หลี่หลงหลินเองก็ไม่พูดไร้สาระอีก สั่งเกษตรกรข้างหลังว่า “ลงไร่ ขุดมันเทศ!”เพียงแค่คำสั่งเดียว เกษตรกรหลายสิบคนก็ลงไปในทุ่งนา ยึดตามรากของมันเทศ ขุดขึ้นมาจากใต้ดิน โยนขึ้นบนคันนาญาติฝ่ายหญิงของสกุลซู เข้าไปเช็ดเอาดินที่เกาะติดอยู่บนมันเทศออกอย่างพิถีพิถันฮ่องเต้หวู่รู้สึกแปลกใจต่อมันเทศมาก ขยับขึ้นไปมองอย่างละเอียดจะพูดอย่างไรดีเล่า รูปร่างของมันเทศ ไม่ค่อยสวยเท่าใดหัวไม่ใหญ่ มีรอยย่น ผิวของมันเป็นสีชมพูยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้มีแค่ผลเดียว แต่หนึ่งราก กลับมีหนึ่งพวงใหญ่มองคร่าวๆ คล้ายหนูตัวน้อยที่เพิ่งเกิดใหม่เหล่าขุนนางต่างกระซิบกระซาบกัน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย “มันเทศนี้ กินได้จริงหรือ?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “หากขุนนางทุกท่านสงสัย ชิมดูก็รู้แล้วมิใช่หรือ?”ขุนนางคนหนึ่งส่ายหน้า ไม่ยอมเดินขึ้นไปลองชิม สำหรับสิ่งแปลกใหม่ พวกเขามักจะรู้สึกต่อต้านยิ่งไปกว่านั้น นี่คือสิ่งที่จะต้องกินเข้าปากหากมีพิษจะทำเยี่ยงไร?ฮ่องเต้หวู่กลับรู้สึกอยากลอง อยากเป็นคนแรกที่จะได้กิน ลิ้มลองรสชาติของมันเทศแต่ขุนนางต่างพากันห้ามปราม “ฝ่าบาท ร่างกายของพระองค์ล้ำค่ามาก! อย่าเสี
ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “มันเทศถึงจะมีรสชาติอร่อย แต่ก็ใช่ว่าจะกินได้มากนัก แล้วจะเอามาทำเป็นอาหารหลักได้ยังไง?” สำหรับอาหารหลัก สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่แค่รสชาติ แต่ต้องทำให้อิ่มท้องได้ ถ้ามันเทศทำให้อิ่มท้องไม่ได้ แล้วจะต่างอะไรกับผลไม้ทั่วไป?อย่างนี้จะสมควรถูกเรียกว่าเป็นสิ่งมงคลได้อย่างไร?หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขัน “ถึงจะเป็นข้าวสารหรือข้าวสาลี ก็ใช่ว่าจะกินดิบๆ ได้เหมือนกัน! มันเทศมีวิธีกินได้หลากหลาย จะต้มเป็นโจ๊กก็ได้ จะนึ่งกินก็อร่อย หรือจะตากแห้งไว้กินเล่นก็ยังได้” “แต่ที่สุดยอดเลยคือการเอาไปปิ้ง!” “พอเอาไปย่าง หอมฟุ้งชวนหิว แถมหวานฉ่ำราวกับน้ำผึ้ง จิ๊ๆๆ...ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันอร่อยขนาดไหน!” ซุนชิงไต้ที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ ถึงกับน้ำลายแทบไหล มองหลี่หลงหลินด้วยสายตาเปี่ยมความหวังพลางพูดว่า “องค์ชายเก้า ข้าขอกินมันเทศปิ้งได้หรือไม่!” ฮ่องเต้หวู่ได้ฟังยิ่งรู้สึกอยากลองจนทนไม่ไหว เอ่ยขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้น “ข้าก็อยากลองเหมือนกัน!”หลี่หลงหลินพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้พ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีหลังจากนั้น หลี่หลงหลินสั่งคนให้ตั้งเตาไฟตรงนั้น จุดกองไฟขึ้
