ลั่วอวี้จู๋จ้องมองหลี่หลงหลินด้วยดวงตาคู่งาม หัวใจของนางปั่นป่วนราวกับคลื่นทะเลที่โหมกระหน่ำ ไม่อาจสงบได้เป็นเวลานานที่แท้ ตั้งแต่แรกหลี่หลงหลินก็วางแผนการนี้ไว้แล้ว ค่อยๆ เพิ่มราคาข้าวทีละน้อย!ไม่แปลกเลยที่หลี่หลงหลินจะปิดบังทุกคน ไม่ยอมอธิบายแผนการใดๆเพราะแผนการนี้ แม้จะยอดเยี่ยมไร้ที่ติ แต่หากเผยแพร่ออกไป ย่อมไร้ผลในทันที!“องค์ชายเก้า...”“ช่วงนี้ ลำบากเจ้าแล้ว” ลั่วอวี้จู๋ พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างซาบซึ้งนางถามตัวเองในใจ หากต้องเป็นเหมือนหลี่หลงหลิน ผู้ที่ต้องอยู่คนเดียวและเผชิญหน้ากับทั้งโลกเช่นนี้ นางคงอึดอัดจนตายไปนานแล้ว!ทันใดนั้น หลี่หลงหลินก็คว้ามือหยกเรียวยาวของลั่วอวี้จู๋ ไว้ ยิ้มพลางพูดว่า “มีพี่สะใภ้อยู่ข้างกาย เช่นนี้จะเหนื่อยได้อย่างไร”ลั่วอวี้จู๋ตกใจและเขินอายจนใบหูแดงระเรื่อแม้ลั่วอวี้จู๋จะตอบตกลงกับหลี่หลงหลินแล้วว่า หลังจากงานแต่งงานของซูเฟิ่งหลิง นางจะยอมเป็นอนุของเขาแต่ตอนนี้ นางยังคงเป็นพี่สะใภ้ของเขาอยู่ เหตุใดเขาถึงกล้าทำเช่นนี้!หากมีใครมาเห็นเข้า นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!ลั่วอวี้จู๋ยิ่งคิดก็ยิ่งเขินอาย รีบสะบัดมือของหลี่หลงหลินออก แล้
มันเทศสามารถให้ผลผลิตได้ถึงพันจินต่อหมู่จริงๆ หรือ?นี่เป็นสิ่งมงคลจากฟ้าจริงๆ ใช่ไหม?แล้วจะทำอย่างไรดี?หรือว่าจะรีบขายข้าวบางส่วนออกไปก่อนที่ราคาข้าวจะต่ำลงกว่านี้...พ่อค้าข้าวหลายคนเริ่มลังเล สวีเหล่ากลับหัวเราะเยาะเบาๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ดูพวกเจ้าสิ ช่างไร้ความสามารถเสียจริง! ก็แค่มันเทศไม่ใช่รึไง จะกลัวอะไรนักหนา! ต่อให้ฮ่องเต้มีราชโองการให้ทุกเขตการปกครองส่งเสริมการปลูกมันเทศ กว่าจะได้ผลผลิตที่เป็นรูปเป็นร่างก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปี!”“แล้วในช่วงสามถึงห้าปีนั้นล่ะ จะทำอย่างไร?”“หรือประชาชนจะไม่กินข้าว หรือจะให้พึ่งพาลมตะวันตกเฉียงเหนือประทังชีวิต?”“ถึงตอนนั้น พวกเราคงเปลี่ยนทรัพย์สินเป็นเงินสดถอนตัวออกจากตลาดไปแล้ว พร้อมกับกอบโกยกำไรจนเต็มไม้เต็มมือ ชีวิตนี้คงไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องแล้ว!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าพ่อค้าข้าวก็พลันเข้าใจ ต่างพากันหัวเราะออกมา“ถ้าคิดแบบนี้ ดูเหมือนว่าราชสำนักเองก็คงจนปัญญาแล้ว จึงต้องประกาศพระราชโองการถึงสิ่งมงคลจากฟ้า!”“ชัดเจนเลยว่าต้องดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง!”“มันเทศที่จะปลูกได้ผลอีกสามถึงห้าปีหลังจากนี้ พวกเรามี
