แม้แต่องค์ชายเก้าก็ไม่อยู่ในสายตาเช่นนั้นหรือ?มันจะมากเกินไปแล้วนะ!ลั่วอวี้จู๋ระงับความโกรธในใจ “เจ้าของหอทุกท่าน! จวนขององค์ชายหก ไม่ว่าจะในแง่ของจุดยุทธศาสตร์หรือตำแหน่งที่ตั้ง ล้วนยอดเยี่ยมทั้งสิ้น! ศาลา ระเบียง หอคอย ชายคาโต๋วก่ง[footnoteRef:1] วิจิตรงดงาม แม้ว่าจะไม่ดีเท่าเมืองต้องห้าม แต่ก็ห่างกันไม่ไกล” [1: โครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของสิ่งปลูกสร้างหรือสถาปัตยกรรมจีนโบราณ เป็นวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน] “มูลค่าอย่างน้อยก็ต้องห้าหมื่นตำลึงเงิน”“แต่พวกท่านกลับยอมออกเงินประมูลเพียงหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง นี่ก็รังแกกันเกินไปแล้ว…”เจ้าของหอทั้งแปดได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะเสียงเย็นออกมาทันที“เจ้าของร้านลั่ว ท่านเป็นก็เป็นนักพาณิชย์ เช่นนั้นก็พูดให้กระจ่างกันเถอะ!”“ในช่วงเวลาปกติ จวนขององค์ชายหกไม่ต้องพูดถึงห้าหมื่นตำลึง แม้แต่หนึ่งแสนตำลึงก็ยังซื้อไม่ได้!”“แต่ท่านก็รู้ดี ว่านั่นคือราคาของยามปกติ!”“ตอนนี้มันยามใดกันแล้ว? กองทัพใหญ่ของหมานอี๋ก็เกือบจะมาถึงเมืองหลวงอยู่แล้ว!”“ท่านเองก็ไม่ลืมตาดูเล่า? แต่ละวันมีคนหนีออกจากเมืองหลวงไปกับครอบครัวแล้วกี่ครัว?!
ห้าแสนตำลึง!ได้ยินราคาที่สูงเสียดฟ้านี้ เจ้าของหอทั้งแปดก็ตกตะลึง!จวนพังๆ ที่ไม่คุ้มค่าแม้แต่ตำลึงเดียว กลับคิดจะขายออกไปในราคานี้หรือ?องค์ชายเก้าข้นแค้นจนเป็นบ้าไป!เจ้าของหอคนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “องค์ชายเก้า นี่พระองค์ปล้นกันชัดๆ!”หลี่หลงหลินยิ้ม “คำพูดนั้นผิดไปแล้ว! นี่เร็วกว่าปล้นเสียอีก...”“องค์ชายเก้าไม่มีความจริงใจเลยแม้เพียงนิด การหารือครานี้ ก็ช่างมันปะไร!”“เหอะ! เดิมทีข้ายังอยากช่วยยื้อตระกูลซูไว้อีกสักหน่อย สุดท้ายเจตนาดีก็กลายเป็นตับและปอดลา[footnoteRef:1]เสียได้!” [1: เจตนาไม่ดี หรือไร้ค่า] “องค์ชายเก้า เจ้าของร้านลั่ว ขอตัวก่อน!”แน่นอนว่า เหล่าเจ้าของหอย่อมไม่ยอมถูกผู้อื่นเอาเปรียบ พวกเขายืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เตรียมตัวออกไปจากที่นี่หลี่หลงหลินยกยิ้มเย็น แล้วพูดกับซูเฟิ่งหลิง “เฝ้าหน้าประตูเอาไว้! ข้าบอกว่าห้าแสนตำลึง ไม่อาจขาดแม้เพียงตำลึงเดียว! ไม่เช่นนั้น ใครก็ไม่อาจก้าวออกไปจากตระกูลซูได้!”เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยิน ใบหน้างามก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่อาจห้ามให้นางเฝ้าประตู?หลี่หลงหลินคิดว่านางเป็นสุนัขเฝ้าบ้านไปแล้วจริงๆ หรือไร?ซูเฟิ่งหลิงโก
องค์ชายเก้าพระองค์นี้ ตกลงแล้วขายยาอะไรในน้ำเต้า[footnoteRef:1]กันแน่? [1: ขายยาในน้ำเต้า แปลว่า มีพิรุธ หรือวางแผนเอาไว้] ช่างเถอะ!รอให้องค์ชายพระองค์อื่นๆ รู้ว่าพวกเขาถูกขังอยู่ที่นี่ จะต้องหาทางช่วยพวกเราแน่นอน!หากเรื่องนี้ไปถึงพระกรรณฮ่องเต้บู๊ หลี่หลงหลินจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง!เหล่าเจ้าของหอเริ่มรู้สึกโล่งใจ จึงเริ่มดันแก้วเปลี่ยนจาน[footnoteRef:2] เฝ้ารออย่างเงียบๆ [2: หมายถึง คนที่ดื่มสุราร่วมกันแล้วชนแก้วกัน เป็นการดื่มอวยพร ต่อมา โดยทั่วไปหมายถึงความสัมพันธ์อันดี] .......จวนขององค์ชายสี่หลี่จือกำลังเอนตัวลงบนเตียง ในมือถือข่าวที่เพิ่งส่งมาจากในวัง ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยพระชายาตู้ซื่อ[footnoteRef:3] ริมฝีปากแดงสด ฟันขาวสะอาด คิ้วโก่งงดงาม สวมผ้าคลุมหน้า รูปร่างสง่างาม คุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลี่จือ ทุบนวดขาให้เขาเบาๆ [3: 氏 ซื่อ แปลว่า แซ่ ณ ที่นี้ใช้แทนเป็นชื่อสกุล] “องค์ชาย...” ตู้ซื่อถามเบาๆ “พระองค์ทรงสรวลด้วยเหตุอันใดหรือเพคะ?”หลี่จือยิ้มเย็นและพูดว่า “ข้ากำลังหัวเราะเยาะเว่ยซวินคนนั้น ตนไปยึดค้นบ้านจนไม่เหลือน้ำเหลือน้ำมันก็แล้วไป แต่กลับยังต้
หลี่จือสวมเสื้อผ้า “ข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้ ทูลต่อเสด็จพ่อ ให้ลงโทษเจ้าเก้าเสีย!”ตู้ซือรีบหยุดหลี่จือ “องค์ชาย อดพระทัยรอก่อนเพคะ! หรือพระองค์ไม่คิดว่านี่เรื่องนี้ผิดปกติอย่างยิ่งหรือเพคะ? องค์ชายเก้าเสียสติไปแล้วหรือ? จวนโทรมๆ ที่ถูกรื้อค้นหลังหนึ่ง กลับกล้าที่จะขายออกในราคาห้าแสนตำลึง?”หลี่จือหัวเราะหยัน “ข้าโตมากับเจ้าเก้า รู้จักนิสัยใจคอของเขาเป็นอย่างดี เขาไม่ได้บ้า แต่โง่! เขาเป็นคนโง่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว!”ตู้ซื่อเตือน “แต่คนโง่คนนี้ ปราบกบฏองค์ชายหกได้สำเร็จ ทั้งยังได้รับการยกย่องจากเสด็จพ่อ ถูกแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพเจิงเป่ย มีกำลังทหาร...”“เสด็จแม่เองก็เคยเตือนว่าให้พระองค์ระวังเจ้าเก้าเอาไว้นี่เพคะ!”หลี่จือตกตะลึงทันทีใช่แล้วการกระทำที่ผ่านมาของเจ้าเก้า ดูจะไม่ใช่การกระทำของคนโง่หรือว่าเขากำลังซ่อนสามารถรอเวลาไว้จริง?ไม่มีทาง!ต่อให้เจ้าเก้าจะกำลังเสแสร้งแกล้งอยู่โง่ต่อหน้าเขา เล่นเป็นหมูกินเสือ[footnoteRef:1] [1: เป็นคำอุปมาว่าใช้อุบายหลอกลวง จงใจแกล้งอ่อนแอ ให้คู่ต่อสู้เมินเฉย แล้วฉวยโอกาสคว้าชัยนัดสุดท้าย] ไม่มีทางจวนของเจ้าหกจะมีค่าถึงห้าแสนตำลึง
“รอให้เสด็จพ่อระงับโทสะลง พายุพัดผ่าน ข้าก็ค่อยไปหาเจ้าหก ถามเขาว่าซ่อนเงินไว้ที่ใด!”“ข้าคือพี่ชายแท้ๆ ร่วมบิดามารดาเดียวกับเขา!”“ข้าไม่เชื่อ ว่าเขาจะไม่พูดออกมา!”ตู้ซื่อได้ยินก็รู้สึกว่าคำอธิบายนี้สมเหตุสมผลเพียงแต่ว่า นางมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกพิลึก ไม่ค่อยถูกต้องเท่าใดนัก“องค์ชาย...”“เงินห้าแสนตำลึงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ!”“ไม่เช่นนั้น พระองค์ลองปรึกษากับบิดาของหม่อมฉันก่อน รอฟังความเห็นของเขา...”ตู้ซื่อแนะนำหลี่จือพลันโมโหขึ้นมา พูดด้วยความโกรธ “นั่นก็ปรึกษา นี่ก็ปรึกษา! ภายภาคหน้าข้าจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ เหตุใดถึงต้องเชื่อฟังพ่อเจ้าไปเสียทุกเรื่องด้วย?! ถึงตอนนั้นใครจะขึ้นนั่งบัลลังก์กัน? เป็นข้าหรือพ่อของเจ้า”ตู้ซื่อตกใจสะดุ้ง ลนลานคุกเข่าลงบนพื้น “หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เพียงเพื่อความปลอดภัย...”หลี่จือแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ถ้าองค์ชายคนอื่นวิ่งม้าเร็วได้ไป[footnoteRef:1]ก่อน เช่นนั้นก็เสียเปรียบครั้งใหญ่แล้ว! เอาเป็นว่า เรื่องนี้อย่าบอกพ่อของเจ้า ข้าจะตัดสินใจเอง!” [1: ได้สิ่งที่ตนต้องการไปครอบครอง] อันที่จริง หลี่จือไม่ให้บอกเรื่องนี้กับตู้เหวินยวน
บรรยากาศ ณ ที่แห่งนี้ ตึงเครียดขึ้นมากะทันหันมีเพียงหลี่หลงหลินเท่านั้นที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่ได้ยืนขึ้นทำความเคารพ เขายกยิ้มแล้วพูดว่า “พี่สี่ ท่านมาสายนะขอรับ ต้องดื่มลงโทษสามจอก!”ทุกคนต่างก็ตกใจ!องค์ชายเก้าเสียสติไปแล้วหรือ?เขามองไม่ออกหรือไร องค์ชายสี่มาที่นี่เพื่อซักไซ้เอาความเขาไม่ลุกขึ้นมาคารวะ ก็ผิดต่อมารยาทแล้ว แถมยังให้องค์ชายสี่ดื่มสุราเป็นการลงโทษ?ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้า ไร้เหตุผลสิ้นดี!เมื่อหลี่จือได้ยินดังนั้น มุมปากก็กระตุกเล็กน้อยในเวลาปกติ หากเจ้าเก้ากล้ากำเริบถึงเพียงนี้ เขาก็คงจะตบอีกฝ่ายสักฉาดแล้ว!สูงต่ำมีแตกต่าง ผู้ใหญ่ผู้น้อยมีลำดับไม่เข้าใจหรืออย่างไร?เจ้าเก้าเช่นเจ้า มีสิทธิ์อันใดมากร่างกร้าวอยู่ตรงนี้?แต่วันนี้ต่างออกไปในสายตาของหลี่จือ หลี่หลงหลินในมือถือไพ่เด็ด ทั้งยังมั่นใจอย่างยิ่ง!ไพ่เด็ดอันใด?แน่นอนว่าในจวนของเจ้าหก ต้องซุกซ่อนความมั่งคั่งไว้มากมายอยู่แน่แล้ว!และหลี่หลงหลินทำตามรับสั่งของเสด็จพ่อ สามารถตัดสินผู้ที่จะเป็นเจ้าของเงินล้านตำลึงนี้ได้!ตนจะร่ำรวยล้นฟ้าหรือจะมีความสุขอย่างฝันเฟื่อง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสิน
คนตระกูลซูจ้องมองไปที่ตั๋วเงินกองใหญ่บนโต๊ะด้วยแววตาเป็นประกาย โดยเฉพาะลั่วอวี้จู๋ ที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่องค์ชายสี่ก็หยิบเงินจำนวนมหาศาลถึงห้าแสนตำลึงออกมาจริงๆ ด้วยเงินจํานวนนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเงินบํานาญของกองทัพตระกูลซูได้เท่านั้น แต่ยังเป็นเงินที่สามารถสร้างกองทัพตระกูลซูขึ้นใหม่ได้อีกด้วย! ตระกูลซูมีทางรอดแล้ว! ทว่าหลี่หลงหลินกลับไม่ขยับเขยื้อนเลย เขามองไปที่ตั๋วเงินบนโต๊ะ ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “พี่สี่ แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะหรือไม่” หลี่จือตกตะลึง: “ไม่เหมาะหรือ? มีอะไรไหมเหมาะ? เจ้าเสนอราคาห้าแสนตำลึงเองมิใช่หรือ? ทำไมเล่า? หรือเจ้านึกเสียดายภายหลัง และไม่อยากจะขายแล้ว?” หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม: “ย่อมไม่ใช่อย่างนั้นแน่ ข้าเพียงรู้สึกว่า ในเมื่อพี่สี่ก็มาแล้ว เสด็จพี่พระองค์อื่นย่อมกำลังมา อีกประเดี๋ยวคงถึงแล้ว! หากว่าพวกเขาก็ชื่นชอบเรือนของพี่หกเช่นกัน เช่นนั้นจะทำอย่างไรเล่า?” “ไม่สู้พี่สี่อดทนรอสักหน่อย รอเสด็จพี่พระองค์อื่นมาถึงแล้ว ในพวกเราใครเสนอราคาสูงย่อมได้รับมันไป แบบนี้ถึงจะยุติธรรม!” “หากข้าขายให้พี่สี่ไปเลยเช่นนี้ เกรง
“ดึกมากแล้ว!” “ส่งแขก!” เมื่อหลี่หลงหลินได้รับเงิน ก็ออกคำสั่งไล่แขกออกไปอย่างไม่ลังเล หลี่จือมีความสุขมากและรีบร้อนจากไป จนไม่รู้ว่าตนเองถูกโกง เขาแทบรอไม่ไหวแล้ว ที่จะไปยังจวนขององค์ชายหก เพื่อตามหาสมบัติ เถ้าแก่คนอื่นๆก็พากันทยอยกลับไป ทันทีที่พวกเขาออกจากประตู ก็ได้พบกับองค์ชายคนอื่น ๆ ที่เพิ่งมาถึง หลี่จือใบหน้าภาคภูมิใจมาก เขายกโฉนดที่ดินในมือของเขาขึ้นมา: “เหล่าพี่น้ององค์ชายทุกท่าน ขออภัยด้วย พวกท่านมาช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า...” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะลั่น แล้วหลี่จือก็เดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย หลังจากที่เหล่าองค์ชายคนอื่นๆ รู้ความจริงจากพวกเถ้าแก่ ก็ต่างพากันทุบหน้าอก จนมีแต่ความรู้สึกเสียดายอยู่เต็มท้อง! จวนเจ้าหก อย่างน้อยก็ต้องมีเงินซ่อนอยู่เก้าแสนตำลึงเงิน หลี่จือใช้เงินเจ็ดแสนตำลึงเงินเอาไปได้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นราคาที่สูงมาก แต่จริงๆ แล้ว เขายังทําเงินได้อีกสองแสนตำลึงเงินโดยไม่ออกแรง! นั่นคือเงินสองแสนตำลึงเงินเลยนะ! ตนเองต้องปล้นเลือดเนื้อของประชาชนอีกมากแค่ไหน? โถ่! เนื้อไขมันชิ้นใหญ่เช่นนี้ องค์ชายสี่กลับได้ไปในราคาถูก! ภายใต้อำนาจที
สำหรับหนิงชิงโหวแล้ว สำนักการสังคีตก็เหมือนบ้านของเขา ทันทีที่ก้าวเข้ามา แม่เล้าแห่งหอนางโลมผู้ยังคงดูมีเสน่ห์แม้อายุเริ่มมากก็เดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า “บัณฑิตหนิง มาแล้วหรือ! วันนี้จะดื่มเหล้าอะไรดีเจ้าคะ แล้วอยากพบยอดคณิกาคนไหนหรือเปล่า? หนิงชิงโหวหัวเราะ “ให้คนขนเหล้าที่อยู่บนรถม้าของข้าลงมา! เหล้านี่ล้ำค่ามาก หากทำแตกไปแม้แต่ไหเดียว เจ้าจะต้องขายทรัพย์สินจนหมดตัวเพื่อชดใช้แน่นอน! แล้วก็เรียกยอดคณิกาทั้งเจ็ดมาที่นี่ด้วย!” ยอดคณิกาของสำนักการสังคีต เดิมทีมีเพียงหลิ่วหรูเยียนคนเดียว แต่หลังจากที่หลิ่วหรูเยียนไถ่ตัวออกไปใช้ชีวิตเรียบง่าย คนอื่น ๆ จึงได้เผยตัวขึ้นมา และกลายเป็นยอดคณิกาคนใหม่ทั้งเจ็ด อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหลิ่วหรูเยียนที่เชี่ยวชาญทั้งดนตรี หมากล้อม การเขียน และการวาดภาพ อีกทั้งยังมีความงามเป็นเลิศ ยอดคณิกาทั้งเจ็ดนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบขนาดนั้น บางคนเก่งการเต้น บางคนเล่นดนตรีได้ดี บางคนเชี่ยวชาญบทกวีและเพลง บางคนมีเสียงร้องที่ไพเราะ... รูปแบบแตกต่างกันไป มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ปกติหนิงชิงโหวจะเลือกนางคณิกาเพียงคนเดียวมาร่วมดื่ม แต่ว
มีเพียงซุนชิงไต้ที่กำลังอยู่ในครัว มือถือชามข้าว กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย “พี่สะใภ้สาม องค์ชายเก้าหายไปไหน?” ซูเฟิ่งหลิงถามขึ้น “เขาไม่ได้กลับมาพร้อมพี่หรือ?” ซุนชิงไต้ตอบแบบไม่ชัดเพราะกำลังเคี้ยวข้าว “อ๋อ เขาไปขายสุรากับบัณฑิตหนิง บอกว่าคืนนี้อาจจะไม่กลับมา!” ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วแน่น”คืนนี้ไม่กลับมา?” ด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีเพื่อนจอมเจ้าเล่ห์อย่างบัณฑิตหนิงแล้ว คำตอบมันก็แทบจะชัดเจนอยู่แล้ว! ซูเฟิ่งหลิงโกรธจนตัวสั่น “ไอ้สองตัวสารเลวนี้! อย่าบอกนะว่าแอบไปมั่วที่สำนักการสังคีต!” ซุนชิงไต้ประหลาดใจ “น้องสาว เจ้าฉลาดเหมือนพี่สะใภ้รองเลย! พี่สะใภ้รองก็พูดว่าองค์ชายเก้ากับบัณฑิตหนิงต้องไปสำนักการสังคีตแน่ ๆ! มีแต่ข้าที่โง่ ไม่ทันคิดเลย!” ซูเฟิ่งหลิงโมโหถึงขั้นหยิบหอกเงินขึ้นมา “สันดานเสียแก้ไม่หายจริง ๆ! ข้าจะไปที่สำนักการสังคีตเดี๋ยวนี้ แล้วเจาะรูบนตัวของไอ้จอมเจ้าชู้นั่นให้พรุน!” ซุนชิงไต้ตกใจจนหน้าซีดเผือด นางเป็นคนไร้เล่ห์เหลี่ยม ไม่เข้าใจเรื่องของชายหญิงเลย ไม่คาดคิดว่าเพียงคำพูดไม่กี่คำของตนเอง จะทำให้ซูเฟิ
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลี่หลงหลินตัดสินใจจะทำสุราแล้ว เขาย่อมวางแผนการขายไว้ล่วงหน้าแล้ว สุราหอมกลิ่นดีแต่กลัวซอยลึก? ไม่มีทางเป็นไปได้! หลี่หลงหลินโอบไหล่หนิงชิงโหว พลางพูดด้วยรอยว่า “บัณฑิต! เรื่องดื่มสุรา ข้าไม่ถนัด แต่เรื่องค้าขาย ท่านก็ไม่ถนัด!” หนิงชิงโหวฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจ “องค์ชายเก้า ท่านมีวิธีแล้วหรือ? หรือว่า...เป็นวิธีเดิม...” วิธีเดิมที่เขาหมายถึง คือวิธีที่หลี่หลงหลินใช้ตอนขายน้ำหอมดอกไม้ เริ่มต้นจากการส่งไปยังวังหลวงให้เหล่าสนมทดลองใช้ เพียงแค่ทำให้เป็นที่นิยมในวังหลวง จากนั้นก็จะมีคนเลียนแบบมากมายดุจปลาตะเพียนข้ามแม่น้ำ แต่หลี่หลงหลินส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน “วิธีเดิม ใช้ครั้งนี้ไม่ได้ผล” หนิงชิงโหวได้ยินก็ประหลาดใจยิ่งขึ้น “ทำไมล่ะ?” หลี่หลงหลินอธิบายว่า “สุรานั้น! มีคนที่หลงใหลคลั่งไคล้ แต่ก็มีคนที่เกลียดเหมือนยาพิษ ความแตกต่างในรสนิยมนั้นใหญ่กว่า! แม้แต่เสด็จพ่อของข้าเอง ก็ไม่ได้โปรดปรานสุรานัก!”“ “ขุนนางทั้งหลายก็เช่นกัน ดื่มสุราเพียงเพื่อสร้างความสนุก ใช้เจรจากิจการงานต่างๆ หรือผูกสัมพันธ์เท่านั้น!” “ในราชสำนัก คนที่นับว่าเป็นคอส
หนิงชิงโหวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุรา เขาไม่ได้ดื่มสุราแบบรวดเดียวหมด เขายกถ้วยสุราขึ้นมา สูดกลิ่นที่ปลายจมูกก่อน “หอมมาก!” หนิงชิงโหวกล่าวชม “กลิ่นหอมของสุรานี้เทียบได้กับสุราเทพเมามายของสำนักการสังคีตเลย! ไม่สิ กลิ่นนี้หอมและเข้มข้นยิ่งกว่าสุราเทพเมามายอีก!” กงซูหว่านกลับใช้แขนเสื้อปิดจมูก พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย นางมองว่าสุราทำให้เส้นประสาทชาและบั่นทอนสติสัมปชัญญะ นางจึงแทบไม่ดื่มสุรา กลิ่นของเหล้าขาวสำหรับนางนั้น ฉุนจนทนไม่ได้ ซุนชิงไต้กลับไม่มีปัญหาอะไร เพราะนางมักต้มยาสมุนไพรบ่อย ๆ ซึ่งกลิ่นสมุนไพรนั้นฉุนยิ่งกว่าสุรา หนิงชิงโหวเมื่อดมกลิ่นเสร็จ เขาก็อดใจไม่ไหว ดื่มสุราจากถ้วยจนหมดในรวดเดียว “สุราดี!” สุรารสชาติเช่นนี้เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ใบหน้าของเขาแดงก่ำทันที ขนลุกซุ่ไปทั้วทั้งร่าง เขาถึงกับกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น เหล้าข้าวทั่วไปมีฤทธิ์เมาพอ ๆ กับเบียร์ คนที่ดื่มเหล้าได้ ดื่มแปดชามสิบชามก็ไม่เมา แต่สุรากลั่นมีฤทธิ์เมาสูงกว่าเหล้าข้าวสิบเท่า แม้แต่คนดื่มเก่งอย่างหนิงชิงโหว เพียงถ้วยเดียวก็รู้สึกมึนเมาราวกับลอยละล่องขึ้นไปบนฟ้า “เหล้ารสช
โรงกลั่นขนาดเล็กใช้เวลาเพียงสี่ถึงเจ็ดวันในการกลั่นสุรา แต่โรงกลั่นขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาถึงสองเดือน เพราะระยะเวลากลั่นที่นานขึ้นทำให้สุรามีรสชาติกลมกล่อม หอม และมีความเข้มข้นของฤทธิ์เมาสูงขึ้น หลี่หลงหลินไม่มีเวลามากขนาดนั้น เขาจึงใช้เวลาเพียงสี่วันในการหมักสุราชุดแรกออกมา สถานที่หมักสุรานั้นอยู่ในสถาบันวิจัยภูเขาประจิม แม้ว่าหลี่หลงหลินจะดื่มสุรา แต่เขาไม่ได้เป็นคนติดสุรา ดังนั้น เพื่อทดสอบคุณภาพของสุรา เขาจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านสุราอย่างหนิงชิงโหวมา หนิงชิงโหวที่ได้รับฉายาว่า บัณฑิตหยิ่งยโสอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า แท้จริงแล้วในยามปกติเป็นคนสุขุมอ่อนโยน แต่เมื่อเมา เขากลับแสดงความคลุ้มคลั่ง ด่าทอฟ้าดิน และหัวเราะเยาะทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่ขงจื๊อ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา หนิงชิงโหวเป็นคนติดสุรา เคยลิ้มรสสุราชั้นเลิศจากทั่วหล้า เขาจึงมีสิทธิ์ออกความเห็นมากที่สุด เมื่อได้ยินว่าหลี่หลงหลินจะกลั่นสุราที่ดีที่สุดในโลก และขอให้เขามาชิม แม้เขาจะไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย “องค์ชายเก้า!” “ข้ามาตรฐานสูงเรื่องสุรานะ!” “ท่านบอกว่าสุราเหินเวหาเพียงดื่มคำเดียวก
สุรานี้สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตและโชคชะตาของแคว้นได้! นี่แหละคือสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด! หลี่หลงหลินกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “สิ่งนี้มีชื่อว่าระเบิดขวด เพียงใช้สุราที่มีฤทธิ์เมาผสมกับดินปืน ก็สามารถสร้างได้ ไม่เพียงแต่ต้นทุนต่ำ แต่ยังมีอานุภาพการทำลายล้างที่น่าทึ่ง! จำได้หรือไม่ว่าข้าเคยพูดถึงรถถังให้เจ้าฟัง?” กงซูหว่านพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แน่นอนว่านางจำได้ หลี่หลงหลินเคยบอกว่า รถถังคือราชาแห่งสงครามบนบกอย่างแท้จริง! หากรถถังถือกำเนิดขึ้น ม้าศึกก็จะถูกขับออกจากเวทีประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิง หากราชวงศ์ต้าเซี่ยมีรถถัง การทำลายล้างชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ หรือแม้แต่การพิชิตโลกก็จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน! หลี่หลงหลินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แม้ว่ารถถังจะทรงพลัง แต่ระเบิดขวดนี่แหละคือศัตรูตัวฉกาจของมัน! ลองคิดดูสิว่า ระเบิดขวดจะมีพลังทำลายล้างมากแค่ไหน!” คำพูดนี้ของหลี่หลงหลินไม่ได้พูดเกินจริง ในความเป็นจริง ระเบิดขวดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ต่อกรกับรถถังโดยเฉพาะ กงซูหว่านตื่นเต้นมาก และพูดออกมาด้วยความใจจดใจจ่อ “ทำไมท่านไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้! รีบบอกข้ามาเถอะว่าการกลั
เมื่อพูดแล้ว ก็ลงมือทันที หลี่หลงหลินสั่งให้ลั่วอวี้จู๋เรียกกงซูหว่านและซุนชิงไต้เข้ามา การกลั่นสุรานั้นต้องใช้อุปกรณ์หลากหลาย อีกทั้งทุกกระบวนการยังต้องให้กงซูหว่านเป็นผู้ดูแล ส่วนซุนชิงไต้ พี่สะใภ้สาม ซึ่งเป็นหมอเทวดา นางมีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการหมักดอง เพราะในชีวิตประจำวัน นางก็มักกลั่นสุราสมุนไพรเพื่อใช้รักษาผู้ป่วย ด้วยการช่วยเหลือของนาง สุราเหินเวหาที่ผลิตออกมาย่อมต้องมีรสชาติที่ไม่ธรรมดา ไม่นานนัก กงซูหว่านและซุนชิงไต้ก็มาถึงยอดเขาทิศประจิม “องค์ชายเก้า คราวนี้ท่านจะทำของอร่อยอะไรอีกล่ะ?” ซุนชิงไต้ในชุดกระโปรงสีเขียวล้วน ผูกผมหางม้าสองข้าง พอมาถึงก็รื้อค้นตู้ไปทั่ว มองหาของกิน ขณะที่กงซูหว่านในชุดกระโปรงสีดำ ใบหน้างดงามเรียบเฉย กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรียกข้ามา ท่านต้องการให้ทำอะไร? จะมีสิ่งประดิษฐ์ใหม่อีกหรือ?” หลี่หลงหลินยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่สะใภ้ทั้งสอง ข้ามีเรื่องเล็กน้อยอยากขอให้ช่วย! ข้าตั้งใจจะกลั่นสุรา...” เมื่อได้ยินเรื่องสุรา ทั้งซุนชิงไต้และกงซูหว่านที่ตอนแรกดูสนใจ ก็หมดความสนใจลงทันที กงซูหว่านหาวออกมาเบา ๆ “หากท่านต้องการกลั่นสุรา ไปหาโ
แต่แล้วเมื่อคิดหาวิธีที่ดีกว่าได้ สายตาของหลี่หลงหลินก็สว่างวาบขึ้น “พี่สะใภ้!” “ข้านึกอะไรดีๆ ออกแล้ว!” หลี่หลงหลินตบหน้าผากตัวเองด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า“ธัญพืชเก่าเก็บที่กองอยู่เต็มยุ้งฉาง เราสามารถนำไปกลั่นเป็นสุราได้! ไม่เพียงแต่จะขายได้เงิน ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นอีกด้วย!” ลั่วอวี้จู๋นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวพลางยิ้มเจื่อน “องค์ชาย ท่านคิดง่ายเกินไปแล้ว! เรื่องการกลั่นสุรานั้นไม่มีทางเป็นไปได้!” หลี่หลงหลินแปลกใจ “ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?” ลั่วอวี้จู๋พูดด้วยสีหน้าจำใจ “องค์ชาย ท่านไม่ทราบหรือว่าในดินแดนต้าเซี่ย เกลือ เหล็ก และสุรา ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของราชสำนัก? หากเป็นการกลั่นไว้ดื่มเองย่อมไม่มีปัญหา แต่หากนำออกขายล่ะก็ ถือเป็นโทษถึงตาย!” หลี่หลงหลินพลันนึกขึ้นได้ ในประวัติศาสตร์ มีหลายราชวงศ์ที่มีกฎหมายห้ามกลั่นสุราเอง เนื่องจากเหตุผลสองประการ ประการแรก สุราเหมือนกับเกลือและเหล็ก สามารถเก็บภาษีในอัตราสูงได้ ประการที่สอง การกลั่นสุราใช้ธัญพืชเป็นวัตถุดิบ หากเป็นยุคที่ธัญพืชเหลือเฟือ การนำมากลั่นสุราย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่ต้าเซี่ยในปัจจุบันกลับอยู่
ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจ “ปัญหาหนี้สินยังพอถ่วงเวลาได้! แต่ปัญหาคือเงินทุนหมุนเวียนของพวกเราเหลืออยู่ไม่มากแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารของนักเรียนในโรงเรียนที่ภูเขาทิศประจิม หรือค่าเลี้ยงดูทหารใหม่ แค่ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ประจำวัน ก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควรแล้ว!” หลี่หลงหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามว่า “แล้วธุรกิจอื่น ๆ ล่ะ?” หลังจากที่หลี่หลงหลินบริหารจัดการมาอย่างดีแล้ว ตอนนี้ตระกูลซูก็มีธุรกิจและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมากมาย แต่ละวันมีรายรับเท่าไหร่ และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของลั่วอวี้จู๋แม่บ้านคนนี้ หลี่หลงหลินในฐานะเจ้าของที่ไม่ลงมือทำงานด้วยตัวเอง กลับทำตัวเหมือนผู้จัดการที่ปล่อยปละละเลย เอาแต่พักผ่อน ลั่วอวี้จู๋หยิบสมุดบัญชีออกมายื่นให้หลี่หลงหลิน “องค์ชาย ท่านลองตรวจสอบเองเถิด!” หลังจากที่หลี่หลงหลินตรวจสอบบัญชีเสร็จ ก็ขมวดคิ้วเป็นปม แม้ตอนนี้เขาจะมีธุรกิจอยู่มากมาย ทั้งน้ำตาลทรายขาวและเหล็กกล้าที่ตีหนึ่งร้อยครั้งที่มีมูลค่ามหาศาล แต่สิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุดิบเชิงกลยุทธ์ที่ไม่สะดวกในการขาย ส่วนน้ำหอมดอกไม้และแว่นสายตายาวกลับมีปริมาณการผลิต