ฮ่องเต้หวู่ดื่มโจ๊กมันเทศไปหนึ่งชาม และกินมันเทศปิ้งไปอีกหนึ่งหัว อิ่มจนต้องเรอตลอดสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ หลี่หลงหลินยังให้คนผัดยอดมันเทศออกมาอีกจาน! แค่ใส่ผงปรุงรสไก่นิดหน่อย รสชาติก็อร่อยจนเกินบรรยาย! ฮ่องเต้หวู่ถึงกับตะลึง “ยอดมันเทศนี่ กินได้ด้วยหรือ?” หลี่หลงหลินหัวเราะ “ไม่ใช่แค่ยอดมันเทศนะพ่ะย่ะค่ะ จริงๆ แล้ว แม้แต่ก้านก็ยังกินได้!” ฮ่องเต้หวู่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับสูดลมหายใจลึก เจ้ามันเทศนี่ทั้งต้นทั้งหัวล้วนเป็นของล้ำค่า! แต่แน่นอน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือผลผลิต มันจะได้มากพออย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่ ในช่วงเวลานั้นเอง พวกชาวบ้านก็ช่วยกันขุดมันเทศขึ้นมาจากทุ่งนา กองมันเทศที่ขุดขึ้นมาได้ถูกกองรวมกันเป็นเนินเล็กๆ วางเรียงรายเต็มไปหมด!สิ่งที่ทำให้ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงก็คือ มันเทศดูเหมือนจะไม่มีวันหมด ยังคงขุดขึ้นมาจากดินเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง...เหล่าขุนนางที่สังเกตเห็นสถานการณ์นี้ ต่างเริ่มกระซิบกระซาบกันด้วยความประหลาดใจ อันที่จริง แม้แต่หลี่หลงหลินเองก็ยังสงสัยมากนี่เป็นครั้งแรกที่ตนปลูกมันเทศ ผลผลิตจะมากขนาดไหน“พี่สะใภ้รอง” หลี่หลงหล
“นี่มันเติบโตขึ้นมาจากดินจริงๆ!”“ฝ่าบาท!”“นี่คือสิ่งมงคลพ่ะย่ะค่ะ!” เสนาบดีคลังและเกษตร ถึงกับร้องไห้ด้วยความปลื้มปีติ เขาชูมันเทศไว้ในมือ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าฮ่องเต้หวู่ ฮ่องเต้หวู่พยายามเก็บอาการตื่นเต้นไว้ในใจ พลางหันไปมองหลี่หลงหลิน “เจ้าเก้า มันเทศนี่ให้ผลผลิตสูงขนาดนี้ หมู่ละมากกว่าพันชั่ง การปลูกมันจะต้องยุ่งยากมากแน่เลยใช่หรือไม่? ต้องรดน้ำและใส่ปุ๋ยบ่อยๆ เลยใช่หรือไม่?”เหล่าขุนนางที่ได้ยินต่างเงยหน้าขึ้นมองหลี่หลงหลินด้วยความสนใจ ทุกคนล้วนคิดว่า แปลงมันเทศนี้ที่ให้ผลผลิตมหาศาลเช่นนี้ คงเป็นเพราะหลี่หลงหลินทุ่มเทแรงกายแรงใจ ดูแลอย่างพิถีพิถันแน่นอน การรดน้ำคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่พวกเขากังวลว่า หลี่หลงหลินอาจใช้ปุ๋ยราคาแพงบางอย่างเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงขนาดนี้! หลี่หลงหลินอธิบายว่า “เสด็จพ่อ มันเทศชอบความแห้งและกลัวน้ำขัง จึงไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อยๆ! สำหรับพื้นที่ปลูกก็ไม่ต้องเป็นพื้นที่ดีๆ อะไร! แค่เนินเขาที่หันเข้าหาแสงอาทิตย์และระบายน้ำได้ดีก็เพียงพอแล้ว” “แม้ว่าจะไม่ได้ปลูกในที่ที่รับแสงได้เต็มที่ ก็ไม่เป็นไร แค่โตช้าลงเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังเติบโตได้
ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “เพียงสามถึงห้าปีเท่านั้น ข้ารอได้!” แต่หลี่หลงหลินกลับส่ายหน้า พลางยิ้มอย่างขมขื่น “เสด็จพ่อ แม้ท่านจะรอได้ แต่ราษฎรกลับรอไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! น้ำที่อยู่ไกลไม่อาจดับกระหายใกล้ได้ มีประชาชนสักกี่คนที่จะสามารถรอดพ้นวิกฤติข้าวยากหมากแพงในครั้งนี้ได้!” คำพูดของหลี่หลงหลินเหมือนกับสายฟ้าฟาดใส่ฮ่องเต้หวู่ จนนิ่งไปกับที่มันเทศ แม้จะเป็นสิ่งดีเลิศ แต่การส่งเสริมการปลูกให้แพร่หลาย ย่อมต้องใช้เวลา! ขณะที่วิกฤติขาดแคลนเสบียงอาหารในเมืองหลวงนั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ! มันไม่ใช่เรื่องที่จะรอได้ในเวลาสามหรือห้าปี เกรงว่าสามถึงห้าวันอาจเริ่มมีประชาชนที่อดอยากจนล้มตายแล้วก็ได้! จะทำอย่างไรดี?จิตใจของฮ่องเต้หวู่ปั่นป่วนไปหมด “แม้สวรรค์จะประทานสิ่งมงคลอย่างมันเทศอันน่าอัศจรรย์นี้ให้! แต่ต้าเซี่ยก็ยังหนีไม่พ้นชะตากรรมการล่มสลายกระนั้นหรือ? สวรรค์ เหตุใดต้องทำเช่นนี้กับข้าด้วย...” “แล้วก็เจ้า...เจ้าเก้า!” ฮ่องเต้หวู่จ้องมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาแดงก่ำ “เจ้ารู้ทั้งรู้ว่ามันเทศไม่มีประโยชน์ แล้วทำไมถึงยังนำมันออกมา! ให้ข้ามีความหวัง! แล้วก็มาทำลายมัน นี่มันโหดร้ายเกินไป
ราชสำนักทำได้เพียงเท่านี้! “พี่สะใภ้ใหญ่!” หลี่หลงหลินเรียกลั่วอวี้จู๋ให้เข้ามาหา ก่อนจะถามว่า “ช่วงนี้ที่ท่าเรือ มีอะไรผิดปกติบ้างหรือไม่?” ลั่วอวี้จู๋ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็มีอยู่! ช่วงนี้มีเรือบรรทุกข้าวจากต่างถิ่นจำนวนไม่น้อยมาจอดอยู่ที่ท่าเรือ แต่ที่น่าสงสัยคือ พวกเขามาที่นี่ทำไม?” ต้องรู้ว่า ก่อนหน้านี้ลั่วอวี้จู๋เคยส่งจดหมายไปถึงบิดาของนาง ขอให้พวกเขาส่งข้าวมาที่เมืองหลวง แต่บิดาของนางกลับปฏิเสธ อ้างว่าทางน้ำมีอุปสรรค ไม่สามารถขนส่งได้ พูดให้ชัดเจนก็คือ พ่อค้าข้าวทางใต้กลัวว่าวิกฤติขาดข้าวในเมืองหลวงจะลุกลาม ดังนั้นจึงเลือกที่จะกักตุนข้าวเพื่อปั่นราคา แทนที่จะขนส่งมายังเมืองหลวง นี่คือนิสัยของพ่อค้า เห็นแก่กำไรเป็นหลัก แต่สิ่งที่ลั่วอวี้จู๋ไม่เข้าใจคือ เหตุใดจึงมีเรือบรรทุกข้าวจากทางใต้มากมายมาที่เมืองหลวงในช่วงเวลานี้ และที่น่าสงสัยยิ่งกว่านั้นคือ พวกเขาเพียงแต่จอดเรืออยู่ที่ท่าเรือ แต่ไม่ขายข้าว พวกเขาต้องการทำอะไรกันแน่? หลี่หลงหลินยิ้มบางๆ คิ้วของเขายกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ!” ลั่วอวี้จู๋รู
ลั่วอวี้จู๋จ้องมองหลี่หลงหลินด้วยดวงตาคู่งาม หัวใจของนางปั่นป่วนราวกับคลื่นทะเลที่โหมกระหน่ำ ไม่อาจสงบได้เป็นเวลานานที่แท้ ตั้งแต่แรกหลี่หลงหลินก็วางแผนการนี้ไว้แล้ว ค่อยๆ เพิ่มราคาข้าวทีละน้อย!ไม่แปลกเลยที่หลี่หลงหลินจะปิดบังทุกคน ไม่ยอมอธิบายแผนการใดๆเพราะแผนการนี้ แม้จะยอดเยี่ยมไร้ที่ติ แต่หากเผยแพร่ออกไป ย่อมไร้ผลในทันที!“องค์ชายเก้า...”“ช่วงนี้ ลำบากเจ้าแล้ว” ลั่วอวี้จู๋ พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างซาบซึ้งนางถามตัวเองในใจ หากต้องเป็นเหมือนหลี่หลงหลิน ผู้ที่ต้องอยู่คนเดียวและเผชิญหน้ากับทั้งโลกเช่นนี้ นางคงอึดอัดจนตายไปนานแล้ว!ทันใดนั้น หลี่หลงหลินก็คว้ามือหยกเรียวยาวของลั่วอวี้จู๋ ไว้ ยิ้มพลางพูดว่า “มีพี่สะใภ้อยู่ข้างกาย เช่นนี้จะเหนื่อยได้อย่างไร”ลั่วอวี้จู๋ตกใจและเขินอายจนใบหูแดงระเรื่อแม้ลั่วอวี้จู๋จะตอบตกลงกับหลี่หลงหลินแล้วว่า หลังจากงานแต่งงานของซูเฟิ่งหลิง นางจะยอมเป็นอนุของเขาแต่ตอนนี้ นางยังคงเป็นพี่สะใภ้ของเขาอยู่ เหตุใดเขาถึงกล้าทำเช่นนี้!หากมีใครมาเห็นเข้า นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!ลั่วอวี้จู๋ยิ่งคิดก็ยิ่งเขินอาย รีบสะบัดมือของหลี่หลงหลินออก แล้
มันเทศสามารถให้ผลผลิตได้ถึงพันจินต่อหมู่จริงๆ หรือ?นี่เป็นสิ่งมงคลจากฟ้าจริงๆ ใช่ไหม?แล้วจะทำอย่างไรดี?หรือว่าจะรีบขายข้าวบางส่วนออกไปก่อนที่ราคาข้าวจะต่ำลงกว่านี้...พ่อค้าข้าวหลายคนเริ่มลังเล สวีเหล่ากลับหัวเราะเยาะเบาๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ดูพวกเจ้าสิ ช่างไร้ความสามารถเสียจริง! ก็แค่มันเทศไม่ใช่รึไง จะกลัวอะไรนักหนา! ต่อให้ฮ่องเต้มีราชโองการให้ทุกเขตการปกครองส่งเสริมการปลูกมันเทศ กว่าจะได้ผลผลิตที่เป็นรูปเป็นร่างก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปี!”“แล้วในช่วงสามถึงห้าปีนั้นล่ะ จะทำอย่างไร?”“หรือประชาชนจะไม่กินข้าว หรือจะให้พึ่งพาลมตะวันตกเฉียงเหนือประทังชีวิต?”“ถึงตอนนั้น พวกเราคงเปลี่ยนทรัพย์สินเป็นเงินสดถอนตัวออกจากตลาดไปแล้ว พร้อมกับกอบโกยกำไรจนเต็มไม้เต็มมือ ชีวิตนี้คงไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องแล้ว!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าพ่อค้าข้าวก็พลันเข้าใจ ต่างพากันหัวเราะออกมา“ถ้าคิดแบบนี้ ดูเหมือนว่าราชสำนักเองก็คงจนปัญญาแล้ว จึงต้องประกาศพระราชโองการถึงสิ่งมงคลจากฟ้า!”“ชัดเจนเลยว่าต้องดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง!”“มันเทศที่จะปลูกได้ผลอีกสามถึงห้าปีหลังจากนี้ พวกเรามี
เพียงแค่พริบตาเดียว เหยลวี่เกอนักรบอันดับหนึ่งของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ถูกซูเฟิ่งหลิงตัดหัว ศีรษะที่เปื้อนเลือดของเขาถูกทวนเงินยกขึ้นสูง การจับกุมผู้นำท่ามกลางกองทัพนับหมื่นนั้น เหมือนหยิบของในถุง! หืม... ฉากการฆ่าที่น่าสยดสยองนี้ทำให้คนจำนวนมากถอนหายใจด้วยความตกใจ เหล่าขุนนางข้าราชการต่างก็ตกตะลึง มองไปที่ซูเฟิ่งหลิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ แม่เสือโคร่งช่างน่ากลัว! โชคดีที่นางเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ จะน่ากลัวขึ้นอีกเท่าไหร่ ฮ่องเต้หวู่ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา แล้วเอ่ยชมว่า “หญิงแกร่งที่ไม่แพ้ชาย เป็นเทพีสงครามที่แท้จริง!” แต่มีเพียงเว่ยซวินเท่านั้นที่มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ และเอ่ยด้วยเบาว่า “องค์ชายเก้าลำบากท่านแล้ว” ในทันใดนั้น หลี่หลงหลินก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ เพื่อนรู้ใจจริงๆ! เขาอยากเชิญเว่ยซวินไปที่หอเซียนเมามาย และดื่มกันสักสามร้อยจอกเพื่อให้ลืมทุกข์! เมื่อเห็นเหยลวี่เกอรบจนตัวตาย กองทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็เสียขวัญทันที! ทหารใหม่ตระกูลซูบดขยี้ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง สังหารคนไปนับไม่ถ้วน เลือดไหลนอ
หลี่จือหน้าซีดเผือด! จบแล้ว! ลูกธนูอยู่บนสายธนู ต้องยิงออกไปแล้ว! เขาไม่อยากก่อการกบฏ แต่ตอนนี้ก็ต้องทำแล้ว! “ฆ่า” เหยลวี่เกอยกดาบงอสูงขึ้น ตะโกนเสียงดัง พลางนำทัพม้าฝ่าไปข้างหน้า มุ่งตรงไปยังซูเฟิ่งหลิง! ทหารชั้นยอดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจำนวนหนึ่งพันนายตามหลังมาด้วยความเร็วและพลังที่น่าทึ่ง ราวกับคลื่นยักษ์! จางเฉวียนตาเบิกกว้าง ขมวดคิ้วและตะโกนเสียงดังว่า “ยิงธนู!” พรวดๆๆ... ลูกธนูพุ่งลงมาเหมือนพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ทหารชั้นยอดแถวแรกของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือล้มลงราวกับต้นข้าวที่ถูกเคียวเกี่ยว อย่างไรก็ตาม ทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือที่อยู่ข้างหลัง ก็ต้องเหยียบศพของสหายร่วมรบ ยังคง เดินหน้าบุกเข้าอย่างไม่เกรงกลัวความตาย ฉากนี้ทำให้ทหารห้าพันนายของจางเฉวียนรู้สึกขนลุกซู่ นี่คือชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหรือ? แค่พันนาย แต่มีพลังเหมือนกับกองทัพล้านนาย! สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ พวกเขาไม่กลัวความตาย! นี่มันยังเป็นคนอยู่หรือ? แทบจะเหมือนสัตว์ประหลาดแล้ว! กองทัพตระกูลซูที่ปกป้องเขตเหนือมาหลายปี ต้องต่อสู้กับศัตรูที่น่ากล
เซียวเซวียนเช่อมองหลี่จือด้วยสายตาเย็นชาและดูถูก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว องค์ชายสี่ท่านคิดจะถอยแล้วหรือ? มันสายเกินไปแล้ว!ถึงแม้ฮ่องเต้หวู่อาจจะยังมีใจอ่อนและปล่อยท่านไป แต่หลี่หลงหลินล่ะ? ตอนนี้เขาคือรัชทายาทที่ตัดสินโทษอย่างเด็ดขาด เขาจะต้องชำระบัญชีกับท่านจนหมดสิ้น ถอยไปก็เท่ากับตาย! ไม่สู้ลองต่อสู้ไป! อาจจะยังมีโอกาสรอด! หลี่จือตัวสั่นสะท้าน สีหน้าแสดงความโลภออกมา ใช่แล้ว! บัลลังก์ฮ่องเต้ใกล้แค่เอื้อม แค่ฆ่าฮ่องเต้หวู่และเจ้าเก้า เขาก็สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้แล้ว ส่วนการฆ่าพ่อหรือ? ตอนนี้หลี่จือไม่สนใจแล้ว ประวัติศาสตร์จะถูกเขียนโดยผู้ชนะ ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหมดล้วนสนับสนุนเขา รวมทั้งผู้บันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ด้วยแค่สาดน้ำสกปรกโยนความผิดไปที่หลี่หลงหลิน แล้วยืนยันว่าเขาคือคนที่ฆ่าพ่อ เป็นขุนนางกบฏ ส่วนตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์! อย่างไรก็ตาม ด้วยทหารชั้นยอดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเพียงหนึ่งพันนาย ยังไม่พอที่จะสู้กับทหารใหม่จากตระกูลซูสองพันนายได้ หลี่จือจึงรู้สึกไม่มั่นใจ ดีที่สุดคือขอความช่วยเหลือจากจางเฉวียนที่มีท
โดยเฉพาะขุนนางกลุ่มข้าราชการ สีหน้าของพวกเขาซีดเหมือนกระดาษ พวกเขายืนข้างผิดแล้ว! หากหลี่หลงหลินขึ้นครองราชย์ สำหรับพวกเขาก็จะมีแต่ความเดือดร้อน! หลี่จือมึนงงไปหมด ตัวเขาเสียสติไปครู่หนึ่งและพูดออกมา “ทำไม? เสด็จพ่อ ทำไมพระองค์ถึงลำเอียงขนาดนี้ ประกาศให้เจ้าเก้าเป็นองค์รัชทายาท? พระองค์โดนเจ้าเก้าขู่หรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้น พระองค์ก็เพียงแค่กะพริบตาให้ข้าหน่อย!” ฮ่องเต้หวู่โกรธจัด และตะคอกออกมา “กะพริบตาหรือ? ไปตายซะ! เจ้าบอกว่าข้าลำเอียง! เจ้าเก้าได้ทำความดีมา ผลงานของพวกองค์ชายไร้ประโยชน์ทั้งแปดคนรวมกันแล้ว ยังไม่เท่าผลงานของเขาเลย!” “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย เพียงแค่ครั้งนี้ ข้าถูกพิษของสารหนู!” “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเก้ามีฝีมือการแพทย์สูงส่ง ช่วยให้ฟื้นคืนชีพได้!” “ข้าคงจะสิ้นไปแล้ว!” เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหลายต่างตกตะลึง แท้จริงแล้ว ฮ่องเต้หวู่ถูกพิษสารหนูจริงๆ! ข่าวลือนี้ไม่ผิด! สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ หลี่หลงหลินสามารถแก้พิษสารหนูได้ด้วย? นี่มันไม่น่าเชื่อเลย! การช่วยชีวิตคนคนหนึ่งเป็นการสร้างคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะก
ฮ่องเต้หวู่ยังไม่ตาย? เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหลายแทบไม่เชื่อหูตัวเอง พวกเขาได้รับข่าวที่แน่ชัดว่า ฮ่องเต้หวู่ถูกวางยาพิษจากยาพิษสารหนู ใครเป็นคนวางยานั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ ยาพิษสารหนูไม่มีทางรักษาได้ และต้องตายอย่างแน่นอน! เพียงแค่ฮ่องเต้หวู่สิ้นพระชนม์ หลี่หลงหลินก็จะกลายเป็นกบฏ! แต่... ถ้าฮ่องเต้หวู่ยังไม่ตาย นั่นก็จะเป็นปัญหาใหญ่แล้ว! หลี่จือหัวเราะลั่น “เจ้าเก้า เจ้ากำลังจะตายแล้ว ยังทำอวดเก่งอยู่หรือ! เสด็จพ่อของข้าเสวยยาพิษและสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เจ้าจะอวดเก่งอะไร? ยังจะพาเสด็จพ่อมาออกมาอีกหรือ? คงจะเป็นแค่ร่างไร้วิญญาณที่ถูกพามาใช่หรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า…” ทันใดนั้น เสียงเอ่ยอย่างโกรธจัดก็ดังขึ้น “เจ้าสี่ ข้าตายแล้วเจ้าดูมีความสุขมากนะ!” ทุกคนหันไปมอง ต่างก็ตกตะลึง เห็นชายคนหนึ่งในชุดมังกรเดินออกมาช้าๆ โดยมีเว่ยซวินคอยพยุง ใบหน้าขมวดคิ้วเต็มไปด้วยความโกรธ ฮ่องเต้หวู่? เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหมดต่างตกตะลึง แม้สีหน้าจะซีดเซียวและดูอ่อนเพลีย แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นฮ่องเต้หวู่! และไม่ใช่ใครมาปลอมเป็นคนอื่น รูปลักษณ์อาจสามารถปลอมได้ แต่ความย
“มีเพียงหลี่หลงหลินเท่านั้นที่ไม่ควรเป็นฮ่องเต้!” ถ้าเขาเป็นฮ่องเต้แล้วจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร? ต้องรู้ว่าไม่ว่าจะอยู่ข้างตู้เหวินยวนหรือองค์ชายสี่ ทุกๆ อย่างฝ่ายเป็นศัตรูกับหลี่หลงหลิน ฎีการ้องเรียนเขามีเป็นกองๆ! ปัญหาคือหลี่หลงหลินมีพระราชโองการในมือ แบบนี้แล้วจะทำอย่างไรดี? ในขณะนั้น พระราชโองการได้ถูกส่งมาถึงหลี่จือ หลี่จือปรายสายตามองแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยยิ้มเยาะ “เจ้าเก้า กลอุบายนี้ของเจ้า หลอกคนอื่นได้ แต่หลอกข้าไม่ได้หรอก! พระราชโองการนี้ต้องเป็นของปลอมแน่! เจ้ากับพวกนักโทษเว่ยซวินร่วมมือกันทำพระราชโองการปลอมขึ้นมา สมควรถูกลงโทษเช่นไรดี!” เมื่อเหล่าขุนนางข้าราชการได้ยิน ก็เหมือนตื่นจากความฝันทันที ไม่ว่าจะเป็นราชโองการจริงหรือเท็จ แต่พระราชโองการนี้ต้องเป็นของปลอม! ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น... หลี่หลงหลินจะไม่เพียงแต่ได้เป็นองค์รัชทายาท แต่ยังได้เป็นฮ่องเต้ด้วย! วันสิ้นโลกของพวกเขากำลังมาถึง “ใช่แล้ว มันต้องเป็นของปลอม!” “เว่ยซวิน! เจ้ากล้าร่วมมือกับเจ้าเก้า วางแผนล้มล้างอำนาจหรือ?” “ฆ่าล้างพวกขันที กำจัดคนชั่ว!” “องค์ชายเก้า ท่านคือกบฏ รีบมอบตัวซะ!” เหล่าข
“ดีจริงๆ เลยนะ เจ้าเก้า!”“ถึงขั้นกล้าประกาศตัวเป็นรัชทายาท เป็นการกระทำที่เลวร้ายและไร้ศีลธรรมอย่างยิ่ง!”บนใบหน้าของหลี่จือ นอกจากความตกตะลึงแล้ว ยังปรากฏความยินดีจนแทบปิดไม่มิด!ทำไมเจ้าหกถึงล้มเหลวในการก่อกบฏ?นอกจากถูกหลี่หลงหลินคนต่ำช้ากลั่นแกล้งแล้วยังมีอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญยิ่ง นั่นคือ เจ้าหกหมายจะปลงพระชนม์ฮ่องเต้เพื่อขึ้นครองบัลลังก์!ถึงแม้จะสำเร็จ แต่บัลลังก์เขาก็ไม่มั่นคง!เพราะเขาไม่มีฐานะที่ชอบธรรมแม้แต่หลี่เฟิงอวิ๋น ซีเหลียงอ๋องผู้มีความสามารถมาก เคยบุกเข้าไปถึงตำหนักหยั่งซินได้สำเร็จ เหตุใดถึงล้มเหลวทั้งที่ใกล้จะสำเร็จอยู่แล้ว?เพราะขาดฐานะที่ชอบธรรมเช่นกัน!จริงๆ แล้ว หลี่จือเองที่ไม่กล้าก่อกบฏมาตลอด ก็เพราะการไม่มีฐานะที่ชอบธรรม เกรงว่าจะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างไม่ถูกต้อง!แต่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้วเจ้าเก้าช่างโง่เขลานัก! ไม่เพียงแต่ใช้พิษสังหารฮ่องเต้ แต่ยังกล้าประกาศตัวเป็นรัชทายาท และสวมชุดรัชทายาท!นี่มันไม่ต่างอะไรกับการมอบคำว่าฐานะที่ชอบธรรมมาให้ตนถึงมือ!ตราบใดที่ตนกำจัดเจ้าเก้าผู้ทรยศคนนี้ได้ ก็สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างส
ในมือของหลี่จือมีกำลังชั้นยอดจากกองทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเพียงหนึ่งพันนายเท่านั้นเมื่อเทียบกับกองกำลังเขาทิศประจิมสองพันนายแล้ว จำนวนกำลังพลของเขาถือว่าด้อยกว่ามาก!หากเปิดศึกขึ้นจริง ผลแพ้ชนะย่อมยากจะคาดเดาแต่เมื่อเพิ่มกองทัพป้องกันเมืองห้าพันนายของจางเฉวียนเข้ามา สถานการณ์ก็พลิกผัน!ชัยชนะครั้งนี้ย่อมแน่นอน!หลี่จือเผยรอยยิ้มบาง ก่อนจะกล่าวว่า “หรงกั๋วกง ให้ลูกชายของเจ้าถอยไป! มิเช่นนั้น ดาบและหอกมันไร้ตา!”ในตอนนี้ จางเฉวียนเปรียบเสมือนถูกวางอยู่บนเตาร้อน ไม่มีทางเลือกอื่นใด จึงต้องกัดฟันเดินไปยังหน้าประตูวัง พลางตะโกนด่าทออย่างเกรี้ยวกราด “จางอี้ เจ้าลูกดื้อ รีบมานี่!”จางอี้ในชุดมัจฉาบิน คาดดาบปักลายที่เอว เดินมาหาจางเฉวียน แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านพ่อ อย่าทำให้ลูกลำบากใจเลย!”เพี๊ยะ!จางเฉวียนตบหน้าจางอี้เต็มแรง ก่อนจะตวาดลั่น “หลีกไป! ข้าจะเข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท! ใครกล้าขวางทาง ข้าจะสังหารไม่ปรานี!”เมื่อคำสั่งถูกประกาศ กองทัพป้องกันเมืองก็พุ่งเข้าไปในพระราชวังราวกับคลื่นทะเลองครักษ์เสื้อแพรซึ่งมีกำลังเพียงไม่กี่ร้อยนาย ไม่อาจต้านทานกองกำลังจำนวนมหา
จวนขององค์ชายสี่หลี่จือเงยหน้าหัวเราะลั่น “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจ้าเก้าสุดท้ายก็ทนไม่ไหว ต้องเรียกกองกำลังเขาทิศประจิมเข้าวังจนได้! ดูเหมือนในวังจะเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ! นี่แหละ โอกาสของข้ามาถึงแล้ว!”เซียวเม่ยเอ๋อร์ที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามทุกอย่าง พิงอยู่ข้างหลี่จือ พร้อมรอยยิ้มเย้ายวน “นี่เป็นโอกาสดีที่สวรรค์ประทานให้! ข้าขออวยพรให้องค์ชายสี่ได้รับชัยชนะ และขึ้นครองบัลลังก์!”หลี่จือชะงัก “เจ้าจะไม่เข้าวังไปกับข้าหรือ หรือว่าเจ้าไม่อยากเห็นเจ้าเก้าถูกจับกุมและถูกประหารด้วยตาตัวเองหรือ?”เซียวเม่ยเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ “ข้าเป็นเพียงสตรี! เรื่องที่ต้องเห็นเลือดขอข้ามเถอะ! ให้ท่านราชครูไปกับท่านแทนเถิด!"หลี่จือพยักหน้าเหตุผลที่เขาอยากให้เซียวเม่ยเอ๋อร์ไปด้วยก็เพราะกองทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพันนายเหล่านี้ รับคำสั่งจากเซียวเม่ยเอ๋อร์หรือเซียวเซวียนเช่อเท่านั้นในเมื่อเซียวเม่ยเอ๋อร์ไม่ไป เซียวเซวียนเช่อไปก็เหมือนกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ราชครูชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ยังเป็นคนที่เฉลียวฉลาดและเปี่ยมด้วยเล่ห์กลในช่วงเวลาสำคัญ เขาอาจกลายเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้แผนการสำเร็จลุล่วง!หลี่จื