หาคนได้ตำแหน่งจอหงวนอย่างไม่ตั้งใจคนหนึ่ง?ซูเฟิ่งหลิงอยู่ทางด้านข้างได้ยินคำนี้ ตกตะลึงคางแทบหลุดแล้วองค์ชายเก้า ท่านไม่เจอกับตัวไฉนเลยจะเข้าใจ!ท่านเกิดมาก็เป็นเชื้อพระวงศ์ อาจคิดว่าจอหงวนไม่นับเป็นอะไร!อย่างไรเสีย ต่อให้ได้เป็นจอหงวน มากที่สุดก็แค่เข้าสำนักฮั่นหลิน เป็นอาลักษณ์ขั้นหกคนหนึ่ง เป็นมือใหม่เพิ่งเข้าสู่เส้นทางการเป็นขุนนาง!ในประวัติศาสตร์ จอหงวนมากเพียงนั้นที่มีชาติกำเนิดจากครอบครัวยากจน กลายเป็นขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งสองของราชสำนัก มีกี่คนกันเล่า?ทว่า สำหรับบัณฑิตคนหนึ่งคะแนนสูงสุดได้เป็นจอหงวน ก็คือเป้าหมายให้ไล่ตามชั่วชีวิต!สำหรับลูกหลานครอบครัวยากจนแล้ว นี่เป็นเรื่องยากเกินสิ่งใดเทียบ!ปรากฏว่า ครั้นอยู่ในปากของท่าน จอหงวนคล้ายเป็นผักกาดขาวหัวใหญ่สามารถพบเห็นได้โดยไม่ตั้งใจกระนั้น?หนิงชิงโหวขมวดคิ้ว ไม่ตอบโต้หลี่หลงหลินยิ้มพลางสบมองเขา “อะไรกัน? ไม่มั่นใจกระนั้น?”หนิงชิงโหวประกบมือพลางพูด “องค์ชาย ข้ากลับยินดีลองสักครั้ง! แต่ ข้าถูกปลดฐานะบัณฑิตระดับท้องถิ่นไปแล้ว ไม่สามารถเข้าร่วมการสอบขุนนางได้ เส้นทางสู่การเป็นขุนนางขาดสะบั้นไปตั้งแต่แรกแล้ว...”
จวนสกุลซูนับว่าป้องกันอย่างเข้มงวดแต่หรงกั๋วกงบุกเข้ามา ใครขวัญกล้าขัดขวาง?“แย่แล้ว!”หลี่หลงหลินเห็นสองพ่อลูกจางเฉวียนแผ่ไอสังหารเดินเข้ามา รีบหลบด้านหลังซูเฟิ่งหลิง “รีบปกป้องข้าเร็วเข้า!”ซูเฟิ่งหลิงคลี่ยิ้มกว้างดุจบุปผาเบ่งบาน ใบหน้าภาคภูมิใจท่านหลี่หลงหลินเองก็มีช่วงเวลาขี้ขลาดกระนั้นรึ?หากรู้ตั้งแต่แรกว่ามีวันนี้ เมื่อแรกใครใช้ให้ท่านไม่ไว้หน้าหรงกั๋วกงกันเล่า?บัดนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?พูดก็พูดเช่นนี้แต่ซูเฟิ่งหลิงไม่สามารถนิ่งดูดายมองหลี่หลงหลินถูกตีที่จวนสกุลซูได้นางขยับขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขวางพ่อลูกจางเฉวียนไว้ “หรงกั๋วกง มีคำใดก็พูดดีๆ...”พึ่บ!จางเฉวียนดึงจางอี้คุกเข่าลงบนพื้นโดยตรง สองพ่อลูกถอดเสื้อตัวบนออก เผยให้เห็นรอยยาวหลายรอยบนแผ่นหลัง ทั่วทั้งแผ่นหลังเต็มไปด้วยเนื้อโลหิตพร่ามัวหนึ่งผืนซูเฟิ่งหลิงโง่งมแล้ว เสียงสั่นเครือ “หรงกั๋วกง นี่ท่านกำลังทำอันใด?”เสียงจางเฉวียนสั่นเครือ “หลายวันก่อน เพราะลูกอกตัญญูคนนี้ ข้าโมโหไปชั่วขณะ วู่วามกับองค์ชาย! วันนี้แบกไม้มารับโทษ องค์ชายคนใหญ่คนโตอย่าถือสาข้าน้อยเลย!”หลี่หลงหลินนึกดีใจภายในใจที่แท้จางเฉ
