ซูเฟิ่งหลิงอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง ได้ยินถ้อยคำนี้พลันชะงักไป “ยังมีเรียงความปากู่เหวิน?”หลี่หลงหลินมั่นใจมาก “ข้าพูดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ดาราศาสตร์ภูมิศาสตร์ ไม่มีเรื่องใดที่ข้าไม่รู้! ก็แค่เรียงความปากู่เหวินมิใช่หรือ ง่ายเพียงกระดิกนิ้ว!”ภายในส่วนลึกของหัวใจ หลี่หลงหลินกลับพูดแขวะเงียบๆ “เรียงความปากู่เหวิน ข้าเป็นที่ไหนเล่า!”หากข้าสามารถเขียนเรียงความปากู่เหวินได้จริง เช่นนั้นข้าก็ไปสอบขุนนางเองแล้ว ยังต้องใช้งานพวกเจ้าอีกหรือ?องค์ชายสอบได้จอหงวน ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเจ้าได้จอหงวน ได้บัณฑิตชั้นสูง ผลลัพธ์ระเบิดนับพันนับหมื่นเท่า?เมื่อนั้น ชื่อเสียงกองทัพภูเขาทิศประจิม ก็โด่งดังเทียมฟ้า!บัณฑิตมากน้อยเพียงใดมิได้มาเพื่อชื่อเสียงกันเล่า?กระนั้นช่วยไม่ได้หลี่หลงหลินยังไม่ต้องพูดว่าไม่เป็นเรียงความปากู่เหวิน แม้แต่ตัวอักษรก็มิต่างจากไก่เขี่ยชาตินี้หลี่หลงหลินไม่มีวาสนาได้เป็นจอหงวนแล้ว เป็นได้เพียงคนลอกแบบ ลอกบทกวีโบราณสองสามบท ก็ทำให้คนทั่วหล้าตกตะลึงพรึงเพริด ได้รับความเลื่อมใสจากบัณฑิต เพียงเท่านี้!แม้หลี่หลงไม่เข้าใจเรียงความปากู่เหวิน แต่เขาในฐานะผู้ข้ามภพมาคนหนึ่ง ย่อมเข้าใจ
หลินกุ้ยเฟยเอ่ยปากปลอบโยนอย่างลึกซึ้ง “องค์ชาย เจ้าเป็นเด็กดีคนหนึ่ง! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แม่จะเล่าเรื่องเสด็จพ่อให้เจ้าฟังทั้งหมด...”หลี่หลงหลินรีบหยิบสมุดขึ้นมา วางแผนบันทึกลงไปหลินกุ้ยเฟยค่อยๆ เล่าเรื่องในอดีตของฮ่องเต้หวู่หลังจากนั้นไม่นานหลี่หลงหลินฟังจนอ้าปากหาวอยู่ตลอด น้ำตาไหลบนสุมดเล่มน้อย เขียนเพียงสองตัวอักษร ที่เหลือว่างเปล่ามิใช่หลี่หลงหลินไม่อยากเขียนแต่ชีวิตของฮ่องเต้หวู่ ช่างน่าเบื่อหน่ายเกินไปแล้ว!สิ่งที่ฮ่องเต้หวู่ภาคภูมิใจที่สุด ก็คือครั้นเป็นองค์ชาย ในช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์เคยออกรบทั่วสารทิศ บุกเบิกดินแดนแต่น่าเสียดายหลินกุ้ยเฟยได้รู้จักฮ่องเต้หวู่ หลังขึ้นครองราชย์แล้ว สำหรับช่วงเวลาที่ใช้ในกองทัพ กลับรู้ไม่มากคนบนโลกล้วนคิดว่าชีวิตของฮ่องเต้หวู่มีสีสันไม่เพียงกุมอำนาจ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหญิงงามในวังหลังอีกสามพันคน!แต่แท้จริงแล้วกลับตรงข้ามกันอย่างอื่นของฮ่องเต้หวู่ หลี่หลงหลินไม่รู้แต่ชีวิตของฮ่องเต้หวู่ ใช้ได้เพียงสองคำจำกัดความตื่นนอน กินข้าว ประชุม อ่านฎีกา พลิกป้าย เลือกสนม เข้าหอนอนวนเวียนไปมา การกระทำในทุกวันล้วนเป็นขั้นตอน คล
