลาย ทุกคนสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท ท่าทีทั้งองอาจและหยิ่งผยอง! หน่วยองครักษ์เสื้อแพรระดมกำลังออกมา ล้อมรอบจวนตระกูลโจวไว้แน่นหนาราวกับถังเหล็ก “หน่วยองครักษ์เสื้อแพรทำงาน!” “คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป!” ตามมาด้วยเสียงตะโกนออกคำสั่ง ร้านรวงทั้งสองข้างทางรีบปิดประตูอย่างแน่นหนาราวกับกลัวโรคระบาด ผู้คนบนท้องถนน เดินกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าวิตกกังวล แล้วค่อยๆ เปิดช่องหน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก สายลมเย็นยะเยือกพัดโชยเข้ามา ทำให้ขนลุกซู่! หน่วยองครักษ์เสื้อแพรมากมายขนาดนี้! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว! ชื่อเสียงที่น่ากลัวของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรแพร่สะพัดไปทั่วทั้งแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือขุนนางชนชั้นสูง ต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยิน เด็กเล็กๆพากันร้องไห้กระจองอแง ที่น่าประหลาดใจมากก็คือ. จวนที่หน่วยองครักษ์เสื้อแพรเข้าปิดล้อมก็คือจวนของโจวซิงผู้ตรวจการราชสำนัก! เขาคือหัวหน้าของสามศาล มีอำนาจล้นฟ้า! หน่วยองครักษ์เสื้อแพรยอมฟังเพียงคำสั่งฝ่าบาท หร
ขันทีใหญ่เว่ยซวิน! เขามาที่นี่ด้วยตัวเอง! คนในจวนตระกูลโจวอาจไม่สนใจหน่วยองครักษ์เสื้อแพรได้ แต่สำหรับพระเก้าพันปีผู้นี้ กลับเป็นที่รู้จักกันดีว่าโหดร้ายและใจดำ เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท อำนาจในมือของเขาสูงกว่าผู้ตรวจการราชสำนักอย่างโจวซิงมาก ตอนนี้ตระกูลโจวจบสิ้นแล้ว! เมื่อเห็นเว่ยซวินเดินเข้ามา เหล่าสมาชิกของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรก็จับด้ามดาบไว้แน่น ตัวตั้งตรงเป็นระเบียบ จางอี้รีบเดินไปข้างหน้า ประสานมือคำนับ: “พระเก้าพันปี! ยังไม่พบตัว....คนขอรับ! น่าจะหนีไปแล้ว!” “หนีไปแล้ว?” เว่ยซวินตกใจ ขมวดคิ้วแน่น “จะหนีไปได้ยังไง? หรือว่ามีคนแจ้งข่าว? หากฝ่าบาทสั่งลงโทษ เราจะแบกรับไม่ไหว! ไปค้นหา! ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน แม้จะต้องพลิกแผ่นดินหา ก็ต้องหาโจวซิงมาให้ได้!” หน่วยองครักษ์เสื้อแพรทั้งหมดประสานมือคำนับ และเอ่ยเสียงดังกึกก้อง: “รับคำสั่ง!” คงจะหาคนไม่เจอแน่! อย่างน้อยต้องสอบถามที่อยู่ของโจวซิงให้ได้ เพื่อจะได้ชี้แจงต่อฝ่าบาท! ดังนั้น คนของตระกูลโจวจึงถูกหน่วยองครักษ์เสื้อแพรจับเส้นผมลากเข้าไปในห้องทีละคน เสียงร้องครวญครางที่น่าสลดใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน
“จับได้แล้วหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงสีหน้าดูจริงจังขึ้นมาทันที นางรีบขึ้นม้าแล้วขี่ไปยังทิศทางที่มีเสียงเรียก หลี่หลงหลินและหลิ่วหรูเยียนมองหน้ากัน ก่อนจะตามไปทันที คบเพลิงสว่างไสว! ทหารจากภูเขาทิศประจิมหลายสิบคนล้อมรถม้าคันหนึ่งไว้อย่างแน่นหนา ชายสองคนในเสื้อคลุมไหมปักถูกลงลงจากรถ หนึ่งหนุ่มหนึ่งเฒ่า ชายหนุ่มที่ไม่เคยเห็นสถานการณ์แบบนี้ ใบหน้าซีดเซียว คุกเข่าลงกับพื้น ตัวสั่นเทาเหมือนใบไม้ต้องลม ผู้สูงวัยกว่าดูเหมือนจะผ่านโลกมามาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเจ้าเป็นทหารจากหน่วยใด กล้ามาขัดขวางรถของข้า! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ข้าคือโจวซิงผู้ตรวจการราชสำนัก รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้ไปยังชายแดนเหนืออย่างลับๆ!” “ถ้าเข้าใจสถานการณ์แล้วก็รีบไสหัวไปซะ!” เหล่าทหารเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย พวกเขาทำตามคำสั่งของหลี่หลงหลินให้ซุ่มรออยู่ที่นี่ และตรวจสอบรถม้าที่ผ่านมา ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่พวกเขาต้องขัดขวางคือใคร ไม่คิดเลยว่าจะมาขวางผู้ตรวจการราชสำนักโจวซิงได้ และเขายังอ้างอีกว่าได้รับคำสั่งจากฝ่าบาท นั่นก็เหมือนเป็นขุนนางตรว
โจวซิงรู้สึกราวกับหัวใจตายด้าน ชัดเจนแล้ว! หลี่หลงหลินมาที่นี่เพื่อเขาโดยเฉพาะ “องค์รัชทายาท …” โจวซิงเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ "แต่ข้ากับพระองค์ ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันในอดีต และก็ไม่มีความแค้นเคืองกันในปัจจุบัน! ทำไมท่านถึงต้องมาคอยสร้างปัญหาให้ข้าเช่นนี้? จนถึงตอนนี้ ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าข้าไปทำอะไรให้ท่านไม่พอใจ" หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเย็นชา “เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าโกรธ แต่เจ้าไปทำให้พี่สะใภ้สี่ของข้าโกรธต่างหาก…” พี่สะใภ้สี่? โจวซิงตกตะลึง สีหน้าสับสน พี่สะใภ้สี่ของหลี่หลงหลิน คือหลิ่วหรูเยียนนางคณิกาในสำนักการสังคีตไม่ใช่หรือ? แต่คณิกาคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตน? โจวซิงคิดไม่ออกจริงๆ หญิงสาวคนหนึ่งสวมเสื้อขนสัตว์สีขาวบริสุทธิ์ เดินเหยียบย่ำบนหิมะทีละก้าว มาหยุดอยู่ตรงหน้าโจวซิง เปิดหมวกผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้างดงามไร้ที่ติ ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความเย็นชา กัดฟันแน่นและเอ่ยว่า:“โจวซิง เจ้าโจรชั่ว ยังจำข้าได้หรือไม่?” “เจ้าคือ…” “หลิ่วหรูเยียน พี่สะใภ้สี่ขององค์รัชทายาท!” “แต่ข้าไม่เคยเจอเจ้ามาก่อนเลย” โจวซิงจ้องไปที่ใบหน้าที่งดงามของหลิ่วหรูเยียนอย่างละ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