เซียวเซวียนเช่อไม่พอใจกับผลของสถานการณ์ในตอนนี้ ต้องการตัดรากถอนโคน แม้แต่ตระกูลซูก็ไม่เว้น ฮูหยินผู้เฒ่าซูตัวสั่นด้วยความโกรธ “การทำอะไรควรเผื่อทางไว้ เพื่อที่จะได้พบกันอย่างสง่างามในวันหน้า!” “ท่านราชครู ท่านต้องโหดร้ายขนาดนี้เลยหรือ?” เซียวเซวียนเช่อหัวเราะดังลั่น “สงครามระหว่างสองแคว้น ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้!” “ขอให้ท่านฮูหยินผู้เฒ่าได้โปรดชี้แนะกลยุทธ์ทางการทหารด้วย!” ฮูหยินผู้เฒ่าซูโกรธจนควบคุมตนเองไม่ได้ แต่ก็ไม่มีทางตอบโต้ แม้ตัวเองจะเข้าใจเรื่องกลยุทธ์ แต่ก็เหมือนกับแม่ทัพทั่วไป ที่มีความรู้ไม่ลึกซึ้งพอ ทำให้เขียนอะไรออกมาไม่ได้ นอกจากนี้ ตัวเองก็มีอายุมากแล้ว ไม่ได้อยู่ในสนามรบมาหลายสิบปี ไม่คุ้นเคยกับการทำศึกอีกต่อไป ถึงแม้ว่าจะพยายามเขียนกลยุทธ์ออกมา ก็เป็นกลยุทธ์ที่ล้าสมัยแล้ว ส่วนซูเฟิ่งหลิง แม้จะได้รับการถ่ายทอดกลยุทธ์ทางการทหารจากตระกูลซู แต่นางก็ไม่เคยเข้าสนามรบ ขาดประสบการณ์ทางปฏิบัติ จึงไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเซียวเซวียนเช่อได้ จะทำอย่างไรดี? หรือว่าตระกูลซูก็ต้องยอมแพ้? แต่ถ้าตระกูลซูยอมแพ้ มันก็จะไม่มีข้อแก้ตัวอะไรอีกแล้ว ต้าเซี่ยจ
ตำราพิชัยสงครามซูจื่อ? หลี่หลงหลินตกใจเล็กน้อย พลางมองฮ่องเต้หวู่ด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออก เสด็จพ่อ พระองค์เริ่มอายุมากแล้วจริง ๆ หูพระองค์ไม่ค่อยดีแล้วหรือ? ข้าเพิ่งพูดไปว่าเป็น ‘ซุนจื่อ’ ไม่ใช่ ‘ซูจื่อ’... แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่หลงหลินก็คิดว่า ‘ซูจื่อ’ ก็ ‘ซูจื่อ’ ในเมื่อเข้าใจผิดไปแล้วก็ปล่อยไปเลย ไม่เพียงแต่สามารถอธิบายที่มาของตำรานี้ได้ แต่ยังสามารถช่วยยกชื่อเสียงให้กับตระกูลซูได้อีกด้วย จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก? หลี่หลงหลินพยักหน้า “ใช่แล้ว! ตำราเล่มนี้เป็นผลงานที่ตระกูลซูแต่งขึ้นเอง!” เดิมทีฮ่องเต้หวู่ก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรมาก เพราะไม่มีใครรู้จักลูกดีเท่าพ่อ องค์ชายเก้ามีความฉลาดพอตัว ถือว่ามีความรู้ติดตัวอยู่บ้าง แต่ฮ่องเต้หวู่ไม่เชื่อว่า องค์ชายเก้าซึ่งไม่เคยออกรบ จะสามารถเขียนตำรายุทธวิธีที่ดีได้ และเกรงว่ามันจะยิ่งแย่กว่าตำรายุทธวิธีที่เหล่าบัณฑิตในสำนักศึกษารวบรวมขึ้นมาเสียอีก! ในงานชุมนุมวรรณกรรมวันนี้ ศักดิ์ศรีของพระองค์ถูกลดทอนลงมากพอแล้ว เจ้ายังจะซ้ำเติมเราอีกหรือ แล้วต่อไปเราจะเอาหน้าที่ไหนไปพบผู้คน? แต่ถ้าตำราเล่มนี้เป็นผลงาน
เซียวเซวียนเช่อมั่นใจว่าตำรายุทธวิธีใด ๆ ก็ตามไม่มีทางสู้กับตำรายุทธวิธีสิบสองบทของตนได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว... ในสายตาของเซียวเซวียนเช่อ แม่ทัพผู้เฒ่าซูเคยพ่ายแพ้ให้กับเขามาแล้ว ตำรายุทธวิธีที่เขาเขียนขึ้น แม้จะมีจุดที่โดดเด่นอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับตนเองแล้วยังห่างไกลนัก แต่ฮ่องเต้หวู่กลับส่งตำราพิชัยสงครามซูจื่อให้เซียวเซวียนเช่อทันทีโดยไม่มีท่าทีลังเล “เอาไปดูสิ!” ท่าทางของพระองค์นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ เหมือนแน่ใจว่าเซียวเซวียนเช่อต้องแพ้อย่างแน่นอน! สีหน้าของเซียวเซวียนเช่อเปลี่ยนไปทันที เขารับตำราพิชัยสงครามซูจื่อมาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย แล้วเปิดอ่านอย่างละเอียด ทุกคนในที่นั้นต่างจับจ้องเซียวเซวียนเช่อ และสังเกตทุกอากัปกิริยาของเขา ในตอนแรก สีหน้าของเซียวเซวียนเช่อยังเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและดูแคลนอยู่บ้าง แต่ไม่นานนัก สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาดใจ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ท้ายที่สุด นอกจากความตกตะลึงแล้ว ยังมีแววแห่งความดีใจอย่างสุดซึ้งอีกด้วย! เป็นแบบเมื่อได้ยินถึงหลักธรรมในตอนเช้า แม้ต้องตายในตอนเย็นก็ไม่เสียดายชีวิต! ผู้คนต่างส
ถึงแม้ว่าภายในใจของฮูหยินผู้เฒ่าซูจะเต็มไปด้วยความประหลาดใจและสับสน แต่นางยังคงแสดงรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความลึกลับและยากจะคาดเดา ท่าทางราวกับผู้รู้แจ้ง เสียงสรรเสริญเยินยอของเหล่าบัณฑิตดังก้องไปทั่วทุกสารทิศ ในชั่วขณะนั้น ตระกูลซูก็ถูกยกย่องขึ้นสู่ฟากฟ้า! ต้องรู้ว่าตระกูลซูนั้นเป็นตระกูลแม่ทัพใหญ่ ซึ่งมักจะไม่ลงรอยกับพวกบัณฑิตเท่าใดนัก บัณฑิตมักจะมองว่าตระกูลซูนั้นหยาบกระด้าง ขณะที่ตระกูลซูก็เห็นว่าบัณฑิตไม่มีประโยชน์ใดเลย แต่ในครั้งนี้ พวกบัณฑิตที่มาจากสำนักศึกษาแห่งแคว้น สำนักศึกษา และสำนักฮั่นหลินที่น่าภาคภูมิใจ กลับต้องพ่ายแพ้ต่อเซียวเซวียนเช่อพวกหมานอี๋นี้ ตระกูลซูกลับเป็นผู้ที่เดินออกมา ใช้ตำราพิชัยสงครามซูจื่อหักล้างสถานการณ์! ไม่เพียงแต่กอบกู้หน้าของต้าเซี่ยเอาไว้ แต่ยังรักษาหน้าของเหล่าบัณฑิตเอาไว้อีกด้วย! เมื่อศัตรูเดียวกันอย่างชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมาอยู่ตรงหน้า ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ฮ่องเต้หวู่ใจเป็นอย่างยิ่ง สายตาของพระองค์จับจ้องไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าซูและตรัสว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า เหตุใดท่านถึงไม่หยิบยกตำรา ตำราพิชัยสงค
