โชคดี หลี่หลงหลินชนะเดิมพันแล้ว!ชัยชนะครั้งที่สองของซั่วเป่ย ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพ่ายแพ้ ไม่สามารถจัดทัพได้อีกเจ้าเก้าปลอมพระราชโองการ แม้ไม่สามารถยอมรับได้ทว่าตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนทำเพื่อราษฎร์ ทั้งยังเพื่อคลี่คลายปมใหญ่เรื่องชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือภายในใจเราอีกด้วย“เจ้าเก้า!”ฮ่องเต้หวู่หายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ประคองหลี่หลงหลินขึ้น “เจ้าดีมาก! แต่ ความดีคือความดี ความผิดคือความผิด เราเป็นโอรสสวรรค์ ย่อมต้องแยกแยะรางวัลลงโทษออกจากกันอย่างชัดเจน!”หลี่หลงหลินลอบยิ้มขมปร่าภายในใจแท้จริงแล้วเขาเดาได้ตั้งแต่แรกว่ามิอาจหลีกหนีความผิดนี้ได้!ปลอมพระราชโองการ หลอกฮ่องเต้นี่คือโทษหนักต้องถูกตัดหัว!ต่อให้ตนเป็นองค์ชาย ต่อให้ไม่ตาย ก็หนีไม่พ้นถูกขังหรือเนรเทศหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเครียด “ลูกน้อมรับความผิด!”สีหน้าฮ่องเต้หวู่เปลี่ยนไป คล้ายเปลี่ยนเป็นคนละคน “เจ้ามีความผิดอะไร?”หลี่หลงหลินชะงัก “ลูกปลอมพระราชโองการ...”ฮ่องเต้หวู่ลูบเครา แสร้งพูดเสียงงุนงง “มีหรือ? เราจำไม่ได้ พระราชโองการฉบับนั้น เป็นเราสั่งให้เจ้าเขียนมิใช่หรือ?”หลี่หลงหลินตกตะลึง เข้าใจความนัยข
หลี่หลงหลินหัวเราะแล้ว “ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพ่ายแพ้ เจ้าสมควรดีใจถึงจะถูก! เหตุใดขุ่นข้องหมองใจอารมณ์ไม่ดีเล่า? หรือว่า เพราะอุบายของข้าทำลายชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ฝีมือการต่อสู้ของเจ้า จึงไม่มีที่ให้ใช้งาน?”ซูเฟิ่งหลิงตัวสั่นหลี่หลงหลินเดาถูกแล้ว!ความฝันของนาง ก็คือทำลายชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือด้วยมือของตน เพื่อล้างแค้นให้วีรบุรุษของสกุลซู!สรุปคือ ตนเองยังไม่ทันออกศึกชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็พ่ายแพ้แล้ว ถึงขั้นต้องการเจรจาร่วมกันภายในหัวใจของซูเฟิ่งหลิงว่างเปล่า คล้ายปล่อยหมัดใส่ดอกฝ้าย พูดไม่ออกว่าทรมานหัวใจนางเปี่ยมความผิดหวัง กลับไม่มีที่ให้ระบาย ทำได้เพียงอึดอัดคับข้องใจอยู่เพียงลำพัง“ต้องโทษท่าน!”สายตาซูเฟิ่งหลิงทอประกายน้ำตา “หากมิใช่ท่านขัดขวางข้า! ข้าก็สามารถได้รับพระราชโองการจากฝ่าบาท พาทหารไปแดนเหนือ พอดีจะได้ต่อสู้เคียงบ่าแม่ทัพจาง ฆ่าพวกชนเผ่าทางตอนเหนือให้เกลี้ยง!”“ตอนนี้เล่า...”“ข้าและเหล่าทหารของภูเขาทิศประจิม คล้ายเป็นเรื่องตลกอย่างหนึ่งไปแล้ว!”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเคร่งขรึม พูดว่า “เจ้าคงไม่คิดว่า นับตั้งแต่นี้ไป ตนเองก็ไม่มีที่ให
ฮูหยินผู้เฒ่าสบมองหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า หากท่านเป็นชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ จะทำให้ต้าเซี่ยอับอายเยี่ยงไร?”หลี่หลงหลินครุ่นคิด “ไม่มีอะไรไปจากแสดงวิชายุทธ์!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูพยักหน้ายิ้มๆ “ไม่ผิด! เช่นนั้นต้าเซี่ยจะรับมือเยี่ยงไร?”หลี่หลงหลินส่ายหน้า “ข้าไม่รู้”เขาเป็นองค์ชายอ่อนหัดไม่ร่ำเรียนไร้ความสามารถคนหนึ่ง สำหรับเรื่องทางทหารกลับรู้น้อยมากฮูหยินผู้เฒ่าซูเอ่ยปากว่า “ราชสำนักจะต้องเขียนตำรายุทธวิธีอย่างแน่นอน”หลี่หลงหลินชะงัก “ตำรายุทธวิธี?”ฮูหยินผ้เฒ่าซูเอ่ยปาก “ใช่แล้ว! ทุกครั้งที่ทูตหมานอี๋มา ราชสำนักจะเขียนตำรายุทธวิธี มาแสดงวิชายุทธ์ ปลุกขวัญกำลังใจคน!”หลี่หลงหลินเข้าใจแล้วดังนั้นตำรายุทธวิธี ก็คือราชสำนักสั่งให้สำนักศึกษาแต่ละแห่งและสำนักฮั่นหลิน จัดการตำรายุทธวิธีในทุกยุคสมัย เพื่อนำออกมาข่มขวัญเผ่าหมานเจ้าดู!ตำรายุทธวิธีของต้าเซี่ยพวกเรามีมากเพียงนี้!กลัวแล้วหรือไม่?มองดูแล้วน่าขันอยู่บ้างอย่างไรเสีย หมานอี๋ก็ไม่มีวันตกใจเพราะตำรายุทธวิธีเพียงสองสามเล่มแท้จริงแล้ว กลับไม่ใช่ไม่มีความหมายเลยเขียนตำรายุทธวิธี เพียงทำให้หมานอี๋ดู แต่ยังเป็น
หลี่หลงหลินพูดอย่างลำบากใจ “สกุลซูไม่มีตำรายุทธวิธี นั่นจะทำเช่นไร?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูพูดยิ้มๆ “ย่อมต้องเขียนออกมา! เฟิ่งหลิงเด็กคนนี้ เติบโตอยู่ในกองทัพตั้งแต่เด็ก ได้รับสืบทอดวิชายุทธ์ของสกุลซูอย่างแท้จริง เพียงน่าเสียดายพูดไม่เก่ง คิดเพียงฝึกทหาร พูดออกมาไม่ได้”หลี่หลงหลินหัวเราะ “ผู้มีวิชายุทธ์บนโลกนี้ส่วนใหญ่ ต่างเป็นเช่นนี้! ทำได้เพียงต่อสู้ แต่สอนคนต่อสู้ไม่ได้!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูพยักหน้า “ใช่! เพราะเหตุนี้ ข้าจึงอยากให้องค์ชายเก้าช่วยซูเฟิ่งหลิง เขียนตำรายุทธวิธีออกมา!”หลี่หลงหลินชะงัก ชี้จมูกตนเอง เอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ฮูหยินผู้เฒ่า ให้ข้าเขียนตำรายุทธวิธี?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูสีหน้าเคร่งขรึม “ใช่แล้ว!”หลี่หลงหลินโบกมือ “สำหรับวิชายุทธ์ ข้าไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย ไฉนเลยจะสามารถเขียนตำรายุทธวิธีได้? หากพูดเรื่องเรียงความ พี่สะใภ้สี่หลิ่วหรูเยียนยังเหนือกว่าข้า มิสู้ให้นางช่วย ดีกว่าข้ามากนัก!”มิใช่หลี่หลงหลินถ่อมตนจริงแต่ฮูหยินผู้เฒ่าซูประเมินตนสูงเกินไปแล้วยามตนเป็นผู้ตรวจการกองทัพอยู่แดนเหนือ นี่เข้าสนามรบกี่วันเล่า?ตนเองไปช่วยซูเฟิ่งหลิงเขียนตำรายุทธวิธี มิใช่สองประโยค
ราชสำนักของต้าเซี่ย กลับเห็นต่างจากราษฎร์เสียงดังเป็นอย่างมาก!ท้องพระโรง ประชุมราชสำนักฮ่องเต้หวู่นั่งบนบัลลังก์มังกร ขุนนางบุ๋นบู๊แบ่งออกเป็นสองฝั่งอัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวนลุกยืนออกมา “ฝ่าบาท! คณะทูตจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือออกเดินทางแล้ว อีกไม่นานก็จะมาถึงเมืองหลวง! ภายในคณะทูตมีราชครูเซียวเซวียนเช่อ องค์หญิงเซียวเม่ยเอ๋อร์ ยังมีนักรบผู้กล้าอันดับหนึ่งของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเหยลวี่เกอ ยังมีทหารม้ามากความสามารถของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนืออีกหลายร้อยคน รับผิดชอบคุ้มกันพ่ะย่ะค่ะ!”ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมีสองสกุลใหญ่เย่ลู่คือตระกูลสูงศักดิ์เซียวคือเชื้อพระวงศ์ราชครูเซียวเซวียนเช่อ ก็เป็นเชื้อพระวงศ์เฉกเช่นเดียวกัน!ฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้ว เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ราชครูและนักรบผู้กล้าอันดับหนึ่งของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมาต้าเซี่ย เราไม่แปลกใจ แต่เหตุใดองค์หญิงเซียวเม่ยเอ๋อร์ถึงมาด้วยเล่า?”ตู้เหวินยวนส่ายหน้า “กระหม่อมไม่ทราบ! แต่ ในเมื่อชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือส่งเชื้อพระวงศ์มา พวกเราก็ต้องจัดส่งเชื้อพระวงศ์ไปต้อนรับ อย่างเป็นทางการพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู
ส่วนอีกหนึ่งคนก็คือเซียวเม่ยเอ๋อร์องค์หญิงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนางนั่งอยู่ในรถม้าที่หรูหรา สวมชุดกระโปรงหนังสั้นในแบบของโม่เป่ย เผยผิวขาวเนียนส่วนใหญ่บนขาเรียวยาวทั้งสองข้างของนาง งดงามราวกับเสือดาวสาวที่เต็มไปด้วยความดุร้ายใบหน้ารูปไข่ที่งดงามของนาง ดวงตาสีฟ้า และรอยยิ้มมีเสน่ห์ที่ดึงดูดใจผู้คน ประกอบกับรูปร่างที่เผ็ดร้อนเย้ายวนนั้น มีเพียงคำว่าปีศาจที่จะสามารถอธิบายได้!ส่วนเหยลวี่เกอนักรบผู้กล้าหาญคนแรกของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ เป็นชายร่างสูงใหญ่ สูงประมาณสองร้อยหมี่ มีกล้ามเป็นมัดๆ ผมหนา เหมือนหมีดำตัวใหญ่ ขี่ม้าตัวใหญ่และสูง เดินตามอยู่ข้างๆ เซียวเม่ยเอ๋อร์“ฮี่ๆ...”เซียวเม่ยเอ๋อร์มองเมืองหลวงในระยะไกล พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มหวาน “ท่านราชครู นี่คือเมืองหลวงของต้าเซี่ยหรือ ช่างเป็นเมืองที่งดงามจริงๆ เมื่อไหร่พวกเราจะยึดครองที่นี่ได้?”เซียวเซวียนเช่อยิ้มบาง “องค์หญิง อย่ารีบร้อน! จงหยวน มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ เป็นถิ่นกำเนิดของอัจฉริยะบุรุษมากมาย ไม่อาจมองข้ามได้ พวกเราอย่ารีบร้อนเกินไป ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเถอะ!”เซียวเม่ยเอ๋อร์ดวงตาเป็นประกาย “ข้าได้ยินมาว่าฮ่องเต้ต้า
เมื่อองค์ชายสี่หลี่จือเห็นคณะทูตจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมาถึง เขาก็รีบลงจากม้าแล้วนำขุนนางกรมธรรมการกลุ่มหนึ่งไปทักทายพวกเขาอย่างรวดเร็ว “หลี่จือ องค์ชายสี่แห่งต้าเซี่ยได้รับคำสั่งให้มาต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกคนจากแดนไกล...”เซียวเม่ยเอ๋อร์เปิดม่าน เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามไม่มีใครเทียบได้ “ขอบพระทัยเพคะ องค์ชายสี่”หลี่จือตะลึงงันไปทันที!ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นสตรีที่งดงามมาก่อนแต่สตรีที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล มีความดุร้ายอย่างเซียวเม่ยเอ๋อร์นั้นหาได้ยากมากในต้าเซี่ยเมื่อเซียวเม่ยเอ๋อร์เห็นท่าทีของหลี่จือ นางก็เยาะเย้ยทันที “บุรุษจากต้าเซี่ยก็คงไม่มีอะไรไปมากกว่านี้แล้ว! ช่างน่าเบื่อจริงๆ...”นักล่าจะรู้สึกเบื่อหน่ายกับเหยื่อที่ได้มาง่ายเกินไปจู่ๆ ใบหน้าของหลี่จือก็แดงเรื่อ เขาพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียวเซียวเม่ยเอ๋อร์มองไปที่หลี่หลงหลิน หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เขาเป็นใคร? กล้าเมินต่อข้า! ช่างน่าสนใจดี...”หลี่จือรีบพูดว่า “เขาคือองค์ชายเก้า หลี่หลงหลิน...”จู่ๆ เซียวเม่ยเอ๋อร์ก็เข้าใจ “อ่อ เขาเป็นองค์ชายเก้าที่ไม่ได้เรื่องผู้นั้นน่ะหรือ! ข้าเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง!”ห
ตอนนี้เขามีอำนาจทหารอยู่ในมือ ได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อ ชื่อเสียงก็รุ่งโรจน์ แล้วข้าล่ะ?เมื่อครู่ขอร้องให้ท่านตาไปบอกท่านยาย หาทางให้เสด็จพ่อปล่อยข้าจากการกักบริเวณแต่ทันทีที่ข้าออกมา ก็ต้องมาขัดแย้งกับเจ้าเก้าหรือ?ข้ายังอยากจะมีชีวิตต่ออีกหลายวันหลี่จือยิ้มประจบประแจงกล่าวว่า “ท่านราชครูอย่าถือสาเลย! น้องเก้าของข้าเป็นคนเจ้าอารมณ์! อย่าไปถือสาเขาให้มากนักเลย! ท่านลงจากหลังม้า พวกเราก็จะเดินเข้าเมืองหลวงไปพร้อมกับพวกท่าน...”เซียวเซวียนเช่อโกรธมาก “มีเหตุผลเสียที่ไหน!”ทันทีที่มาถึงเมืองหลวง ยังไม่ได้เข้าไปในประตูเมืองด้วยซ้ำ ก็ถูกวางอำนาจใส่แล้วเขาเป็นราชครูชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือ คนที่ทำให้ตนอับอาย จริงๆ แล้วคือองค์ชายเก้าแห่งต้าเซี่ยผู้ไร้ประโยชน์ที่มีชื่อเสียงผู้นั้น!เซียวเซวียนเช่อไม่อาจกลืนความโกรธนี้ได้จริงๆในเวลานี้ เสียงที่มีเสน่ห์และน่ารักของเซียวเม่ยเอ๋อร์ก็ดังออกมาจากรถม้า “ในเมื่อต้าเซี่ยมีกฎเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ควรเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็อยากจะดูว่าเมืองหลวงของต้าเซ