บรรยากาศ ณ ที่แห่งนี้ ตึงเครียดขึ้นมากะทันหันมีเพียงหลี่หลงหลินเท่านั้นที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่ได้ยืนขึ้นทำความเคารพ เขายกยิ้มแล้วพูดว่า “พี่สี่ ท่านมาสายนะขอรับ ต้องดื่มลงโทษสามจอก!”ทุกคนต่างก็ตกใจ!องค์ชายเก้าเสียสติไปแล้วหรือ?เขามองไม่ออกหรือไร องค์ชายสี่มาที่นี่เพื่อซักไซ้เอาความเขาไม่ลุกขึ้นมาคารวะ ก็ผิดต่อมารยาทแล้ว แถมยังให้องค์ชายสี่ดื่มสุราเป็นการลงโทษ?ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้า ไร้เหตุผลสิ้นดี!เมื่อหลี่จือได้ยินดังนั้น มุมปากก็กระตุกเล็กน้อยในเวลาปกติ หากเจ้าเก้ากล้ากำเริบถึงเพียงนี้ เขาก็คงจะตบอีกฝ่ายสักฉาดแล้ว!สูงต่ำมีแตกต่าง ผู้ใหญ่ผู้น้อยมีลำดับไม่เข้าใจหรืออย่างไร?เจ้าเก้าเช่นเจ้า มีสิทธิ์อันใดมากร่างกร้าวอยู่ตรงนี้?แต่วันนี้ต่างออกไปในสายตาของหลี่จือ หลี่หลงหลินในมือถือไพ่เด็ด ทั้งยังมั่นใจอย่างยิ่ง!ไพ่เด็ดอันใด?แน่นอนว่าในจวนของเจ้าหก ต้องซุกซ่อนความมั่งคั่งไว้มากมายอยู่แน่แล้ว!และหลี่หลงหลินทำตามรับสั่งของเสด็จพ่อ สามารถตัดสินผู้ที่จะเป็นเจ้าของเงินล้านตำลึงนี้ได้!ตนจะร่ำรวยล้นฟ้าหรือจะมีความสุขอย่างฝันเฟื่อง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสิน
คนตระกูลซูจ้องมองไปที่ตั๋วเงินกองใหญ่บนโต๊ะด้วยแววตาเป็นประกาย โดยเฉพาะลั่วอวี้จู๋ ที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่องค์ชายสี่ก็หยิบเงินจำนวนมหาศาลถึงห้าแสนตำลึงออกมาจริงๆ ด้วยเงินจํานวนนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเงินบํานาญของกองทัพตระกูลซูได้เท่านั้น แต่ยังเป็นเงินที่สามารถสร้างกองทัพตระกูลซูขึ้นใหม่ได้อีกด้วย! ตระกูลซูมีทางรอดแล้ว! ทว่าหลี่หลงหลินกลับไม่ขยับเขยื้อนเลย เขามองไปที่ตั๋วเงินบนโต๊ะ ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “พี่สี่ แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะหรือไม่” หลี่จือตกตะลึง: “ไม่เหมาะหรือ? มีอะไรไหมเหมาะ? เจ้าเสนอราคาห้าแสนตำลึงเองมิใช่หรือ? ทำไมเล่า? หรือเจ้านึกเสียดายภายหลัง และไม่อยากจะขายแล้ว?” หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม: “ย่อมไม่ใช่อย่างนั้นแน่ ข้าเพียงรู้สึกว่า ในเมื่อพี่สี่ก็มาแล้ว เสด็จพี่พระองค์อื่นย่อมกำลังมา อีกประเดี๋ยวคงถึงแล้ว! หากว่าพวกเขาก็ชื่นชอบเรือนของพี่หกเช่นกัน เช่นนั้นจะทำอย่างไรเล่า?” “ไม่สู้พี่สี่อดทนรอสักหน่อย รอเสด็จพี่พระองค์อื่นมาถึงแล้ว ในพวกเราใครเสนอราคาสูงย่อมได้รับมันไป แบบนี้ถึงจะยุติธรรม!” “หากข้าขายให้พี่สี่ไปเลยเช่นนี้ เกรง
“ดึกมากแล้ว!” “ส่งแขก!” เมื่อหลี่หลงหลินได้รับเงิน ก็ออกคำสั่งไล่แขกออกไปอย่างไม่ลังเล หลี่จือมีความสุขมากและรีบร้อนจากไป จนไม่รู้ว่าตนเองถูกโกง เขาแทบรอไม่ไหวแล้ว ที่จะไปยังจวนขององค์ชายหก เพื่อตามหาสมบัติ เถ้าแก่คนอื่นๆก็พากันทยอยกลับไป ทันทีที่พวกเขาออกจากประตู ก็ได้พบกับองค์ชายคนอื่น ๆ ที่เพิ่งมาถึง หลี่จือใบหน้าภาคภูมิใจมาก เขายกโฉนดที่ดินในมือของเขาขึ้นมา: “เหล่าพี่น้ององค์ชายทุกท่าน ขออภัยด้วย พวกท่านมาช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า...” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะลั่น แล้วหลี่จือก็เดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย หลังจากที่เหล่าองค์ชายคนอื่นๆ รู้ความจริงจากพวกเถ้าแก่ ก็ต่างพากันทุบหน้าอก จนมีแต่ความรู้สึกเสียดายอยู่เต็มท้อง! จวนเจ้าหก อย่างน้อยก็ต้องมีเงินซ่อนอยู่เก้าแสนตำลึงเงิน หลี่จือใช้เงินเจ็ดแสนตำลึงเงินเอาไปได้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นราคาที่สูงมาก แต่จริงๆ แล้ว เขายังทําเงินได้อีกสองแสนตำลึงเงินโดยไม่ออกแรง! นั่นคือเงินสองแสนตำลึงเงินเลยนะ! ตนเองต้องปล้นเลือดเนื้อของประชาชนอีกมากแค่ไหน? โถ่! เนื้อไขมันชิ้นใหญ่เช่นนี้ องค์ชายสี่กลับได้ไปในราคาถูก! ภายใต้อำนาจที
แม้แต่เจ็ดล้านตำลึงเงินก็อาจจะไม่พอ! นอกจากนี้ยังมีหญิงม่ายและเด็กกําพร้าเหล่านั้นอีก คิดว่าให้เงินบํานาญแก่พวกนางก้อนหนึ่ง แล้วจะแก้ปัญหาได้ตลอดไปหรือ? หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปี พอใช้เงินบํานาญหมดแล้ว เด็กกําพร้าและหญิงม่ายเหล่านั้นจะมีชีวิตอยู่อย่างไร? ซูเฟิ่งหลิงมองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ : “ เช่นนั้นท่านว่าควรทำเช่นไร?” หลี่หลงหลินเผยยิ้มเล็กน้อย: “ มันง่ายมาก! ใช้เงินนี้เป็นเงินทุนสร้างธุรกิจ! ตราบใดที่ทําธุรกิจสำเร็จ ย่อมเป็นแหล่งเงินได้ เมื่อมีเงินแล้วไม่ว่าเรื่องใด ๆ ก็จัดการได้ง่าย” ฮูหยินผู้เฒ่าซูอายุมากแล้ว ซูเฟิ่งหลิงรู้เพียงวิธีรำกระบี่ใช้กระบองเท่านั้น สายตาของทั้งสองจึงจับจ้องไปที่ลั่วอวี้จู๋ ในการทำธุรกิจ ลั่วอวี้จู๋รู้ดีที่สุด ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วมุ่น และถามว่า “ไม่ทราบว่าองค์ชายเก้ามีแผนจะทำธุรกิจเช่นไร? ตอนนี้สงครามอยู่ในความโกลาหล ธุรกิจในเมืองหลวงใช่ว่าจะทำกันได้ง่าย ๆ...” หลี่หลงหลินยิ้ม: “ สิ่งที่ต้องการก็คือความโกลาหล! ยิ่งวุ่นวายเท่าไหร่ยิ่งดี! ในเวลานี้ ผู้คนกําลังตื่นตระหนก ทุกคนต่างนำร้านค้ามาขายเลหลัง! ข้าวางแผนว่าจะนําเงินห้าแสนตำลึงเงิน