พวกพ่อค้าข้าวต่างเคลื่อนไหวตามผลประโยชน์ เดิมทีก็ไม่ได้เป็นกลุ่มที่สามัคคีกันอยู่แล้วแต่ในสถานการณ์ตอนนี้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงร่วมมือกันชั่วคราว เพียงเพื่อยื้อเวลาไปเท่าที่ทำได้ในพริบตา เวลาก็ล่วงเลยไปอีกครึ่งเดือนข้าวจากเขาทิศประจิม ดูเหมือนไม่มีวันหมดสิ้น ยังคงถูกปล่อยออกมาในราคาเดิมประชาชนมีข้าวกิน ไม่ต้องทนหิวอีกต่อไปความไม่พอใจที่เคยพุ่งสูงในหมู่ประชาชนก็สงบลงอย่างรวดเร็วชื่อเสียงของหลี่หลงหลิน ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆแม้แต่ฉายาหลี่ปี่เซียะที่เคยถูกใช้เรียกเขา ก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างไรเสีย ปี่เซียะเป็นสัตว์ที่กินเข้าไปแต่ไม่ถ่ายออกมา แต่องค์ชายเก้ากลับมีจิตใจห่วงใยประชาชน ซึ่งแตกต่างจากปี่เซียะโดยสิ้นเชิงซูเฟิ่งหลิงเองก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีต่อหลี่หลงหลิน จากความเย็นชา กลายเป็นพูดคุยหยอกล้อด้วยรอยยิ้มบรรดาสตรีตระกูลซู มีเพียงลั่วอวี้จู๋ที่ยังคงขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล“องค์ชายเก้า!” ลั่วอวี้จู๋เข้ามาหาหลี่หลงหลิน แล้วพูดว่า “ข้าวในเขาทิศประจิมเหลือไม่มากแล้ว! หากปล่อยออกมาเช่นนี้ เกรงว่าก่อนสิ้นเดือนนี้ ทั้งยุ้งฉางจะว่างเปล่าแน่นอน!”หล
“ท่านพ่อ... ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ได้!”ลั่วอวี้จู๋ไม่เพียงไม่มีความยินดี กลับมีแววตาเศร้าหมอง ราวกับถูกปกคลุมด้วยเงาหมอกก่อนหน้านี้ลั่วอวี้จู๋เคยส่งจดหมายด้วยนกพิราบ ขอให้ตระกูลลั่วส่งข้าวมาที่เมืองหลวง เพื่อช่วยราชสำนักบรรเทาวิกฤตเฉพาะหน้าแต่นายท่านผู้เฒ่าลั่วกลับปฏิเสธทันที อ้างว่าคลองใหญ่กำลังจะขุดลอกแต่ตอนนี้ ท่านพ่อกลับนำข้าวมาที่เมืองหลวงด้วยตัวเองโดยไม่บอกกล่าวพูดให้ชัดเจนก็คือเพราะโลภอยากได้กำไรจากการค้าข้าวในราคาสูงลิ่ว!“ในใจของเขา ยังมีข้าเป็นลูกสาวอยู่บ้างหรือไม่!”ลั่วอวี้จู๋ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ น้ำตาเอ่อคลอจนไหลอาบแก้ม นางหมุนตัวจะเดินออกไปทันทีหลี่หลงหลินรีบยื่นมือมาคว้าแขนของลั่วอวี้จู๋ไว้ “พี่สะใภ้ นายท่านผู้เฒ่าลั่วอุตส่าห์มาถึงเมืองหลวงด้วยความยากลำบาก! เจ้าจะไม่ไปพบเขาหน่อยหรือ?”ลั่วอวี้จู๋น้ำตาไหลพราก กล่าวด้วยความเศร้า “ไปพบหรือ? จะพบไปทำไม? ลูกสาวที่แต่งออกไปก็เหมือนน้ำที่สาดทิ้งไปแล้ว! ยังไงเขาก็คงไม่อยากพบหน้าข้าอยู่ดี...”หลี่หลงหลินยิ้มบางๆ ก่อนจะกล่าว “นั่นอาจจะไม่จริงเสมอไป! ข้าเชื่อ นายท่านผู้เฒ่าลั่วอยากพบเจ้ามาก เพียงแต่เขารู้สึกเสียหน้าเกิ
ที่ท่าเรือลั่วอวี้จู๋พยายามรักษาระยะห่างจากหลี่หลงหลิน พร้อมเตือนว่า “องค์ชายเก้า เวลาอยู่ต่อหน้าท่านพ่อของข้า อย่าได้ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมเกินไป! ต้องรักษาระยะห่างเอาไว้!”หลี่หลงหลินยิ้ม ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธตอนนี้ชายชราผมขาวในชุดยาวสีเขียวเดินออกมาจากห้องโดยสารบนเรือ พร้อมรอยยิ้มชายชราคนนั้นก็คือลั่วชิงซานลั่วอวี้จู๋ที่ไม่ได้พบกับบิดามาหลายปี รู้สึกตื่นเต้นจนอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปหา “ท่านพ่อ...”ลั่วชิงซานเพียงพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าดูเย็นชาและห่างเหินกลับกัน เมื่อเขาหันไปหาหลี่หลงหลิน กลับโค้งตัวลงด้วยความนอบน้อม พูดด้วยใบหน้าประจบเอาใจ “องค์ชายเก้าเสด็จมาเยือนถือเป็นเกียรติอย่างสูง ข้าน้อยมิได้ออกมาต้อนรับล่วงหน้า โปรดอภัยด้วย! บนดาดฟ้าลมแรง เชิญองค์ชายเข้าไปพูดคุยในห้องโดยสารเรือเถิด!”หลี่หลงหลินพยักหน้า ก่อนเดินเข้าไปในห้องโดยสารพร้อมกับลั่วชิงซานเพียงแค่ติดต่อสั้นๆ หลี่หลงหลินก็มองออกทันทีว่าลั่วชิงซานเป็นพ่อค้าในแบบฉบับดั้งเดิม!เขาเป็นคนเฉลียวฉลาด เน้นผลประโยชน์ หากไร้ผลกำไร ย่อมไม่คิดลุกจากที่นอน และยังถือชายเป็นใหญ่สำหรับลั่วอวี้จู๋ลูกสาวของเขา เขาไม่
“ต่อหน้าองค์ชายเก้า ข้าไม่อยากพูดอะไรมาก!” “อีกไม่กี่วัน เมื่อข้าจัดการเรื่องธัญพืชพวกนี้เสร็จ ข้าจะไปพูดคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าซูที่จวนตระกูลซู!” “เจ้ากลับบ้านไปกับข้าเสียเถอะ ถือโอกาศตอนยังสาวยังสวย รีบแต่งงานใหม่จะดีกว่า!” “ส่วนเจ้าบ่าว ข้าก็เลือกไว้ให้เจ้าแล้ว!” “คุณชายใหญ่แห่งสกุลจู!” ลั่วอวี้จู๋ถึงกับตะลึง ใบหน้าซีดขาว "คุณชายใหญ่แห่งสกุลจู? เขาอายุกว่าห้าสิบแล้วนี่! แถมยังมีอนุภรรยาสิบแปดคน และยังเป็นคนขาพิการอีกด้วย! ข้าจะไปเป็นภรรยาของเขาได้อย่างไร..." ลั่วชิงซานหัวเราะเย็นชา "เจ้าเพ้อเจ้ออะไร? ตอนนี้เจ้าเป็นหญิงหม้าย! คิดจะเป็นภรรยาเอกหรือ? เจ้าต้องแต่งเป็นอนุภรรยาของคุณชายใหญ่ตระกูลจู! อย่างน้อยก็ยังสมฐานะกว่าเป็นหญิงหม้าย!" ลั่วอวี้จู๋แทบจะเป็นบ้า นางเบิกตากว้างมองบิดาของตนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ในสายตาของเขา... ตนเป็นอะไรกันแน่? ตนเองเป็นแค่เครื่องมือแลกผลประโยชน์เท่านั้นหรือ? ลั่วอวี้จู๋ไม่ใช่หญิงที่มีนิสัยเด็ดเดี่ยวมากนัก แต่ในขณะนี้ นางกลับนึกถึงการตายเพื่อจบทุกอย่าง! "ฮะ ๆ" "เอาลูกสาวตัวเองไปแต่งงานเป็นอนุภรรยาของคนขาพิการ!" "นายท่านผู้เฒ่าลั