จางเฉวียนโง่งมแล้ว!ได้ตำแหน่งบัณฑิตชั้นสูง?จางอี้ เจ้ากระสอบฟางใบใหญ่ไร้ประโยชน์ยิ่งคนนี้ หากสามารถได้ตำแหน่งบัณฑิตชั้นสูงจริงจางเฉวียนคุกเข่าลงในทันใด ขอบคุณบรรพบุรุษ ทำให้โชคดีได้ตำแหน่งใหญ่โต!อันที่จริง ไม่เพียงแค่จางอี้กลุ่มขุนนางชนชั้นสูงทั่วทั้งต้าเซี่ย ล้วนเน่าเฟะจนถึงในกระดูกแล้วต่อสู้ ฝืนๆ ก็ยังสามารถต่อยตีได้แต่เรื่องท่องตำรา หนึ่งคนเน่าเฟะแล้วอีกหนึ่งคนเน่าเฟะยิ่งกว่าสามารถรู้ตัวอักษร เขียนชื่อตนเองได้ ก็นับว่าไม่เลวแล้ว!จางเฉวียนจ่ายเงินก้อนใหญ่ ให้จางอี้ได้เป็นก้งเซิงคนหนึ่งก้งเซิง เทียบเท่าบัณฑิตระดับท้องถิ่น มีคุณสมบัติเข้าร่วมการสอบขุนนางแต่ได้เป็นบัณฑิตชั้นสูง จางเฉวียนไม่กล้าฝัน!ดวงตาคู่สวยของซูเฟิ่งหลิงเบิกกว้าง คิดว่าหลี่หลงหลินจะต้องเสียสติไปแล้วเป็นแน่!เมื่อครู่คือจอหงวน บัดนี้บัณฑิตชั้นสูงท่านจะหยุดได้หรือยัง?ดีร้ายอย่างไรหนิงชิงโหวก็เป็นคนมีพรสวรรค์โดยแท้ บทความโด่งดังทั่วหล้าหากฝ่าบาทให้จัดการสอบขุนนางพระราชทานจริง มิหนำซ้ำยังคืนฐานะบัณฑิตระดับท้องถิ่นให้หนิงชิงโหว อีกทั้งตู้เหวินยวนขุนนางบุ๋นเหล่านี้ ไม่เข้ามาข้องเกี่ยวแล้วละก็
ทว่า จางเฉวียนยังพยักหน้ารับปากก็แค่ให้จางอี้ทนลำบากหนึ่งเดือนมิใช่หรือ?นี่ไม่นับเป็นอะไรหลี่หลงหลินชูนิ้วที่สองขึ้น โน้มตัวกระซิบข้างหูจางเฉวียนเสียงแผ่วสองประโยคจางเฉวียนตกตะลึง “แค่นี้?”มิใช่ข้อเสนอของหลี่หลงหลินมากเกินไปตรงข้ามกัน สำหรับจางเฉวียนแล้ว ช่างง่ายดายมากนัก!ง่ายถึงขั้นชวนให้เขารู้สึกเหลือจะเชื่อ!หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ใช่ ก็ง่ายเพียงนี้!”จางเฉวียนมองหลี่หลงหลินสายตาลุ่มลึก เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นพูดคำใดคำนั้น! ข้าขอกลับไปก่อนชั่วคราว รอฟังข่าวดีจากองค์ชายเก้า!”หลี่หลงหลินพยักหน้ารับยิ้มๆ “วางใจ ท่านรอไม่นานเกินไปนัก!”สองพ่อลูกจางเฉวียนจากไปแล้วซูเฟิ่งหลิงพูดเยาะหยัน “องค์ชายเก้า ท่านเองก็ช่างโอ้อวดเกินไปแล้ว! ท่านสามารถทำให้จางอี้ได้รับตำแหน่งบัณฑิตชั้นสูง ยังมิสู้ให้ดวงตะวันขึ้นทิศประจิม!”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ มองใบหน้าด้านข้างของซูเฟิ่งหลิงอย่างสงสัย “อะไรกัน? เจ้าไม่เชื่อรึ?”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก “ไร้สาระ! เห็นได้ชัดว่ากำลังหลอกคน! ก็เพราะหรงกั๋วกงซื่อตรง นี่ถึงเชื่อคำพูดไร้สาระของท่าน!”หลี่หลงหลินหัวเราะ “มิสู้ พวกเรามาเดิมพันก
หลี่หลงหลินเข้าห้องทรงพระอักษรยังไม่รอให้ทำความเคารพ ฮ่องเต้หวู่ก็ขยับขึ้นมา กุมมือทั้งสองข้างของเขาไว้ ตรัสอย่างกระตือรือร้น “เจ้าเก้า กวีชายแดนสามบทนั้น เจ้าเป็นผู้แต่งจริงหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เป็นผลงานต่ำต้อยของลูกจริงพ่ะย่ะค่ะ!”เขาแปลกใจอยู่บ้างสำนักการสังคีต ช่างเป็นสถานที่มหัศจรรย์แห่งหนึ่งโดยแท้!ข่าวแพร่กระจายรวดเร็วเพียงนี้!เรื่องของเมื่อวาน วันต่อมาก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง แม้แต่ฮ่องเต้อาศัยบนที่สูงก็ได้ยินแล้วเหล่านางคณิกากำลังศึกษาวารสารกระนั้นหรือ?ฮ่องเต้หวู่ส่ายหน้า “ผลงานต่ำต้อย? เจ้าถ่อมตนเกินไปแล้ว! บทกวีนิรันดร์ ไม่ผิดก็คือบทกวีนิรันดร์! เราไม่เพียงมองเห็นพรสวรรค์ของเจ้าผ่านบทกวี แต่ยังเห็นความซื่อสัตย์ภักดีของเจ้าอีกด้วย!”“เจ้าอยากได้รางวัลอะไร?”“ยังเป็นกฎเดิม!”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกฮ่องเต้หวู่กลับใจกว้าง เอะอะก็พระราชทานรางวัล เห็นได้ชัดว่าลำเอียงปัญหา ประการแรกมิใช่เงิน ประการที่สองไม่เลื่อนตำแหน่งขุนนาง พูดตามสัตย์จริงก็เป็นเพียงสรรเสริญผ่านวาจาเท่านั้น ไม่มีรางวัลจับต้องได้ มีประโยชน์อันใด!ทว่าหลี่หลงหลินเตรียมการมาตั้งแต่แร
“เหตุใดเขาอยู่ที่นี่!”ตู้เหวินยวนมองเห็นหลี่หลงหลิน ก็แค้นจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไรเสียเขาก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ จิตใจล้ำลึก ไม่เผยอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า เดินนำไปทำความเคารพฮ่องเต้หวู่ “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!”ฮ่องเต้หวู่โบกพระหัตถ์ “ทุกคนตามสบาย! ใช่แล้ว กวีสามบทที่สำนักการสังคีตเผยแพร่ พวกเจ้าผ่านตาแล้วหรือไม่?”“กวี?”เหล่าขุนนางชะงัก ส่ายหน้าพลางเอ่ยตอบ “พวกกระหม่อมงานยุ่งนัก ยังมิได้ผ่านตาพ่ะย่ะค่ะ”ในกำมือฮ่องเต้หวู่มีพรรคขันที ผู้ตรวจการขุนนาง รวบรวมข่าวสาร ข่าวย่อมว่องไวเป็นไปตามธรรมชาติเทียบกันแล้ว เห็นได้ชัดว่าข่าวของเหล่าขุนนางถูกปิดกั้นแน่นอน สาเหตุสำคัญที่สุดคือพวกเขามิได้ใส่ใจเรื่องของราษฎร์ภายในเมืองเลยแม้แต่น้อยหากเป็นเรื่องภายในราชสำนัก ยกตัวอย่างเช่นใครเลื่อนตำแหน่ง ใครลดตำแหน่งพวกเขากลับสืบความว่องไวยิ่งกว่าใคร!สีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ภาคภูมิใจ ส่งบทกวีออกไป “พวกท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบทกวี ประเมินๆ ดูเถอะ!”บทกวี?เหล่าขุนนางแปลกใจมากนักฮ่องเต้หวู่เรียกตัวขุนนางสำนักเลขาธิการทั้งหมดออกมา ก็เพื่อประเมินบทกวีกระนั้นหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น เด
ตู้เหวินยวนกระตือรือร้นขึ้นมาในทันใด!ใช่ จะต้องเป็นฝ่าบาท!ฝ่าบาทเคยออกศึกทำสงครามในสนามรบ ก็คือแม่ทัพเฉกเดียวกัน!มีเพียงผู้ครอบครองอำนาจสูงสุด ถึงจะสามารถแต่งหม่านเจียงหงกวีเช่นนี้ได้!เดิมทีตู้เหวินยวนคิดแทะกระดูกในไข่หาข้อตำหนิติเตียนผู้อื่น ใช้กวีสามบทนี้ ยกตนเองขึ้นสูงขุนนางบุ๋นประชันขันแข่งกัน นับตั้งแต่โบราณก็เป็นเช่นนี้!ตู้เหวินยวนคิดได้ว่ากวีสามบทนี้เป็นไปได้มากว่าคือฝ่าบาทแต่งขึ้น เปลี่ยนความคิดในทันทีทันใดมองขาดนับพันนับหมื่น มีเพียงคำประจบเมินข้ามไปได้!ต่อต้านบทกวีของฝ่าบาท รนหาที่ตายกระนั้นรึ?ตู้เหวินยวนลูบเครา ตั้งใจเงียบเสียงลงครู่หนึ่ง ประเมินออกมา “ฝ่าบาท กวีสามบทนี้...ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!ไม่รู้เป็นใครแต่ง จะต้องมีพรสวรรค์ของผู้ปกครองใต้หล้าเป็นแน่!”คำนี้พูดออกมา ทำให้ขุนนางชะงัก หันมองทางตู้เหวินยวนอย่างสงสัยกวีสามบทนี้ ไม่เลวอย่างจริงนั่นล่ะ อาจพูดว่าเป็นนิรันดร์ได้แต่พรสวรรค์ของผู้ปกครองใต้หล้า?ในประวัติศาสตร์ ผู้แต่งบทกวีมีมากมายทว่า มีกี่คน ถูกขนานนามว่าพรสวรรค์ของผู้ปกครองใต้หล้าสี่คำนี้?ปกครองบ้านเมือง มิใช่ว่าเขียนกวีเพียงไม่กี่บทก็
ตู้เหวินยวนข่มโทสะ “ฝ่าบาท กวีถูกประเมินแล้ว หากไม่มีเรื่องอื่น กระหม่อมขอทูลลา...”หากเขายังอยู่ห้องทรงพระอักษรต่อไป เห็นใบหน้าของหลี่หลงหลิน น่ากลัวว่าตนเองต้องโมโหตายทั้งเป็นแน่นอน!“ช้าก่อน!”ฮ่องเต้หวู่โบกพระหัตถ์ สั่งเว่ยซวินนำรายชื่อไปมอบให้ “พวกเจ้าดูเถอะ รู้จักชื่อของคนเหล่านี้หรือไม่?”ตู้เหวินยวนรับรายชื่อไป ก้มหน้ามอง สีหน้าเปลี่ยนไปหนิงชิงโหว!ชื่อแรก ตู้เหวินยวนคุ้นเคยมากนักปีนั้นตู้เหวินยวนเป็นผู้คุมสอบการสอบขุนนาง ก็สับเปลี่ยนกระดาษข้อสอบของหนิงชิงโหว ให้ลูกชายของตนได้เป็นจอหงวน หนิงชิงโหวจึงสอบตกไป ต่อมา หนิงชิงโหวไม่ยอมเลิกรา ยังมาฟ้องร้องที่ศาลาว่าการก็เป็นตู้เหวินยวนใช้ลูกไม้ สั่งคนไปตีหนิงชิงโหวเกือบตาย ยังปลดตำแหน่งบัณฑิตระดับท้องถิ่นของเขาอีกด้วยเขาและหนิงชิงโหว มีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง!ไฉนเลยจะลืมได้!ปัญหาคือฝ่าบาทนำรายชื่อนี้ออกมาด้วยเหตุใด?หรือว่าเขาวางแผนรื้อคดีเก่าออกมา ลงโทษตนเองกระนั้นหรือ?ตู้เหวินยวนเกิดความกลัวขึ้นภายในใจ ฝืนสุขุม “ทูลฝ่าบาท รายชื่อเหล่านี้ไม่คุ้นตา กระหม่อมไม่รู้จัก มิรู้เหตุใดฝ่าบาทถึงถามเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ?
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค