ปัญญานิ่มหรือ? ในใจหลี่หลงหลินรู้สึกไม่พอใจ! สะใภ้รองที่เป็นหญิงงามบนภูเขาน้ำแข็ง คำพูดคำจากลับรุนแรงเกินไปหรือเปล่า! จะไม่ไว้หน้ากันสักหน่อยเลยหรือ? หากไม่ใช่เพราะมีเรื่องที่ต้องร้องขอนาง หลี่หลงหลินคงสะบัดแขนเสื้อจากไปนานแล้ว! ความคับข้องใจนี้ ข้าจะไม่ยอมรับ! ซูเฟิ่งหลิงก็รู้สึกว่าสะใภ้รองพูดเกินไป จึงรีบเอ่ยว่า: “สะใภ้รอง เราไปพูดกันด้านในเถอะ...” เมื่อพูดจบ ขณะที่ลากกงซูหว่านเข้าไปในห้องด้านหลัง ซูเฟิ่งหลิงอดไม่ได้หันกลับมาเอ่ยเตือนหลี่หลงหลิน: “ท่านอย่าได้แตะต้องของของสะใภ้รองเด็ดขาด!” หลี่หลงหลินตอบกลับแบบส่งๆไปประโยคหนึ่ง: “ เข้าใจแล้ว” เมื่อทั้งสองเข้าไปในห้องด้านหลัง หลี่หลงหลินก็กวาดสายตามองไปทั่วห้อง ที่จริงแล้ว เขาก็มองออกว่ากงซูหว่านคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา และเป็นช่างไม้ระดับปรมาจารย์จริงๆ ภายในห้องมีของเล่นที่ไม่โดดเด่นอยู่หลายอย่าง แต่อันที่จริงมันล้วนมีกลไกลึกลับอยู่ ไม่แน่ว่าอาจเป็นอาวุธลับอะไรสักอย่าง หลี่หลงหลินไม่รู้จัก และไม่กล้าแตะต้อง แต่เขาบังเอิญเห็นแม่กุญแจหลู่ปันอันหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ จึงหยิบมันขึ้นมาเล่นอย่างเบื่อหน่าย ของที่เรียกว
หลี่หลงหลินแอบเหลือบมองกงซูหว่าน และพบว่าการแสดงออกของหญิงงามบนภูเขาน้ำแข็งนี้เย็นชากว่าน้ำแข็งหนาอายุพันปีเสียอีก ทำจนเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เห็นได้ชัดว่า แม่กุญแจหลู่ปันนี้ซ่อนสิ่งที่ถือเป็นหลักฐานยืนยันของสำนักโม่ไว้ ซึ่งนี่เป็นความลับของสะใภ้รอง แต่ความลับนี้ถูกตนทําลายโดยไม่ได้ตั้งใจ บรรลัยแล้ว! หลี่หลงหลินแสร้งทําเป็นสงบ: “ แม่กุญแจหลู่ปัน เป็นแค่ของให้คนเล่นไม่ใช่หรือ? ดูความตระหนี่ของพวกเจ้าสิ! ข้าไม่ได้ทำมันพัง ประกอบกลับไปก็เหมือนเดิมแล้วไม่ใช่หรือ?” กงซูหว่านอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย: “ ประกอบกลับไปหรือ? แม่กุญแจที่ปราดเปรื่องและวิจิตรงดงามนี้ เป็นของเล่นที่บรรพบุรุษของข้าคิดค้น การแกะออกไม่ใช่เรื่องง่าย การประกอบกลับไปยิ่งยากกว่า! เจ้าแค่พูดว่าจะประกอบกลับ ก็ประกอบกลับไป” อย่างไรก็ตาม ซูกงหว่านยังไม่ทันพูดจบ เรียวนิ้วของหลี่หลงหลินก็ขยับราวกับโบยบิน เขาประกอบแม่กุญแจหลู่ปันกลับไปอยู่ในสภาพเดิม แม้แต่จี้หยกก็ใส่กลับคืนไปได้ “เสร็จแล้ว!” หลี่หลงหลินยื่นแม่กุญแจหลู่ปันให้กับกงซูหว่าน: “ เจ้าตรวจสอบดูได้!” กงซูหว่านหยิบแม่กุญแจหลู่ปันและตรวจสอบอย่างละเอียด จนน
ประณีตยิ่งกว่าเนรมิต ตื่นตะลึงไปจนถึงเทพสวรรค์! คำวิจารณ์แปดคำนี้ของกงซูหว่าน พูดได้เลยว่าเป็นการพูดเกิดจริง! ซูเฟิ่งหลิงดวงตาเบิกกว้าง: “ สะใภ้รอง เจ้าไม่ได้เข้าใจผิดใช่หรือไม่? ก็แค่เครื่องทอผ้าที่เครื่องหนึ่งไม่ใช่หรือ คู่ควรกับคำวิจารณ์ที่สูงส่งเช่นนี้ด้วยหรือ?” กงซูหว่านส่ายหัว: “ น้องหญิง เจ้าไม่เข้าใจ! นี่ไม่ใช่แค่เครื่องทอผ้าธรรมดา การออกแบบมีความซับซ้อนและน่าทึ่งมาก! จากการประมาณการเบื้องต้นของข้า ประสิทธิภาพการทอผ้าสามารถเพิ่มได้สูงขึ้นอย่างน้อยห้าเท่าหรือมากกว่านั้น!” ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึงจนพูดไม่ออก เครื่องทอผ้าธรรมดาทอผ้าได้หนึ่งผืน ใช้เครื่องทอผ้านี้สามารถทอผ้าได้ห้าผืนเลยหรือ! นี่มันแนวคิดอะไรกัน? ไม่ใช่แค่ตระกูลซูเท่านั้นที่ได้สร้างโชคลาภ หากเครื่องทอผ้าเช่นนี้ได้รับความนิยม ทั้งต้าเซี่ยก็จะเหมือนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ! หลี่หลงหลินมองใบหน้าสวยของกงซูหว่าน และพูดด้วยรอยยิ้ม: “ สะใภ้รองสมแล้วที่เป็นทายาทของหลู่ปัน รู้จักของจริงๆ!” กงซูหว่านเหลือบมองไปที่หลี่หลงหลิน แต่ยังคงมีท่าทางเย็นชา: “ เจ้าไม่จําเป็นต้องสอพลอข้า! บอกข้ามาว่าใครเป็นคนวาดภาพนี้? ข้า
หลี่หลงหลินเดินออกไปไกลแล้ว แต่เขากลับรู้สึกเย็นสันหลังวาบ ราวกับมีแสงแทงเสียดแผ่นหลัง เมื่อหันหลังกลับไปมอง ก็พบว่ากงซูหว่านที่ยืนอยู่หน้าประตู ก็กำลังจ้องมองมาที่ตนด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าค่อนข้างเหม่อลอย “สะใภ้รอง เจ้ายังมีอะไรอีกหรือไม่” หลี่หลงหลินที่ถูกกงซูหว่านจ้องมองจนขนหัวลุก เปิดปากเอ่ยถาม กงซูหว่านไม่ตอบ ใบหน้าสวยของนางแดงระเรื่อขึ้น จากนั้นนางก็หันหลังกลับเข้าไปในเรือน แล้วปิดประตูอย่างแน่นหนา “บุคลิกของสะใภ้รองช่างน่าประหลาดจริงๆ!” หลี่หลงหลินเกาหัวด้วยความงุนงง ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยเยาะเย้ย: “ ผู้ชายเหม็นอย่างท่าน คิดว่าตนฉลาด ในความเป็นจริงก็เป็นแค่คนไม่ได้ความ!” หลี่หลงหลินไม่พอใจมาก: “ไม่ว่าข้าจะเขลาแค่ไหน ข้าก็ฉลาดกว่าเสืออย่างเจ้า!” “ถุย!” ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยด้วยอย่างลำพองตน: “ท่านฉลาดกับผีอะไรกัน! สะใภ้รองเย็นชากับทุกคน นางไม่สนใจใครเลย มีเพียงสายตาที่มองท่านเท่านั้นที่แตกต่างออกไป! หรือท่านยังมองไม่ออกว่านี่เป็นเพราะอะไร?” หลี่หลงหลินถามอย่างสงสัย “เป็นเพราะอะไรหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างจริงจัง: “สะใภ้รองชอบคนฉลาด นางต้องตาท่านไงเล่า! ท่านคงไม่คิดหรอกนะว
หลี่หลงหลินหัวเราะ: “พี่สะใภ้ท่านไม่ต้องกังวล ซูเฟิ่งหลิงดื่มไปเยอะมาก ตอนนี้นางหลับอย่างกับหมูตาย! นางไม่มีทางรู้ว่าข้ามาหาท่านในยามดึกเช่นนี้ อีกทั้งไม่มีทางที่จะหึงด้วย!” ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วมุ่น: “น้องหญิงไม่รู้? นั่นก็ยิ่งยุ่งยากแล้ว! ท่านมีเรื่องอะไรก็พูดมาเลยเถอะ” หญิงม่ายมักดึงดูดผู้คนให้มาสนใจ ดึกดื่นเที่ยงคืน ชายเปลี่ยวหญิงม่าย แม้ว่าลั่วอวี้จู๋จะมีสํานึกรู้ชอบ แต่เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เกิดความสงสัย หากมีข่าวลือใด ๆ แพร่ออกไป ไม่เพียงแต่ลั่วอวี้จู๋เท่านั้น แต่ชื่อเสียงของตระกูลซูก็จะถูกทําลายลงไปด้วย หลี่หลงหลินมองเห็นความกังวลของลั่วอวี้จู๋ จึงเอ่ยว่า “ตอนนี้ ในตระกูลซูมีข้าผู้เดียวที่เป็นผู้ชาย! มีบางเรื่องที่ไม่สะดวกจริงๆ! ข้าเองก็กลัวว่าซูเฟิ่งหลิงจะหึง ข้าเลยมาขอคําชี้แนะจากพี่สะใภ้” “นอกจากสะใภ้รองแล้ว ข้ายังมีพี่สะใภ้อีกกี่คน” “พวกนางล้วนอยู่ในเรือนหรือไม่?” ทันใดนั้นสีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลั่วอวี้จู๋: “ที่แท้ ท่านก็อยากมาถามเรื่องนี้หรือ! ท่านก็พูดมีเหตุผล จำเป็นต้องให้ท่านได้รู้สถานการณ์พื้นฐานของตระกลูซู เพื่อหลีกเลี่ยงให้เกิดความเข้าใ
ช่างน่าสังเวชจริงๆ! จู่ๆ หลี่หลงหลินก็รู้สึกว่า การเป็นฮ่องเต้แม้แต่การนอนขี้เกียจยังทำไม่ได้ มีอะไรให้น่าสนใจกัน? ยังสู้เป็นองค์ชายที่เอ้อระเหยลอยชายที่วันๆเอาแต่เข้าหอนางโลม ฟังเพลงชมละคร เพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งไปตลอดชีวิตไม่ได้เลย ภายใต้การดูแลของสาวใช้ หลี่หลงหลินสวมเสื้อผ้า และหลังจากกินอาหารกลางวันแล้ว เขาก็เดินไปทั่วจวนสกุลซู วันนี้จวนสกุลซูเงียบเป็นพิเศษ หลี่หลงหลินต้องถามสาวใช้ถึงได้รู้ ซูเฟิ่งหลิงนําทหารที่รอดชีวิต ไปตัดต้นไม้ที่ภูเขาทิศประจิม ยังไม่กลับมา ลั่วอวี้จู๋ออกไปแต่เช้าตรู่แล้ว นางไปซื้อร้านค้าต่อตามคําสั่งของหลี่หลงหลิน แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ไม่อยู่เรือน นางไปที่วัดเพื่อจุดธูปไหว้พระ ส่วนสะใภ้รอง นางกําลังยุ่งอยู่กับการทําเครื่องทอผ้า ไม่ออกจากประตูใหญ่ไม่เข้าใกล้ประตูรอง ทั่วทั้งตระกูลซู มีผู้เกียจคร้านเพียงคนเดียวคือหลี่หลงหลิน หลี่หลงหลินเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ได้ใช้ชีวิตอย่างว่างงานในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ เขาดินไปถึงหน้าหอริมน้ำอันโอ่อ่าสง่างามโดยไม่รู้ตัว “ที่นี่คือที่ไหนอีกเนี่ย?” หลี่หลงหลินพบว่าจวนส
ความงามเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า! เมื่อหลี่หลงหลินได้ยินชื่อนี้ เขาก็จําได้ทันที มิน่าหล่ะเขาถึงได้รู้สึกว่าชื่อหลิ่วหรูเยียนนั้นช่างคุ้นหูนัก ที่แท้ ก็เป็นนางคณิกาของสำนักการสังคีต! อย่างไรก็ตามเมื่อก่อนหลี่หลงหลินก็เคยได้ยินมาว่าหลิ่วหรูเยียนนั้นงดงามแค่ไหน นางเป็นความงามที่หาได้ยากในโลกนี้ แต่เขากลับไม่เคยเห็นนางกับตาตัวเองสักครั้ง เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะเขาไม่คู่ควร! แม้ว่าหลิ่วหรูเยียนจะเป็นนางคณิกา แต่นางก็เป็นนางคณิกาที่ไม่รับแขก นางเป็นประเภทที่ขายศิลปะไม่ขายร่างกาย นางเชี่ยวชาญด้านพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันจีน ภาพวาดจีน และเก่งเรื่องเย็บปักถักร้อย ลูกผู้ลากมากดีในเมืองหลวง ล้วนหลงใหลหลิ่วหรูเยียนจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใครก็ตามอยากยลโฉมหลิ่วหรูเยียน อยากดื่มสุราสักจอก อยากพูดคุยสักหนึ่งประโยค ล้วนต้องโอ้อวดเงินทุน แต่ใช่ว่าใครที่ไหนก็สามารถเจอหลิ่วหรูเยียนได้ ดังคำกล่าวที่ว่า บุรุษผู้มีความสามารถคู่ควรกับโฉมงาม หลิ่วหรูเยียนมีความสามารถ ย่อมหยิ่งผยองเป็นธรรมดา หากอยากเจอนาง ไม่ว่าจะโยนเงินไปมากแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์! มีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้นคือแต่ง
แต่โบราณมาหญิงงามมักมีชะตากรรมเลวร้าย หลิ่วหรูเยียนคือตัวอย่างที่ชัดเจนมาก ชีวิตของนางเต็มไปด้วยความยากลำบาก เป็นหญิงสาวที่น่าสงสารมาก สำนักการสังคีตเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มมาหาความสำราญ แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว มันคือ นรก โดยเฉพาะหลิ่วหรูเยียนหญิงงามที่ไร้คู่เปรียบเทียบ ไม่รู้ว่ามีชายหนุ่มมากแค่ไหนที่หมายปองในตัวนาง ไม่ง่ายเลยสำหรับนางที่ต้องรอคอยชายอันเป็นที่รัก แต่แล้ว ก่อนที่พวกเขาจะได้แต่งงานกัน พี่ชายสี่ของตระกูลซูก็ต้องจบชีวิตในสนามรบ ซ้ำแล้ว นางยังถูกครอบครัวสามีรังเกียจ และกําลังจะถูกไล่ออกจากบ้าน ในสายตาของเหล่าผู้ชาย หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์อีกต่อไป หากนางกลับไปที่สำนักการสังคีต นางจะไม่สามารถเป็นหญิงงามที่ขายศิลปะไม่ขายตัวได้อีกต่อไป และนางเหลือเพียงหนทางเดียวคือขายเรือนร่าง! ชะตากรรมอันน่าสลดของนาง แค่คิดก็รู้แล้ว! หลี่หลงหลินเห็นอกเห็นใจต่อชะตากรรมของหลิ่วหรูเยียนอย่างสุดซึ้ง ถ้าเป็นไปได้ หลี่หลงหลินก็อยากช่วยเหลือหลิ่วหรูเยียนเช่นกัน เขาทนไม่ได้จริงๆที่จะเห็นหญิงสาวอย่างหลิ่วหรูเยียน ต้องตกนรกอีกครั้ง! เวลาผ่า
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ
เถี่ยจู้เริ่มเหนื่อยล้า อยากจะโยนไม้ท่อนสองอันในมือทิ้งลงทะเลเสียเดี๋ยวนี้ ไม่อยากเชื่อเรื่องเหลวไหลว่าจะมีโชคหล่นจากฟ้าอีกต่อไป แต่พอนึกถึงรสชาติอันโอชะของปลาหวงฮื้อใหญ่ ก็ทำให้เขายังคงยืนหยัดต่อไปได้ ตึง ตึง ตึง... สุ่ยเซิงพลันหรี่ตาลง ชี้ไปยังที่ไกลๆ แล้วเอ่ยว่า: “ทางนั้นดูเหมือนมีความเคลื่อนไหว!” ทุกคนพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา มองไปยังทิศที่สุ่ยเซิงชี้ ก็เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า: “มีคลื่นนี่ หรือว่าลมใหญ่กำลังจะมา?” ไร้ลมไหนเลยจะมีคลื่น เพียงแค่ทะเลมีคลื่นซัดสาดขึ้นมากะทันหัน ก็บ่งบอกว่าอีกไม่นานลมใหญ่จะพัดมาถึง สุ่ยเซิงส่ายหน้า สีหน้าแน่วแน่ แล้วเอ่ยว่า: “ไม่...ไม่ใช่คลื่น แต่เป็นปลา!” “ฝูงปลา!” “ไม่! คือคลื่นปลา!” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึงตาค้าง ราวกับอยู่ในความฝัน ปลาแหวกว่ายถาโถมเข้ามาหาพวกเขาราวกับกระแสน้ำ นานๆ ครั้งก็จะมีปลาใหญ่กระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ ดุจดังเกลียวคลื่นที่ม้วนตัว สุ่ยเซิงตะโกน: “เร็วเข้า! ตักปลา!” เพียงชั่วพริบตา ฝูงปลาก็เข้ามาล้อมเรือประมงไว้แล้ว เหวี่ยงอวน สาวอวน ทุกคนไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย ต่างกลั้นหายใจรวบรวมสมาธิ ออกเรี่ยวแรงทั้
รุ่งเช้า ณ ท่าเทียบเรือตงไห่ อรุณรุ่งตะวันออกฉาย แสงทองสาดส่องนภา เหล่าชาวประมงต่างแย่งกันเข็นเรือประมงลงสู่ทะเล ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังต่ออนาคต “ท่านแม่ ไม่ต้องมาส่งแล้ว ข้าไปกับเถี่ยจู้ไม่เป็นอันใดหรอก วางใจเถิด” สุ่ยเซิงเอ่ยลามารดา วิ่งเหยาะๆ มายังท่าเทียบเรือ ขึ้นเรือประมงไปพร้อมกับเถี่ยจู้และชาวประมงเพื่อนบ้านอีกสองสามคน “สุ่ยเซิง เร็วเข้าสิ เหลือแค่เจ้าแล้ว!” สุ่ยเซิงยิ้มซื่อๆ พลางล้วงห่อกระดาษเคลือบน้ำมันสองห่อออกมาจากอกเสื้อ ส่งให้เถี่ยจู้ เถี่ยจู้สงสัยเล็กน้อย: “นี่คืออันใด?” สุ่ยเซิงยิ้มแล้วเอ่ยว่า: “นี่เป็นสิ่งที่ท่านแม่ยัดเยียดให้ข้าตอนจะออกมา บอกว่าเป็นปลาทอดกรอบที่ทำจากปลาหวงฮื้อใหญ่เมื่อวานนี้ เก็บไว้หลายวันก็ไม่เสีย ให้พวกเราเอาไว้กินเป็นเสบียงแห้งในทะเล” เถี่ยจู้ทำหน้าอิจฉา: “สุ่ยเซิง ท่านแม่ของเจ้าช่างรอบคอบนัก ยังเตรียมเสบียงแห้งให้เจ้าด้วย แต่ว่าปลาที่องค์รัชทายาทแจกเมื่อวานหอมจริงๆ! เมื่อวานข้ากินไปตั้งสามตัว ทำเอาท้องที่หิวมาหลายวันของข้าอิ่มแปล้ไปเลย” คนอื่นๆ ที่มาด้วยกันต่างพูดคุยถึงวิธีการปรุงปลาหวงฮื้อใหญ่กันเซ็งแซ่ ทุกคนต่างบอกเป็นเส
หลู่จงหมิงไม่เคยเห็นปลามากมายเช่นนี้มาก่อน ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป! เหล่าขุนนางที่อยู่รอบๆ ก็ยืนนิ่งตะลึงงัน พูดไม่ออก “องค์รัชทายาท แจกปลาเถิด!” “พวกเราต้องการกินปลา!” ชาวบ้านชูแขนโห่ร้อง แม้ว่าหลี่หลงหลินจะนำปลาทั้งหมดมากองไว้บนท่าเทียบเรือแล้ว แต่ก็ยังคงให้ทหารตระกูลซูเฝ้าไว้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะแจกจ่ายปลาให้แก่ชาวบ้าน หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “ข้าเคยพูดเมื่อใด ว่าจะแจกปลาเหล่านี้ให้เปล่าๆ?” ทุกคนต่างส่งเสียงฮือฮา ชาวบ้านมองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้าตกตะลึง ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ไม่ใช่ว่าหลี่หลงหลินรับปากเองหรอกหรือ ว่าจะทำให้ชาวบ้านได้กินเนื้อกันถ้วนหน้า? บัดนี้เหตุใดจึงกลับคำเล่า? “ทุกคนเห็นหรือไม่? นี่แหละองค์รัชทายาท ปากก็พร่ำบอกว่าจะให้ชาวบ้านได้กินเนื้อ แต่บัดนี้กลับตระบัดสัตย์!” หลู่จงหมิงเดินมาหน้าชาวบ้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน หลู่จงหมิงฉวยโอกาสทันที ไม่อาจปล่อยให้หลี่หลงหลินชนะใจประชาชนไปง่ายๆ เช่นนี้ได้ หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “ข้าพูดเมื่อใดว่าจะไม่ให้ชาวบ้านกินเนื้อ?” หลู่จงหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าในน้ำเต้าของหลี
ยามเย็น ณ ท่าเรือตงไห่ เรือลำใหญ่ค่อยๆ แล่นเข้าสู่ท่าเรือ บนท่าเทียบเรือมีผู้คนเนืองแน่น ล้วนเป็นชาวบ้านที่มามุงดูเรื่องสนุก ทั้งยังมีขุนนางผู้มีอำนาจไม่น้อยที่มารอสมน้ำหน้าหลี่หลงหลิน หลู่จงหมิงได้ยินว่าวันนี้หลี่หลงหลินออกทะเลไปจับปลา จึงมารออยู่ที่ท่าเทียบเรือตลอดทั้งวัน เพื่อรอที่จะหยามเกียรติหลี่หลงหลิน หลู่จงหมิงมองเรือใหญ่ที่กำลังเทียบท่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน: “ยังกล้าคุยโวโอ้อวด ว่าจะทำให้ชาวบ้านได้กินเนื้อกันถ้วนหน้า? ช่างเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ปลาที่จับได้ในทะเลตงไห่แค่นั้น ยังไม่พอให้ตดด้วยซ้ำ!” ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยสมทบ: “พระเชษฐภาดา เดี๋ยวรอตอนที่เอาปลาออกมา พวกเราต้องหยามเกียรติเขาสักครา ต้องระบายความแค้นนี้ให้ได้!” พระเชษฐภาดาแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา: “ชาวบ้านมากมายขนาดนี้กำลังจ้องมองอยู่ที่ท่าเรือ ถึงเวลานั้นหากหลี่หลงหลินเอาปลาออกมาไม่ได้ ดูสิว่าเขาจะจัดการอย่างไร!” เรือใหญ่เทียบท่า ชาวบ้านกรูกันเข้ามา ล้อมเรือใหญ่ไว้แน่นขนัด “กลิ่นคาวปลาแรงมาก!” พอชาวบ้านเข้าใกล้เรือใหญ่ กลิ่นคาวปลาก็ปะทะเข้าหน้าทันที “กลิ่นคาวปลาขนาดนี้ ต้องจับปลามาได้มากเท่าใดกัน?”