“ผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์นี้ เจ้าก็ไม่ต้องเป็นแล้ว กลับไปคิดทบทวนตนเองดีๆ ตกลงเจ้าทำผิดที่ใด!”หลี่จือได้ยินถ้อยคำนี้ สีหน้าพึงพอใจกระบี่ชื่อวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยเป็นกระบี่อาญาสิทธิ์ เขาอยากได้มานานมากแล้ว สังหารชนชั้นสูง ตัดหัวขุนนางได้!หลี่หลงหลินก็อาศัยกระบี่อาญาสิทธิ์เล่มนี้ มาใช้ตบหน้าเขาอย่างแรง!ฮึๆครั้งนี้ เจ้ามอบกระบี่อาญาสิทธิ์ออกมา คอยดูเถอะข้าจะล้างแค้น ฟันหน้าเจ้าจนเละ!หลี่หลงหลินเงยหน้าขึ้น พูดว่า “เสด็จพ่อ! กระบี่อาญาสิทธิ์ ลูกสามารถยกให้ได้! ผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์นี้ ลูกไม่เป็นก็ได้! แต่ ท่านบอกว่าลูกทำผิด ให้ลูกกลับไปคิดทบทวน ลูกไม่ยอมรับ!”“ลูกไม่ได้ทำผิด!”ฮ่องเต้หวู่กริ้วมาก ตะคอกว่า “เจ้าเก้า ถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังกล้าปากแข็งอยู่อีกหรือ? เจ้าไม่ได้ทำผิด? หรือว่าเป็นเราที่ทำผิด! ใช่! เราไม่น่าหลงเชื่อเจ้า ให้เจ้าไปทำหน้าที่ผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์!”“เราสั่งให้เจ้าควบคุมราคาธัญพืช แต่เจ้าไปทำอะไร?”“ถึงขั้นร่วมมือกับเหล่าพ่อค้าคดโกง เพิ่มราคาธัญพืช ทำร้ายประชาชน!”“เจ้า...เจ้าคิดจะทำให้เราโมโหตาย เจ้าถึงจะยอมกระนั้นหรือ?”“แต่เจ้าสี่ เวลาแค่สาม
หลี่จือไม่ยอมรับ เถียงกลับอย่างดื้อดึง “เจ้าเก้า เจ้าอย่ามาพูดจาเหน็บแนมอยู่ที่นี่! ต่อให้ข้าจะไม่สามารถควบคุมราคาข้าวได้ ถึงไม่มีผลงาน อย่างน้อยก็มีความพยายาม! เจ้าเล่า? เจ้าทำอะไร?”หลี่หลงหลินยิ้มเย็น “ผลงาน? การกระทำของท่านไม่เพียงไม่มีผลงาน แต่ยังกลับตาลปัตรอีกด้วย!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น “กลับตาลปัตร? สถานการณ์คงไม่ แย่ลงไปมากกว่านี้หรอกกระมัง?”หลี่หลงหลินถอนหายใจ พูดว่า “ลูกไม่ปล่อยธัญพืช อย่างน้อยราษฎร์ยังพอมีความหวัง แต่ องค์ชายสี่กลับใช้วิธีรุนแรง บังคับพ่อค้าธัญพืชให้ขายในราคาต่ำ ตรงข้ามกันเปิดเผยไพ่ตายของราชสำนักออกมาแล้ว!”“ทำให้ราษฎร์ได้รู้ว่า ราชสำนักไม่สามารถหาธัญพืชให้เพียงพอได้!”“ราคาธัญพืชของตลาดมืด พุ่งขึ้นไปถึงห้าสิบเท่าของราคาปกติแล้ว!”ห้าสิบเท่า...ฮ่องเต้หวู่ได้ยินจำนวนชวนให้ตกตะลึงนี้ ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้มังกร พูดไม่ออกอยู่นานราคาธัญพืชในเมืองหลวง สูงขึ้นถึงจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ต่อให้เป็นปีที่เกิดภัยแล้งจนข้าวไม่งอก ก็ยังไม่เคยเห็นราคาสูงมาก่อนแต่ปีนี้กลับเป็นปีที่มีฝนตกต้องตามฤดูกาล การเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์!ในปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ราคาธัญ
ฮ่องเต้หวู่มองหลี่หลงหลินอย่างเหลือจะเชื่อ พูดอย่างตกตะลึงว่า “หนึ่งเดือน...เจ้าใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน ก็สามารถทำได้กระนั้นหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า ตอบอย่างมั่นใจว่า “ทำได้พ่ะย่ะค่ะ! แต่ลูกมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเจ้าเก้าดีไปทุกอย่าง ยกเว้นอยู่อย่างเดียวชอบยื่นเงื่อนไขนัก!แม้ภายในใจจะไม่ค่อยพอใจ แต่ฮ่องเต้หวู่ก็จนใจ จึงพยักหน้าตอบว่า “เงื่อนไขอะไร?”หลี่หลงหลินหันมองทางหลี่จือแวบหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ผู้ตรวจการพี่สี่คนนี้ มีแต่จะสร้างความวุ่นวาย ไม่แต่งตั้งจะดีเสียกว่า!”ฮ่องเต้หวู่ชะงักไปพูดตามสัตย์จริง เงื่อนไขของหลี่หลงหลินไม่นับว่าเลยเถิดเกินไปไม่ว่าจะในราชสำนัก หรือในกองทัพ ก็ต้องมีเพียงเสียงเดียวเท่านั้นการบรรเทาทุกข์ก็เช่นกันหากมีขุนนางผู้ตรวจการสองคน ยังเป็นศัตรูกัน ต่างฝ่ายต่างขัดแย้งกัน แล้วผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจะเชื่อใคร?ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือเพียงเล็กน้อยของหลี่จือนั้น ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถใช้การได้ปล่อยให้เขาดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์ต่อไป ก็ไม่เหมาะสมจริงเสียด้วยฮ่องเต้หวู่ใคร่ครวญ พยักหน้าพูดว่า “ตกลง! เรารั
เวลานี้หลี่หลงหลินพาซูเฟิ่งหลิงเข้าวังพร้อมกัน มุ่งหน้าไปยังตำหนักหยั่งซินซูเฟิ่งหลิงสวมชุดเกราะเต็มยศ มือถือทวนเงิน คาดกระบี่ยาวไว้ที่เอว ผมหางม้าถูกรวบขึ้นสูง เดินตามอยู่ข้างกายหลี่หลงหลิน เบ้ปากพูดว่า “ตอนนี้ท่านทำอันใดกัน ถึงกับต้องให้ข้าเข้าวังมาเป็นเพื่อนด้วยหรือ?”หลี่หลงหลินยักไหล่ ตอบอย่างเอือมระอา “ข้ากลัวตาย! ระยะนี้ มักมีราษฎร์คิดจะฆ่าข้า!”หลี่หลงหลินมิได้พูดเกินจริงนับตั้งแต่ไฟมังกรเผายุ้งฉางหลวง เริ่มทำให้ราคาธัญพืชพุ่งทะยานชื่อเสียงของหลี่หลงหลิน ก็ดิ่งลงราวกับน้ำตกลงจากที่สูงสามพันฉื่อ กลายเป็นเน่าเหม็นฉาวโฉ่ราวกับอึสุนัขทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว ก็จะถูกราษฎร์ปาผักเน่าและไข่เน่าดังนั้น...ตอนนี้ไม่ว่าหลี่หลงหลินจะไปที่ใด ล้วนต้องให้ซูเฟิ่งหลิงคอยอารักขาอย่างใกล้ชิด ถึงจะสามารถวางใจได้ซูเฟิ่งหลิงพูดเสียงเย็นชา “ไร้สาระ! หากท่านไม่ใช่สามีของข้า ข้าเองก็อยากจะใช้ทวนแทงท่านหลี่ปี่เซียะคนนี้ให้ตายไปเสียเลย จะได้เป็นการช่วยเหลือราษฎร์!”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พูดว่า “แต่นับจากวันนี้ไป ความคิดของเจ้าที่มีต่อข้า จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!”ซูเฟิ่งหลิงแค่นหัวเราะเส
นี่คือความรักสุดท้ายจากพ่อของฮ่องเต้หวู่!แม้ว่าหลี่หลงหลินจะเข้าใจ แต่เขากลับไม่คิดที่จะหลบหนี พูดยิ้มๆ “ลูกเข้าวังมาวันนี้ เพราะมีสิ่งมงคล มากราบทูลเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่เผยสีหน้างุนงง “สิ่งมงคล?”ท่าทีตอบสนองแรกของเขา คือคิดว่าหลี่หลงหลินลูกอกตัญญูคนนี้หมดหนทางเยียวยาแล้วถึงขั้นนำสิ่งมงคลมาหลอกลวงตน!สิ่งที่เรียกว่ามงคลนั้น ในสายตาของเขาก็คือการเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น!มีประโยชน์หรือ?สามารถแก้ปัญหาขาดแคลนธัญพืชได้หรือ?ทำอะไรไม่ได้ทำได้เพียงแค่หลอกตนเองเท่านั้น!หลี่หลงหลินเห็นฮ่องเต้หวู่ไม่เชื่อ พูดยิ้มๆ ว่า “เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้พูดถึงสิ่งมงคลที่ไร้ตัวตน แต่เป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ สัมผัสได้! หากมีสิ่งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ปัญหาธัญพืชในครั้งนี้เท่านั้น! นับจากนี้ไป แคว้นต้าเซี่ยจะไม่มีวันขาดแคลนธัญพืชอีกเลย! และจะไม่มีราษฎร์อดตายอีก!”? ? ?ได้ยินถ้อยคำนี้ ยังไม่ต้องพูดว่าฮ่องเต้หวู่อึ้งงันไปแล้วแม้แต่ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหลายที่ยืนอยู่บริเวณประตู ก็ล้วนตกตะลึงเหม่อไปองค์ชายเก้ายังไม่ตื่นหรือ?ตกลงเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?นับจากนี้ไป ต้าเซี่ยจะไม่มีราษ
ณ ภูเขาทิศประจิมเทียบกันแล้ว ที่นี่กลับดูเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งกว่ามากที่ดินที่เคยรกร้าง ถูกบุกเบิกกลายเป็นทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไพศาล มองเห็นจนสุดขอบฟ้าหลี่หลงหลินพาเหล่าสตรีทั้งหมดของสกุลซู ไปจนถึงเหล่าเกษตรกรมารอรับเสด็จฮ่องเต้หวู่ลงจากรถม้ามังกร ขมวดคิ้วแน่น “สิ่งมงคลเล่า?”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ ชี้ไปที่ทุ่งนาข้างหลัง “ทูลเสด็จพ่อ ที่นี่ก็คือสิ่งมงคลพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางทั้งหลายต่างหันมามองหน้ากันสิ่งมงคล?ที่นี่มีแค่ทุ่งนา มีสิ่งมงคลที่ใดกัน?ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว ตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าเก้า! เจ้ากำลังหลอกเราอยู่หรือ?”ขุนนางหลายคนต่างส่งเสียงร้องรับ “องค์ชายเก้า! ท่านหลอกลวงเบื้องสูงถือเป็นความผิดใหญ่หลวง!”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พูดอย่างไม่รีบร้อนไม่ลนลาน “เสด็จพ่อ และขุนนางทุกท่าน! ขอให้พวกท่านตอบคำถามหนึ่งข้อ! ธัญพืชหนึ่งพันจินต่อไร่ ใช่สิ่งมงคลหรือไม่?”หนึ่งพันจินต่อไร่?ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างงุนงงในยุคสมัยโบราณ เพราะไม่มียาฆ่าแมลงและปุ๋ย ไปจนถึงข้าวลูกผสมปริมาณธัญพืชย่อมต่ำมาก!นาข้าวดีหนึ่งไร่ มากที่สุดสามารถผลิตข้าวได้สองถึงสามร้อยจินสำหรับพืชชนิดอื่น
หลี่หลงหลินอยู่ที่ตำหนักฉางเล่อ พบต้นกล้ามันเทศ นำกลับมาที่จวนสกุลซู และปลูกในสวนของกงซูหว่าน โดยให้ซุนชิงไต้ช่วยเพาะพันธุ์ มันเทศมีความทนทานสูง เมื่อใส่ต้นกล้าลงในดิน ไม่นานก็แตกหน่อออกรากหลังจากการเพาะพันธุ์สำเร็จ หลี่หลงหลินได้ย้ายต้นกล้าไปปลูกที่ภูเขาทิศประจิม สาเหตุที่เลือกปลูกไว้ในที่ดินผืนนี้ ก็มีการพิจารณาไว้ดีแล้ว มันเทศชอบแสงแดดและไม่ชอบน้ำท่วม เนินเขาไม่มีน้ำขังอย่างง่ายดาย และมีแสงแดดเพียงพอ ทำให้มันเทศเติบโตได้อย่างว่องไวปลูกในฤดูใบไม้ร่วง ชื่อเรียกคือมันเทศฤดูใบไม้ร่วง แม้ว่าระยะเวลาในการเติบโตสั้น สามารถเก็บเกี่ยวได้ในช่วงฤดูหนาว แต่ด้วยอุณหภูมิที่ไม่มาก ทำให้มันเทศไม่ใหญ่ทว่า ผ่านวิธีการปลูกอย่างลึกลับมา ผลผลิตหนึ่งพันจินต่อไร่ กลับไม่ยากยิ่งไปกว่านั้นเทียบกับมันเทศฤดูใบไม้ผลิ มันเทศฤดูใบไม้ร่วงหวานกว่ามาก คุณค่าทางโภชนาการอุดมสมบูรณ์มันเทศ?ฮ่องเต้หวู่งุนงง เกิดความสงสัยเต็มเปี่ยมภายในใจนี่คือธัญพืชชนิดใดกัน?เหตุใดเราไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเล่า?ดังนั้น ฮ่องเต้หวู่จึงหันหน้า มองเหล่าขุนนางและถามว่า “อ้ายชิง พวกเจ้าท่านใดเคยได้ยินเรื่องมันเทศบ้าง
หลี่หลงหลินเองก็ไม่พูดไร้สาระอีก สั่งเกษตรกรข้างหลังว่า “ลงไร่ ขุดมันเทศ!”เพียงแค่คำสั่งเดียว เกษตรกรหลายสิบคนก็ลงไปในทุ่งนา ยึดตามรากของมันเทศ ขุดขึ้นมาจากใต้ดิน โยนขึ้นบนคันนาญาติฝ่ายหญิงของสกุลซู เข้าไปเช็ดเอาดินที่เกาะติดอยู่บนมันเทศออกอย่างพิถีพิถันฮ่องเต้หวู่รู้สึกแปลกใจต่อมันเทศมาก ขยับขึ้นไปมองอย่างละเอียดจะพูดอย่างไรดีเล่า รูปร่างของมันเทศ ไม่ค่อยสวยเท่าใดหัวไม่ใหญ่ มีรอยย่น ผิวของมันเป็นสีชมพูยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้มีแค่ผลเดียว แต่หนึ่งราก กลับมีหนึ่งพวงใหญ่มองคร่าวๆ คล้ายหนูตัวน้อยที่เพิ่งเกิดใหม่เหล่าขุนนางต่างกระซิบกระซาบกัน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย “มันเทศนี้ กินได้จริงหรือ?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “หากขุนนางทุกท่านสงสัย ชิมดูก็รู้แล้วมิใช่หรือ?”ขุนนางคนหนึ่งส่ายหน้า ไม่ยอมเดินขึ้นไปลองชิม สำหรับสิ่งแปลกใหม่ พวกเขามักจะรู้สึกต่อต้านยิ่งไปกว่านั้น นี่คือสิ่งที่จะต้องกินเข้าปากหากมีพิษจะทำเยี่ยงไร?ฮ่องเต้หวู่กลับรู้สึกอยากลอง อยากเป็นคนแรกที่จะได้กิน ลิ้มลองรสชาติของมันเทศแต่ขุนนางต่างพากันห้ามปราม “ฝ่าบาท ร่างกายของพระองค์ล้ำค่ามาก! อย่าเสี
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