“เจ้าเก้า...”“ข้าเข้าใจการตัดสินใจของเจ้า!”“แต่เส้นทางของการเป็นขุนนางผู้โดดเดี่ยว มันลำบากขนาดนี้ เจ้าจะเดินหน้าต่อไปได้จริงๆ หรือ?”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจ แล้วสั่งเว่ยซวิน “ข้าต้องไปที่ค่ายผู้ลี้ภัย เจ้าระดมองครักษ์เสื้อแพร ปกป้องความปลอดภัยของข้า! เมื่อไหร่ก็ตามที่สถานการณ์แย่ลงให้ถอนกำลังออกมาทันที!”“ถ้า... สถานการณ์ในค่ายผู้ลี้ภัยเป็นไปตามที่ตู้เหวินยวนพูด และมีการลุกฮือของประชาชน เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะเชือดไก่ให้ลิงดู!”“เพียงวิธีนี้เท่านั้น ถึงจะช่วยดับความโกรธของชาวบ้านได้ และความโกรธของขุนนาง...”เว่ยซวินตะลึงงันเชือดไก่ให้ลิงดู?ไก่คือใคร? ลิงคือใคร?หลังจากนั้นไม่นาน เว่ยซวินก็เข้าใจ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฝ่าบาท ท่านคงไม่ได้คิดจะสังเวยองค์ชายเก้า มายับยั้งความโกรธของทุกคนหรอกกระมัง...”ฮ่องเต้หวู่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าถึงจุดที่จำเป็น ก็คงมีเพียงแต่วิธีนี้! เจ้าไปจัดการเถอะ”เว่ยซวินอยากพูดแต่ก็หยุดไป ก่อนจะจากไปด้วยร่างที่สั่นเทาฮ่องเต้หวู่เอามือไพล่หลัง แล้วมองไปยังเขาทิศประจิมด้วยสายตาแน่วแน่ “เจ้าเก้า! เจ้าเป็นเด็กดีและกต
ตู้เหวินยวนก็ตะลึงเช่นกันเหตุใดผู้ลี้ภัยแห่งนี้ถึงได้ต่างจากที่ตนคิดเอาไว้มันควรจะมีศพตายเกลื่อนอยู่ทุกพื้นที่ มีเสียงร้องไห้ระงมสะเทือนท้องฟ้าไม่ใช่หรือ ผู้ลี้ภัยทั่วทุกที่สูญเสียญาติพี่น้อง ในใจเศร้าโศกไม่มีที่ให้ระบายมิใช่หรือ?“นี่...”ตู้เหวินยวนพยายามคิดหาแผน ทันใดนั้นแววตาของเขาก็เป็นประกาย “ฝ่าบาท! กระหม่อมรู้แล้ว! ต้องมีคนรู้ข่าวล่วงหน้า...”ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่มืดมน “เจ้าหมายความว่าข่าวการมาเยือนเป็นการส่วนตัวของข้ารั่วไหลอย่างนั้นหรือ?”ตู้เหวินยวนเหลือบมองเว่ยซวิน “มีเพียงคำอธิบายนี้เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”เว่ยซวินเดือดดาลอย่างหนัก จ้องมองตู้เหวินยวน “ปากเจ้ามันช่างร้ายกาจจริงๆ!”ตู้เหวินยวนหัวเราะเยาะ “เว่ยกงกง ข้าไม่ได้พูดถึงเจ้าเลย! เจ้าจะเสนอหน้าออกมาทำไม? ไม่ใช่ว่าเจ้าทำผิดอะไรใช่ไหม?”เว่ยซวินโกรธมากจนพูดไม่ออกด้านอำนาจและกลยุทธ์ เว่ยซวินไม่ได้ด้อยไปกว่าตู้เหวินยวนแต่ด้านคารมคมคาย เว่ยซวินยังตามหลังอยู่มากฮ่องเต้หวู่โบกมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “พวกเจ้าสองคนหยุดทะเลาะกันได้แล้ว! สหายเว่ยไปถามคนในค่ายผู้ลี้ภัยว่ามีคนติดเชื้อมาลาเรียกี่คน แล้วอยู่ที่ไหน
ฮ่องเต้หวู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าเป็นการยกขึ้นสู่สวรรค์” จางเฉวียนงุนงง “ฝ่าบาท คำพูดนี้พระองค์หมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หวู่มองจางเฉวียนด้วยแววตาที่ล้ำลึก “ฐานะบุตรสาวของเจ้านั้นสูงส่ง เป็นกิ่งทองใบหยกสมดั่งชื่อเสียงที่ได้รับมา แต่กลับมีความเมตตาต่อประชาชน ป้อนยารักษาโรคให้ประชาชน นี่ไม่เพียงแต่เป็นหน้าเป็นตาให้เจ้า แต่เป็นหน้าเป็นตาให้เราด้วย” “เจ้ามีบุตรสาวเช่นนี้ ก็เพียงพอแล้วจริงๆ” จางเฉวียนหน้าแดงหูแดง ค้อมตัวลงแล้วเอ่ย “ฝ่าบาท พระองค์ชมเกินไปแล้ว” ฮ่องเต้หวู่กวาดสายตามองไปยังขุนนางที่ติดตามมา และเอ่ยติดตลก “มิน่าเล่า บุตรสาวของพวกเจ้าถึงได้หนีกลับมาจากเขาประจิม ก็จริงอย่างที่ว่า มีพ่อแบบไหน ก็ได้ลูกแบบนั้น เหล่าขุนนางต่างมีสีหน้าตะขิดตะขวง พวกเขาก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ตู้เหวินยวนเอ่ยเยาะเย้ย”ฝ่าบาท องค์ชายเก้าทำเช่นนี้ เป็นเพียงการแสดงเพื่อให้ดูดีไปเท่านั้น ถ้าจะพูดให้ถึงที่สุดแล้ว คนไข้เหล่านี้ที่เป็นโรคมาลาเรีย อย่างน้อยครึ่งหนึ่งก็ต้องตาย! ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วมุ่น แม้ว่าตู้เหวินยวนจะทำเพื่อให้คนเกลียด แต่สิ่งที่พูดกลับเป็นเรื่องจริง เ
ฮ่องเต้หวู่มองไปทางหลี่หลงหลินด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “ทุกคนที่อยู่ในรายชื่อนี้ เจ้าเป็นคนรักษาให้หายหรือ?” หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากเสด็จพ่อไม่เชื่อ สามารถส่งคนไปตรวจสอบได้” ฮ่องเต้หวู่เคร่งขรึมไป หลี่หลงหลินไร้ซึ่งความกลัว แสดงว่าต้องเตรียมการไว้นานแล้วแน่ ตู้เหวินยวนพูดแทรกขึ้น “มีรายชื่อคนไข้ที่หายดี แต่รายชื่อคนตายอยู่ไหนเล่า?” ขุนนางใหญ่คนอื่นๆก็ลุกขึ้นช่วยพูด “ใช่ๆ คนที่รักษาหายมีเยอะขนาดนี้ คนที่ตายต้องมีเยอะกว่าแน่” หลี่หลงหลินยิ้มเยาะ และออกคำสั่งว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ช่วยไปนำสมุดรายชื่อคนที่ตายมาด้วย” หลังจากนำสมุดรายชื่อมาส่ง ฮ่องเต้หวู่ก็อดใจรอไม่ไหวที่จะเปิดออกดู และก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง ข้างในมีชื่ออยู่แค่ไม่กี่สิบรายชื่อ ฮ่องเต้หวู่อุทานด้วยความประหลาดใจ “เจ้ารักษาคนให้หายได้นับพันคน แต่คนที่ตายมีแค่ไม่กี่สิบคนเองหรือ” ในยุคสมัยของต้าเซี่ย อัตราการเสียชีวิตจากโรคมาลาเรียสูงมาก ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ผลคือ การเสียชีวิตกลับมีแค่ไม่กี่สิบคน ไม่อาจจินตนาการได้เลย! หลี่หลงหลินถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง “ผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอายุมากแล้ว
คำพูดนี้บีบหัวใจมาก! พวกเขาไม่เพียงแต่ทำลายล้างความสำเร็จทั้งหมดของหลี่หลงหลินและซุนชิงไต้เท่านั้น! แต่ยังพุ่งเป้าไปที่ทั้งสองคนโดยตรงด้วย! ใส่ร้ายพวกเขาว่าเป็นต้นเหตุหลักของการแพร่ระบาดโรคมาลาเรีย! ซูเฟิ่งหลิงทนฟังไม่ได้อีกต่อไป สีหน้านางแดงก่ำขึ้น นางจ้องตู้เหวินยวนด้วยความโกรธ ฝ่ามือนางกำทวนเงินไว้ในแน่น! หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าฝ่าบาท! นางคงจะทำให้ตู้เหวินยวนขุนนางกังฉิน ได้อารมณ์เย็นลงอย่างแน่นอน! ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่เหล่าสตรีในตระกูลซูเท่านั้น แม้แต่บุตรสาวตระกูลขุนนางก็ยังแสดงสีหน้าโกรธเคือง และเข้าข้างทั้งสองคนที่ได้รับความไม่เป็นธรรม! สูตรยาชิงไต้เป็นสิ่งที่พวกนางเห็นเองกับตาว่าซุนชิงไต้ได้ทดสอบซ้ำแล้วซ้ำกว่าจะนำออกมาใช้ ซุนชิงไต้ถึงขั้นไม่ลังเลเลยที่จะทดสอบยาบนร่างกายของนางเอง นางถูกยาพิษ อาเจียนจนหน้ามืดและเกือบเอาชีวิตไม่รอด ผลคือ แค่ตู้เหวินยวนขยับปากพูดนิดหน่อย น้ำสกปรกก็สาดใส่สองคนนั้นแล้วหรือ? แบบนี้มันมากเกินไป! ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น นิ่งเงียบไปโดยไม่พูดอะไร เขารู้อยู่ในใจแล้วว่าตู้เหวินยวนกำลังสาดน้ำสกปรก ใส่ร้ายหลี่หลงหลินและซุนชิงไต้ อย่
ตู้เหวินยวนตกใจ: “ไม่เก็บเงินเลยสักเหวินหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร! นี่ท่านกำลังทำการกุศลอยู่หรือ?” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเย็นชา และโต้กลับ: “ค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้แต่เดิมก็มีน้ำเสียไหลท่วม ยุงและแมลงขยายพันธุ์ไม่หยุด ที่มีวันนี้ได้ ก็ต้องขอบคุณใต้เท้าตู้ ที่ใจกว้างมอบช่วยเหลือ เปิดกระเป๋าเงินแล้วควักเงินออกมาหนึ่งล้านตำลึง!!” “อะไรนะ? “เรื่องการทำบุญการกุศลใต้เท้าตู้ทำแล้ว ข้าหลี่หลงหลินก็คงไม่ทำแล้วล่ะ?” ตู้เหวินยวนดูเหมือนจะถูกต่อยที่หน้าอก ใบหน้าของเขาซีดเซียว เขาเถียงกลับไปอย่างเอาเป็นเอาตาย: “ทั่วทั้งใต้หล้านี้ ทุกคนต่างวิ่งตามผลประโยชน์กันทั้งนั้น! ข้าไม่เชื่อว่าองค์ชายเก้าจะได้กลายเป็นเทพเซียนไม่ยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์!” “แม้ว่าเจ้าจะเผยแพร่สูตรยาไปทั่วทั้งใต้หล้า แต่วัตถุดิบยาในนั้นก็ต้องมีค่า! “ท่านต้องผูกขาดวัตถุดิบยาไว้ก่อนแล้วแน่ๆ กักตุนไว้เพื่อเก็งกำไร และแสวงหาผลประโยชน์มหาศาล!” ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว: “เจ้าเก้า เป็นอย่างที่ท่านตู้พูดใช่หรือไม่?” หลี่หลงหลินยกมือขึ้น “เสด็จพ่อ สิ่งที่เขาพูดนั้นก็ใจแคบเกินไป ที่จะคิดว่าคนดีๆ จะทำเรื่องไม่ดีแบบนั้น! ถ้าพระองค์ได้ดูส
เว่ยซวินเป็นคนอาฆาตแค้น จึงเอ่ยปฏิเสธโดยตรง: “ไปงั้นหรือ? ถ้าตระกูลของข้าไปแล้ว ใครจะดูแลเรื่องอาหาร อาภรณ์ ที่พัก และการเดินทางให้ของฝ่าบาทเล่า” ชื่อเสียงของข้าในหมู่ประชาชนนั้น คงจะเลวร้ายยิ่งกว่าพวกท่านเสียอีก ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่จะไปรับกรรมกับพวกท่านด้วย! ยิ่งกว่านั้น พวกท่านแค่ใส่ร้ายข้า อย่าคิดว่าข้าจะลืมไปแล้ว! ตู้เหวินยวนพูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย: “เว่ยกงกง แม้ว่าท่านจะอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็ต้องส่งองครักษ์เสื้อแพรไปคุ้มกันเราให้ออกไปได้ด้วยสิ! ถ้าเราเจอกับโจรผู้ร้ายขึ้นมาล่ะ...” เว่ยซวินพูดด้วยแววตาเจ้าเล่ห์: “ในเวลากลางวันแสกๆ โลกก็แจ่มใส! ใครจะกล้ามาโหดร้ายภายใต้เบื้องพระยุคลบาท? ใต้เท้าตู้กังวลเกินไปแล้ว!” “องครักษ์เสื้อแพรของฝ่าบาทยังต้องปกป้องฝ่าบาท ออกไปไม่ได้จริงๆ!” “ใต้เท้าตู้คงไม่คิดว่า ตนเองสำคัญกว่าฝ่าบาทหรอกนะ?” พอพูดถึงตรงนี้แล้ว ถ้าให้พูดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ตู้เหวินยวนทำได้เพียงฝืนใจเดินออกจากค่ายผู้อพยพไป พร้อมกับเหล่าขุนนางเพียงไม่กี่คน ระหว่างทางเหล่าผู้อพยพไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงมองด้วยสายตาที่โกรธแค้น และถ่มน้ำลายใส่พวกเขาเท่านั้น จ
ในค่ายผู้ลี้ภัย ฮ่องเต้หวู่ได้เห็นชิงฮวาแช่น้ำด้วยตาตัวเอง จากนั้นน้ำคั้นนำมาใช้เป็นยา เมื่อให้ผู้ป่วยทานยาไป ไม่กี่ชั่วโมงไข้ก็ลดลงแล้ว! “ยาเทวดา!” “สูตรยาชิงไต้นี้เป็นยาเทวดาจริงๆ!” ฮ่องเต้หวู่มีสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข: “เจ้าเก้า เราอยากให้รางวัลเจ้าอย่างงาม!” หลี่หลงหลินถอนหายใจ: “กฎเก่าหรือ?” ฮ่องเต้หวู่พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม: “กฎเก่า” หลี่หลงหลินพูดไม่ออก เจอพ่อที่ขี้เหนียวแบบนี้ ก็ถือว่าตัวเองซวยไป ไม่ให้เงิน ไม่เลื่อนตำแหน่ง จุดประสงค์ของรางวัลคืออะไร? หลี่หลงหลินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “เสด็จพ่อ ข้าต้องเดินตามเส้นทางของขุนนางผู้โดดเดี่ยว ถนนข้างหน้าจะยากลำบากและเต็มไปด้วยอันตราย! ทำไมพระองค์ไม่ให้รางวัลลูกด้วยป้ายทองเว้นโทษตายเล่า! “ ฮ่องเต้หวู่สับสน: “ป้ายทองเว้นโทษตาย นั่นคืออะไร” หลี่หลงหลินงุนงง: “ราชวงศ์ต้าเซี่ยไม่มีป้ายทองเว้นโทษตายหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็มีเหรียญทองเว้นโทษตาย...” ในอดีต ใช่ว่าทุกราชวงศ์จะมีป้ายทองเว้นโทษตาย ดังนั้น ที่ฮ่องเต้หวู่จะไม่รู้ก็ถือว่าปกติ ฮ่องเต้หวู่ยังคงสับสน: “เหรียญทองเว้นโทษตาย มีไว้เพื่ออะไร” หลี่หลง