หลี่หลงหลินเดินออกไปไกลแล้ว แต่เขากลับรู้สึกเย็นสันหลังวาบ ราวกับมีแสงแทงเสียดแผ่นหลัง เมื่อหันหลังกลับไปมอง ก็พบว่ากงซูหว่านที่ยืนอยู่หน้าประตู ก็กำลังจ้องมองมาที่ตนด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าค่อนข้างเหม่อลอย “สะใภ้รอง เจ้ายังมีอะไรอีกหรือไม่” หลี่หลงหลินที่ถูกกงซูหว่านจ้องมองจนขนหัวลุก เปิดปากเอ่ยถาม กงซูหว่านไม่ตอบ ใบหน้าสวยของนางแดงระเรื่อขึ้น จากนั้นนางก็หันหลังกลับเข้าไปในเรือน แล้วปิดประตูอย่างแน่นหนา “บุคลิกของสะใภ้รองช่างน่าประหลาดจริงๆ!” หลี่หลงหลินเกาหัวด้วยความงุนงง ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยเยาะเย้ย: “ ผู้ชายเหม็นอย่างท่าน คิดว่าตนฉลาด ในความเป็นจริงก็เป็นแค่คนไม่ได้ความ!” หลี่หลงหลินไม่พอใจมาก: “ไม่ว่าข้าจะเขลาแค่ไหน ข้าก็ฉลาดกว่าเสืออย่างเจ้า!” “ถุย!” ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยด้วยอย่างลำพองตน: “ท่านฉลาดกับผีอะไรกัน! สะใภ้รองเย็นชากับทุกคน นางไม่สนใจใครเลย มีเพียงสายตาที่มองท่านเท่านั้นที่แตกต่างออกไป! หรือท่านยังมองไม่ออกว่านี่เป็นเพราะอะไร?” หลี่หลงหลินถามอย่างสงสัย “เป็นเพราะอะไรหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างจริงจัง: “สะใภ้รองชอบคนฉลาด นางต้องตาท่านไงเล่า! ท่านคงไม่คิดหรอกนะว
หลี่หลงหลินหัวเราะ: “พี่สะใภ้ท่านไม่ต้องกังวล ซูเฟิ่งหลิงดื่มไปเยอะมาก ตอนนี้นางหลับอย่างกับหมูตาย! นางไม่มีทางรู้ว่าข้ามาหาท่านในยามดึกเช่นนี้ อีกทั้งไม่มีทางที่จะหึงด้วย!” ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วมุ่น: “น้องหญิงไม่รู้? นั่นก็ยิ่งยุ่งยากแล้ว! ท่านมีเรื่องอะไรก็พูดมาเลยเถอะ” หญิงม่ายมักดึงดูดผู้คนให้มาสนใจ ดึกดื่นเที่ยงคืน ชายเปลี่ยวหญิงม่าย แม้ว่าลั่วอวี้จู๋จะมีสํานึกรู้ชอบ แต่เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เกิดความสงสัย หากมีข่าวลือใด ๆ แพร่ออกไป ไม่เพียงแต่ลั่วอวี้จู๋เท่านั้น แต่ชื่อเสียงของตระกูลซูก็จะถูกทําลายลงไปด้วย หลี่หลงหลินมองเห็นความกังวลของลั่วอวี้จู๋ จึงเอ่ยว่า “ตอนนี้ ในตระกูลซูมีข้าผู้เดียวที่เป็นผู้ชาย! มีบางเรื่องที่ไม่สะดวกจริงๆ! ข้าเองก็กลัวว่าซูเฟิ่งหลิงจะหึง ข้าเลยมาขอคําชี้แนะจากพี่สะใภ้” “นอกจากสะใภ้รองแล้ว ข้ายังมีพี่สะใภ้อีกกี่คน” “พวกนางล้วนอยู่ในเรือนหรือไม่?” ทันใดนั้นสีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลั่วอวี้จู๋: “ที่แท้ ท่านก็อยากมาถามเรื่องนี้หรือ! ท่านก็พูดมีเหตุผล จำเป็นต้องให้ท่านได้รู้สถานการณ์พื้นฐานของตระกลูซู เพื่อหลีกเลี่ยงให้เกิดความเข้าใ
ช่างน่าสังเวชจริงๆ! จู่ๆ หลี่หลงหลินก็รู้สึกว่า การเป็นฮ่องเต้แม้แต่การนอนขี้เกียจยังทำไม่ได้ มีอะไรให้น่าสนใจกัน? ยังสู้เป็นองค์ชายที่เอ้อระเหยลอยชายที่วันๆเอาแต่เข้าหอนางโลม ฟังเพลงชมละคร เพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งไปตลอดชีวิตไม่ได้เลย ภายใต้การดูแลของสาวใช้ หลี่หลงหลินสวมเสื้อผ้า และหลังจากกินอาหารกลางวันแล้ว เขาก็เดินไปทั่วจวนสกุลซู วันนี้จวนสกุลซูเงียบเป็นพิเศษ หลี่หลงหลินต้องถามสาวใช้ถึงได้รู้ ซูเฟิ่งหลิงนําทหารที่รอดชีวิต ไปตัดต้นไม้ที่ภูเขาทิศประจิม ยังไม่กลับมา ลั่วอวี้จู๋ออกไปแต่เช้าตรู่แล้ว นางไปซื้อร้านค้าต่อตามคําสั่งของหลี่หลงหลิน แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ไม่อยู่เรือน นางไปที่วัดเพื่อจุดธูปไหว้พระ ส่วนสะใภ้รอง นางกําลังยุ่งอยู่กับการทําเครื่องทอผ้า ไม่ออกจากประตูใหญ่ไม่เข้าใกล้ประตูรอง ทั่วทั้งตระกูลซู มีผู้เกียจคร้านเพียงคนเดียวคือหลี่หลงหลิน หลี่หลงหลินเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ได้ใช้ชีวิตอย่างว่างงานในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ เขาดินไปถึงหน้าหอริมน้ำอันโอ่อ่าสง่างามโดยไม่รู้ตัว “ที่นี่คือที่ไหนอีกเนี่ย?” หลี่หลงหลินพบว่าจวนส
ความงามเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า! เมื่อหลี่หลงหลินได้ยินชื่อนี้ เขาก็จําได้ทันที มิน่าหล่ะเขาถึงได้รู้สึกว่าชื่อหลิ่วหรูเยียนนั้นช่างคุ้นหูนัก ที่แท้ ก็เป็นนางคณิกาของสำนักการสังคีต! อย่างไรก็ตามเมื่อก่อนหลี่หลงหลินก็เคยได้ยินมาว่าหลิ่วหรูเยียนนั้นงดงามแค่ไหน นางเป็นความงามที่หาได้ยากในโลกนี้ แต่เขากลับไม่เคยเห็นนางกับตาตัวเองสักครั้ง เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะเขาไม่คู่ควร! แม้ว่าหลิ่วหรูเยียนจะเป็นนางคณิกา แต่นางก็เป็นนางคณิกาที่ไม่รับแขก นางเป็นประเภทที่ขายศิลปะไม่ขายร่างกาย นางเชี่ยวชาญด้านพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันจีน ภาพวาดจีน และเก่งเรื่องเย็บปักถักร้อย ลูกผู้ลากมากดีในเมืองหลวง ล้วนหลงใหลหลิ่วหรูเยียนจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใครก็ตามอยากยลโฉมหลิ่วหรูเยียน อยากดื่มสุราสักจอก อยากพูดคุยสักหนึ่งประโยค ล้วนต้องโอ้อวดเงินทุน แต่ใช่ว่าใครที่ไหนก็สามารถเจอหลิ่วหรูเยียนได้ ดังคำกล่าวที่ว่า บุรุษผู้มีความสามารถคู่ควรกับโฉมงาม หลิ่วหรูเยียนมีความสามารถ ย่อมหยิ่งผยองเป็นธรรมดา หากอยากเจอนาง ไม่ว่าจะโยนเงินไปมากแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์! มีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้นคือแต่ง
แต่โบราณมาหญิงงามมักมีชะตากรรมเลวร้าย หลิ่วหรูเยียนคือตัวอย่างที่ชัดเจนมาก ชีวิตของนางเต็มไปด้วยความยากลำบาก เป็นหญิงสาวที่น่าสงสารมาก สำนักการสังคีตเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มมาหาความสำราญ แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว มันคือ นรก โดยเฉพาะหลิ่วหรูเยียนหญิงงามที่ไร้คู่เปรียบเทียบ ไม่รู้ว่ามีชายหนุ่มมากแค่ไหนที่หมายปองในตัวนาง ไม่ง่ายเลยสำหรับนางที่ต้องรอคอยชายอันเป็นที่รัก แต่แล้ว ก่อนที่พวกเขาจะได้แต่งงานกัน พี่ชายสี่ของตระกูลซูก็ต้องจบชีวิตในสนามรบ ซ้ำแล้ว นางยังถูกครอบครัวสามีรังเกียจ และกําลังจะถูกไล่ออกจากบ้าน ในสายตาของเหล่าผู้ชาย หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์อีกต่อไป หากนางกลับไปที่สำนักการสังคีต นางจะไม่สามารถเป็นหญิงงามที่ขายศิลปะไม่ขายตัวได้อีกต่อไป และนางเหลือเพียงหนทางเดียวคือขายเรือนร่าง! ชะตากรรมอันน่าสลดของนาง แค่คิดก็รู้แล้ว! หลี่หลงหลินเห็นอกเห็นใจต่อชะตากรรมของหลิ่วหรูเยียนอย่างสุดซึ้ง ถ้าเป็นไปได้ หลี่หลงหลินก็อยากช่วยเหลือหลิ่วหรูเยียนเช่นกัน เขาทนไม่ได้จริงๆที่จะเห็นหญิงสาวอย่างหลิ่วหรูเยียน ต้องตกนรกอีกครั้ง! เวลาผ่า
หลิ่วหรูเยียน เมื่อหลี่หลงหลินพูดชื่อนี้ขึ้นมา บรรยากาศที่เคยคึกคักในจวนสกุลซูก็เงียบสงัดลงอย่างกะทันหัน ใบหน้าของทุกคนไม่ได้แสดงความประหลาดใจ แต่กลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮูหยินผู้เฒ่าซู นางเอ่ยเสียงสั่นด้วยความโกรธ: “ องค์ชายเก้า หลิ่วหรูเยียนไม่ใช่คนตระกูลซู ท่านห้ามเรียกนางว่าพี่สะใภ้สี่!” หลี่หลงหลินแสดงอาการพูดไม่ออก ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายใหญ่กว่าที่เขาคิด! ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้ว: “องค์ชาย ผู้หญิงที่เย็บปักถักร้อยเป็นในใต้หล้านี้มีอยู่ทุกที่! เหตุใดท่านต้องเรียกหลิ่วหรูเยียนมา ทำให้ทุกคนเสียอารมณ์?” หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อยและอธิบายว่า: “ พี่สะใภ้ เครื่องทอผ้าที่ข้าคิดค้นนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ! ถ้ามีข่าวรั่วไหลออกไป เกรงว่าแผนการทำเงินของเราอาจจะพังลง!” “ไม่ว่ายังไง หลิ่วหรูเยียนก็ถือเป็นคนในครอบครัว น่าเชื่อถือกว่าคนนอก” ลั่วอวี้จู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า” องค์ชาย ท่านพูดมีเหตุผล ถ้าเครื่องทอผ้าเครื่องนี้ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นห้าเท่าจริง เช่นนั้นธุรกิจผ้าในเมืองหลวงนี้ก็จะพลิกจากฝ่ามือเป็นหลังมือแล้ว !” “ถ้าข่าวรั่
นางเตรียมใจไว้แล้ว และลับคมกรรไกรไว้เสร็จสรรพ หากฮูหยินผู้เฒ่าไม่ให้อภัย และต้องการขับไล่ตนออกจากตระกูลซูจริงๆ เช่นนั้น ตนก็จะใช้กรรไกรนี้แทงหัวใจตัวเอง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์! “หืม?” ฮูหยินผู้เฒ่าซูเป็นคนเช่นไร นางขมวดคิ้วทันที เพราะรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหลิ่วหรูเยียน “มือขวา!” “มือขวาของเจ้าซ่อนอะไรไว้!” “เอามันออกมา!” ฮูหยินผู้เฒ่าซูตะคอกอย่างรุนแรง หลิ่วหรูเยียนที่ใจอ่อนอยู่แล้ว เมื่อถูกฮูหยินผู้เฒ่าซูตะคอกใส่ มือไม้อ่อนแรงทำอะไรไม่ถูกทันที กึกกัก....... กรรไกรแวววาวหลุดออกจากอ้อมแขนของนางและล้มลงบนพื้น! ห่า... เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ ก็ถึงกับอ้าปากค้าง มองไปที่หลิ่วหรูเยียนด้วยความประหลาดใจ นางเก็บกรรไกรไว้ในแขนของนางทำไม? ใครจะรู้ว่า ความขัดแย้งระหว่างนางกับฮูหยินผู้เฒ่านั้นจะร้ายแรงมากถึงขั้นเข้ากันไม่ได้เลย! หรือว่า นางมีเจตนาที่ไม่ดี ต้องการทำร้ายฮูหยินผู้เฒ่า? ฮูหยินผู้เฒ่าซูโกรธจัด นางชี้ไปที่จมูกของหลิ่วหรูเยียน และดุด่าอย่างสาดเสียเทเสีย: “ช่างใจกล้านักนะ! เจ้าต้องการแทงข้าหรือ! “ตระกูลซูให้เจ้ากิน ให้เจ้าดื่ม ให้ที่อยู
หลิ่วหรูเยียนพยักหน้าอย่างรีบร้อน และพูดว่า: “ ถูกต้อง ข้าได้ยินว่าต้องทอผ้า ข้าจึงนํากรรไกรมาด้วย แต่ข้าไม่คิดว่าจะเกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้! มันเป็นความผิดของข้าเองที่ทําให้ทุกคนกลัว!” ฮูหยินผู้เฒ่าซูกรนอย่างเย็นชา: “ในเมื่อองค์ชายขอร้องแทนเจ้าแล้ว ข้าก็จะไม่เอาความเจ้า!” “อย่าว่าแต่ผู้หญิงร่างบางอย่างเจ้าถือกรรไกรอันเดียว!” “แม้ว่าข้าจะต้องเผชิญหน้ากับทหารหลายพันนาย ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว” ท้ายที่สุดแล้วฮูหยินผู้เฒ่าซูก็รับผิดชอบตัวเองได้ เพราะนางเป็นวีรสตรีที่เคยนำทัพออกรบมาแล้ว ย่อมมีจิตใจที่ไม่ธรรมดา หลิ่วหรูเยียนรีบขอบคุณ: “ ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่า” บรรยากาศตึงเครียดก่อนหน้าก็ค่อยๆคลี่คลายลงอย่างกะทันหัน หลิ่วหรูเยียนหยิบกรรไกรจากมือของหลี่หลงหลิน และแสดงความขอบคุณ: “ เมื่อครู่ขอบคุณมาก! องค์ชายมีนามว่าอะไร?” ผู้ชายคนนี้คือใคร? เมื่อตอนบ่ายยังแอบดูตนอยู่ริมทะเลสาบ ยังคิดอยู่ว่ามันเป็นผู้มักมากบ้าตัณหาจากที่ไหนสักแห่ง! ไม่คิดเลยว่า เขาจะช่วยพูดแทนตน หลิ่วหรูเยียนอยากรู้ตัวตนของชายตรงหน้านางมาก หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม: “ พี่สะใภ้สี่ข้าคือองค์ชายเก้า หลี่หล
หลังจากอยู่ร่วมกันเช้าค่ำเป็นเวลานานหลี่หลงหลินรู้อุปนิสัยของซูเฟิ่งหลิงแล้วเพียงแต่ปากคมดั่งมีด จิตใจกลับนุ่มเหมือนเต้าหู้เท่านั้นหากตนเองไม่พาซูเฟิ่งหลิงไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟ นั่นต่างหากหายนะที่แท้จริง!น่ากลัวว่าต้องถูกทวนเงินแทงจนกลายเป็นตะแกรงร่อน!ดังนั้นตนเองไม่จำเป็นต้องกังวลซูเฟิ่งหลิงเพียงแจ้งนางคร่าวๆ ก็เท่านั้นบัดนี้กังวลที่สุดกลับเป็นองค์หญิงไท่ผิงทั้งหมดล้วนยังไม่มีแผนมนุษย์ทุกคนล้วนหวากหวั่นต่อตำแหน่งอำนาจอยู่ตลอดรอหลี่หลงหลินดึงสติกลับมาได้ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วน้อยๆ “ท่านพูดเถอะวันนั้นข้าใส่เสื้อผ้าเยี่ยงไรถึงจะเหมาะสม?”หลี่หลงหลินครุ่นคิด พูดยิ้มๆ “เมื่อหลายวันก่อนข้าให้พี่สะใภ้สี่ตัดชุดกระโปรงหน้าม้าให้เจ้าแล้วมิใช่หรือ? ทั้งหล่อเหลาทั้งสง่างาม ชวนให้ตกตะลึงทั้งงาน”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้ายิ้มๆ “ที่แท้ท่านก็เตรียมทั้งหมดไว้พรักพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ฟังท่านแล้วกัน!”......พระราชวังต้องห้ามขบวนรถม้าแล่นอย่างเชื่องช้ามาถึงหน้าประตูเมืองขบวนรถม้าจัดเตรียมไว้อย่างเรียบง่ายมาก ทั้งหมดมีคนไม่ถึงยี่สิบคนแต่หากมีความรู้ย่อมสามารถมองออกว่าขบวน
“ให้ข้า?”ภายใต้ท่าทางตกตะลึงของซูเฟิ่งหลิงยังสะท้อนความดีใจอีกสายหนึ่งแต่ความดีใจมลายหายไปอย่างว่องไวนางเอ่ยถามด้วยเสียงเจือความสงสัย “นี่คือของขวัญแต่งงานของพวกเรา?”อีกไม่นานต่อจากนี้ก็คือวันแต่งงานของหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงแม้พูดว่าลั่วอวี้จู๋ใช้จ่ายมือเติบ แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่สามารถยอมรับได้หลี่หลงหลินส่ายหน้า “นี่คือมอบให้พวกเราเป็นของขวัญบรรณาการ”“ของขวัญบรรณาการ?”ซูเฟิ่งหลิงงุนงงมอบให้ใครเล่า?เรื่องอันใด?ย่อมไม่สามารถมอบให้โดยไร้สาเหตุหรอกกระมังหลี่หลงหลินอธิบายเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดให้ซูเฟิ่งหลิงฟังซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วมุ่น “งานเทศกาลโคมไฟ?”ไม่ใช่เพราะซูเฟิ่งหลิงมีความเห็นต่อไทฮองไทเฮาแต่วังหลังซับซ้อน ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นภายในใจงานเลี้ยงใหญ่อีกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น!หลี่หลงหลินพูด “ในเมื่อเป็นราชวงศ์ ก็ต้องให้ความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันพร้อมหน้า ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงใหญ่ที่เดินทางไปเป็นทูตที่โวกั๋วมานานหลายปีก็จะฉวยโอกาสอยู่ร่วมกันพร้อมหน้านี้กลับมายังต้าเซี่ย”“ถึงตอนนั้นเสด็จพ่อจะต้องให้ความสำคัญต่องานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟในครั
ยามนี้ลั่วอวี้จู๋ถูกจ้องจนประหม่า“องค์ชาย เวลาไม่เช้าแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เกือบจะยามสี่แล้ว หากถูกบ่าวรับใช้พบเข้าจะส่งผลไม่ดีได้”อย่างไรเสียชายหญิงก็อยู่ตามลำพังภายในห้อง ไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนคนโง่ก็ไม่มีวันเชื่อหรอกว่าจะไม่มีอันใดเกิดขึ้นหลี่หลงหลินรับกล่องไม้ไปแล้วกล่าวขอบคุณ “ยังเป็นพี่สะใภ้ใหญ่คิดรอบคอบ”ใบหน้าลั่วอวี้จู๋สะท้อนความรัก “องค์ชาย ท่านและน้องหญิงเล็กมีชีวิตที่ดีย่อมสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด”บนโลกมนุษย์มีสิ่งใดสำคัญไปกว่ามีบุพเพแต่ไร้วาสนาอีกเล่าหลี่หลงหลินโดดเด่นทั้งรูปโฉมและสติปัญญาแต่ลั่วอวี้จู๋ในฐานะพี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถใช้ชีวิตกับหลี่หลงหลินอย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรมได้ดังนั้นต่อให้นางได้รับชมอยู่วงนอกเห็นเขามีความสุขก็พึงพอใจแล้ว!หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ท่านดีข้าดีทุกคนดี ทุกคนดี ถึงจะดีอย่างแท้จริง!”พูดจบ เขาหันหลังจากไป กลับเข้าห้องของตน แต่ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าซูเฟิ่งหลิงถึงขั้นอยู่ที่นี่ซูเฟิ่งหลิงหันหน้า สีหน้าเปี่ยมโทสะ “องค์ชาย ดึกเพียงนี้ท่านไปที่ใดมา!”เมื่อวานหลี่หลงหลินไม่ได้กลับตลอดคืนซูเฟิ่งหลิ
แต่กลับตามไปไม่ทัน“ดูท่าแล้วมาหาถูกคนจริงเสียด้วย!”มองผ่านท่าทีตอบสนองเมื่อครู่ของลั่วอวี้จู๋ดูแล้ว ในมือนางจะต้องมีสมบัติล้ำค่าที่สามารถนำออกมาได้แน่เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไปลั่วอวี้จู๋วิ่งกลับมาด้วยความดีใจเต็มเปี่ยมผิวขาวราวกับหิมะมีเหงื่อหอมผุดออกมาปอยผมแนบติดหน้าผากชวนให้หลงใหลหลี่หลงหลินมองไป ได้เห็นลั่วอวี้จู๋ถือกล่องไม้ไว้ในมือรูปลักษณ์ภายนอกธรรรมดาแต่มองผ่านอารมณ์ของลั่วอวี้จู๋ดูแล้วสิ่งนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ลั่วอวี้จู๋พูดอย่างอารมณ์ดี “โชคดีหม่อมฉันหาเจอ หาไม่แล้วจะต้องลืมเจ้าสิ่งนี้ไปแล้วแน่!”หลี่หลงหลินเพิ่งคิดตำหนิที่เมื่อครู่ไม่ให้ตนเองช่วยถือโคมไฟลั่วอวี้จู๋ก็หยิบสมบัติที่อยู่ภายในกล่องไม้ออกมา“นี่คือ?”มองเห็นไข่มุกทรงกลมทอประกายจางๆ ภายในมือลั่วอวี้จู๋ไม่คล้ายเครื่องมือไว้ใช้ส่องสว่างในยุคหลังแสงชนิดนี้คล้ายซึมอยู่ภายในไข่มุกอย่างเป็นธรรมชาติ!“ไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเลใต้หรือ?”หลี่หลงหลินเอ่ยถามออกมาลั่วอวี้จู๋สบมองหลี่หลงหลินอย่างแปลกใจ “ท่านรู้จักสิ่งนี้หรือ?”แม้ว่าไม่มีประสบการณ์ แต่ก็ยังรู้จักมาก่อนอย่างไรเสียไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเล
ทั้งสองสบตากันลั่วอวี้จู๋หน้าแดงเรื่อ เมื่อครู่สนใจเพียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดเสียใจ ไฉนเลยจะคิดถึงเรื่องนี้!ลูกกระเดือกหลี่หลงหลินเกร็งเล็กน้อย กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้เรือนร่างของลั่วอวี้จู๋เร่าร้อนถึงเพียงนี้ อกอวบอิ่มดูมีน้ำหนัก ปกติเสื้อผ้าหลวมสายคาดเอวกว้างเหล่านั้นปกปิดเรือนร่างเย้ายวนนี้ไว้จนหมดช่างเสียดายของโดยแท้!ลั่วอวี้จู๋หลบตา เอ่ยเสียงเคร่งขรึม “องค์ชาย หากไม่มีเรื่องใดก็กลับไปก่อนเถอะเพคะ...”บัดนี้ลั่วอวี้จู๋อยากหารูมุดเข้าไปเหลือเกินอยากไล่หลี่หลงหลินออกไปก่อน หาไม่แล้วท่ามกลางบรรยากาศคลุมเครือเช่นนี้จะเกิดเรื่องใดขึ้นนางก็ไม่แน่ใจแล้วหลี่หลงหลินรีบขยับถอยออกไป “หากพี่สะใภ้ไม่พูด ข้าก็เกือบลืมธุระสำคัญไปแล้ว เมื่อครู่ข้าผลักประตูเข้ามา วู่วามจริงๆ ตอนนี้ข้าจะออกไปเคาะประตูใหม่..”สิ้นคำ รีบหันหลังกลับออกไปหลี่หลงหลินรีบเบี่ยงเบนความคิดไปที่อื่น กลัววู่วามขึ้นมาทำลายเรื่องผิดต่อศีลธรรมร้ายแรงลั่วอวี้จู๋ไฉนเลยจะฟังความนัยของหลี่หลงหลินไม่ออกรีบสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่ตามปกติ ทำให้บรรยากาศไม่อึดอัดถึงเพียงนั้น“เข้ามาเถอะ”หลี่หลงหลินเคาะประตูเข้ามา บรรยาก
หลี่หลงหลินเข้าใจในทันใด ลั่วอวี้จู๋กำลังเสียใจเพราะตนถูกแต่งตั้งเป็นนักปราชญ์ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในสายตาของคนบนโลก นี่คือหลี่หลงหลินกำลังทำผิดศีลธรรมอย่างแท้จริงชนิดที่ว่ายากจะแก้ตัวได้!หากเป็นที่ผ่านมา ในฐานะฮ่องเต้ย่อมไม่มีใครกล้าตำหนิแต่บัดนี้หลี่หลงหลินในฐานะนักปราชญ์คนใหม่ย่อมต้องวางตัวให้เหมาะสม เป็นแบบอย่างให้แก่ผู้คนลั่วอวี้จู๋คิดถึงตรงนี้ก็ร้องไห้อย่างอดไม่ได้น้ำตาสองสายไหลผ่านพวงแก้มของนาง คล้ายไหลผ่านหยกหยางจือก็มิปาน ทิ้งคราบน้ำตารางๆ เอาไว้ต่อให้เป็นลั่วอวี้จู๋ผู้ฉลาดปราดเปรื่อง นางก็ไม่อาจคิดหาหนทางได้นั่นก็หมายความว่าชาตินี้นางทำได้เพียงเป็นพี่สะใภ้น้องเขยกับหลี่หลงหลินเท่านั้นลั่วอวี้จู๋เจ็บปวดใจ เบือนหน้าหนี พูดเสียงสะอื้น “องค์ชาย ท่านรีบไปเถอะ ตอนนี้ข้าไม่อยากเห็นท่าน!”คิดไม่ถึงหลี่หลงหลินกลับยิ้มออกมาคล้ายเรื่องฟ้าถล่มลงตรงหน้าไม่เกี่ยวอันใดกับเขา“ข้ายังคิดว่าเรื่องใดสามารถทำให้พี่สะใภ้เสียใจถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องเล็กเช่นนี้?”ได้ยินคำพูดของหลี่หลงหลิน ลั่วอวี้จู๋เปี่ยมความตกตะลึง“องค์ชาย นี่ท่านหมายความว่าอันใด?”ล
เพิ่งสิ้นคำหลี่หลงหลินก็รู้สึกผิดอยู่บ้างทว่าแต่ไหนแต่ไรมาลั่วอวี้จู๋ล้วนเชื่อคำพูดเขาโดยไร้ข้อกังขา ไม่เกิดความสงสัยเลยสักนิดเห็นนางหยิบผ้าเช็ดหน้าทอจากผ้าไหมเช็ดคราบน้ำตา เอ่ยเสียงแผ่วเบา “องค์ชาย ท่านกลับไปเถอะ หม่อมฉันสบายดี เพียงแต่นึกเรื่องเศร้าบางอย่างเท่านั้น”ถ้อยคำเหล่านี้ของลั่วอวี้จู๋จะสามารถปิดบังหลี่หลงหลินได้เยี่ยงไรหลี่หลงหลินเป็นคนสองชาติภพ ผ่านสตรีมามากมายมีสตรีใดไม่เคยพบเห็นมาก่อนลั่วอวี้จู๋นี่คืออยากหยุดแต่ทำไม่ได้!หลี่หลงหลินไม่ใช่คนซื่อเช่นนั้นเขาคล้ายไม่ฟังคำพูดของลั่วอวี้จู๋ เดินเข้าไปภายในห้อง“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านอย่าปิดบังข้าเลย หากไม่เสียใจ ท่านจะมีสภาพเช่นนี้หรือ?”ลั่วอวี้จู๋ภายในใจหลี่หลงหลินล้วนมีเพียงภาพของผู้ใหญ่สุขุมมากความสามารถต่อให้เหน็ดเหนื่อยและลำบากเยี่ยงไร ก็ไม่เคยเห็นนางหลั่งน้ำตาแม้หยดเดียวหรือพูดว่าลำบากแต่บัดนี้กลับร้องไห้เพียงลำพังภายในห้องคำพูดของหลี่หลงหลินคล้ายคมมีดแทงลงบนต่อมน้ำตาของลั่วอวี้จู๋น้ำตาที่รินไหลเมื่อครู่เอ่อทะลักออกมาลั่วอวี้จู๋ร้องไห้สะอึกสะอื้นรูปร่างอวบอิ่มเองก็สั่นเทาตามแรงสะอื้นหลี่หลงหลิ