“ลูกรัก”“ดื่มเหล้าพิษจอกนี้!”“แม่ร่วมเดินสู่ยมโลกพร้อมกับเจ้า!”หลี่หลงหลินลืมตาขึ้น พบว่าตนอยู่ในชุดนักโทษ ถูกขังอยู่ในคุกที่มืดมิดหญิงงามในชุดชาววังแสนสง่า ร่ำไห้ดั่งสาลี่ต้องหยาดพิรุณ น้ำตานองหน้า มือถือจอกทอง ดวงหน้างามสะพรั่งเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังชั่วพริบตา ความทรงจำมากมายพรั่งพรูเข้ามาในความคิด!ราชวงศ์ต้าเซี่ย ราชวงศ์หนึ่งที่ไม่มีในหน้าประวัติศาสตร์!ข้าทะลุมิติกลายมาเป็นองค์ชายเก้า!หญิงงามในชุดชาววังตรงหน้า คือมารดาของข้า พระชายาโหรวสตรีที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปรานมากที่สุด!ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์ สมาชิกราชสกุล ร่ำรวยสมบัติวิบูลย์ทรัพย์ สระสุราเมรัยพงไพรเนื้อ หญิงงามละลานตา ช่างเป็นสิ่งที่ผู้คนเสาะแสวงเสียเนี่ยกระไร!ทว่าหลี่หลงหลินกลับไม่ดีใจแม้แต่น้อยชื่อเสียงเรียงนามขององค์ชายเก้าแย่มาก เป็นเศษสวะที่ทุกคนทราบกัน!ไม่เพียงแค่นี้เขายังทำความผิดร้ายแรง ทำให้ฮ่องเต้หวู่พิโรธ สังหารสายเลือดเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม!เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง!ต้องเป็นความผิดบาปใดกัน ทำให้ฮ่องเต้หวู่ไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อเป็นลูก จำต้องสังหารตนให้ได้?ความทรงจำของหลี่
หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเป็นปมคิดไม่ถึงว่า ตนเกิดเป็นมนุษย์มาถึงสองชาติภพ ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สิ้นหวังเช่นนี้!ความคิดความอ่านของฮ่องเต้หวู่ยากจะหยั่งถึง จิตใจลึกลับซับซ้อนดั่งเหวเสมือนทะเลราชวงศ์ต้าเซี่ย เต็มไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ฉลาดปราดเปรื่องดูไม่ออกหรือว่า ตนถูกปรักปรำ?พวกเขาต่างรู้ดีแก่ใจ!ถึงขึ้นที่ว่า แม้แต่แม่ทัพผู้เฒ่าซูก็ตระหนักรู้ว่า เป็นฝีมือของขุนนางชั้นสูงในราชสำนักที่ปล่อยข่าวรั่วไหล ทำให้ทหารตระกูลซูตกอยู่ในวงล้อม นำมาซึ่งความพ่ายแพ้!ดังนั้น แม่ทัพผู้เฒ่าซูจึงสู้สุดชีวิต ปกป้องและพาตนเองตีฝ่าวงล้อมออกมา!เพียงแต่น่าเสียดาย แม่ทัพผู้เฒ่าซูสู้รบเพียงลำพัง จนหมดแรงแล้วสิ้นใจในที่สุดก่อนตาย เขาทิ้งจดหมายเขียนด้วยเลือดไว้หนึ่งฉบับ ให้ตนนำไปให้ฮ่องเต้หวู่ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์!หลี่หลงหลินรีบกุมแผ่นอก พบว่าจดหมายเขียนด้วยเลือดยังอยู่ เขาจึงค่อยโล่งอก!จดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ เป็นความหวังเดียวในการพลิกชะตาชีวิตของตน!ทว่าหลี่หลงหลินคิดทบทวนหลายครั้ง เขาไม่คิดจะเอาจดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ออกมา แล้วให้ฮ่องเต้หวู่โดยตรงเหตุผลนั
เมืองหลวงจวนตระกูลซูพรึ่บ!ณ ลานกลางจวน ลำแสงสีเงินเคลื่อนผ่าน!นั่นไม่ใช่สายฟ้า แต่เป็นลำแสงสะท้อนจากหอกยาว!เงาตามติดการเคลื่อนไหวของหอก หอกพุ่งตัวดุจดั่งมังกร!นางสวมเสื้อเกราะ ด้านหลังมีผ้าคลุมสีแดงโบกสะบัด ไม่ได้สวมหมวกเกราะ ผมยาวสลวยถึงกลางหลังมัดรวบเป็นหางม้า พริ้วไหวขึ้นลงวีรชนผู้กล้าหาญ สตรีไม่แพ้บุรุษ!สตรีผู้นั้นคือซูเฟิ่งหลิงหลานสาวแม่ทัพผู้เฒ่าซู!ตึ้ง!หอกยาวในมือซูเฟิ่งหลิงทิ่มแทงด้วยความรุนแรง เจาะทะลุหุ่นไม้ แตกเป็นเสี่ยงๆ!บนศีรษะของหุ่นไม้มีแผ่นกระดาษติดไว้ สามตัวอักษร...หลี่หลงหลิน!หญิงสาวข้างกายปรบมือ “คุณหนู วิชาหอกของคุณหนูพัฒนาขึ้นอีกแล้วเจ้าค่ะ!”ซูเฟิ่งหลิงกำหมัดแน่น ทรวงอกอิ่มกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง ดวงตาหงส์น้ำตารื้น พูดด้วยความโมโห “วิชาหอกเก่งกาจ มีประโยชน์อะไร? ข้าเจ็บใจที่ไม่อาจสังหารไอ้คนสารเลวหลี่หลงหลินด้วยตนเอง ไม่อาจแก้แค้นให้ตระกูลซูที่จงรักภักดีได้!”พวกสตรีได้ยินเช่นนั้น ต่างก้มหน้าลง สีหน้าฉายความโกรธเคืองตระกูลซูจงรักภักดีทุกชั่วอายุคน ภักดีต่อต้าเซี่ย!เพราะคนสารเลวหลี่หลงหลิน ทำให้ผู้ชายของตระกูลซูตายอย่างอนาถ เหลือเพียงห
“ฮูหยินผู้เฒ่า!”คนทั้งตระกูลซูพากันทำความเคารพหญิงชราแม้ซูเฟิ่งหลิงจะหยุดการกระทำของตน ทว่ายังเจ็บใจยิ่งนัก “ท่านย่า! แทงครั้งเดียว ข้าก็สังหารเจ้าคนสารเลวหลี่หลงหลินได้แล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูหัวเราะในลำคอ “โชคดีที่ข้ามาทันเวลา หากเจ้าทำให้เว่ยกงกงบาดเจ็บ เช่นนั้นเจ้าก็เท่ากับว่าเจ้าทำความผิดร้ายแรง! ยังไม่รีบถอยออกไปอีก!”ซูเฟิ่งหลิงไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน กลัวแค่เพียงฮูหยินผู้เฒ่าซูเวลาโมโหเท่านั้น แม้จะเจ็บใจ แต่นางก็ถอยไปยืนข้างๆ อย่างเชื่อฟังทว่าดวงตาหงส์คู่นั้น ยังคงจ้องเขม็งไปที่หลี่หลงหลิน แทบอยากจะกลืนกินเขาทั้งเป็น!เว่ยซวินดึงสติกลับมา ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวแล้วทำเคารพ “คารวะฮูหยินผู้เฒ่าซู! ไม่พบเจอกันนาน ฮูหยินผู้เฒ่าซูเป็นเช่นไรบ้าง สุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่?”เว่ยกงกงเป็นขันทีคนโปรดของฮ่องเต้หวู่ ถูกขนานนามว่าเก้าพันปีแต่กระทั่งเก้าพันปีท่านนี้ ยังต้องทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่าซูอย่างว่าง่าย!เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าคนนี้ไม่เพียงมีอำนาจในตระกูลซู แม้แต่ในราชสำนัก ก็น่าเกรงขามยิ่งนัก!ถึงอย่างไร ทหารรักษาแคว้นสิบแปดนายของตระกูลซู นางเป็นคนสอนมากับมือ!เมื่อครั้นฮ