วันต่อมา ฮ่องเต้หวู่เสด็จไปที่ท้องพระโรงแต่เช้า เมื่อกลับมาถึงพระที่นั่งหย่างซิน ก็เตรียมจะพักผ่อนสักหน่อย เว่ยซวินรินชาให้ และคอยรับใช้อยู่ข้างๆ ฮ่องเต้หวู่ไถ่ถามเรื่อยเปื่อย: “มีข่าวของเจ้าเก้าหรือไม่? ขายจวนไปหรือยัง?” เว่ยซวินกระตุกมุมปากเล็กน้อย “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยเพิ่งจะได้รับข่าว เมื่อคืนวานองค์ชายเก้าได้ขายจวนไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” “หืม?” ฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้ว พลางค่อย ๆ หยิบถ้วยชาขึ้นมา แล้วจิบเบาๆ: “ ขายเร็วเช่นนี้เลยหรือ? ช่างใจร้อนเสียจริง น่าจะขายได้ราคาไม่สูงนักใช่หรือไม่?” เว่ยซวินเอ่ยเสียงต่ำ: “ได้ยินมาว่าเจ็ดแสนตำลึงพ่ะย่ะค่ะ...” พู่... ชาในปากของฮ่องเต้หวู่พุ่งออกมาทันควัน จนเต็มใบหน้าเว่ยซวิน “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเท่าไหร่นะ?” ฮ่องเต้หวู่คิดว่าตนเองจะได้ยินผิดไป เว่ยซวินเช็ดน้ำชาบนใบหน้าแล้วเอ่ย: “ฝ่าบาท พระองค์ได้ยินไม่ผิด เจ็ดแสนตำลึงจริงๆ” ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงอย่างมาก จวนทรุดโทรมของเจ้าหกหลังนั้น ขายได้เงินเจ็ดแสนตำลึงเงินหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร? เว่ยซวินเห็นว่าฮ่องเต้หวู่ไม่เชื่อ จึงเอ่ยอีกว่า: “ อย่าว่าแต่ฝ่าบาทไม่เชื่อเลย ตอนแรกกระหม่อมเองก
“แต่...” ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจครั้งหนึ่ง: “ ข่าวการพ่ายแพ้ในดินแดนเหนือ ไม่นานก็จะแพร่ไปทั่วเมืองหลวง เมื่อถึงเวลานั้น ผู้คนก็จะยิ่งตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น ราคาร้านค้าก็จะลดลง ไร้ราคา เงินเจ็ดแสนตำลึงเงินของเจ้าเก้า ก็จะเปล่าประโยชน์ทั้งหมด ...” “เฮ้ นี่มันคือเงินของข้าทั้งหมด!” “ดูเหมือนว่าเจ้าเก้าคนนี้ ก็เหมือนกับองค์ชายคนอื่น ๆ ไม่น่าเชื่อถือเช่นกัน!” ฮ่องเต้หวู่รู้สึกผิดหวังอย่างมาก ดับสลายความคิดที่จะแต่งตั้งให้หลี่หลงหลินเป็นองค์รัชทายาทไปโดยสิ้นเชิง ตามที่ฮ่องเต้หวู่คาดไว้ ข่าวความพ่ายแพ้ทางดินแดนเหนือแพร่ไปในเมืองหลวงทันทีรวดเร็วราวพายุพัด ผู้คนทั้งเมืองหลวงที่ตื่นตระหนกอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็เป็นเหมือนการเติมไฟลงในเชื้อเพลิง โกลาหลกันไปหมด เศรษฐีนับไม่ถ้วนรีบขายทรัพย์สิน หอบครอบครัวหนีไป ราคาของร้านค้าลดลงถึงจุดต่ำสุด ร้านค้าซึ่งเดิมมีมูลค่าเงินหนึ่งพันตำลึงเงิน ลดลงเหลือเท่าราคากะหลำปลี เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินก็สามารถซื้อได้หนึ่งร้าน เมื่อลั่วอวี้จู๋เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล หากเผ่าหมานบุกเมืองหลวงจริงๆ ร้านค้าก็จะไร้ค่า! ในช่วงหัวเลี้
ซูเฟิ่งหลิงอุ้มต้นไม้ใหญ่เข้าไปในลานเรือนตระกูลซูเพียงลําพัง โดยเพิกเฉยต่อสายตาตกตะลึงของผู้สัญจรไปมา ปัง! นางทุ่มต้นไม้ใหญ่ลงจนเกิดเสียงดัง สั่นสะเทือนไปทั้งพื้น “แบกมันกลับจากภูเขาทิศประจิม กระหายน้ำจะตายแล้ว!” ซูเฟิ่งหลิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วพบว่าหลี่หลงหลินที่ถือชาอยู่ในมือ กำลังมองมาที่ตน ทันใดนั้นในใจก็มีความสุขขึ้นมา “นับว่าท่านปรับตัวได้เหมาะสม!” “ยังรู้จักที่จะยกชาให้ข้า!” ซูเฟิ่งหลิงไม่ได้คิดอะไรมาก นางเพียงยื่นมือไปคว้ากาน้ำชามา แล้วเงยหน้า รินลงในปากตนเองทันที ชาหนึ่งกาลงไปในท้องแล้ว นางยังเรอออกมา โดยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดเลย หลี่หลงหลินมองไปที่สาวแกร่งตรงหน้า แล้วพึมพําในใจ: “ใครว่าจะเอาชามาให้เจ้าล่ะ! ชานี้เป็นของข้า และข้าก็จิบมันไปแล้วด้วย...” เฮ้ย! จูบแรกทางอ้อมของตนเอง ถูกหญิงพาลผู้นี้พรากไปแล้ว! แต่หลี่หลงหลินไม่สนใจมากนัก เพราะอย่างไรก็ตามเสด็จพ่อได้พระราชทานสมรสนี้มาให้แล้ว แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าหอ แต่ช้าเร็วซูเฟิ่งหลิงก็ต้องเป็นภรรยาของตน ในเมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก “ต้นไม้ต้นนี้ไม่เลว...” หลี่หลงหลิ
ซูเฟิ่งหลิงหัวเราะ:" สะใภ้รองพักอยู่ที่นี่!สะใภ้รองก็คือเป็นช่างไม้ที่ดีที่สุดของเมืองหลวง อาจจะดีที่สุดในใต้หล้า! เพราะนางมีแซ่ว่ากงซู ชื่ออักษรเดียวว่าหว่าน! ” กงซูหว่าน? เป็นชื่อที่ดี แต่หลี่หลงหลินไม่เข้าใจว่าแซ่กงซู เกี่ยวข้องอะไรช่างไม้ที่ดีที่สุดในใต้หล้า แต่สิ่งที่ทําให้หลี่หลงหลินประหลาดใจขึ้นไปอีกคือ เดิมทีสะใภ้รองก็อยู่ที่เรือน ตนมาที่บ้านตระกูลซูก็หลายวันแล้ว ทำไมถึงไม่เคยเห็นเลย? ซูเฟิ่งหลิงอธิบายต่อ: "สะใภ้รองมีบุคลิกแปลก ๆ และไม่ชอบสุงสิงกับใคร ” "อ่อ ไม่เข้าสังคม!" หลี่หลงหลินพยักหน้า ในหัวของเขา ย่อมมีภาพของหญิงสาวร่างอ้วนท้วน ดวงตาหมองคล้ำ ผมเผ้ารุงรังปรากฏขึ้น ดูเหมือนว่าตระกูลซู ก็ใช่ว่าจะมีแต่คนสวยทั้งหมดสินะ ซูเฟิ่งหลิงตะโกนเรียก:" สะใภ้รอง เจ้าอยู่หรือไม่? ข้าเอง เฟิ่งหลิง! ” ครู่ต่อมา ก็มีเสียงเย็นรื่นหูดังมาจากภายในห้อง:"น้องสาว เข้ามาเถอะ!” ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยเตือน:"อีกเดี๋ยวอย่าพูดอะไรไร้สาระนะ!ถ้าทำให้สะใภ้รองโกรธ เหล่าทวยเทพก็ช่วยท่านไม่ได้..." หลี่หลงหลินพยักหน้า ในใจยิ่งอยากรู้จักกงซูหว่านคนนี้มากเข้าไปอีก เพราะท้ายที่ส
หลังจากอยู่ร่วมกันเช้าค่ำเป็นเวลานานหลี่หลงหลินรู้อุปนิสัยของซูเฟิ่งหลิงแล้วเพียงแต่ปากคมดั่งมีด จิตใจกลับนุ่มเหมือนเต้าหู้เท่านั้นหากตนเองไม่พาซูเฟิ่งหลิงไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟ นั่นต่างหากหายนะที่แท้จริง!น่ากลัวว่าต้องถูกทวนเงินแทงจนกลายเป็นตะแกรงร่อน!ดังนั้นตนเองไม่จำเป็นต้องกังวลซูเฟิ่งหลิงเพียงแจ้งนางคร่าวๆ ก็เท่านั้นบัดนี้กังวลที่สุดกลับเป็นองค์หญิงไท่ผิงทั้งหมดล้วนยังไม่มีแผนมนุษย์ทุกคนล้วนหวากหวั่นต่อตำแหน่งอำนาจอยู่ตลอดรอหลี่หลงหลินดึงสติกลับมาได้ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วน้อยๆ “ท่านพูดเถอะวันนั้นข้าใส่เสื้อผ้าเยี่ยงไรถึงจะเหมาะสม?”หลี่หลงหลินครุ่นคิด พูดยิ้มๆ “เมื่อหลายวันก่อนข้าให้พี่สะใภ้สี่ตัดชุดกระโปรงหน้าม้าให้เจ้าแล้วมิใช่หรือ? ทั้งหล่อเหลาทั้งสง่างาม ชวนให้ตกตะลึงทั้งงาน”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้ายิ้มๆ “ที่แท้ท่านก็เตรียมทั้งหมดไว้พรักพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ฟังท่านแล้วกัน!”......พระราชวังต้องห้ามขบวนรถม้าแล่นอย่างเชื่องช้ามาถึงหน้าประตูเมืองขบวนรถม้าจัดเตรียมไว้อย่างเรียบง่ายมาก ทั้งหมดมีคนไม่ถึงยี่สิบคนแต่หากมีความรู้ย่อมสามารถมองออกว่าขบวน
“ให้ข้า?”ภายใต้ท่าทางตกตะลึงของซูเฟิ่งหลิงยังสะท้อนความดีใจอีกสายหนึ่งแต่ความดีใจมลายหายไปอย่างว่องไวนางเอ่ยถามด้วยเสียงเจือความสงสัย “นี่คือของขวัญแต่งงานของพวกเรา?”อีกไม่นานต่อจากนี้ก็คือวันแต่งงานของหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงแม้พูดว่าลั่วอวี้จู๋ใช้จ่ายมือเติบ แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่สามารถยอมรับได้หลี่หลงหลินส่ายหน้า “นี่คือมอบให้พวกเราเป็นของขวัญบรรณาการ”“ของขวัญบรรณาการ?”ซูเฟิ่งหลิงงุนงงมอบให้ใครเล่า?เรื่องอันใด?ย่อมไม่สามารถมอบให้โดยไร้สาเหตุหรอกกระมังหลี่หลงหลินอธิบายเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดให้ซูเฟิ่งหลิงฟังซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วมุ่น “งานเทศกาลโคมไฟ?”ไม่ใช่เพราะซูเฟิ่งหลิงมีความเห็นต่อไทฮองไทเฮาแต่วังหลังซับซ้อน ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นภายในใจงานเลี้ยงใหญ่อีกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น!หลี่หลงหลินพูด “ในเมื่อเป็นราชวงศ์ ก็ต้องให้ความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันพร้อมหน้า ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงใหญ่ที่เดินทางไปเป็นทูตที่โวกั๋วมานานหลายปีก็จะฉวยโอกาสอยู่ร่วมกันพร้อมหน้านี้กลับมายังต้าเซี่ย”“ถึงตอนนั้นเสด็จพ่อจะต้องให้ความสำคัญต่องานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟในครั
ยามนี้ลั่วอวี้จู๋ถูกจ้องจนประหม่า“องค์ชาย เวลาไม่เช้าแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เกือบจะยามสี่แล้ว หากถูกบ่าวรับใช้พบเข้าจะส่งผลไม่ดีได้”อย่างไรเสียชายหญิงก็อยู่ตามลำพังภายในห้อง ไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนคนโง่ก็ไม่มีวันเชื่อหรอกว่าจะไม่มีอันใดเกิดขึ้นหลี่หลงหลินรับกล่องไม้ไปแล้วกล่าวขอบคุณ “ยังเป็นพี่สะใภ้ใหญ่คิดรอบคอบ”ใบหน้าลั่วอวี้จู๋สะท้อนความรัก “องค์ชาย ท่านและน้องหญิงเล็กมีชีวิตที่ดีย่อมสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด”บนโลกมนุษย์มีสิ่งใดสำคัญไปกว่ามีบุพเพแต่ไร้วาสนาอีกเล่าหลี่หลงหลินโดดเด่นทั้งรูปโฉมและสติปัญญาแต่ลั่วอวี้จู๋ในฐานะพี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถใช้ชีวิตกับหลี่หลงหลินอย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรมได้ดังนั้นต่อให้นางได้รับชมอยู่วงนอกเห็นเขามีความสุขก็พึงพอใจแล้ว!หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ท่านดีข้าดีทุกคนดี ทุกคนดี ถึงจะดีอย่างแท้จริง!”พูดจบ เขาหันหลังจากไป กลับเข้าห้องของตน แต่ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าซูเฟิ่งหลิงถึงขั้นอยู่ที่นี่ซูเฟิ่งหลิงหันหน้า สีหน้าเปี่ยมโทสะ “องค์ชาย ดึกเพียงนี้ท่านไปที่ใดมา!”เมื่อวานหลี่หลงหลินไม่ได้กลับตลอดคืนซูเฟิ่งหลิ
แต่กลับตามไปไม่ทัน“ดูท่าแล้วมาหาถูกคนจริงเสียด้วย!”มองผ่านท่าทีตอบสนองเมื่อครู่ของลั่วอวี้จู๋ดูแล้ว ในมือนางจะต้องมีสมบัติล้ำค่าที่สามารถนำออกมาได้แน่เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไปลั่วอวี้จู๋วิ่งกลับมาด้วยความดีใจเต็มเปี่ยมผิวขาวราวกับหิมะมีเหงื่อหอมผุดออกมาปอยผมแนบติดหน้าผากชวนให้หลงใหลหลี่หลงหลินมองไป ได้เห็นลั่วอวี้จู๋ถือกล่องไม้ไว้ในมือรูปลักษณ์ภายนอกธรรรมดาแต่มองผ่านอารมณ์ของลั่วอวี้จู๋ดูแล้วสิ่งนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ลั่วอวี้จู๋พูดอย่างอารมณ์ดี “โชคดีหม่อมฉันหาเจอ หาไม่แล้วจะต้องลืมเจ้าสิ่งนี้ไปแล้วแน่!”หลี่หลงหลินเพิ่งคิดตำหนิที่เมื่อครู่ไม่ให้ตนเองช่วยถือโคมไฟลั่วอวี้จู๋ก็หยิบสมบัติที่อยู่ภายในกล่องไม้ออกมา“นี่คือ?”มองเห็นไข่มุกทรงกลมทอประกายจางๆ ภายในมือลั่วอวี้จู๋ไม่คล้ายเครื่องมือไว้ใช้ส่องสว่างในยุคหลังแสงชนิดนี้คล้ายซึมอยู่ภายในไข่มุกอย่างเป็นธรรมชาติ!“ไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเลใต้หรือ?”หลี่หลงหลินเอ่ยถามออกมาลั่วอวี้จู๋สบมองหลี่หลงหลินอย่างแปลกใจ “ท่านรู้จักสิ่งนี้หรือ?”แม้ว่าไม่มีประสบการณ์ แต่ก็ยังรู้จักมาก่อนอย่างไรเสียไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเล
ทั้งสองสบตากันลั่วอวี้จู๋หน้าแดงเรื่อ เมื่อครู่สนใจเพียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดเสียใจ ไฉนเลยจะคิดถึงเรื่องนี้!ลูกกระเดือกหลี่หลงหลินเกร็งเล็กน้อย กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้เรือนร่างของลั่วอวี้จู๋เร่าร้อนถึงเพียงนี้ อกอวบอิ่มดูมีน้ำหนัก ปกติเสื้อผ้าหลวมสายคาดเอวกว้างเหล่านั้นปกปิดเรือนร่างเย้ายวนนี้ไว้จนหมดช่างเสียดายของโดยแท้!ลั่วอวี้จู๋หลบตา เอ่ยเสียงเคร่งขรึม “องค์ชาย หากไม่มีเรื่องใดก็กลับไปก่อนเถอะเพคะ...”บัดนี้ลั่วอวี้จู๋อยากหารูมุดเข้าไปเหลือเกินอยากไล่หลี่หลงหลินออกไปก่อน หาไม่แล้วท่ามกลางบรรยากาศคลุมเครือเช่นนี้จะเกิดเรื่องใดขึ้นนางก็ไม่แน่ใจแล้วหลี่หลงหลินรีบขยับถอยออกไป “หากพี่สะใภ้ไม่พูด ข้าก็เกือบลืมธุระสำคัญไปแล้ว เมื่อครู่ข้าผลักประตูเข้ามา วู่วามจริงๆ ตอนนี้ข้าจะออกไปเคาะประตูใหม่..”สิ้นคำ รีบหันหลังกลับออกไปหลี่หลงหลินรีบเบี่ยงเบนความคิดไปที่อื่น กลัววู่วามขึ้นมาทำลายเรื่องผิดต่อศีลธรรมร้ายแรงลั่วอวี้จู๋ไฉนเลยจะฟังความนัยของหลี่หลงหลินไม่ออกรีบสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่ตามปกติ ทำให้บรรยากาศไม่อึดอัดถึงเพียงนั้น“เข้ามาเถอะ”หลี่หลงหลินเคาะประตูเข้ามา บรรยาก
หลี่หลงหลินเข้าใจในทันใด ลั่วอวี้จู๋กำลังเสียใจเพราะตนถูกแต่งตั้งเป็นนักปราชญ์ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในสายตาของคนบนโลก นี่คือหลี่หลงหลินกำลังทำผิดศีลธรรมอย่างแท้จริงชนิดที่ว่ายากจะแก้ตัวได้!หากเป็นที่ผ่านมา ในฐานะฮ่องเต้ย่อมไม่มีใครกล้าตำหนิแต่บัดนี้หลี่หลงหลินในฐานะนักปราชญ์คนใหม่ย่อมต้องวางตัวให้เหมาะสม เป็นแบบอย่างให้แก่ผู้คนลั่วอวี้จู๋คิดถึงตรงนี้ก็ร้องไห้อย่างอดไม่ได้น้ำตาสองสายไหลผ่านพวงแก้มของนาง คล้ายไหลผ่านหยกหยางจือก็มิปาน ทิ้งคราบน้ำตารางๆ เอาไว้ต่อให้เป็นลั่วอวี้จู๋ผู้ฉลาดปราดเปรื่อง นางก็ไม่อาจคิดหาหนทางได้นั่นก็หมายความว่าชาตินี้นางทำได้เพียงเป็นพี่สะใภ้น้องเขยกับหลี่หลงหลินเท่านั้นลั่วอวี้จู๋เจ็บปวดใจ เบือนหน้าหนี พูดเสียงสะอื้น “องค์ชาย ท่านรีบไปเถอะ ตอนนี้ข้าไม่อยากเห็นท่าน!”คิดไม่ถึงหลี่หลงหลินกลับยิ้มออกมาคล้ายเรื่องฟ้าถล่มลงตรงหน้าไม่เกี่ยวอันใดกับเขา“ข้ายังคิดว่าเรื่องใดสามารถทำให้พี่สะใภ้เสียใจถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องเล็กเช่นนี้?”ได้ยินคำพูดของหลี่หลงหลิน ลั่วอวี้จู๋เปี่ยมความตกตะลึง“องค์ชาย นี่ท่านหมายความว่าอันใด?”ล
เพิ่งสิ้นคำหลี่หลงหลินก็รู้สึกผิดอยู่บ้างทว่าแต่ไหนแต่ไรมาลั่วอวี้จู๋ล้วนเชื่อคำพูดเขาโดยไร้ข้อกังขา ไม่เกิดความสงสัยเลยสักนิดเห็นนางหยิบผ้าเช็ดหน้าทอจากผ้าไหมเช็ดคราบน้ำตา เอ่ยเสียงแผ่วเบา “องค์ชาย ท่านกลับไปเถอะ หม่อมฉันสบายดี เพียงแต่นึกเรื่องเศร้าบางอย่างเท่านั้น”ถ้อยคำเหล่านี้ของลั่วอวี้จู๋จะสามารถปิดบังหลี่หลงหลินได้เยี่ยงไรหลี่หลงหลินเป็นคนสองชาติภพ ผ่านสตรีมามากมายมีสตรีใดไม่เคยพบเห็นมาก่อนลั่วอวี้จู๋นี่คืออยากหยุดแต่ทำไม่ได้!หลี่หลงหลินไม่ใช่คนซื่อเช่นนั้นเขาคล้ายไม่ฟังคำพูดของลั่วอวี้จู๋ เดินเข้าไปภายในห้อง“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านอย่าปิดบังข้าเลย หากไม่เสียใจ ท่านจะมีสภาพเช่นนี้หรือ?”ลั่วอวี้จู๋ภายในใจหลี่หลงหลินล้วนมีเพียงภาพของผู้ใหญ่สุขุมมากความสามารถต่อให้เหน็ดเหนื่อยและลำบากเยี่ยงไร ก็ไม่เคยเห็นนางหลั่งน้ำตาแม้หยดเดียวหรือพูดว่าลำบากแต่บัดนี้กลับร้องไห้เพียงลำพังภายในห้องคำพูดของหลี่หลงหลินคล้ายคมมีดแทงลงบนต่อมน้ำตาของลั่วอวี้จู๋น้ำตาที่รินไหลเมื่อครู่เอ่อทะลักออกมาลั่วอวี้จู๋ร้องไห้สะอึกสะอื้นรูปร่างอวบอิ่มเองก็สั่นเทาตามแรงสะอื้นหลี่หลงหลิ
ตนเองต้องไปคารวะไทฮองไทเฮาพร้อมกับซูเฟิ่งหลิงหากเป็นเวลาปกติขอเพียงแค่ตนเองไปเลือกของมีค่าที่ตลาดประจิมอิงตามความชอบของไทฮองไทเฮาเลือกสิ่งของล้ำค่าหายากมาส่งมอบเป็นของขวัญก็ใช้ได้แล้วแต่งานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟวันขึ้นสิบหกค่ำเดือนอ้ายจะเมินข้ามไม่ได้เป็นอันขาดพี่สะใภ้ใหญ่มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ หนำซ้ำยังเป็นพ่อค้ามั่งคั่งเขตเจียงเจ้อย่อมมีความรู้กว้างขวาง รู้ว่าสิ่งใดล้ำค่าที่สุดในใต้หล้ายิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้องค์หญิงไท่ผิงเองก็จะปรากฎตัวหลี่หลงหลินไม่สามารถตกเป็นรองได้ซูเฟิ่งหลิงเห็นเงาหลังของหลี่หลงหลินจากไป “หลี่หลงหลิน! ดึกถึงเพียงนี้ท่านจะไปทำอันใด?”หลี่หลงหลินมองนางแวบหนึ่ง “ข้ามีธุระต้องไปปรึกษาพี่สะใภ้ใหญ่ เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ!”พูดจบ ยกขาวิ่งหนีไปแล้วกลัวซูเฟิ่งหลิงจะไล่ตามออกมาจับไว้มิใช่เพราะหลี่หลงหลินไม่อยากปรึกษาเรื่องนี้กับซูเฟิ่งหลิงเพียงแต่ซูเฟิ่งหลิงเกิดในตระกูลนักรบ รำทวนแกว่งดาบตั้งแต่เด็ก ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้หลี่หลงหลินมาถึงลานบ้านของที่พักลั่วอวี้จู๋สามารถมองเห็นแสงเทียนสั่นไหวภายในเรือนได้นี่หมายความว่าลั่วอวี้จู๋ยังไม่เข้านอนหลี่ห
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!หลี่หลงหลินรู้เรื่ององค์หญิงไท่ผิงน้อยมากเพียงแต่สัญชาตญาณบอกเขา นี่ไม่ใช่ผู้ที่จะสามารถล่วงเกินได้อย่างง่ายดายคนหนึ่ง!ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะน้องสาวของหลี่เทียนฉี่องค์หญิงไท่ผิงรับหน้าที่เดินทางเป็นทูตสานสัมพันธไมตรีกับแคว้นโวกั๋วอำนาจบนตัวซับซ้อนอย่างมาก ไม่สามารถดูเบาได้!……จวนสกุลซูหลี่หลงหลินกลับถึงจวนก็ล่วงเลยเข้าสู่ยามสามตั้งนานแล้วแต่จวนสกุลซูยังจุดไฟสว่างไสวสกุลซูทุกคนล้วนรอการกลับมาของหลี่หลงหลินขาซ้ายหลี่หลงหลินเพิ่งก้าวผ่านเข้าประตู เสียงปรบมือดังสนั่นก็ดังขึ้นมองเห็นฮูหยินผู้เฒ่าซูพาทุกคนในเรือนใหญ่มารอต้อนรับชนิดที่ว่ายังเตรียมงานเลี้ยงไว้ให้หลี่หลงหลินอีกด้วยฮูหยินผู้เฒ่าซูเปิดปากก่อน “ยินดีกับรัชทายาท! เรื่องที่ลานไป๋อวี้ในวันนี้ รัชทายาทมีบารมียิ่งใหญ่ ฆ่าพวกบัณฑิตจอมปลอมเหล่านั้นได้ดี! ข้ามองคนไม่ผิดไปอย่างแท้จริง! สามารถให้ซูเฟิ่งหลิงแต่งงานกับรัชทายาทท่านได้ ช่างเป็นวาสนาในรอบร้อยปีของพวกเราสกุลซูโดยแท้!”หลี่หลงหลินแปลกใจมากอย่างไรเสียฮูหยินผู้เฒ่าซูก็อายุมากแล้วหากเหล่าพี่สะใภ้จัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่