จางไป่เจิงวางราชโองการทั้งสองไว้ข้างกายแล้วออกคำสั่ง: “ออกจากเมืองไปตัดชิงฮวามา!” ถึงแม้จะต้องใช้แผนการที่เสี่ยง แต่ก็ควรจะทำให้ทหารหายจากโรคมาลาเรียก่อน ตัดชิงฮวา? เมื่อเหล่าทหารรักษาพระองค์ได้ยินคำสั่งของจางไป่เจิง พวกเขาก็ตกตะลึงกันหมด ไม่ถอนกำลังแล้วหรือ? ทำไมมันถึงกลายเป็นไปตัดชิงฮวา? หญ้าชิงฮวานั่น มีประโยชน์อะไร? คำสั่งทางทหารหนักแน่นดั่งภูผา ไม่สามารถขัดขืนได้ นอกจากประตูทิศใต้แล้ว ยังมีกองทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือที่ประจำการอยู่นอกประตูอีกสามประตูของเมืองซั่วเป่ย ดังนั้น ประตูทางทิศใต้เปิดออก เหล่าทหารต่าง ๆ ก็พากันออกจากเมืองไปเต็มป่าเต็มทุ่ง เพื่อตัดชิงฮวา............. ณ ค่ายทหารของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ แม่ทัพใหญ่เย่หลู่ฉีอยู่ในกระโจม กินดื่มอย่างสนุกสนานกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ หญิงสาวหลายคนรูปร่างงดงาม กำลังเต้นรำอย่างยั่วยวนในอาภรณ์บางเบา เคลื่อนไหวด้วยท่าเต้นร่ายรำที่ยวนยั่ว ดึงดูดจิตใจ “รายงาน!” หน่วยสอดแนมคุกเข่าอยู่ด้านนอกกระโจมและตะโกนว่า: “ท่านแม่ทัพ! มีการเคลื่อนไหวแปลก ๆ เกิดขึ้นในเมืองซั่วเป่ย!” เย่หลู่ฉีขมวดคิ้วเ
เหล่าทหารติดโรคมาลาเรียรักษาหายแล้วหรือไม่?กองทัพใหญ่ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ สถานการณ์เป็นเช่นไร?ไม่มีข่าวเลยแม้แต่น้อยฮ่องเต้หวู่กังวลใจมาก หลายวันนี้กินไม่มีรสชาติ นอนก็ไม่หลับความกังวลของเขาหนักมากจนเกินไป ฝันร้ายอย่างต่อเนื่องฝันว่าทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนคนถูกทำลายล้าง จางไป่เจิงตายในสนามรบ!“จางไป่เจิง!”“เจ้าอย่าทำให้เราผิดหวัง!”ฮ่องเต้หวู่กำหมัดแน่นๆ ภายในสมองล้วนคือเรื่องของซั่วเป่ยตอนนี้เอง ภายนอกพลันเกิดเสียงดังขึ้น“ข่าวด่วนแปดร้อยลี้!”“เมืองซั่วเป่ยส่งข่าวมาแล้ว!”ทหารส่งข่าวเปรอะเปื้อนฝุ่น ห้อตะบึงเดินทางมาตลอดทาง คุกเข่าลงหน้าประตูท้องพระโรงหัวใจของฮ่องเต้หวู่ ดีดตัวสูงขึ้นในทันใดภายในราชสำนัก เงียบกริบเฉกเดียวกันข่าวของซั่วเป่ย?เป็นข่าวดีหรือร้าย?ขุนนางบุ๋นและบู๊ต่างพากันตึงเครียดฮ่องเต้หวู่ตื่นเต้นมาก ลุกขึ้น เสียงสั่นๆ “รีบพูด...ข่าวอะไร!”“จางไป่เจิงมอบเมืองสวามิภักดิ์ต่อศัตรู!”“ทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือไร้เลือดติดคมมีด บุกเข้าซั่วเป่ย!”“เสียเมืองซั่วเป่ยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ทหารส่งข่าวคุกเข่าบนพื้น เสียงแหบพร่าเงียบ!ภา
“เจ้าเก้า...”ฮ่องเต้หวู่เดินโงนเงนมาหยุดต่อหน้าหลี่หลงหลิน จับมือของเขาไว้แน่นๆ “จางไป่เจิงสวามิภักดิ์ต่อศัตรู เมืองซั่วเป่ยถูกยึด...”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เสด็จพ่อ ลูกรู้ตั้งแต่แรกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เหลวไหล!จางไป่เจิงยกเมืองสวามิภักดิ์ต่อศัตรู ก็คืออุบายของลูกเองเพียงเพื่อถ่ายทอดพระราชโองการเท็จเท่านั้น!เว้นเสียแต่ซูเฟิ่งหลิงแล้ว ทุกคนล้วนถูกหลอกฮ่องเต้หวู่เห็นได้ชัดว่าไม่รู้เรื่อง ตกใจจนสีหน้าเผือดซีด “เสียซั่วเป่ยไปแล้ว เมืองหลวงก็ตกอยู่ในอันตราย! เหล่าขุนนางเสนอให้ย้ายลงใต้ เราเองก็ตัดสินใจไม่ได้เฉกเดียวกัน....”สีหน้าหลี่หลงหลินเข้มขึ้น “เสด็จพ่อ หากย้ายลงใต้ นั่นก็เท่ากับเสียทั้งตอนเหนือ ประคองมือมอบให้หมานอี๋! นับแต่นี้ไปแม่น้ำลำธารทุกหย่อมหญ้าของต้าเซี่ย เสด็จพ่อท่านก็คือคนบาปนับพันปี ชื่อเสียงฉาวโฉ่นับหมื่นปี!”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจ “เรารู้! แต่ เราจะทำเช่นไรจึงจะดี?”เสียงหลี่หลงหลินดุจอัสนียบาตร “โอรสสวรรค์ปกปักประตูเมือง ฮ่องเต้ต่อสู้จนตัวตาย!”ฮ่องเต้หวู่ราวกับถูกอัสนียบาตร มองหลี่หลงหลินอย่างตกตะลึง “เจ้าเก้า เจ้าอยากให้เราต่อสู้จนตัวตายหรือ?”หลี่หลงหลินพยักห
นั่นก็คือไม่เก่งเรื่องการปิดล้อมซั่วเป่ยเป็นเมืองเดียวดายแห่งหนึ่ง รักษามาได้นานหลายเดือนนับประสาอะไรกับเมืองหลวง เมืองอันดับหนึ่งในใต้หล้าแห่งนี้?ฮ่องเต้หวู่เชื่อ หากสามัคคีรวมพลังกัน ก็ไม่แน่ว่าจะไม่สามารถยับยั้งกองกำลังของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือได้แน่นอน นี่เป็นความยินยอมฝ่ายเดียวของฮ่องเต้หวู่ ยังต้องฟังความเห็นของขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักอีกด้วยตู้เหวินยวนสืบเท้าขึ้นมาหนึ่งก้าว “ฝ่าบาท! เมื่อวานกระหม่อมรับชมดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ดาวดวงใหญ่ตกทางทิศเหนือ! นี่คือลางร้าย! ฝ่าบาทอย่าขัดต่อบัญชาสวรรค์ รีบถ่ายทอดพระราชโองการย้ายลงใต้โดยเร็วเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ชะงักเดิมทีเขาคิดว่า ตู้เหวินยวนขวัญกล้าออกมาเสนอให้ย้ายลงใต้ จะต้องมีหลักการสูงส่งเป็นแน่!ผลปรากฏว่าแค่นี้?ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ต้องพูดว่าที่ตู้เหวินยวนพูดล้วนเป็นเท็จ เมื่อคืนมีดาวตกจริงหรือไม่ก็ไม่สามารถอ้างปรากฏการณ์ท้องฟ้านี้ หักใจทอดทิ้งเมืองหลวง ย้ายลงใต้ให้พ้นภัย!ช่างแสดงละครเก่งโดยแท้!จากนั้น ใบหน้าของขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนัก กลับเผยสีหน้าตกตะลึงหวาดกลัว ต่างพากันคุกเข่าโบกคำนับ “ฝ่าบาท ใ
“ซั่วเป่ยได้รับชัยชนะครั้งใหญ่!”“จางไป่เจิงมิได้มอบเมืองสวามิภักดิ์ศัตรู แต่ปลอมเป็นศพ ทหารเสี่ยงอันตราย ล่อศัตรูเข้าเมือง!”“ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือล้มตายนับหมื่นคน แม่ทัพใหญ่เหยลวี่ฉีตายในสนามรบ!”“จากนั้นจางไป่เจิงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์พากองทัพออกจากเมืองเพื่อต่อสู้ เอาชนะกองกำลังของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจนพ่ายแพ้ราบคาบ!”“หลังเสร็จสิ้นสงคราม ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็ไม่มีกำลังโจมตีเมืองซั่วเป่ยได้อีก!”รายงานของทหารส่งข่าว ละเอียดอย่างมากภายในนั้นยังเป็นขั้นตอนอีกด้วยหากรบแพ้ ทหารส่งข่าวพูดเพียงสองประโยค ก็แกล้งหมดสติไปแล้ว ไม่มีวันรายงานอย่างละเอียดเพียงนี้หาไม่แล้วฝ่าบาททรงกริ้ว น่ากลัวว่าจะต้องเสียชีวิตโดยสูญเปล่าตรงข้ามกัน หากรายงานข่าวดี ก็จะพูดเสียงดังเป็นพิเศษ จะต้องรายงานอย่างละเอียดทันใดนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักต่างพากันตกตะลึงไม่มีอะไรจะกล่าวเสริมอีกสีหน้าฮ่องเต้หวู่เองก็ตกตะลึงพรึงเพริดสถานการณ์อะไรกัน?ทีแรกฝันร้าย ต่อมาก็คือข่าวดี?จากนั้น ฮ่องเต้หวู่ตกอยู่ในอาการดีใจอย่างบ้าคลั่ง“ดีดีดี!”“จางไป่เจิงเป็นแบบอย่างที่ดี!”“ถึง
“จางไป่เจิงใช้สูตรยาชิงไต้ รักษาโรคมาลาเรียของทหารรักษาพระองค์จนหาย อาศัยประโยชน์จากสถานการณ์ ทหารเสี่ยงอันตราย โจมตีชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!”ฮ่องเต้หวู่ดีใจมาก ลูบเครา “พูดเช่นนี้แล้ว! นี่ก็คือความดีความชอบของเราจริง! ใช่แล้ว ยังมีเจ้าเก้า! เจ้าเก้า เจ้าอยู่ก่อน! เลิกประชุมเถอะ!”ฮ่องเต้หวู่ดีใจมาก คร้านจะสนใจถือสาเรื่องย้ายลงใต้ของตู้เหวินยวนเดิมทีก็มิได้เสียซั่วเป่ยไป ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือยังเตรียมเจรจาอีกด้วยย้ายลงใต้ผายลมเถอะ!สีหน้าตู้เหวินยวนหมดอาลัยตายอยาก คล้ายสุนัขถูกทิ้ง ออกจากท้องพระโรงเร็วรี่หลี่หลงหลินตามหลังฮ่องเต้หวู่ มายังห้องทรงพระอักษรฮ่องเต้หวู่หัวเราะมองทางหลี่หลงหลิน “เจ้าเก้า ครั้งนี้เจ้าทำความดีความชอบอีกแล้ว! หากมิใช่เจ้าอยู่ตรงกลางขวางเอาไว้ เราเชื่อคำพูดขุนนางชั่วเหล่านั้น ถ่ายทอดพระบรมราชโองกายย้ายลงใต้จริง ต่อให้สุดท้ายจะไม่เกิดอะไรขึ้น ก็ต้องกลายเป็นตัวตลกของคนในใต้หล้า!”นี่คือความจริงแม้เป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่หากฮ่องเต้หวู่ถ่ายทอดพระบรมราชโองการจริง เมืองหลวงจะตกอยู่ในความโกลาหล!ราษฎร์นับไม่ถ้วนจะต้องนำครอบครัว พากันหลบหนีเมือ
โชคดี หลี่หลงหลินชนะเดิมพันแล้ว!ชัยชนะครั้งที่สองของซั่วเป่ย ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพ่ายแพ้ ไม่สามารถจัดทัพได้อีกเจ้าเก้าปลอมพระราชโองการ แม้ไม่สามารถยอมรับได้ทว่าตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนทำเพื่อราษฎร์ ทั้งยังเพื่อคลี่คลายปมใหญ่เรื่องชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือภายในใจเราอีกด้วย“เจ้าเก้า!”ฮ่องเต้หวู่หายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ประคองหลี่หลงหลินขึ้น “เจ้าดีมาก! แต่ ความดีคือความดี ความผิดคือความผิด เราเป็นโอรสสวรรค์ ย่อมต้องแยกแยะรางวัลลงโทษออกจากกันอย่างชัดเจน!”หลี่หลงหลินลอบยิ้มขมปร่าภายในใจแท้จริงแล้วเขาเดาได้ตั้งแต่แรกว่ามิอาจหลีกหนีความผิดนี้ได้!ปลอมพระราชโองการ หลอกฮ่องเต้นี่คือโทษหนักต้องถูกตัดหัว!ต่อให้ตนเป็นองค์ชาย ต่อให้ไม่ตาย ก็หนีไม่พ้นถูกขังหรือเนรเทศหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเครียด “ลูกน้อมรับความผิด!”สีหน้าฮ่องเต้หวู่เปลี่ยนไป คล้ายเปลี่ยนเป็นคนละคน “เจ้ามีความผิดอะไร?”หลี่หลงหลินชะงัก “ลูกปลอมพระราชโองการ...”ฮ่องเต้หวู่ลูบเครา แสร้งพูดเสียงงุนงง “มีหรือ? เราจำไม่ได้ พระราชโองการฉบับนั้น เป็นเราสั่งให้เจ้าเขียนมิใช่หรือ?”หลี่หลงหลินตกตะลึง เข้าใจความนัยข
หลี่หลงหลินหัวเราะแล้ว “ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพ่ายแพ้ เจ้าสมควรดีใจถึงจะถูก! เหตุใดขุ่นข้องหมองใจอารมณ์ไม่ดีเล่า? หรือว่า เพราะอุบายของข้าทำลายชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ฝีมือการต่อสู้ของเจ้า จึงไม่มีที่ให้ใช้งาน?”ซูเฟิ่งหลิงตัวสั่นหลี่หลงหลินเดาถูกแล้ว!ความฝันของนาง ก็คือทำลายชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือด้วยมือของตน เพื่อล้างแค้นให้วีรบุรุษของสกุลซู!สรุปคือ ตนเองยังไม่ทันออกศึกชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็พ่ายแพ้แล้ว ถึงขั้นต้องการเจรจาร่วมกันภายในหัวใจของซูเฟิ่งหลิงว่างเปล่า คล้ายปล่อยหมัดใส่ดอกฝ้าย พูดไม่ออกว่าทรมานหัวใจนางเปี่ยมความผิดหวัง กลับไม่มีที่ให้ระบาย ทำได้เพียงอึดอัดคับข้องใจอยู่เพียงลำพัง“ต้องโทษท่าน!”สายตาซูเฟิ่งหลิงทอประกายน้ำตา “หากมิใช่ท่านขัดขวางข้า! ข้าก็สามารถได้รับพระราชโองการจากฝ่าบาท พาทหารไปแดนเหนือ พอดีจะได้ต่อสู้เคียงบ่าแม่ทัพจาง ฆ่าพวกชนเผ่าทางตอนเหนือให้เกลี้ยง!”“ตอนนี้เล่า...”“ข้าและเหล่าทหารของภูเขาทิศประจิม คล้ายเป็นเรื่องตลกอย่างหนึ่งไปแล้ว!”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเคร่งขรึม พูดว่า “เจ้าคงไม่คิดว่า นับตั้งแต่นี้ไป ตนเองก็ไม่มีที่ให
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ
เถี่ยจู้เริ่มเหนื่อยล้า อยากจะโยนไม้ท่อนสองอันในมือทิ้งลงทะเลเสียเดี๋ยวนี้ ไม่อยากเชื่อเรื่องเหลวไหลว่าจะมีโชคหล่นจากฟ้าอีกต่อไป แต่พอนึกถึงรสชาติอันโอชะของปลาหวงฮื้อใหญ่ ก็ทำให้เขายังคงยืนหยัดต่อไปได้ ตึง ตึง ตึง... สุ่ยเซิงพลันหรี่ตาลง ชี้ไปยังที่ไกลๆ แล้วเอ่ยว่า: “ทางนั้นดูเหมือนมีความเคลื่อนไหว!” ทุกคนพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา มองไปยังทิศที่สุ่ยเซิงชี้ ก็เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า: “มีคลื่นนี่ หรือว่าลมใหญ่กำลังจะมา?” ไร้ลมไหนเลยจะมีคลื่น เพียงแค่ทะเลมีคลื่นซัดสาดขึ้นมากะทันหัน ก็บ่งบอกว่าอีกไม่นานลมใหญ่จะพัดมาถึง สุ่ยเซิงส่ายหน้า สีหน้าแน่วแน่ แล้วเอ่ยว่า: “ไม่...ไม่ใช่คลื่น แต่เป็นปลา!” “ฝูงปลา!” “ไม่! คือคลื่นปลา!” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึงตาค้าง ราวกับอยู่ในความฝัน ปลาแหวกว่ายถาโถมเข้ามาหาพวกเขาราวกับกระแสน้ำ นานๆ ครั้งก็จะมีปลาใหญ่กระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ ดุจดังเกลียวคลื่นที่ม้วนตัว สุ่ยเซิงตะโกน: “เร็วเข้า! ตักปลา!” เพียงชั่วพริบตา ฝูงปลาก็เข้ามาล้อมเรือประมงไว้แล้ว เหวี่ยงอวน สาวอวน ทุกคนไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย ต่างกลั้นหายใจรวบรวมสมาธิ ออกเรี่ยวแรงทั้
รุ่งเช้า ณ ท่าเทียบเรือตงไห่ อรุณรุ่งตะวันออกฉาย แสงทองสาดส่องนภา เหล่าชาวประมงต่างแย่งกันเข็นเรือประมงลงสู่ทะเล ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังต่ออนาคต “ท่านแม่ ไม่ต้องมาส่งแล้ว ข้าไปกับเถี่ยจู้ไม่เป็นอันใดหรอก วางใจเถิด” สุ่ยเซิงเอ่ยลามารดา วิ่งเหยาะๆ มายังท่าเทียบเรือ ขึ้นเรือประมงไปพร้อมกับเถี่ยจู้และชาวประมงเพื่อนบ้านอีกสองสามคน “สุ่ยเซิง เร็วเข้าสิ เหลือแค่เจ้าแล้ว!” สุ่ยเซิงยิ้มซื่อๆ พลางล้วงห่อกระดาษเคลือบน้ำมันสองห่อออกมาจากอกเสื้อ ส่งให้เถี่ยจู้ เถี่ยจู้สงสัยเล็กน้อย: “นี่คืออันใด?” สุ่ยเซิงยิ้มแล้วเอ่ยว่า: “นี่เป็นสิ่งที่ท่านแม่ยัดเยียดให้ข้าตอนจะออกมา บอกว่าเป็นปลาทอดกรอบที่ทำจากปลาหวงฮื้อใหญ่เมื่อวานนี้ เก็บไว้หลายวันก็ไม่เสีย ให้พวกเราเอาไว้กินเป็นเสบียงแห้งในทะเล” เถี่ยจู้ทำหน้าอิจฉา: “สุ่ยเซิง ท่านแม่ของเจ้าช่างรอบคอบนัก ยังเตรียมเสบียงแห้งให้เจ้าด้วย แต่ว่าปลาที่องค์รัชทายาทแจกเมื่อวานหอมจริงๆ! เมื่อวานข้ากินไปตั้งสามตัว ทำเอาท้องที่หิวมาหลายวันของข้าอิ่มแปล้ไปเลย” คนอื่นๆ ที่มาด้วยกันต่างพูดคุยถึงวิธีการปรุงปลาหวงฮื้อใหญ่กันเซ็งแซ่ ทุกคนต่างบอกเป็นเส
หลู่จงหมิงไม่เคยเห็นปลามากมายเช่นนี้มาก่อน ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป! เหล่าขุนนางที่อยู่รอบๆ ก็ยืนนิ่งตะลึงงัน พูดไม่ออก “องค์รัชทายาท แจกปลาเถิด!” “พวกเราต้องการกินปลา!” ชาวบ้านชูแขนโห่ร้อง แม้ว่าหลี่หลงหลินจะนำปลาทั้งหมดมากองไว้บนท่าเทียบเรือแล้ว แต่ก็ยังคงให้ทหารตระกูลซูเฝ้าไว้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะแจกจ่ายปลาให้แก่ชาวบ้าน หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “ข้าเคยพูดเมื่อใด ว่าจะแจกปลาเหล่านี้ให้เปล่าๆ?” ทุกคนต่างส่งเสียงฮือฮา ชาวบ้านมองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้าตกตะลึง ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ไม่ใช่ว่าหลี่หลงหลินรับปากเองหรอกหรือ ว่าจะทำให้ชาวบ้านได้กินเนื้อกันถ้วนหน้า? บัดนี้เหตุใดจึงกลับคำเล่า? “ทุกคนเห็นหรือไม่? นี่แหละองค์รัชทายาท ปากก็พร่ำบอกว่าจะให้ชาวบ้านได้กินเนื้อ แต่บัดนี้กลับตระบัดสัตย์!” หลู่จงหมิงเดินมาหน้าชาวบ้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน หลู่จงหมิงฉวยโอกาสทันที ไม่อาจปล่อยให้หลี่หลงหลินชนะใจประชาชนไปง่ายๆ เช่นนี้ได้ หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “ข้าพูดเมื่อใดว่าจะไม่ให้ชาวบ้านกินเนื้อ?” หลู่จงหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าในน้ำเต้าของหลี
ยามเย็น ณ ท่าเรือตงไห่ เรือลำใหญ่ค่อยๆ แล่นเข้าสู่ท่าเรือ บนท่าเทียบเรือมีผู้คนเนืองแน่น ล้วนเป็นชาวบ้านที่มามุงดูเรื่องสนุก ทั้งยังมีขุนนางผู้มีอำนาจไม่น้อยที่มารอสมน้ำหน้าหลี่หลงหลิน หลู่จงหมิงได้ยินว่าวันนี้หลี่หลงหลินออกทะเลไปจับปลา จึงมารออยู่ที่ท่าเทียบเรือตลอดทั้งวัน เพื่อรอที่จะหยามเกียรติหลี่หลงหลิน หลู่จงหมิงมองเรือใหญ่ที่กำลังเทียบท่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน: “ยังกล้าคุยโวโอ้อวด ว่าจะทำให้ชาวบ้านได้กินเนื้อกันถ้วนหน้า? ช่างเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ปลาที่จับได้ในทะเลตงไห่แค่นั้น ยังไม่พอให้ตดด้วยซ้ำ!” ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยสมทบ: “พระเชษฐภาดา เดี๋ยวรอตอนที่เอาปลาออกมา พวกเราต้องหยามเกียรติเขาสักครา ต้องระบายความแค้นนี้ให้ได้!” พระเชษฐภาดาแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา: “ชาวบ้านมากมายขนาดนี้กำลังจ้องมองอยู่ที่ท่าเรือ ถึงเวลานั้นหากหลี่หลงหลินเอาปลาออกมาไม่ได้ ดูสิว่าเขาจะจัดการอย่างไร!” เรือใหญ่เทียบท่า ชาวบ้านกรูกันเข้ามา ล้อมเรือใหญ่ไว้แน่นขนัด “กลิ่นคาวปลาแรงมาก!” พอชาวบ้านเข้าใกล้เรือใหญ่ กลิ่นคาวปลาก็ปะทะเข้าหน้าทันที “กลิ่นคาวปลาขนาดนี้ ต้องจับปลามาได้มากเท่าใดกัน?”