เจ้าคนไร้ประโยชน์ที่มือสะอาด?หลี่หลงหลินอับอายเหลือทน!คำพูดนี้ไม่ว่าจะฟังอย่างไร ก็ไม่ได้คล้ายว่ากำลังชื่นชมเขาอยู่เลยไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องทำตัวดีๆ ต่อหน้าพี่สะใภ้ใหญ่เอาไว้ ขุดรากถอนโคนความรู้สึกแย่ๆ ที่นางมีต่อเขาอย่างลึกซึ้งนั่นทิ้งไปให้ได้!“ข้าเข้าใจแล้ว!”“ในเมื่อข้าเป็นเขยตระกูลซู กิจของตระกูลซูก็เป็นกิจของข้า!”“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านบอกให้ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้เลย เรื่องของตระกูลซูข้าดูแลเอง!”หลี่หลงหลินตบหน้าอก เอ่ยปากสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะลั่วอวี้จู๋งงงวย มองไปที่หลี่หลงหลินอย่างว่างเปล่าองค์ชายเก้าพระองค์นี้ โง่จริงๆ หรือไร?ตนพูดอยู่นานจนน้ำลายแห้ง แต่เขาดูเหมือนจะไม่ได้เข้าใจเลย!และตอนนี้ ตระกูลซูตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากจำนวนเงินที่ต้องการนั้นมากเกินไปจริงๆ อย่างน้อยก็หนึ่งล้านตำลึง!ต่อให้ฮ่องเต้จะเสด็จมาเอง แต่หากไร้ฟืนฟาง สตรีหลักแหลมก็ยากจะทำอาหาร[footnoteRef:1]! [1: หมายความว่าหากไม่มีเงื่อนไขหรือวัตถุสิ่งของที่จำเป็น ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีความสามารถเพียงใด ก็จะเป็นเรื่องยากที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ] ยิ่งกว่านั้น หลี่หลงหลินยังเป็นเพียงองค์ชายไร้ประ
ซูเฟิ่งหลิงโกรธอย่างยิ่ง นางชี้ไปที่จมูกของหลี่หลงหลินแล้วตะโกน “ข้าเป็นบุตรีภรรยาเอกของตระกูลซู เจ้าคิดจะขายบ้านบรรพบุรุษของตระกูลซู เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวกับข้าเช่นนั้นหรือ?”“ข้าจะฆ่าเจ้า...”ซูเฟิ่งหลิงไม่พูดไม่จาก็หยิบหอกเงินขึ้นมา พุ่งเข้าแทงหลี่หลงหลินทันที!เมื่อเหล่าเจ้าของหอเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็ตกใจกลัว หน้าซีดเผือดซูเฟิ่งหลิงผู้นี้เป็นสิงโตเหอตง[footnoteRef:1]ดังคำว่าจริงๆ ระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว! [1: หมายถึง ภรรยาที่ขี้หึง อารมณ์ร้าย] โชคดีที่องค์ชายของพวกตนไม่ได้ตกลงอภิเษกตามที่ฮ่องเต้ประทานให้หากเหล่าองค์ชายเลอะเลือนไปชั่วครู่ แต่งเสือโคร่งตัวนี้ไป ไม่เพียงแต่ตนเองต้องทุกข์ทรมาน แต่ยังกระทบไปถึงผู้น้อยใต้อาณัติด้วยเฮ้อ!องค์ชายเก้าน่าอนาถโดยแท้!พวกเขาหลับตากันทีละคน คร่ำครวญถึงหลี่หลงหลินอยู่ในใจควั่บ!หลี่หลงหลินใจเย็นไม่เร่งร้อน หยิบโฉนดที่ดินขององค์ชายหกออกมาจากอ้อมแขน แล้วกางออกต่อหน้าธารกำนัล “ซูเฟิ่งหลิง เจ้าเบิกตาแล้วดูให้ชัด! ข้าในนามของเสด็จพ่อ กำลังทำการขายจวนของพี่หก! นี่มันกิจของเจ้าหรืออย่างไร?!”หอกเงินในมือของซูเฟิ่งหลิงฉายแสงเย็นเยียบ กำ
ซูเฟิ่งหลิงที่ถูกชมจนเขินอาย ใบหน้างดงามแดงก่ำขึ้นกว่าเดิมนางมองหลี่หลงหลินอย่างลึกซึ้งหนึ่งครั้ง รู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งคิดไม่ถึงในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เป็นหลี่หลงหลินที่ก้าวเข้ามาช่วยนางแก้ปัญหาเขาคนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด...หลี่หลงหลินสองมือเท้าเอว ดูราวบุรุษที่ชอบออกคำสั่ง และตะโกนว่า “ข้าให้เจ้ารำหอก เจ้ายังยืนนิ่งอยู่ด้วยเหตุใด?”จมูกของซูเฟิ่งหลิงเกือบจะบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่นี้หายวันไปทันที!ควั่บ ควั่บ ควั่บ...ซูเฟิ่งหลิงพลิกตัวไปมา หอกเงินในมือพลิ้วไหวเริงระบำจนไม่เหลือช่องว่างอากาศ ถ่ายเทเจตนาฆ่าทั้งหมดที่มีต่อหลี่หลงหลินลงไปในการแสดงรำหอกครั้งนี้!หลังจากนั้นไม่นานหลังจากการรำหอกเสร็จสิ้น ซูเฟิ่งหลิงก็ยืนถือหอกไว้ในมือ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ดวงตามองเขม็งไปที่หลี่หลงหลิน!หลี่หลงหลินไม่ไหวติง “รำเสร็จแล้วหรือ?”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าหลี่หลงหลินดุเข้าว่า “รำเสร็จแล้วยังไม่รีบออกไปอีก? นิ่งอยู่เป็นเสาไม้หรือ? ไปเฝ้าประตูเสีย อย่ารบกวนการค้าขายของข้ากับบรรดาเจ้าของหอทั้งหลาย”“ท่าน...”ซูเฟ
แม้แต่องค์ชายเก้าก็ไม่อยู่ในสายตาเช่นนั้นหรือ?มันจะมากเกินไปแล้วนะ!ลั่วอวี้จู๋ระงับความโกรธในใจ “เจ้าของหอทุกท่าน! จวนขององค์ชายหก ไม่ว่าจะในแง่ของจุดยุทธศาสตร์หรือตำแหน่งที่ตั้ง ล้วนยอดเยี่ยมทั้งสิ้น! ศาลา ระเบียง หอคอย ชายคาโต๋วก่ง[footnoteRef:1] วิจิตรงดงาม แม้ว่าจะไม่ดีเท่าเมืองต้องห้าม แต่ก็ห่างกันไม่ไกล” [1: โครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของสิ่งปลูกสร้างหรือสถาปัตยกรรมจีนโบราณ เป็นวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน] “มูลค่าอย่างน้อยก็ต้องห้าหมื่นตำลึงเงิน”“แต่พวกท่านกลับยอมออกเงินประมูลเพียงหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง นี่ก็รังแกกันเกินไปแล้ว…”เจ้าของหอทั้งแปดได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะเสียงเย็นออกมาทันที“เจ้าของร้านลั่ว ท่านเป็นก็เป็นนักพาณิชย์ เช่นนั้นก็พูดให้กระจ่างกันเถอะ!”“ในช่วงเวลาปกติ จวนขององค์ชายหกไม่ต้องพูดถึงห้าหมื่นตำลึง แม้แต่หนึ่งแสนตำลึงก็ยังซื้อไม่ได้!”“แต่ท่านก็รู้ดี ว่านั่นคือราคาของยามปกติ!”“ตอนนี้มันยามใดกันแล้ว? กองทัพใหญ่ของหมานอี๋ก็เกือบจะมาถึงเมืองหลวงอยู่แล้ว!”“ท่านเองก็ไม่ลืมตาดูเล่า? แต่ละวันมีคนหนีออกจากเมืองหลวงไปกับครอบครัวแล้วกี่ครัว?!
ห้าแสนตำลึง!ได้ยินราคาที่สูงเสียดฟ้านี้ เจ้าของหอทั้งแปดก็ตกตะลึง!จวนพังๆ ที่ไม่คุ้มค่าแม้แต่ตำลึงเดียว กลับคิดจะขายออกไปในราคานี้หรือ?องค์ชายเก้าข้นแค้นจนเป็นบ้าไป!เจ้าของหอคนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “องค์ชายเก้า นี่พระองค์ปล้นกันชัดๆ!”หลี่หลงหลินยิ้ม “คำพูดนั้นผิดไปแล้ว! นี่เร็วกว่าปล้นเสียอีก...”“องค์ชายเก้าไม่มีความจริงใจเลยแม้เพียงนิด การหารือครานี้ ก็ช่างมันปะไร!”“เหอะ! เดิมทีข้ายังอยากช่วยยื้อตระกูลซูไว้อีกสักหน่อย สุดท้ายเจตนาดีก็กลายเป็นตับและปอดลา[footnoteRef:1]เสียได้!” [1: เจตนาไม่ดี หรือไร้ค่า] “องค์ชายเก้า เจ้าของร้านลั่ว ขอตัวก่อน!”แน่นอนว่า เหล่าเจ้าของหอย่อมไม่ยอมถูกผู้อื่นเอาเปรียบ พวกเขายืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เตรียมตัวออกไปจากที่นี่หลี่หลงหลินยกยิ้มเย็น แล้วพูดกับซูเฟิ่งหลิง “เฝ้าหน้าประตูเอาไว้! ข้าบอกว่าห้าแสนตำลึง ไม่อาจขาดแม้เพียงตำลึงเดียว! ไม่เช่นนั้น ใครก็ไม่อาจก้าวออกไปจากตระกูลซูได้!”เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยิน ใบหน้างามก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่อาจห้ามให้นางเฝ้าประตู?หลี่หลงหลินคิดว่านางเป็นสุนัขเฝ้าบ้านไปแล้วจริงๆ หรือไร?ซูเฟิ่งหลิงโก
องค์ชายเก้าพระองค์นี้ ตกลงแล้วขายยาอะไรในน้ำเต้า[footnoteRef:1]กันแน่? [1: ขายยาในน้ำเต้า แปลว่า มีพิรุธ หรือวางแผนเอาไว้] ช่างเถอะ!รอให้องค์ชายพระองค์อื่นๆ รู้ว่าพวกเขาถูกขังอยู่ที่นี่ จะต้องหาทางช่วยพวกเราแน่นอน!หากเรื่องนี้ไปถึงพระกรรณฮ่องเต้บู๊ หลี่หลงหลินจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง!เหล่าเจ้าของหอเริ่มรู้สึกโล่งใจ จึงเริ่มดันแก้วเปลี่ยนจาน[footnoteRef:2] เฝ้ารออย่างเงียบๆ [2: หมายถึง คนที่ดื่มสุราร่วมกันแล้วชนแก้วกัน เป็นการดื่มอวยพร ต่อมา โดยทั่วไปหมายถึงความสัมพันธ์อันดี] .......จวนขององค์ชายสี่หลี่จือกำลังเอนตัวลงบนเตียง ในมือถือข่าวที่เพิ่งส่งมาจากในวัง ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยพระชายาตู้ซื่อ[footnoteRef:3] ริมฝีปากแดงสด ฟันขาวสะอาด คิ้วโก่งงดงาม สวมผ้าคลุมหน้า รูปร่างสง่างาม คุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลี่จือ ทุบนวดขาให้เขาเบาๆ [3: 氏 ซื่อ แปลว่า แซ่ ณ ที่นี้ใช้แทนเป็นชื่อสกุล] “องค์ชาย...” ตู้ซื่อถามเบาๆ “พระองค์ทรงสรวลด้วยเหตุอันใดหรือเพคะ?”หลี่จือยิ้มเย็นและพูดว่า “ข้ากำลังหัวเราะเยาะเว่ยซวินคนนั้น ตนไปยึดค้นบ้านจนไม่เหลือน้ำเหลือน้ำมันก็แล้วไป แต่กลับยังต้