หลี่หลงหลินส่ายหน้ายิ้มๆ “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น! ในเมื่อระยะนี้เสด็จพ่อประทับที่ตำหนักฉางเล่อบ่อยๆ หลังเสด็จพ่อบรรทมแล้ว ท่านสามารถท่อง ‘คัมภีร์กตัญญู’ ก่อนนอนหนึ่งรอบได้หรือไม่?”“เสด็จพ่อเป็นคนกตัญญูคนหนึ่ง นี่ก็ใกล้วันคล้ายวันพระราชสมภพของเสด็จย่าแล้ว หากท่านทำเช่นนี้ พระองค์ต้องดีพระทัยแน่นอน!”หลินกุ้ยเฟยชะงัก พูดอย่างปลื้มปีติดีใจ “ท่อง ‘คัมภีร์กตัญญู’ นี่ไม่ใช่ปัญหา! ได้ แม่รับปากเจ้า!”หลี่หลงหลินกล่าวลา รีบออกจากวัง กลับภูเขาทิศประจิมปัง!หลี่หลงหลินวางหนังสือบันทึกกองใหญ่ลงตรงหน้าหนิงชิงโหวหนิงชิงโหวเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “องค์ชาย นี่ท่าน...”หลี่หลงหลินพูดโดยตรงไม่อ้อมค้อม “เหล่านี้ล้วนเป็นหนังสือที่เสด็จพ่อข้าชอบอ่าน! เจ้าอยากเป็นจอหงวน ก็ต้องอิงตามความชอบของผู้อื่น! เจ้ารีบเรียกคนอื่นมา วิเคราะห์หนังสือเรียงความเหล่านี้!”“หยั่งเดาความชอบของเสด็จพ่อ ลอกแบบทิศทางเรียงความของพระองค์ ไปเขียนเรียงความปากู่เหวิน!”หนิงชิงโหวเอ่ยปากอย่างตกตะลึง “ยังสามารถทำเช่นนี้ได้? แต่เรื่องเขียนเรียงความคือความศักดิ์สิทธิ์...”หลี่หลงหลินด่า “ก็แค่สอบสร้างชื่อเสียงเท่านั้น ศักดิ์สิทธิ์
หนิงชิงโหวประกบมือ “องค์ชายเป็นคนซื่อตรงผ่าเผย มีรัศมีของสุภาพชน ข้าเลื่อมใสอย่างลึกซึ้ง!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก “สุภาพชน? หากเขาเป็นสุภาพชน ทั่วหล้าก็คือนักบุญแล้ว! พูดตามสัตย์จริง ก็แค่ไม่กล้าเท่านั้นมิใช่หรือ?”นี่คือวิธีสร้างความฮึกเหิมที่หลี่หลงหลินใช้กับซูเฟิ่งหลิงบ่อยๆ เห็นผลได้อย่างชัดเจนซูเฟิ่งหลิงลอบร่ำเรียน ใช้วิธีของผู้อื่นมาตอบโต้กลับในทำนองเดียวกันดังคาด แน่นอนว่าเสียเปล่า!หลี่หลงหลินยิ้ม การยั่วยุงุ่มง่ามเช่นนี้ ตนเองจะหลงกลได้เยี่ยงไรซูเฟิ่งหลิงทำไม่สำเร็จ จากอายกลายเป็นโกรธ “ในเมื่อไม่ได้โกง เช่นนั้นท่านรีบพูดเถอะ ตกลงวางแผนทำเยี่ยงไร?”หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “เดาคำถาม!”ดวงตาหนิงชิงโหวทอประกายเดาคำถาม ก็คือคาดเดาคำถามในการสอบ!อันที่จริงก็คือโชคดีหล่นทับ!สำนักศึกษาใหญ่ทุกแห่งก็มีการเดาคำถามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้เดาคำถามถูกมีไม่มากสาเหตุนั้นง่ายมากคนออกคำถามจะพยายามตั้งคำถามซับซ้อนที่สุดไฉนเลยจะมีคนเดาได้อย่างง่ายดาย?ครั้งนี้ไม่เหมือนกันคนออกคำถาม มิใช่สมาชิกสำนักฮั่นหลิน แต่เป็นฮ่องเต้หวู่เขาไม่มีเล่ห์กลมากเพียงนั้นกอปรกับระยะนี้ตนเองทำคว
บัดนี้เป็นเวลาใดเล่า?ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือใกล้จะมาถึงหน้าประตูบ้านแล้วฝ่าบาทยังสนใจเรื่องกตัญญูอยู่อีกหรือ?นี่ช่างไร้สาระเกินไปแล้วกระมัง!ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างโกรธขึ้ง “องค์ชายเก้า พวกเรากำลังเดาคำถามอยู่นะ เหตุใดท่านเล่นไร้สาระ?”หลี่หลงหลินหัวเราะคิกๆ พลางพูด “ข้าเล่นไร้สาระที่ใดกัน? อิงตามความเข้าใจต่อเสด็จพ่อของข้า คำถามที่พระองค์ออกในครั้งนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับความกตัญญูเป็นแน่!”ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง “ข้าไม่เชื่อ!”หลี่หลงหลินยิ้มนึกสนุก “เช่นนั้นพวกเราเดิมพันกันดีหรือไม่?”สีหน้าซูเฟิ่งหลิงเปลี่ยนไปอีกแล้ว?ครั้งก่อนแพ้เดิมพันให้นอนด้วยกัน ยังมิได้ทำตามสัญญาเลยนะท่านเอารัดเอาเปรียบข้าจนเสพติดไปแล้วกระมัง!ยิ่งไปกว่านั้น ข้ามอบร่างกายให้ท่านแล้วท่านยังคิดทำเช่นไรอีก?เดิมพันให้ข้าคลอดลูกให้ท่านกระนั้นรึ?ถุยๆ...เหตุใดข้าคิดเรื่องไร้สาระเหล่านี้เล่าซูเฟิ่งหลิงหน้าแดงก่ำ อยากตบหน้าตนเองเหลือเกินตนเองคล้ายถูกหลี่หลงหลินคนชั่วคนนี้พาเสียคนโดยไม่รู้ตัวไปแล้ว ถึงขั้นคิดเรื่องสกปรกเช่นนี้หนิงชิงโหวงึมงำ “อันที่จริงหัวข้อความกตัญญูขององค์ชาย
ฮ่องเต้หวู่ดุจถูกอัสนียบาตร นั่งเหม่อลอยบนพระที่นั่งมังกรเพื่อคิดหัวข้อการสอบขุนนางพระราชทาน ฮ่องเต้หวู่พยายามคิดอย่างหนัก เหนื่อยล้าถึงขีดสุดแล้วยามคนรู้สึกเหนื่อยล้า อารมณ์ย่อมหวั่นไหวง่าย“ฮือๆ...”บ่าทั้งสองข้างของฮ่องเต้หวู่สั่นไหว ปิดหน้าร้องไห้แล้วเว่ยซวินตกตะลึงพรึงเพริด รีบขยับขึ้นไปเอ่ยถาม “ฝ่าบาท ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์ทรงพระกันแสงพ่ะย่ะค่ะ? ไม่สบายพระวรกายที่ใด? กระหม่อมจะไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้เลย!”ฮ่องเต้หวู่โบกพระหัตถ์ “ไม่จำเป็น! เรา...เราเพียงซาบซึ้งใจเกินไป มิอาจระงับตนได้ไปชั่วขณะ วางใจ เราไม่เป็นไร...”ซาบซึ้งจนร้องไห้แล้ว?เว่ยซวินมีสีหน้างุนงงอุปนิสัยของฮ่องเต้หวู่ ต่อให้ไม่นับว่าเลือดเย็น ก็เย็นชาหลายส่วนช่วยไม่ได้ฮ่องเต้หวู่เป็นเช่นนี้ โมโหดีใจล้วนไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า ปั้นหน้าบึ้งตึงอยู่ตลอด ซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงของตนไว้ ป้องกันมิให้พวกขุนนางมองออกคล้ายสวมหน้ากากใช้ชีวิต นานวันเข้าก็เหนื่อยมากอย่างแท้จริง!แต่ตนเองก็มิได้พูดอันใด ฮ่องเต้หวู่ก็ร้องไห้ซาบซึ้งใจเสียอย่างนั้น?ฮ่องเต้หวู่ปาดน้ำตา นึกสะท้อนใจ “เจ้าเก้า ช่างเป็นลูกกตัญญูคนหนึ
หนิงชิงโหวคิดไม่ถึงอย่างแท้จริง วันหนึ่งตนเองจะได้กลับมานั่งที่นี่ใหม่อีกครั้ง เริ่มต้นการสอบขุนนาง“สู้!”หนิงชิงโหวกำหมัดแน่น ให้กำลังใจตนเองส่วนเรื่องเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งขุนนาง หนิงชิงโหวมิได้คาดหวังครั้งนี้เขาร่วมสอบขุนนางพระราชทาน ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณขององค์ชายเก้า!แต่สามารถได้เป็นจอหงวนหรือไม่ หนิงชิงโหวไม่มั่นใจห่างออกไปไม่ไกลจางอี้นั่งที่ห้องสอบอีกแห่งหนึ่ง ใบหน้าประดับยิ้มทุกคนล้วนรู้ข้อบกพร่องของตนจางอี้รู้ความสามารถของตนดี ต่อให้ท่องสี่ตำราห้าคัมภีร์หนึ่งเดือน ก็คิดจะได้เป็นบัณฑิตชั้นสูงกระนั้นรึ?ฝันไปเถอะ!เพียงความคิดไม่น่าเชื่อถือเช่นนี้ ก็คือกำลังหมิ่นแคลนการสอบขุนนางที่มีมาอย่างยาวนานนับพันปี!แต่ที่จางอี้ดีใจคือหลังการสอบเสร็จสิ้นแล้ว ตนเองก็สามารถหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ หลุดพ้นจากชีวิตติดอยู่ในนรกเสียที!ฮ่องเต้หวู่กำลังประทับอยู่ในตำแหน่งผู้ตรวจการการสอบ พระสุรเสียงก้องกังวาน การสอบขุนนางพระราชทานเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเดิมทีการสอบขุนนางต้องใช้เวลาสามวัน ทั้งหมดมีสามหัวข้อแต่การสอบขุนนางพระราชทานครั้งนี้เวลากระชั้นชิด ทั้งหมดเรียบง่าย เพราะเ
สามวันผ่านไปถึงเวลาประกาศผลสอบแล้วภายนอกสนามสอบก้งหย่วน คนมากมายดุจภูเขาคนทะเลคน บัณฑิตนับพันไปจนถึงหมื่นกำลังมารวมตัวกันหนิงชิงโหวและเหล่าบัณฑิตหยิ่งยโสเองก็อยู่ที่นี่ แต่ละคนเขย่งเท้า มองอย่างมีความหวังเหล่าบัณฑิตหยิ่งยโสล้วนคิดว่าหนิงชิงโหวจะต้องได้เป็นจอหงวนแน่นอนมีเพียงหนิงชิงโหวไม่มั่นใจ เหงื่อเย็นผุดพรายเต็มหน้าผากสามารถตอบแทนบุญคุณองค์ชายเก้าได้หรือไม่ ก็เป็นเวลานี้แล้ว!ตอนนี้เองบัณฑิตใหญ่ของสำนักฮั่นหลินเดินออกมา ในมือถือกระดานแดง ติดไว้บนกำแพงนอกสนามสอบคนนับไม่ถ้วนปรี่ถลาเข้าไป สายตาเร่าร้อน หารายชื่อของตนด้านบน“หนิงเซิงเล่า?”“หาชื่อของเขาพบหรือไม่?”“หาไม่พบ!”“ดูท่าแล้วสอบตกไปแล้ว”“เฮ้อ ไม่ต้องพูดเรื่องเป็นอันดับต้นๆ ต่อให้เป็นจวี่เหรินก็สอบไม่ผ่าน!”เหล่าบัณฑิตหยิ่งยโสหารายชื่อของหนิงชิงโหวบนกระดานแดงไม่พบ ทั้งหมดล้วนเผยสีหน้าสิ้นหวังหัวใจของหนิงชิงโหวเองก็ร่วงหล่นลงจบสิ้นแล้ว!หนิงชิงโหวกำหมัดแน่น เล็บจิกลงบนเนื้อหนังของตน เลือดสดไหลออกมา กลับไม่รู้สึกเจ็บ!ตนเองพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ถึงขั้นเกิดผลลัพธ์นี้?ก็เหมือนกับครั้งก่อน แม้แ
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค