เมื่อฮ่องเต้หวู่เห็นท่าทางของบัณฑิตผู้มีชื่อเสียงในสำนักศึกษาเหล่านั้น ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น ในใจเขาเองก็เข้าใจดี สำนักศึกษาแห่งแคว้นและสำนักฮั่นหลินคงหวังพึ่งพาอะไรไม่ได้ หากพ่ายแพ้ให้กับเซียวเซวียนเช่อ เช่นนั้นเหล่าบัณฑิตผู้มีชื่อเสียงของสำนักศึกษาก็ดีขึ้นไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เมื่อพิจารณาถึงรากเหง้าที่แท้จริงแล้ว พวกเขาก็เป็นพวกเดียวกัน! ยังไม่เริ่มสู้รบ แต่ก็กลัวเสียแล้ว จะสู้รบกันต่อไปได้อย่างไร? แต่อย่างไรก็ตาม ขนาดฮ่องเต้หวู่ก็ยังมา แม้เขาจะไม่สามารถกำหนดผลแพ้ชนะได้ แต่เขาก็สามารถรับรองได้ว่างานชุมนุมวรรณกรรมครั้งนี้จะมีความยุติธรรมที่สุด! จะไม่มีใครสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ในงานนี้ได้! ถึงแม้ว่าจะหวังพึ่งพาบัณฑิตผู้มีชื่อเสียงเหล่านี้ไม่ได้ แต่ในสำนักศึกษาก็ยังมีคนหนุ่มสาวอยู่!ชาวต้าเซี่ยมีผู้มีความสามารถมากมาย บางทีอาจจะมีผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นออกมาช่วยกอบกู้สถานการณ์ก็ได้! ฮ่องเต้หวู่เดินไปยังรูปปั้นของนักปราชญ์ ก้มกราบอย่างเคารพ หลังจากจุดธูปสามดอกแล้ว จึงประกาศว่า "งานชุมนุมวรรณกรรมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! ประลองกลยุทธ์ทางทหาร!" งานชุมนุมวรรณกรรม
เซียวเซวียนเช่อเผยยิ้มเล็กน้อย และสั่งให้เยลู่เกอแบกหีบขนาดใหญ่ใบหนึ่งมาวางตรงหน้าฮ่องเต้หวู่ เขาพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจว่า “ฝ่าบาท นี่คือตำรายุทธวิธีทั้งสิบสองเล่มที่ข้ารวบรวมมาด้วยความวิริยะอุตสาหะ!” “ขอฝ่าบาทช่วยชี้แนะสักหน่อย!” ฮ่องเต้หวู่เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ตำรายุทธวิธีสิบสองเล่ม ข้าได้ยินชื่อเสียงกิตติศัพท์มานานแล้ว...” ทางฝั่งสำนักศึกษา เหล่าบัณฑิตผู้มีชื่อเสียงก็รีบสั่งให้คนไปนำตำรายุทธวิธีที่เพิ่งรวบรวมเสร็จออกมาถวายเช่นกัน ซึ่งก็เป็นกล่องขนาดใหญ่อีกหลายใบ แม้คุณภาพจะไม่เท่าไหร่ แต่ปริมาณก็ช่วยได้! อย่างน้อยดูจากปริมาณก็ข่มขวัญไปได้บ้าง ฮ่องเต้หวู่เริ่มต้นด้วยการอ่านตำรายุทธวิธีที่สำนักศึกษาการรวบรวมขึ้นก่อน เมื่ออ่านผ่าน ๆ ไม่กี่หน้า ฮ่องเต้หวู่ก็ต้องอดทนกลั้นความโกรธเอาไว้! แย่มาก! ข้าให้สำนักศึกษารวบรวมตำรายุทธวิธี ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว กลับได้ผลงานห่วยแบบนี้หรือ? บัณฑิตพวกนี้ทำอะไรกันอยู่? นี่มันตำรายุทธวิธีตรงไหน? เป็นเหมือนเอาอะไรประหลาดๆมาปะติดปะต่อกันมั่วๆ พูดให้ชัดเจนเลยก็คือ การนำเอาหนังสือเกี่ยวกับยุทธวิธีของต้าเซี่ยมาทั้งหมด แล้วน
ทันทีที่คำพูดของฮ่องเต้หวู่ออกมา วิหารขงจื๊อก็เงียบสงัดราวกับตกอยู่ในห้วงความตาย! ฮ่องเต้หวู่ยอมแพ้! ต้าเซี่ยพ่ายแพ้แล้ว! ทุกคนต่างรู้สึกโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง! การแพ้สงครามให้กับชาวหมานยังไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย! ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ต่ำต้อย มีแต่การอ่านหนังสือเท่านั้นที่สูงส่ง ต้าเซี่ยให้ความสำคัญกับวรรณกรรมมากกว่าการทหารมานานแล้ว แม้แต่ฮ่องเต้หวู่ก็ไม่สามารถพลิกกระแสความนิยมนี้ได้ สิ่งที่ชาวต้าเซี่ยภาคภูมิใจที่สุดคือประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมอันเจิดจรัส แต่ผลที่ได้คือ ในงานชุมนุมวรรณกรรมครั้งนี้ ต้าเซี่ยพ่ายแพ้ในด้านความรู้ให้กับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ! จะมีอะไรน่าอับอายไปกว่านี้อีก? บัณฑิตมากมายนับไม่ถ้วนต้องเอามือปิดหน้าร้องไห้โฮ! มันน่าอายเกินไปจริงๆ! เหล่าชนชั้นสูงและข้าราชการต่างส่ายหน้าถอนหายใจ สีหน้าหมองคล้ำราวกับตายแล้ว พวกเขามาร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมเพื่อชมต้าเซี่ยเอาชนะคู่ต่อสู้ ไม่ใช่มาเพื่อดูชาวหมานมาโอ้อวด หากเป็นเหล่าบัณฑิตผู้มีชื่อเสียงที่ยอมแพ้ อาจจะยังหาทางแก้ไขได้ แต่ผู้ที่ยอมแพ้คือฝ่าบาท! นั่นก็เท่ากับการตบหน้าชาวต้าเซี่ย
เซียวเซวียนเช่อไม่พอใจกับผลของสถานการณ์ในตอนนี้ ต้องการตัดรากถอนโคน แม้แต่ตระกูลซูก็ไม่เว้น ฮูหยินผู้เฒ่าซูตัวสั่นด้วยความโกรธ “การทำอะไรควรเผื่อทางไว้ เพื่อที่จะได้พบกันอย่างสง่างามในวันหน้า!” “ท่านราชครู ท่านต้องโหดร้ายขนาดนี้เลยหรือ?” เซียวเซวียนเช่อหัวเราะดังลั่น “สงครามระหว่างสองแคว้น ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้!” “ขอให้ท่านฮูหยินผู้เฒ่าได้โปรดชี้แนะกลยุทธ์ทางการทหารด้วย!” ฮูหยินผู้เฒ่าซูโกรธจนควบคุมตนเองไม่ได้ แต่ก็ไม่มีทางตอบโต้ แม้ตัวเองจะเข้าใจเรื่องกลยุทธ์ แต่ก็เหมือนกับแม่ทัพทั่วไป ที่มีความรู้ไม่ลึกซึ้งพอ ทำให้เขียนอะไรออกมาไม่ได้ นอกจากนี้ ตัวเองก็มีอายุมากแล้ว ไม่ได้อยู่ในสนามรบมาหลายสิบปี ไม่คุ้นเคยกับการทำศึกอีกต่อไป ถึงแม้ว่าจะพยายามเขียนกลยุทธ์ออกมา ก็เป็นกลยุทธ์ที่ล้าสมัยแล้ว ส่วนซูเฟิ่งหลิง แม้จะได้รับการถ่ายทอดกลยุทธ์ทางการทหารจากตระกูลซู แต่นางก็ไม่เคยเข้าสนามรบ ขาดประสบการณ์ทางปฏิบัติ จึงไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเซียวเซวียนเช่อได้ จะทำอย่างไรดี? หรือว่าตระกูลซูก็ต้องยอมแพ้? แต่ถ้าตระกูลซูยอมแพ้ มันก็จะไม่มีข้อแก้ตัวอะไรอีกแล้ว ต้าเซี่ยจ
ตำราพิชัยสงครามซูจื่อ? หลี่หลงหลินตกใจเล็กน้อย พลางมองฮ่องเต้หวู่ด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออก เสด็จพ่อ พระองค์เริ่มอายุมากแล้วจริง ๆ หูพระองค์ไม่ค่อยดีแล้วหรือ? ข้าเพิ่งพูดไปว่าเป็น ‘ซุนจื่อ’ ไม่ใช่ ‘ซูจื่อ’... แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่หลงหลินก็คิดว่า ‘ซูจื่อ’ ก็ ‘ซูจื่อ’ ในเมื่อเข้าใจผิดไปแล้วก็ปล่อยไปเลย ไม่เพียงแต่สามารถอธิบายที่มาของตำรานี้ได้ แต่ยังสามารถช่วยยกชื่อเสียงให้กับตระกูลซูได้อีกด้วย จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก? หลี่หลงหลินพยักหน้า “ใช่แล้ว! ตำราเล่มนี้เป็นผลงานที่ตระกูลซูแต่งขึ้นเอง!” เดิมทีฮ่องเต้หวู่ก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรมาก เพราะไม่มีใครรู้จักลูกดีเท่าพ่อ องค์ชายเก้ามีความฉลาดพอตัว ถือว่ามีความรู้ติดตัวอยู่บ้าง แต่ฮ่องเต้หวู่ไม่เชื่อว่า องค์ชายเก้าซึ่งไม่เคยออกรบ จะสามารถเขียนตำรายุทธวิธีที่ดีได้ และเกรงว่ามันจะยิ่งแย่กว่าตำรายุทธวิธีที่เหล่าบัณฑิตในสำนักศึกษารวบรวมขึ้นมาเสียอีก! ในงานชุมนุมวรรณกรรมวันนี้ ศักดิ์ศรีของพระองค์ถูกลดทอนลงมากพอแล้ว เจ้ายังจะซ้ำเติมเราอีกหรือ แล้วต่อไปเราจะเอาหน้าที่ไหนไปพบผู้คน? แต่ถ้าตำราเล่มนี้เป็นผลงาน
เซียวเซวียนเช่อมั่นใจว่าตำรายุทธวิธีใด ๆ ก็ตามไม่มีทางสู้กับตำรายุทธวิธีสิบสองบทของตนได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว... ในสายตาของเซียวเซวียนเช่อ แม่ทัพผู้เฒ่าซูเคยพ่ายแพ้ให้กับเขามาแล้ว ตำรายุทธวิธีที่เขาเขียนขึ้น แม้จะมีจุดที่โดดเด่นอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับตนเองแล้วยังห่างไกลนัก แต่ฮ่องเต้หวู่กลับส่งตำราพิชัยสงครามซูจื่อให้เซียวเซวียนเช่อทันทีโดยไม่มีท่าทีลังเล “เอาไปดูสิ!” ท่าทางของพระองค์นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ เหมือนแน่ใจว่าเซียวเซวียนเช่อต้องแพ้อย่างแน่นอน! สีหน้าของเซียวเซวียนเช่อเปลี่ยนไปทันที เขารับตำราพิชัยสงครามซูจื่อมาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย แล้วเปิดอ่านอย่างละเอียด ทุกคนในที่นั้นต่างจับจ้องเซียวเซวียนเช่อ และสังเกตทุกอากัปกิริยาของเขา ในตอนแรก สีหน้าของเซียวเซวียนเช่อยังเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและดูแคลนอยู่บ้าง แต่ไม่นานนัก สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาดใจ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ท้ายที่สุด นอกจากความตกตะลึงแล้ว ยังมีแววแห่งความดีใจอย่างสุดซึ้งอีกด้วย! เป็นแบบเมื่อได้ยินถึงหลักธรรมในตอนเช้า แม้ต้องตายในตอนเย็นก็ไม่เสียดายชีวิต! ผู้คนต่างส
ถึงแม้ว่าภายในใจของฮูหยินผู้เฒ่าซูจะเต็มไปด้วยความประหลาดใจและสับสน แต่นางยังคงแสดงรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความลึกลับและยากจะคาดเดา ท่าทางราวกับผู้รู้แจ้ง เสียงสรรเสริญเยินยอของเหล่าบัณฑิตดังก้องไปทั่วทุกสารทิศ ในชั่วขณะนั้น ตระกูลซูก็ถูกยกย่องขึ้นสู่ฟากฟ้า! ต้องรู้ว่าตระกูลซูนั้นเป็นตระกูลแม่ทัพใหญ่ ซึ่งมักจะไม่ลงรอยกับพวกบัณฑิตเท่าใดนัก บัณฑิตมักจะมองว่าตระกูลซูนั้นหยาบกระด้าง ขณะที่ตระกูลซูก็เห็นว่าบัณฑิตไม่มีประโยชน์ใดเลย แต่ในครั้งนี้ พวกบัณฑิตที่มาจากสำนักศึกษาแห่งแคว้น สำนักศึกษา และสำนักฮั่นหลินที่น่าภาคภูมิใจ กลับต้องพ่ายแพ้ต่อเซียวเซวียนเช่อพวกหมานอี๋นี้ ตระกูลซูกลับเป็นผู้ที่เดินออกมา ใช้ตำราพิชัยสงครามซูจื่อหักล้างสถานการณ์! ไม่เพียงแต่กอบกู้หน้าของต้าเซี่ยเอาไว้ แต่ยังรักษาหน้าของเหล่าบัณฑิตเอาไว้อีกด้วย! เมื่อศัตรูเดียวกันอย่างชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมาอยู่ตรงหน้า ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ฮ่องเต้หวู่ใจเป็นอย่างยิ่ง สายตาของพระองค์จับจ้องไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าซูและตรัสว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า เหตุใดท่านถึงไม่หยิบยกตำรา ตำราพิชัยสงค
“ลูกรัก”“ดื่มเหล้าพิษจอกนี้!”“แม่ร่วมเดินสู่ยมโลกพร้อมกับเจ้า!”หลี่หลงหลินลืมตาขึ้น พบว่าตนอยู่ในชุดนักโทษ ถูกขังอยู่ในคุกที่มืดมิดหญิงงามในชุดชาววังแสนสง่า ร่ำไห้ดั่งสาลี่ต้องหยาดพิรุณ น้ำตานองหน้า มือถือจอกทอง ดวงหน้างามสะพรั่งเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังชั่วพริบตา ความทรงจำมากมายพรั่งพรูเข้ามาในความคิด!ราชวงศ์ต้าเซี่ย ราชวงศ์หนึ่งที่ไม่มีในหน้าประวัติศาสตร์!ข้าทะลุมิติกลายมาเป็นองค์ชายเก้า!หญิงงามในชุดชาววังตรงหน้า คือมารดาของข้า พระชายาโหรวสตรีที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปรานมากที่สุด!ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์ สมาชิกราชสกุล ร่ำรวยสมบัติวิบูลย์ทรัพย์ สระสุราเมรัยพงไพรเนื้อ หญิงงามละลานตา ช่างเป็นสิ่งที่ผู้คนเสาะแสวงเสียเนี่ยกระไร!ทว่าหลี่หลงหลินกลับไม่ดีใจแม้แต่น้อยชื่อเสียงเรียงนามขององค์ชายเก้าแย่มาก เป็นเศษสวะที่ทุกคนทราบกัน!ไม่เพียงแค่นี้เขายังทำความผิดร้ายแรง ทำให้ฮ่องเต้หวู่พิโรธ สังหารสายเลือดเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม!เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง!ต้องเป็นความผิดบาปใดกัน ทำให้ฮ่องเต้หวู่ไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อเป็นลูก จำต้องสังหารตนให้ได้?ความทรงจำของหลี่