เมื่อองค์ชายสี่หลี่จือเห็นคณะทูตจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมาถึง เขาก็รีบลงจากม้าแล้วนำขุนนางกรมธรรมการกลุ่มหนึ่งไปทักทายพวกเขาอย่างรวดเร็ว “หลี่จือ องค์ชายสี่แห่งต้าเซี่ยได้รับคำสั่งให้มาต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกคนจากแดนไกล...”เซียวเม่ยเอ๋อร์เปิดม่าน เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามไม่มีใครเทียบได้ “ขอบพระทัยเพคะ องค์ชายสี่”หลี่จือตะลึงงันไปทันที!ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นสตรีที่งดงามมาก่อนแต่สตรีที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล มีความดุร้ายอย่างเซียวเม่ยเอ๋อร์นั้นหาได้ยากมากในต้าเซี่ยเมื่อเซียวเม่ยเอ๋อร์เห็นท่าทีของหลี่จือ นางก็เยาะเย้ยทันที “บุรุษจากต้าเซี่ยก็คงไม่มีอะไรไปมากกว่านี้แล้ว! ช่างน่าเบื่อจริงๆ...”นักล่าจะรู้สึกเบื่อหน่ายกับเหยื่อที่ได้มาง่ายเกินไปจู่ๆ ใบหน้าของหลี่จือก็แดงเรื่อ เขาพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียวเซียวเม่ยเอ๋อร์มองไปที่หลี่หลงหลิน หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เขาเป็นใคร? กล้าเมินต่อข้า! ช่างน่าสนใจดี...”หลี่จือรีบพูดว่า “เขาคือองค์ชายเก้า หลี่หลงหลิน...”จู่ๆ เซียวเม่ยเอ๋อร์ก็เข้าใจ “อ่อ เขาเป็นองค์ชายเก้าที่ไม่ได้เรื่องผู้นั้นน่ะหรือ! ข้าเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง!”ห
ตอนนี้เขามีอำนาจทหารอยู่ในมือ ได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อ ชื่อเสียงก็รุ่งโรจน์ แล้วข้าล่ะ?เมื่อครู่ขอร้องให้ท่านตาไปบอกท่านยาย หาทางให้เสด็จพ่อปล่อยข้าจากการกักบริเวณแต่ทันทีที่ข้าออกมา ก็ต้องมาขัดแย้งกับเจ้าเก้าหรือ?ข้ายังอยากจะมีชีวิตต่ออีกหลายวันหลี่จือยิ้มประจบประแจงกล่าวว่า “ท่านราชครูอย่าถือสาเลย! น้องเก้าของข้าเป็นคนเจ้าอารมณ์! อย่าไปถือสาเขาให้มากนักเลย! ท่านลงจากหลังม้า พวกเราก็จะเดินเข้าเมืองหลวงไปพร้อมกับพวกท่าน...”เซียวเซวียนเช่อโกรธมาก “มีเหตุผลเสียที่ไหน!”ทันทีที่มาถึงเมืองหลวง ยังไม่ได้เข้าไปในประตูเมืองด้วยซ้ำ ก็ถูกวางอำนาจใส่แล้วเขาเป็นราชครูชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือ คนที่ทำให้ตนอับอาย จริงๆ แล้วคือองค์ชายเก้าแห่งต้าเซี่ยผู้ไร้ประโยชน์ที่มีชื่อเสียงผู้นั้น!เซียวเซวียนเช่อไม่อาจกลืนความโกรธนี้ได้จริงๆในเวลานี้ เสียงที่มีเสน่ห์และน่ารักของเซียวเม่ยเอ๋อร์ก็ดังออกมาจากรถม้า “ในเมื่อต้าเซี่ยมีกฎเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ควรเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็อยากจะดูว่าเมืองหลวงของต้าเซ
สิ่งที่ทำให้เซียวเม่ยเอ๋อร์ตกใจยิ่งกว่านั้นคือมีชาวบ้านมาต้อนรับทั้งสองฝั่งข้างทาง!ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน ในมือถือใบผักเน่าและไข่เน่า...ไม่สิ!เซียวเม่ยเอ๋อร์ตกตะลึงในใจชาวบ้านในต้าเซี่ยเหล่านี้ ล้วนมีสีหน้าโกรธเคือง เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ต้อนรับ!“พวกหมานอี๋ ไสหัวออกไปซะ!”“ต้าเซี่ยไม่ต้อนรับพวกเจ้า!”“สุนัขจิ้งจอก! สัตว์เดรัจฉาน!”ในสายตาของทุกคนในต้าเซี่ย เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เมื่อคณะทูตจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเข้ามาใกล้ ก็ขว้างของเน่าเสียในมือทั้งหมดไปที่หัวของพวกเขา!คณะทูตชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือไม่ทันได้ป้องกันตัว ก็ถูกของสกปรกขว้างใส่เต็มตัวไปหมด สภาพดูไม่ได้ยิ่งนักแม้แต่เซียวเซวียนเช่อก็โดนไข่เน่าขว้างใส่ จึงอดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง “พวกสารเลวเอ๊ย! นี่คือวิธีต้อนรับแขกมาเยือนของต้าเซี่ยหรือ?”เหยลวี่เกอยืนอยู่ตรงหน้าเซียวเม่ยเอ๋อร์เหมือนหอคอยเหล็ก ช่วยบดบังใบผักเน่าและไข่เน่าให้กับนางองค์ชายสี่หลี่จือและกลุ่มขุนนางจากกรมธรรมการก็พลอยถูกลูกหลงไปด้วย ถูกขว้างใส่จนกรีดร้องออกมา“พวกเจ้าดูให้ดี ข้าคือองค์ชายสี่ ไม่ใช่หมานอี๋!”“พวกข้าคือขุนนางราชสำนัก...”ยิ่ง
“องค์ชายสี่กับขุนนางกรมธรรมการ ล้วนแต่เป็นหนูบนถนน”“มีเพียงองค์ชายเก้าเท่านั้นที่ยังไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรงั้นหรือ?”“เรื่องนี้มีเหตุผลอะไรหรือไม่?”หากเซียวเม่ยเอ๋อร์ถามความลับของราชสำนัก ต่อให้เสนาบดีกรมพิธีการทูตต้องตายก็ไม่มีทางกล้าพูดออกมาแต่ถ้าถามเรื่ององค์ชายเก้าก็ไม่เป็นอะไรอย่างไรเสีย การกระทำขององค์ชายเก้าเป็นที่รู้จักกันดีของทุกคนในต้าเซี่ย ไม่ได้เป็นความลับอะไรเสนาบดีกรมพิธีการทูตกล่าวด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิง ข้อมูลของท่านน่าจะเก่าแล้ว!”“องค์ชายเก้าเคยเป็นเสเพลมาก่อนจริงๆ เป็นคนไร้ความสามารถ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ”“ความจริงแล้ว เขาเป็นพวกเสือซ่อนเล็บ ซ่อนความสามารถของตัวเองมาตลอด!”เซียวเม่ยเอ๋อร์ประหลาดใจ “ซ่อนความสามารถ? หาได้ยากจริงๆ ใช่หรือไม่?”เสนาบดีกรมพิธีการทูตกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อองค์หญิงสนใจองค์ชายเก้ามาก กระหม่อมสามารถเล่าเรื่องเกี่ยวกับเขา...”หลังจากที่เห็นเซียวเม่ยเอ๋อร์พยักหน้า เสนาบดีกรมพิธีการทูตก็เริ่มเล่าเรื่องราวของหลี่หลงหลินจากการกบฏขององค์ชายหก หลี่หลงหลินก็สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงในเขาทิศประจิม ทหารใหม่
“เซียวเซวียนเช่อ!”แววตาของซูเฟิ่งหลิงแดงก่ำ นางหยิบทวนเงินขึ้นมาแล้วเดินออกไปข่าวลือแพร่กระจายไปข้างนอกกองทัพของตระกูลซูถูกทำลาย ก็เพราะเซียวเซวียนเช่อเป็นคนวางแผนฆ่าด้วยตัวเอง!คนผู้นี้คือศัตรูอันดับหนึ่งของซูเฟิ่งหลิง!จะต้องฆ่าเท่านั้น!หลี่หลงหลินกล่าวว่า “สายเกินไปแล้ว! ทูตชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเข้าไปอยู่ในกรมพิธีการทูตแล้ว!”“ที่นั่นมีการป้องกันอย่างแน่นหนา!”“เจ้าจะไปฆ่าเซียวเซวียนเช่อคนเดียวไม่ได้!”ฟรึ่บ!ซูเฟิ่งหลิงยกทวนเงินขึ้นแล้วชี้ไปที่คอของหลี่หลงหลิน ดวงตาแดงก่ำ “ข้าฆ่าเขาไม่ได้ แต่ข้าฆ่าเจ้าได้!”“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าว่าเซียวเซวียนเช่อก็อยู่ในกลุ่มคณะทูตด้วย?”“ไม่อย่างนั้น ตอนที่เขาเข้ามาในเมือง คงจะตายใต้ทวนของข้าแล้ว!”หลี่หลงหลินพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเขาตาย เจ้าก็ไม่รอด! เจ้าอยากให้ตระกูลซูสิ้นหรือ?”“เจ้าจะอธิบายให้ผู้ภักดีของตระกูลซูในปรโลกอย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงร้อนใจมากจนน้ำตาไหลอาบแก้ม “ข้าเข้าใจทุกอย่างที่เจ้าพูด! แต่...”ดวงตาของหลี่หลงหลินเป็นประกาย “ไม่มีแต่! เจ้าฟังข้านะ อย่าใช้อารมณ์!”“ข้ารับปากเจ้า จะไม่มีวันปล่อยเซียวเซวียนเช่อได้เดินอ
การประชุมครั้งนี้จบลงอย่างไม่มีความสุขนักหลังออกจากวัง เซียวเม่ยเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านราชครู ท่านช่างฝีมือดีจริงๆ! พูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำให้ขุนนางทั้งราชสำนักเดือดดาล! แม้แต่ฮ่องเต้ต้าเซี่ยก็โกรธจนจมูกเบี้ยว!”เซียวเซวียนเช่อลูบเคราแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่องเต้หวู่ก็ฉลาดเพียงเท่านี้!”จู่ๆ เซียวเม่ยเอ๋อร์ก็พูดว่า “แต่มีข้อยกเว้นอยู่คนหนึ่ง!”เซียวเซวียนเช่อตกใจ “ใคร?”เซียวเม่ยเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “องค์ชายเก้าหลี่หลงหลิน!”“เขาหรือ?”เซียวเซวียนเช่อขมวดคิ้วสิ่งที่เขาให้ความสนใจเมื่อครู่นี้ คือฮ่องเต้ต้าเซี่ยและขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ จนไม่ได้สนใจหลี่หลงหลินว่าแสดงความรู้สึกออกมาอย่างไรแต่เซียวเม่ยเอ๋อร์กลับตรงกันข้ามนางไม่สนใจใครเลย สนเพียงหลี่หลงหลินเท่านั้นเซียวเซวียนเช่อพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายเก้าผู้นี้ซ่อนความสามารถมาหลายปี เมื่อผงาดขึ้นในเวลา ก็สร้างความดีมากมาย เป็นอัจฉริยะที่โลกตะลึง!”“องค์หญิง ท่านพูดมาให้ข้าฟังสิ องค์ชายเก้ามีท่าทีอย่างไร?”เซียวเม่ยเอ๋อร์ส่ายหัวกล่าวว่า “เขาไม่มีสีหน้าอะไรเลย! ดูเหมือนว่าได้คาดการณ์ไว้นานแล้ว และ
ซูเฟิ่งหลิงแค้นเคืองมาก “ไม่ต้องถึงขั้นหนิงเซิง! พี่สะใภ้สี่ ต่อให้เป็นท่านไป ท่านก็ยังดีกว่าบัณฑิตเน่าๆ เหล่านั้น!”หลิ่วหรูเยียนส่ายหัวกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “น้องเล็ก เจ้าหยุดยกยอข้าได้แล้ว!”“เซียวเซวียนเช่อผู้นั้นยังเก่งกาจมาก!”ซูเฟิ่งหลิงกัดฟัน “ใช่! ถ้าเขาไม่เก่งกาจ เขาจะฆ่าท่านปู่ได้อย่างไร...”เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา ตระกูลซูก็ตกอยู่ในความเงียบงันบรรดาสตรีทุกคนก้มหน้าลง น้ำตาในเบ้าตาเป็นประกายเซียวเซวียนเช่อเป็นศัตรูคู่อาฆาตของตระกูลซู!แต่ตนไม่สามารถฆ่าเซียวเซวียนเช่อได้!ต้องมองดูเซียวเซวียนเช่อมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น ในใจก็ยิ่งไม่ยอม!“ฮ่าๆๆ!”ทันใดนั้นหลี่หลงหลินก็เอามือวางไว้ที่ท้ายทอยแล้วหัวเราะซูเฟิ่งหลิงโกรธมาก ตบโต๊ะแล้วยืนขึ้นชี้หน้าหลี่หลงหลิน “มีเรื่องอะไรให้เจ้าขำนักหนา?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนแรกข้าก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้ แต่ตอนนี้ข้าพอจะมีเบาะแสแล้ว!”หนอนบ่อนไส้?บรรดาสตรีตระกูลซูขมวดคิ้วกำลังพูดถึงความรู้ของเซียวเซวียนเช่ออยู่ไม่ใช่หรือ?เกี่ยวอะไรกับหนอนบ่อนไส้?หลี่หลงหลินส่ายหัว “ดูเหมือนว่าพวกเจ้ายังไม่เข้าใจสินะ!”“เ
เซียวเม่ยเอ๋อร์ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ท่านราชครู! ทั้งสำนักศึกษาแห่งแคว้นและสำนักฮั่นหลินต่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า!”“ครั้งนี้ ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือของพวกเราได้ภูมิใจแล้ว!”“คนต้าเซี่ย ยังกล้าใส่ร้ายพวกเราว่าเป็นเผ่าหมานอีกหรือไม่?”“พวกเขาต่างหากที่เป็นเผ่าหมานตัวจริง!”เซียวเซวียนเช่อลูบเครา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จี้จิ่วของสำนักศึกษาแห่งแคว้น และปราชญ์มหาสำนักของสำนักฮั่นหลิน ยังนับว่ามีความสามารถจริงๆ!”“จริงๆ แล้วข้าใช้ลูกไม้!”ลูกไม้ที่ว่านี้ก็คือการใช้เงินฟาด!ขุนนางฝ่ายบุ๋นของต้าเซี่ยแสร้งทำเป็นว่าตัวเองมือสะอาด แต่จริงๆ แล้วทุกคนก็โลภมากเพียงติดสินบนจี้จิ่วให้ยอมแพ้ เซียวเซวียนเช่อใช้เงินถึงหนึ่งแสนตำลึง!และติดสินบนปราชญ์มหาสำนักแห่งสำนักฮั่นหลิน ทำให้พวกเขายอมแพ้ ก็ใช้เงินไปเกินล้านตำลึงแล้วเซียวเม่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้วกล่าวว่า “สำนักศึกษาล่ะ? มีบัณฑิตมากมายขนาดนั้น หากจะใช้เงินฟาด สิบล้านตำลึงคงเอาไว้อยู่!”เซียวเซวียนเช่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพื่อจัดการกับสำนักศึกษาหลักทั้งสี่แห่ง ไม่จำเป็นต้องใช้เงิน! ข้าใช้ความสามารถที่แท้จริง ก็สามารถโน้มน้าวพวกเขาให้ยอมแพ้ได้แล้