ตนเองต้องไปคารวะไทฮองไทเฮาพร้อมกับซูเฟิ่งหลิงหากเป็นเวลาปกติขอเพียงแค่ตนเองไปเลือกของมีค่าที่ตลาดประจิมอิงตามความชอบของไทฮองไทเฮาเลือกสิ่งของล้ำค่าหายากมาส่งมอบเป็นของขวัญก็ใช้ได้แล้วแต่งานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟวันขึ้นสิบหกค่ำเดือนอ้ายจะเมินข้ามไม่ได้เป็นอันขาดพี่สะใภ้ใหญ่มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ หนำซ้ำยังเป็นพ่อค้ามั่งคั่งเขตเจียงเจ้อย่อมมีความรู้กว้างขวาง รู้ว่าสิ่งใดล้ำค่าที่สุดในใต้หล้ายิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้องค์หญิงไท่ผิงเองก็จะปรากฎตัวหลี่หลงหลินไม่สามารถตกเป็นรองได้ซูเฟิ่งหลิงเห็นเงาหลังของหลี่หลงหลินจากไป “หลี่หลงหลิน! ดึกถึงเพียงนี้ท่านจะไปทำอันใด?”หลี่หลงหลินมองนางแวบหนึ่ง “ข้ามีธุระต้องไปปรึกษาพี่สะใภ้ใหญ่ เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ!”พูดจบ ยกขาวิ่งหนีไปแล้วกลัวซูเฟิ่งหลิงจะไล่ตามออกมาจับไว้มิใช่เพราะหลี่หลงหลินไม่อยากปรึกษาเรื่องนี้กับซูเฟิ่งหลิงเพียงแต่ซูเฟิ่งหลิงเกิดในตระกูลนักรบ รำทวนแกว่งดาบตั้งแต่เด็ก ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้หลี่หลงหลินมาถึงลานบ้านของที่พักลั่วอวี้จู๋สามารถมองเห็นแสงเทียนสั่นไหวภายในเรือนได้นี่หมายความว่าลั่วอวี้จู๋ยังไม่เข้านอนหลี่ห
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!หลี่หลงหลินรู้เรื่ององค์หญิงไท่ผิงน้อยมากเพียงแต่สัญชาตญาณบอกเขา นี่ไม่ใช่ผู้ที่จะสามารถล่วงเกินได้อย่างง่ายดายคนหนึ่ง!ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะน้องสาวของหลี่เทียนฉี่องค์หญิงไท่ผิงรับหน้าที่เดินทางเป็นทูตสานสัมพันธไมตรีกับแคว้นโวกั๋วอำนาจบนตัวซับซ้อนอย่างมาก ไม่สามารถดูเบาได้!……จวนสกุลซูหลี่หลงหลินกลับถึงจวนก็ล่วงเลยเข้าสู่ยามสามตั้งนานแล้วแต่จวนสกุลซูยังจุดไฟสว่างไสวสกุลซูทุกคนล้วนรอการกลับมาของหลี่หลงหลินขาซ้ายหลี่หลงหลินเพิ่งก้าวผ่านเข้าประตู เสียงปรบมือดังสนั่นก็ดังขึ้นมองเห็นฮูหยินผู้เฒ่าซูพาทุกคนในเรือนใหญ่มารอต้อนรับชนิดที่ว่ายังเตรียมงานเลี้ยงไว้ให้หลี่หลงหลินอีกด้วยฮูหยินผู้เฒ่าซูเปิดปากก่อน “ยินดีกับรัชทายาท! เรื่องที่ลานไป๋อวี้ในวันนี้ รัชทายาทมีบารมียิ่งใหญ่ ฆ่าพวกบัณฑิตจอมปลอมเหล่านั้นได้ดี! ข้ามองคนไม่ผิดไปอย่างแท้จริง! สามารถให้ซูเฟิ่งหลิงแต่งงานกับรัชทายาทท่านได้ ช่างเป็นวาสนาในรอบร้อยปีของพวกเราสกุลซูโดยแท้!”หลี่หลงหลินแปลกใจมากอย่างไรเสียฮูหยินผู้เฒ่าซูก็อายุมากแล้วหากเหล่าพี่สะใภ้จัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่