ลั่วชิงซานที่กำลังถือถ้วยชา จะจิบชาอย่างสบายอารมณ์ พรืด! เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่หลงหลิน เขาถึงกับพ่นชาออกมา! “นายท่านผู้เฒ่า...” ผู้ช่วยรีบหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดและส่งให้ลั่วชิงซาน ลั่วชิงซานมองผู้ช่วยแวบหนึ่ง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าถอยออกไปก่อน!” หากคำพูดขององค์ชายเก้าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น สิ่งที่จะพูดต่อจากนี้ไม่เหมาะที่ผู้ช่วยจะได้ยิน ผู้ช่วยซึ่งเป็นคนฉลาดรู้สถานการณ์ดี รีบถอยออกไปทันที ลั่วชิงซานมองหลี่หลงหลิน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ “องค์ชายเก้า ท่านล้อข้าเล่นหรือ?” หลี่หลงหลินยิ้มบาง ๆ “ล้อเล่น? ข้าไม่ได้ล้อท่านเล่น! หรือท่านเห็นว่าข้าไม่คู่ควรกับลูกสาวของท่าน...” ลั่วชิงซานรีบส่ายหัว “องค์ชายเก้า ท่านพูดเรื่องน่าขันแล้ว! ท่านเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ แต่ลูกสาวของข้า...นางเป็นหญิงหม้ายที่สามีตายไปแล้ว จะคู่ควรกับท่านได้อย่างไร?” หลี่หลงหลินกล่าวอย่างราบเรียบ “ข้าไม่สนใจ!” ลั่วชิงซานรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ ท่านอาจจะไม่สน แต่ข้าสน! จะให้พูดยังไง ลั่วอวี้จู๋ก็คือพี่สะใภ้ของท่าน คำพูดของคนน่ากลัว เกรงว่า ข้าคงถูกถ่มน้ำลายใส่จนต้องจมน้ำต
แม้ว่าในอนาคตหลี่หลงหลินจะไม่ได้เป็นองค์รัชทายาท หรือไม่ได้นั่งบนบัลลังก์ฮ่องเต้ ก็เป็นบุญวาสนาที่แม้แต่ลั่วชิงซานยังคิดไม่ถึงด้วยซ้ำ! หลี่หลงหลินมองไปที่ลั่วชิงซาน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า: “ธัญพืชนั่น...” ลั่วชิงซานไม่ต้องคิดนาน และตอบกลับไปว่า: “ให้! ข้าจะไม่คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่แดงเดียว ธัญพืชทั้งหมดนี้ข้าให้กับองค์ชายเก้าทั้งหมด! หากท่านรู้สึกว่ายังไม่พอ ข้าจะรีบส่งธัญพืชจากทางใต้มาให้อีกทันที!” เพื่อหวังพึ่งพาผู้มีอำนาจ ลั่วชิงซานจึงตัดสินใจลงทุนลงแรงอย่างเต็มที่ ธัญพืชทั้งหมดนี้ ขอมอบให้หลี่หลงหลินไปโดยไม่คิดเงิน! แน่นอนว่า ในมุมมองของลั่วชิงซาน นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ตำแหน่งพ่อตาของฮ่องเต้ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแลกมาได้ด้วยเงินทอง! หากวันใดหลี่หลงหลินขึ้นนั่งบัลลังก์ ลั่วชิงซานก็จะมีความสัมพันธ์นี้เป็นเครื่องมือ และตระกูลลั่วจะต้องรุ่งเรืองเฟื่องฟูอย่างแน่นอน! ธัญพืชแค่นี้ ไม่ถือว่ามากมายอะไรเลย หลี่หลงหลินกลับส่ายหัวและเอ่ยว่า: “ไม่! ข้าพูดว่าราคาเดิม ก็ต้องราคาเดิม! จะไม่ให้ท่านเสียเปรียบแม้แต่สลึงเดียว! แต่ข้าต้องการให้ท่านช่วยข้าเล่นละครซักฉาก!”
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