หลี่จือสวมเสื้อผ้า “ข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้ ทูลต่อเสด็จพ่อ ให้ลงโทษเจ้าเก้าเสีย!”ตู้ซือรีบหยุดหลี่จือ “องค์ชาย อดพระทัยรอก่อนเพคะ! หรือพระองค์ไม่คิดว่านี่เรื่องนี้ผิดปกติอย่างยิ่งหรือเพคะ? องค์ชายเก้าเสียสติไปแล้วหรือ? จวนโทรมๆ ที่ถูกรื้อค้นหลังหนึ่ง กลับกล้าที่จะขายออกในราคาห้าแสนตำลึง?”หลี่จือหัวเราะหยัน “ข้าโตมากับเจ้าเก้า รู้จักนิสัยใจคอของเขาเป็นอย่างดี เขาไม่ได้บ้า แต่โง่! เขาเป็นคนโง่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว!”ตู้ซื่อเตือน “แต่คนโง่คนนี้ ปราบกบฏองค์ชายหกได้สำเร็จ ทั้งยังได้รับการยกย่องจากเสด็จพ่อ ถูกแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพเจิงเป่ย มีกำลังทหาร...”“เสด็จแม่เองก็เคยเตือนว่าให้พระองค์ระวังเจ้าเก้าเอาไว้นี่เพคะ!”หลี่จือตกตะลึงทันทีใช่แล้วการกระทำที่ผ่านมาของเจ้าเก้า ดูจะไม่ใช่การกระทำของคนโง่หรือว่าเขากำลังซ่อนสามารถรอเวลาไว้จริง?ไม่มีทาง!ต่อให้เจ้าเก้าจะกำลังเสแสร้งแกล้งอยู่โง่ต่อหน้าเขา เล่นเป็นหมูกินเสือ[footnoteRef:1] [1: เป็นคำอุปมาว่าใช้อุบายหลอกลวง จงใจแกล้งอ่อนแอ ให้คู่ต่อสู้เมินเฉย แล้วฉวยโอกาสคว้าชัยนัดสุดท้าย] ไม่มีทางจวนของเจ้าหกจะมีค่าถึงห้าแสนตำลึง
“รอให้เสด็จพ่อระงับโทสะลง พายุพัดผ่าน ข้าก็ค่อยไปหาเจ้าหก ถามเขาว่าซ่อนเงินไว้ที่ใด!”“ข้าคือพี่ชายแท้ๆ ร่วมบิดามารดาเดียวกับเขา!”“ข้าไม่เชื่อ ว่าเขาจะไม่พูดออกมา!”ตู้ซื่อได้ยินก็รู้สึกว่าคำอธิบายนี้สมเหตุสมผลเพียงแต่ว่า นางมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกพิลึก ไม่ค่อยถูกต้องเท่าใดนัก“องค์ชาย...”“เงินห้าแสนตำลึงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ!”“ไม่เช่นนั้น พระองค์ลองปรึกษากับบิดาของหม่อมฉันก่อน รอฟังความเห็นของเขา...”ตู้ซื่อแนะนำหลี่จือพลันโมโหขึ้นมา พูดด้วยความโกรธ “นั่นก็ปรึกษา นี่ก็ปรึกษา! ภายภาคหน้าข้าจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ เหตุใดถึงต้องเชื่อฟังพ่อเจ้าไปเสียทุกเรื่องด้วย?! ถึงตอนนั้นใครจะขึ้นนั่งบัลลังก์กัน? เป็นข้าหรือพ่อของเจ้า”ตู้ซื่อตกใจสะดุ้ง ลนลานคุกเข่าลงบนพื้น “หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เพียงเพื่อความปลอดภัย...”หลี่จือแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ถ้าองค์ชายคนอื่นวิ่งม้าเร็วได้ไป[footnoteRef:1]ก่อน เช่นนั้นก็เสียเปรียบครั้งใหญ่แล้ว! เอาเป็นว่า เรื่องนี้อย่าบอกพ่อของเจ้า ข้าจะตัดสินใจเอง!” [1: ได้สิ่งที่ตนต้องการไปครอบครอง] อันที่จริง หลี่จือไม่ให้บอกเรื่องนี้กับตู้เหวินยวน
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค