รุ่งเช้าเกี้ยวก็มาถึงตำหนักชิงหนิงขันทีวิ่งเหยาะๆ ไปข้างฮ่องเต้หวู่แล้วกระซิบ “ฝ่าบาท หลินกุ้ยเฟเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ตกใจ เงยหน้าขึ้นทันที “หลินกุ้ยเฟย? นางป่วยเป็นไข้มาราเรียไม่ใช่หรือ? เหตุใดนางถึงมาที่ตำหนักชิงหนิง? ตามข้าไปดู!”องค์ชายและเหล่าสนมต่างประหลาดใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ฉินกุ้ยเฟยดูก็เอ่ยเสียงขุ่นเคือง “ฮึ เป็นไข้มาลาเรียหรือ แต่ยังวิ่งไปไหนมาไหนไปทั่ว ดูท่าคงจะแกล้งป่วย”องค์ชายสี่และพวก ก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกันหลี่หลงหลินขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจพวกเขา แต่เดินตามฮ่องเต้หวู่ไปที่เกี้ยวม่านเปิดออก ก็เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามแต่ซีดขาวของหลินกุ้ยเฟย“เสด็จแม่...”ดวงตาของหลี่หลงหลินแดงก่ำ เขารีบก้าวไปข้างหน้าช่วยพยุงหลินกุ้ยเฟย “เสด็จแม่ เหตุใดท่านไม่พักผ่อนให้เต็มที่ล่ะ?”หลินกุ้ยเฟยเอ่ยเสียงอ่อนโยน “องค์ชาย แม่ดื่มยาของเจ้าแล้ว ร่างกายก็ดีขึ้นมาก ไทเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?”ฮ่องเต้หวู่ส่ายหัว เอ่ยด้วยสีหน้ามืดมน “เสด็จแม่ยังไม่ฟื้น...”หลินกุ้ยเฟยปลอบใจนาง “ฝ่าบาท พระองค์ทำใจให้สบาย! ยาของเจ้าเก้ามีผลมหัศจรรย์! ในเมื่อรักษาหม่อมฉันได้ ก็ต้องรักษาไทเฮาได้เช่
แม้ว่านางจะอ่อนแอมาก แต่อย่างน้อยก็สามารถกินอาหาร ดื่มโจ๊กได้บ้าง สติก็ยังชัดเจนมากฮ่องเต้หวู่ดีใจจนแทบคลั่ง ในที่สุดก็วางใจลงได้แล้ว กลับไปนอนต่อสักพักเมื่อเหล่าราชวงศ์องค์ชายเห็นว่าไทเฮาพ้นขีดอันตรายแล้ว รู้ว่าไม่มีอะไรน่าสนุกให้ดูอีก ก็พากันขอตัวลาหลี่หลงหลินช่วยพยุงหลินกุ้ยเฟยขึ้นไปบนเกี้ยว แล้วกลับไปที่ตำหนักฉางเล่อ“องค์ชาย!”“ครั้งนี้ เจ้ารักษาอาการประชวรของไทเฮาได้ ถือว่าสร้างความดีใหญ่หลวงนัก!”“ฮ่องเต้จะตอบแทนเจ้าอย่างงามแน่นอน!”หลินกุ้ยเฟยจับมือหลี่หลงหลินพร้อมกับยิ้มด้วยความรักความเมตตาหลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่! ท่านเองก็พักผ่อนเถอะ! อย่าลืมฆ่ายุงด้วย! ข้ามีงานอื่นต้องทำ พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมท่าน!”หลินกุ้ยเฟยโบกมือ “เจ้าทำงานเหนื่อยมานานแล้ว ก็ควรกลับไปพักผ่อนบ้าง!”หลี่หลงหลินเดินออกจากประตูตำหนักฉางเล่อ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไป กลายเป็นสีหน้าถมึงทึงแทนซุนชิงไต้ที่ตามหลังหลีหลงหลิน เห็นสีหน้าเจตนาร้ายของเขา นางก็ถามอย่างสงสัย “องค์ชายเก้า ไทเฮากับหลินกุ้ยเฟยก็เกือบจะหายจากไข้มาลาเรียแล้ว! เจ้าควรจะดีใจมิใช่หรือ?”หลี่หลงหลินส่ายหัว
ซุนชิงไต้มีสีหน้าตะลึง ดวงตาคู่งามนั้นจ้องมองหลี่หลงหลินเว่ยซวินมาจริงๆ ด้วย!หรือว่าหลี่หลงหลินจะสามารถหยั่งรู้โชคชะตาได้ หรือว่าเขาเป็นเทพเซียนบนสวรรค์?ซุนชิงไต้ขมวดคิ้วเบาๆ แล้วคิดอย่างจริงจังดูเหมือนว่านี่จะเป็นความเป็นไปได้ที่ไร้สาระถ้าเขาไม่ใช่เทพเซียน แล้วเขาจะทำผงปรุงรสไก่ที่อร่อยขนาดนี้ออกมาได้อย่างไรกระทั่งยังรู้จักต้นจินจีน่าที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้อีกเว่ยซวินก้าวไปข้างหน้า คว้าแขนของหลี่หลงหลินเอาไว้แน่น “องค์ชายเก้า โชคดีที่ท่านยังไม่ไป! ช่วยด้วย...”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วยด้วย? ชีวิตใคร?”เว่ยซวินเอ่ยด้วยสีหน้าโศกเศร้า “แน่นอนว่าเป็นชีวิตของข้า! องค์ชายเก้า ข้าพูดเรื่องดีๆ ของท่านต่อหน้าฝ่าบาทไปไม่น้อย! ท่านห้ามเห็นคนกำลังจะตายแล้วไม่ช่วยเด็ดขาด!”นี่ไม่ใช่เรื่องโกหกตั้งแต่หลี่หลงหลินให้ข้อเสนอกับฮ่องเต้หวู่ หลังจากก่อตั้งองครักษ์เสื้อแพรเว่ยซวินก็ได้รับประโยชน์มากมายแม้ว่าเว่ยซวินจะเป็นขันที แต่นิสัยเดิมก็ยังคงโลภมากแต่เขาเป็นคนฉลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งชำนาญเรื่องการเลือกข้างไม่เช่นนั้น เขาก็คงยืนหยัดอยู่ในราชสำนักไม่ได้มาหลายสิบปีขนาดนี้
น้ำหอมดอกไม้ไล่ยุง จริงๆ แล้วมันคือของนำเข้าในยุคนี้ของต้าเซี่ย ไม่มีสิ่งนี้อยู่ไม่น่าแปลกใจที่หญิงคณิกาของสำนักการสังคีต และสนมวังหลังจะไม่เพียงแต่กินยาลูกกลอนหอมเท่านั้น แต่ยังอาบน้ำด้วยกลีบดอกไม้บ่อยๆ เพื่อให้น้ำหอมในร่างกายของตัวเองส่งกลิ่นหอมออกไปดึงดูดบุรุษ!ถ้าพูดเช่นนี้ ถ้าตนคิดค้นน้ำหอมดอกไม้ขึ้นมา ไม่เท่ากับว่าสามารถสร้างกำไรก้อนโตได้เลยหรือ?หลี่หลงหลินรู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ สำหรับเว่ยซวินแล้ว “เว่ยกงกง พวกยุงเหล่านี้ จะจัดการให้หมดโดยอาศัยแค่กำลังคนไม่ได้!”เว่ยซวินกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ใช่หรือไม่เล่า! ฝ่าบาทกำลังสร้างความลำบากใจให้ข้าอยู่ชัดๆ”หลี่หลงหลินกล่าวต่อ “แต่จุดประสงค์หลักของพวกเรา คือการป้องกันไข้มาลาเรีย ไม่ใช่การกำจัดยุง! ตราบใดที่ยุงไม่กัดคน เท่านั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?”เว่ยซวินตกตะลึง “แล้วยุงที่ไหนไม่กัดคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้สูตรหนึ่งเรียกว่าน้ำหอมดอกไม้ ไม่เพียงแต่ไล่ยุงได้เท่านั้น แต่ยังมีกลิ่นหอมด้วย หากถูกยุงกัด ก็ยังสามารถยับยั้งอาการคันและสลายพิษได้!”“ไม่กล้าบอกว่าจะสามารถทำให้ยุงทั้งหมดไม่กัดได้ แต่อย่างน้อยมันก็ลดปร
หอเทียนเซียงหลี่หลงหลินสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ และมองดูซุนชิงไต้กำลังสวาปาม พลางตอบข้อสงสัยของนางด้วย“ง่ายมาก”“ข้าสงสัยว่าไข้มาลาเรียในวังนั้นอาจจะเป็นฝีมือของใคร!”ปากของซุนชิงไต้ยัดน่องไก่ไปเต็มคำ สีหน้าของนางดูตกใจ “จริงหรือ?”หลี่หลงหลินไม่ได้แปลกใจกับปฏิกิริยาของซุนชิงไต้จากมุมมองของคนยุคโบราณ โรคระบาดถือเป็นภัยธรรมชาติแม้แต่หมอเทวดาอย่างซุนชิงไต้ก็นึกไม่ออกว่าจะมีคนสามารถควบคุมโรคระบาด หรือปฏิบัติการด้วยสงครามเชื้อโรคและสงครามไวรัสหลี่หลงหลินกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “นี่เป็นเพียงการเดาของข้า! หวังว่าข้าจะเดาผิด! แต่... หากมีใครใช้ยุงจงใจแพร่เชื้อมาลาเรีย! ที่อยู่ของคนผู้นี้ก็ต้องมียุงน้อยที่สุด!”ซุนชิงไต้เข้าใจหลักการนี้แล้วผู้ที่แพร่กระจายโรคระบาดรู้ดีว่าไข้มาลาเรียนั้นน่ากลัวเพียงใด และแน่นอนว่าจะต้องฆ่ายุงล่วงหน้า และป้องกันอย่างดีแล้วซุนชิงไต้กลืนขาไก่ลงไป “หลังจากที่เจ้ารู้แล้ว แล้วขั้นตอนต่อไปล่ะ?”หลี่หลงหลินส่ายหัว “ตอนนี้ยังคิดไม่เสร็จ! เอาไว้ค่อยๆ ไปทีละขั้นตอนแล้วกัน! น่าจะเป็นฉินกุ้ยเฟย เพราะนางได้เปิดเผยความลับออกมาแล้ววันนี้! แต่ข้าก็ยังต้องการหลักฐานเพิ่ม
หลี่หลงหลินมีสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าไม่มีทางล้อเล่นกับพี่สะใภ้สี่แบบนี้แน่! ตอนนี้มีทางเดียวคือ ต้องขอให้พี่สะใภ้สี่ออกโรงช่วยเหลือพี่สะใภ้สาม เร่งวิจัยและพัฒนาน้ำหอมดอกไม้ออกมาให้เร็วที่สุด!” “ไม่เพียงแต่จะทำให้เหล่าสนมในวังหลังพอใจเท่านั้น!” “แต่ยังสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมากมายอีกด้วย!” แม้ว่าภายนอกหลิ่วหรูเยียนจะดูอ่อนโยน แต่ภายในใจนางเป็นหญิงสาวที่กังวลเรื่องบ้านเมืองและประชาชนมาก! ไม่อย่างนั้น นางคงไม่ชอบบทกวีชายแดน และรักไคร่ชอบพอแม่ทัพที่ฆ่าศัตรูเพื่อประเทศชาติหรอก “ตกลง!” “หม่อมฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!” หลิ่วหรูเยียนตอบตกลงทันที หลี่หลงหลินทิ้งสูตรน้ำหอมดอกไม้ไว้ให้หลิ่วหรูเยียนและซุนชิงไต้ได้ศึกษา เมื่อเขากลับไปที่ห้อง ก็นอนไม่หลับ ได้แต่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง เพราะมัวคิดหาวิธีรับมือกับโรคมาลาเรียที่กำลังแพร่ระบาด จนกระทั่งฟ้าสางโดยไม่รู้ตัว ในเวลานี้ ก็มีคนมาเคาะประตูเบาๆ แล้วน้ำเสียงหวานก็ดังมาจากข้างนอก “องค์ชาย ท่านตื่นหรือยัง?” เสียงของพี่สะใภ้สี่หรือ? หลี่หลงหลินสะดุ้ง จากนั้นรีบลุกขึ้นแต่งตัว เปิดประตูออกไป ก็เห็นหลิ่วหรู
“กลัวตายหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงรู้สึกตัวขึ้นทันที ดวงตาจ้องมองหลี่หลงหลินด้วยความสับสน “ข้าเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกว่ามีคนกลัวตายในบ้านตัวเอง!” หลี่หลงหลินเป็นองค์ชาย เติบโตในพระราชวังต้องห้ามมาตั้งแต่เด็ก พระราชวังก็คือบ้านของเขาจริงๆ หลี่หลงหลินยิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ไม่รู้ถึงความโหดร้ายและอันตรายในวังหลัง!” เมื่อพูดจบ หลี่หลงหลินก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาให้ซูเฟิ่งหลิงฟังอย่างละเอียด “อะไรนะ? ไทฮองไทเฮาและเสด็จแม่ของท่านป่วยเป็นโรคมาลาเรีย เกือบเอาชีวิตไม่รอด!” “อะไรนะ? ท่านตบหน้าฉินกุ้ยเฟยต่อหน้าธารกำนัล?” “อะไรนะ? ท่านสงสัยว่าฉินกุ้ยเฟยเป็นต้นเหตุ?” ซูเฟิ่งหลิงฝึกทหารม้าอยู่ที่เขาประจิมตลอด ไม่คิดว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในวัง พอได้ฟังแล้วก็ตกตะลึง หลี่หลงหลินพยักหน้า ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “สถานการณ์ซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิด! เสด็จพ่ออนุญาตให้ข้าสืบสวนเรื่องนี้แล้ว! หากข้าสืบพบอะไรขึ้นมา ทั้งวังหลังและขุนนางคงต้องสั่นสะเทือน!” “ถ้าข้าเข้าวังคนเดียว อาจจะตายได้โดยที่ไม่รู้สาเหตุ!” ซูเฟิ่งหลิงตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหานี้ จึงรี
ซึ่งนี่ถือว่าหายากมากในบรรดาฮ่องเต้ในสมัยโบราณ! หลี่หลงหลินโค้งคำนับ “เสด็จพ่อ! ไม่ต้องให้คนอื่นพูด ลูกก็ยินดีที่จะมอบสูตรยาให้! เพียงแต่ว่า ยานี้มีชื่อว่าต้นจินจี้น่า เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ปลูกในต่างแดนเกรงว่าภายในอาณาจักรต้าเซี่ยจะมีน้อยมาก!” “และลูกบังเอิญพบว่าที่ตำหนักฉางเล่อมีต้นจินจี้น่าอยู่ต้นหนึ่ง!” ฮ่องเต้หวู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ต้นจินจี้น่า? ต่างแคว้นมีของวิเศษเช่นนี้ด้วยหรือ? โอ้ เราจำได้แล้ว! ต้นที่ตำหนักฉางเล่อเป็นของที่ทูตต่างแดนส่งมา มีเพียงต้นเดียวเท่านั้น!” หัวใจของหลี่หลงหลินจมดิ่งลง ต้นจินจี้น่า มีแค่ต้นเดียวในตำหนักฉางเล่อจริงๆ! แย่แล้ว! หลี่หลงหลินพูดขึ้นด้วยความหวังริบหรี่ “บางทีอาจจะมีต้นจินจี้น่าอยู่ในหมู่ประชาชน! ขอเสด็จพ่อทรงออกพระราชโองการ ประกาศขอซื้อในราคาสูง! แม้จะมีเพียงต้นเดียวหรือสองต้น ก็สามารถช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนได้!” ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “อนุญาต!” หลี่หลงหลินพูดต่อ “เสด็จพ่อ แม้แต่ในวังก็ยังมีโรคมาลาเรียระบาด! ในหมู่ประชาชนเกรงว่าจะแพร่กระจายไปแล้วด้วย! ลูกขอให้เสด็จพ่อส่งคนไปทำความสะอาดคูน้ำ จัดการน้ำเสีย กำจัดยุงลาย!” “โด
เซียวเม่ยเอ๋อร์เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิ ดวงตาสวยจ้องมองที่หลี่หลงหลิน พร้อมกับเยาะเย้ยถากถาง: “องค์ชายเก้า ท่านแพ้แน่นอน! แค่ของเล่นพวกนี้ จะไปสู้กับปืนใหญ่หงอีได้ยังไง!” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเหยียดๆ สีหน้าไม่แยแส: “โอ้? องค์หญิงช่างมั่นใจจริงๆ! งั้นกล้าเดิมพันกับข้าสักครั้งหรือไม่?” เดิมพัน? เซียวเม่ยเอ๋อร์ชะงักไป ก่อนจะเลียริมฝีปากแดงแล้วพูดว่า: “เดิมพันยังไง?” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเยือกเย็น: “ถ้าข้าแพ้ ข้าจะเป็นสวามีของท่าน และเป็นข้ารับใช้ของท่านไปตลอดชีวิต! แต่ถ้าท่านแพ้ ต้องให้กองทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือออกจากชายแดนเขตเหนือทันที!” เซียวเม่ยเอ๋อร์หยุดหายใจไปชั่วขณะ การเดิมพันนี้น่าสนใจจริงๆ! และในสายตาของนาง ย่อมต้องชนะแน่นอนไม่มีทางแพ้! “ตกลง...” เซียวเม่ยเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจตอบตกลง แต่เซียวเซวียนเช่อเห็นท่าทางของนางก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบพูดขัดขึ้นจังหวะ: “องค์หญิง รอเดี๋ยว! พลาดครั้งหนึ่ง ได้บทเรียนแล้ว! ข้าเคยเดิมพันกับองค์ชายเก้า ผลลัพธ์คือพ่ายแพ้ยับเยิน! ต้องระวังให้ดี อาจมีเล่ห์เหลี่ยม!” เคยถูกงูกัดครั้งห
เดี๋ยวก่อนนะ ตนต้องหลบให้ห่างไว้ หลีกเลี่ยงการต้องโดนลูกหลง! ในใจเว่ยซวิน เองก็แอบหวาดหวั่น จึงเอ่ยกับฮ่องเต้าหวู่ด้วยเสียงเบา: “ฝ่าบาท หรือเราจะถอยออกไปไกลๆ สักหน่อย…” ฮ่องเต้าหวู่หัวเราะอย่างเย็นชา แล้วตอบว่า: “ยังไม่ได้เห็นอาวุธปืนของหลี่หลงหลินเลย จะกลัวอะไร?”ความหมายก็คือ ค่อยดูอาวุธปืนที่หลี่หลงหลินสร้างขึ้นก่อนค่อยว่ากันถ้าดูแล้วไม่น่าเชื่อถือจริงๆ เช่นนั้นก็ต้องถอยออกไปไกลๆหน่อย ถ้าเกิดระเบิดขึ้นมา คงได้น่ากลัวแน่! หลี่หลงหลินมองไปยังเซียวเซวียนเช่อ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “ท่านราชครู ท่านคิดผิดแล้ว! ประสิทธิภาพของสถาบันวิจัยภูเขาประจิม ไม่ใช่สิ่งที่หมานอี๋จะจินตนาการได้! อย่าว่าแต่ถังเหล็กหนึ่งถังเลย ร้อยถังแล้วจะเป็นไรไป?” “คนมานี่หน่อย!” “นำปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหามา!” สิ้นคำสั่ง กงซูหว่านในชุดสีดำ ใบหน้าเย็นชา นำช่างฝีมือกลุ่มหนึ่ง เข็นรถเข็นไม้หลายคันเข้ามา บนรถเข็นเต็มไปด้วยวัตถุทรงกลมๆ ที่แท้ก็เป็นถังเหล็กจริงๆ! ขนาดของมันใหญ่กว่าถังเหล็กทั่วไปเล็กน้อย ผนังถังบางมาก ซึ่งมีความหนาประมาณนิ้วเดียวเท่านั้น ทุกคนต่างก็ตกตะล
หลังจากตีกลอง และสั่งถอยทัพแล้ว ซูเฟิ่งหลิงก็นำทหารม้าต้าเซี่ยถอยกลับไปยังข้างนอกลานฝึก ทุกคนไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ฝุ่นควันค่อยๆ สลายไป ฮ่องเต้หวู่มองไปยังกลางลานฝึก เหยลวี่เกอและทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ นอนกองอยู่บนพื้น เลือดสาดกระจายเต็มพื้น ภาพนั้นช่างน่าอนาถ! เซียวเซวียนเช่อหน้าซีดเผือด รีบสั่งให้คนยกทหารที่บาดเจ็บกลับไป เพื่อทำการรักษา ซูเฟิ่งหลิงลงมืออย่างรู้จักประมาณการ มีคนเจ็บจำนวนมาก และแทบทุกคนได้รับบาดเจ็บ แม้แต่เหยลวี่เกอยังถูกม้าเหยียบจนขาหักไปข้างหนึ่ง ร้องโหยหวนเหมือนถูกเชือด แต่ก็ยังไม่มีใครต้องสละชีวิตเลย! นี่ก็เป็นคำสั่งของหลี่หลงหลิน การทำให้ชาวหมานตายไปง่ายๆ นั้น คงง่ายเกินไปสำหรับพวกเขา! ต้องทำเหมือนแมวเล่นกับหนู ค่อยๆ แกล้งพวกเขาไป! ซูเฟิ่งหลิงลงจากคู่ใจ สาวเท้าอย่างรวดเร็วไปยังเบื้องหน้าฮ่องเต้หวู่ ประสานมือคำนับ: "ฝ่าบาท!" ฮ่องเต้หวู่ยิ้มอย่างชื่นชม พร้อมกล่าวชมเชย: "ทำได้ดีมาก!" ฮูหยินผู้เฒ่าซูจับมือซูเฟิ่งหลิงไว้ด้วยความเป็นห่วง: "เด็กดี เจ้าไม่ได้บาดเจ็บใช่หรือไม่?" ซูเฟิ่งหลิ
เซียวเม่ยเอ๋อร์ไม่ตอบ นางใช้เรียวเล็บยาวของหัวแม่มือขวา กรีดลากผ่านลำคอ! เชือดคอ! เซียวเม่ยเอ๋อร์สั่งเหยลวี่เกอให้ฆ่าซูเฟิ่งหลิงโดยไม่ต้องใจอ่อน! เหยลวี่เกอพยักหน้า แล้วหันไปมองซูเฟิ่งหลิง ดวงตาส่องประกายเจตนาฆ่าที่กำลังคุกรุ่น: "พระชายา ลงจากม้าเถอะ! ข้าจะประลองกับเจ้าสักครั้ง!" หลี่หลงหลินหัวเราะอย่างเย็นชา: "ลงจากม้าหรือ? ในสนามรบนี้ใครไปจะสู้กับพวกไร้ม้ากัน?" พวกไร้ม้าหรือ? เมื่อได้ยินคำเหน็บแนมของหลี่หลงหลิน ทุกคนในสนามต่างก็หัวเราะกันอย่างครื้นเครง ฮ่องเต้าหวู่ถึงกับหัวเราะจนน้ำตาไหล: "เจ้าเก้า ด่าได้ดีจริงๆ!" ส่วนเซียวเม่ยเอ๋อร์และเซียวเซวียนเช่อมีสีหน้าเคร่งเครียด ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธ พวกเขาแอบสาบานในใจว่า หากมีโอกาส จะต้องหั่นหลี่หลงหลินให้เป็นชิ้นๆ! เหยลวี่เกอหน้าดำคร่ำเครียด: "ไม่ยอมลงจากม้ารึ? ได้! แค่ให้เจ้าขี่ม้าแล้วจะสักแค่ไหนเชียว! อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่แล้ว! จู่โจม! ฆ่านางซะ!" ฮูลา ทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา ล้อมไว้เป็นครึ่งวงกลม และให้ซูเฟิ่งหลิงอยู่ตรงกลาง ซูเฟิ่งหลิ
เมื่อหลี่หลงหลินมีเหตุผลจึงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาขอม้าศึกของเซียวเซวียนเช่ออีกครั้ง“เด็กเวร!”ใบหน้าของเซียวเซวียนเช่อก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาราชครูของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือผู้นี้ แม้แต่ฝันก็ยังไม่เคยคิดเลยว่าม้าศึกเพียงร้อยตัวจะสามารถทำให้เขาไม่อาจลงจากหลังเสือได้ เกือบจะถูกบังคับให้อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง!เซียวเม่ยเอ๋อร์เริ่มหงุดหงิดแล้ว “ท่านราชครู เจ้าจะชักช้าไปไย! ก็แค่ม้าศึกไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น ก็ถือเสียว่าไล่ขอทาน ให้เขาไปก็สิ้นเรื่อง!”เซียวเซวียนเช่อตกตะลึง “ถ้าไม่มีม้า แล้วจะสู้กับกองทัพทหารใหม่ขอตระกูลซูได้อย่างไร?”เมื่อครู่ก็เพิ่งจะเยาะเย้ยไปว่าต้าเซี่ยไม่มีม้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับกรรมตามสนองเร็วขนาดนี้เซียวเม่ยเอ๋อร์กำหมัดแน่น “ไม่มีม้าแล้วจะอย่างไร? ก็สู้ด้วยการเดินสิ นักรบชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะไม่แพ้ต้าเซี่ยแน่นอน!”เซียวเซวียนเช่อมองไปที่เหยลวี่เกอแล้วพูดว่า “แม่ทัพเหยลวี่ ถ้าต่อสู้ด้วยการเดิน เจ้ามั่นใจเพียงใด?”เหยลวี่เกอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ถ้าเป็นการต่อสู้ด้วยการเดิน อย่างน้อยก็เก้าส่วนขอรับ!”คำพูดนี้พูดด้วย
เว่ยซวินกังวลมาก อดไม่ได้ที่บ่น “องค์ชายเก้า ในเมื่อท่านจะแข่งขันด้วยอาวุธปืน เช่นนั้นก็แข่งให้ดีๆ! ไยต้องไปแข่งขันกับทหารม้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือด้วย!”“นี่ท่านไม่รู้หรือว่า สิ่งที่ทรงพลังที่สุดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนั้นก็คือทหารม้า!”“เฮ้อ ยังหนุ่ม แต่ก็ต้องเสียเปรียบเพราะขาดประสบการณ์แท้ๆ!”หลี่หลงหลินติดอยู่ในวังวนของความสงสัย แต่สีหน้าของเขายังคงสงบ เขามองไปที่ทหารม้าหุ้มเกราะร้อยนายของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพร้อมกับยิ้มเยาะ พูดแสดงความคิดเห็น “นี่คือทหารม้าหุ้มเกราะที่มีชื่อเสียงทั่วใต้หล้าหรือ?”“ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ!”“ถ้าต้าเซี่ยมีทหารม้าแบบนี้ เกรงว่าคงจะสามารถกวาดล้างใต้หล้าได้เลยกระมัง!”เซียวเซวียนเช่อยิ้มอย่างเย็นชา พูดเย้ยหยันว่า “องค์ชายเก้า หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว! รีบส่งคนออกมาสู้เถอะ ดาบใหญ่ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือแทบจะรอดื่มเลือดไม่ไหวแล้ว!”“ฮ่าๆๆ...”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทหารม้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือที่นำโดยเหยลวี่เกอต่างก็เงยหน้าขึ้นท้องฟ้าและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยองค์ชายเก้า เมื่อครู่นี้มิใช่ว่าเจ้าโ
เหยลวี่เกออยู่ต้าเซี่ยมาหลายวันแล้วเขามีเพียงความรู้สึกเดียวเท่านั้นก็คืออัดอั้น!มันอัดอั้นมากเกินไป!กับพวกต้าเซี่ยที่อ่อนแอไร้ประสบการณ์เหล่านี้ มีอะไรให้น่าเสวนาด้วย?ฆ่าเสียก็สิ้นเรื่อง!ฆ่าบั่นคอให้หลุดจากบ่า!ฆ่าจนเลือดไหลเป็นแม่น้ำ!ฆ่ากันแคว้นพังพินาศ!แต่ราชครูกลับบอกว่าต้องการเจรจาต่อรองกับต้าเซี่ย!องค์หญิงเซียวเม่ยเอ๋อร์ กลับต้องให้องค์ชายเป็นราชบุตรเขย!ทำไมกัน?นางคิดว่าร่างกายของชายชาวชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือไม่แข็งแกร่งกำยำพอหรือ?สรุปแล้ว เหยลวี่เกออัดอั้นมาก รู้สึกคับอกคับใจมาก ไม่พอใจเป็นอย่างมาก!เขารู้สึกว่าถ้าเขาไม่ฆ่าใครสักคน เพื่อระบายความโกรธนี้ออกไป ก็อาจจะเป็นบ้าได้!ในที่สุด เหยลวี่เกอก็ได้มีโอกาสแล้ว!“องค์ชายเก้า!”“เจ้าท้าทายทหารม้าเหล็กชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหรือ?”“ในเมื่อเจ้าอยากจะรนหาที่ตายเองเช่นนี้ ก็อย่าได้ตำหนิข้าแล้วกัน!”เหยลวี่เกอกำหมัดทั้งสองข้างเอาไว้แน่น กระดูกทั่วร่างกายก็ส่งเสียงลั่นออกมาทำให้คนรู้สึกขนหัวลุก จิตสังหารก็เดือดพล่านเมื่อเห็นว่าเหยลวี่เกอมั่นใจ เซียวเซวียนเช่อก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “ในเมื่
เซียวเม่ยเอ๋อร์ก็คงสงสัยว่าหลี่หลงหลินใช่บุรุษหรือไม่แล้ว!เซียวเซวียนเช่อยืนขึ้น ยกมือคำนับหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า! คนก็มากันเยอะพอสมควรแล้ว! เอาอาวุธปืนของเจ้าออกมาให้ทุกคนได้ดูเถอะ!”หลี่หลงหลินมองไปที่เซียวเซวียนเช่อ แล้วยิ้มบาง “ท่านราชครู เจ้าจะร้อนรนไปทำไม?”เซียวเซวียนเช่อขมวดคิ้ว “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่ายังไง?”แววตาของหลี่หลงหลินเป็นประกาย กล่าวด้วยรอยยิ้ม “โรงเรียนทหารซีซาน เป็นพื้นที่หวงห้ามทางทหาร ปกติแล้ว พวกเจ้าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ แม้ว่าอยากเข้ามา ก็ยังเข้ามาไม่ได้! กว่าเจ้าจะเข้ามาได้สักครั้งหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แน่นอนว่าข้าก็ต้องทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับแขกผู้มาเยือน!”“อาวุธปืนเป็นอาหารจานหลัก!”“ก่อนที่อาหารจานหลักจะมา ก็ควรกินอาหารเรียกน้ำย่อยก่อน!”เซียวเซวียนเช่อตกใจ “อาหารเรียกน้ำย่อย? ทางที่ดีเจ้าควรพูดออกมาให้ชัดเจน!”หลี่หลงหลินเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สัญญาเขาทิศประจิม พูดตามตรง มันคือการต่อสู้ทางทหารของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ! แต่มีเพียงอาวุธปืนเท่านั้นที่ด้อยกว่า! ข้าได้ยินมาว่าทหารม้าของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ใต้หล้าไม่
ท่ามกลางฝูงชนเสนาบดีตู้เหวินยวนและเหล่าขุนนางระดับสูงก็อยู่ด้วย!พูดตามตรงนัดหมายของเขาทิศประจิมเมื่อเทพกับพลังอำนาจของต้าเซี่ยและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือขุนนางชั้นสูง พูดจาไร้สาระ เชี่ยวชาญการวิพากษ์วิจารณ์ในราชสำนักเก่ง ไม่เข้าใจเรื่องทหารเลย ไม่น่าสนใจเลยสักนิด!แต่พวกเขาก็มากันทุกคนโดยไม่ได้นัดหมายเหตุผลง่ายๆในช่วงเวลานี้ องค์ชายเก้าหลี่หลงหลินกำลังโดดเด่น จนไม่มีผู้ใดขัดขวางการก้าวหน้าของเขาได้แล้ว!กลุ่มขุนนางมากันพร้อมหน้า ไม่เพียงแต่อัครมหาเสนาบดีเท่านั้น แต่ยังมีเสนาบดีกรมต่างๆ ที่มีชื่อเสียงและปราชญ์มหาสำนักอีกหลายคน เป็นขุนนางสำคัญในสำนักเลขาธิการ เป็นผู้อยู่ใต้บัญชาของฮ่องเต้!แต่กลับถูกหลี่หลงหลินคนเดียวกดขี่อย่างรุนแรง จนแทบหายใจไม่ออก!พวกเขามาที่เขาทิศประจิมครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อให้กำลังใจหลี่หลงหลิน แต่มาเพื่อดูหลี่หลงหลินอับอายขายหน้าโดยเฉพาะ!“ฮ่องเต้เสด็จ!”เสียงแหลมคมของเว่ยซวินดังก้องไปทั่วเขาทิศประจิมทุกคนรีบคุกเข่าลงและทำความเคารพ “ฮ่องเต้ทรงพระเจริญ!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนลุกขึ้นเถอะ! หืม? ใต้เท้าตู้ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ? ท