อัครมหาเสนาบดี!เหล่าทหารพ่ายศึกหันหน้ามองกันเสนาบดีอะไร ผู้ตรวจการอะไร ผู้ช่วยเสนาบดีอะไร ขุนนางใหญ่มีอำนาจในราชสำนักเหล่านี้ เหล่าทหารล้วนไม่รู้จักแต่อัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวนมีชื่อเสียงเลื่องลือ ต่างรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองราชสำนักในเวลานี้ เว้นเสียแต่ราชวงศ์ชนชั้นสูงเหล่านั้นแล้ว มีสองคนที่ล่วงเกินไม่ได้!คนหนึ่งคือพระเก้าพันปีเว่ยซวินอีกคนหนึ่งก็คือหัวหน้าร้อยขุนนาง อัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวน!เหล่าทหารคิดไม่ถึง ผู้ชราสวมชุดผ้าไหมใบหน้าซูบผอมตรงหน้า ก็คือผู้ยิ่งใหญ่ชื่อเสียงเลื่องลือท่านนั้นทันใดนั้นเหล่าทหารเกิดความกลัวขึ้นภายในใจ ไม่รู้สมควรทำเยี่ยงไร“เกิดเหตุอันใดขึ้น? ใครกำลังโวยวายที่ภูเขาประจิม?”เสียงสตรีไพเราะพลันดังขึ้นเหล่าทหารหันไป มองเห็นซูเฟิ่งหลิงสวมเกราะเงิน เส้นผมยาวถูกมัดเป็นหางม้า มือถือทวนเงิน ท่วงท่าองอาจห้าวหาญ ควบม้าเข้ามาแล้วซูเฟิ่งหลิงกำลังพาทหารลาดตระเวน ได้ยินเสียงโวยวายทางฝั่งนี้ ก็รีบมาที่นี่แล้วเหล่าทหารเห็นซูเฟิ่งหลิงมาแล้ว ถลันขึ้นไปในทันใด “คุณหนูใหญ่! พวกเขาจะบุกขึ้นภูเขาประจิม ถูกพวกเราขวางไว้แล้ว! ผู้เป็นหัวหน้า เรียกขานต
“รีบหลบไปเสีย อย่าให้ข้าโมโหไม่ไว้หน้า!”พูดไป ตู้เหวินยวนโอหังมาก คิดบุกเข้าไปแล้วสีหน้าซูเฟิ่งหลิงเปลี่ยนไป ยกทวนเงินขึ้น ขวางหน้าตู้เหวินยวน เม้มปาก “ใต้เท้าตู้ ข้ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ มิอาจทำตามคำสั่งได้! หากท่านจะบุกเข้าไป ต่อให้ข้ารับปาก ทวนในมือข้าก็ไม่รับปาก!”“เจ้า...”สีหน้าตู้เหวินยวนเปลี่ยนไปเดิมทีคิดว่า ซูเฟิ่งหลิงเป็นหญิงคนหนึ่ง อ่อนแอบอบบาง รังแกง่ายคิดไม่ถึง ก็เหมือนกับปู่ของนาง ซูเฟิ่งหลิงเองก็มีอุปนิสัยดื้อรั้น!ตู้เหวินยวนมีตำแหน่งไม่ธรรมดา ย่อมไม่สามารถวู่วามกับดรุณีน้อยคนหนึ่งอย่างซูเฟิ่งหลิงได้ทว่า ยามอยู่ต่อหน้าขุนนางทั้งหมด หากตู้เหวินยวนยอมถอย ชื่อเสียงน่าครั่นคร้ามก็จะหมดไป!ตู้เหวินยวนไม่รีบร้อนไม่ลนลาน ขยิบตาให้พ่อบ้านเฒ่าทางด้านข้างทีหนึ่งพ่อบ้านเฒ่ารับคำสั่งแล้ว สบถด่าพลางเดินเข้ามา “สกุลซูนับเป็นตัวอะไร! ยังไม่ต้องพูดว่าผู้ชายในบ้านพวกเจ้าล้วนตายทั้งหมดแล้ว ต่อให้ยังมีชีวิตอยู่ ยามอยู่ต่อหน้านายท่านของข้า ก็ต้องยอมทิ้งศักดิ์ศรี!”หว่างคิ้วของซูเฟิ่งหลิงสะท้อนไอโทสะตู้เหวินยวนหยามเกียรติตน นางสามารถทนได้!แต่บ่าวรับใช้คนหนึ่งของตู้เหวิ
“องค์ชาย...”ซูเฟิ่งหลิงหันหน้า มองเห็นใบหน้าหลี่หลงหลิน ไม่รู้เพราะเหตุใด รู้สึกสงบใจขึ้นมายิ่งไปกว่านั้น ท่าทีแย้มยิ้มล้อเล่นของหลี่หลงหลินยามอยู่ต่อหน้าตนแตกต่างไปจากปกติ ท่าทีของเขาเคร่งขรึมมาก ทั้งยังจริงจังมาก!ผู้ชายจริงจัง แต่ไหนแต่ไรมาหล่อเหลามากนัก...เสียงหลี่หลงหลินคล้ายมีเสน่ห์ชวนให้ใจคนสงบลง “ที่นี่ยกให้ข้า! เจ้าถอยไปก่อน...”ซูเฟิ่งหลิงอ้ำอึ้ง คล้ายเด็กทำผิด “แต่ เมื่อครู่ข้าไม่ระวัง ฆ่าคนไปแล้ว!”หลี่หลงหลินยิ้มแล้ว “ฆ่าคน? หนึ่งแม่ทัพคว้าชัยเหนือหมื่นกระดูก! ภายภาคหน้าเจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ ฆ่าคนมีอันใดให้กลัวกัน? ยิ่งไปกว่านั้น ผู้สวมหมวกงดงามเหล่านี้ ขุนนางมีคุณธรรมจริยธรรมที่ภายนอก มีคนใดสองมือไม่เปื้อนเลือดบ้างเล่า?”“เจ้าสะอาดกว่าพวกเขามาก!”ซูเฟิ่งหลิงถอยหลบไปที่ฝั่งหนึ่ง ภายในสายตาที่ทอดมองหลี่หลงหลิน เปี่ยมความรู้สึกเหลือจะเชื่อตู้เหวินยวนเห็นหลี่หลงหลิน ยิ้มเย็นทีหนึ่ง “องค์ชายเก้า นี่ท่านกำลังปกป้องซูเฟิ่งหลิง?”หลี่หลงหลินยอมรับอย่างเปิดเผย “ใช่แล้ว! ซูเฟิ่งหลิงเป็นสตรีของข้า เป็นชายาองค์ชาย! ข้าไม่เข้าข้าง ใครเข้าข้าง? ข้าไม่ปกป้อง ใครปกป้อง?”ตู้เ
สายตาหลี่หลงหลินกวาดมองขุนนางทั้งหมด ยิ้มเย็นทีหนึ่ง “ใครต่างก็รู้ พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกับตู้เหวินยวน? คำพูดของพวกเจ้า ข้าไม่เชื่อแม้คำเดียว!”หลี่หลงหลินหมุนตัว หันหน้าเข้าหาทหารพ่ายศึกสกุลซู ถามเสียงเข้ม “พวกเจ้าล้วนอยู่ที่นี่ พูดความจริงออกมา!”ทหารพ่ายศึกตัวสั่น สีหน้าตกตะลึงพรึงเพริดตู้เหวินยวนและขุนนางใหญ่เหล่านั้น ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต!ตนเองอยู่ต่อหน้าพวกเขา เป็นเพียงมดก็มิปาน!เดิมทีที่นี่ก็ไม่มีที่ให้ตนเองพูด!องค์ชายเก้าถึงขั้นให้พวกตนมดเหล่านี้ออกเสียง?เหล่าทหารรวบรวมความกล้า ตะโกนเสียงดัง “พวกเราเห็นเองกับตา! เป็นพ่อบ้านเฒ่าคนนั้นโจมตีผู้แทนพระองค์!”“ใช่แล้ว! เป็นเขาโจมตีผู้แทนพระองค์ ต้องการแย่งกระบี่อาญาสิทธิ์!”“โหดเหี้ยมอำมหิตเพียงนี้ ตายไปก็สมควรแล้ว!”ตู้เหวินยวนตกตะลึงหน้าถอดสี จ้องหลี่หลงหลินสายตาวาวโรจน์ “ท่าน...ท่านถึงขั้นขวัญกล้าปลุกระดมราษฎร์ กลับดำเป็นขาว?”หลี่หลงหลินยิ้มเย็น “ก็เหมือนกันนั่นล่ะ!”เจ้าตู้เหวินยวนสามารถกลับดำเป็นขาว ใส่ร้ายคนอื่นได้หรือว่าข้าทำไม่ได้?นี่เรียกว่าใช้วิธีของผู้อื่นโจมตีผู้อื่น!กรรมที่เจ้าทำไว้ เมื่อถึงเวลาเจ้าก็ร
สายตาซูเฟิ่งหลิงมืดลง มุมปากยกขึ้นผลิยิ้มขมปร่าใช่แล้ว!ศัตรูแข็งแกร่งเกินไปโดยแท้!หลี่หลงหลินจะทำเพื่อตนเอง ล่วงเกินขุนนางบุ๋นทั้งราชสำนัก เป็นศัตรูกับบัณฑิตทั่วหล้าได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้หลี่หลงหลินทำเช่นนี้จริง ตนเองก็ไม่มีวันยอมรับ!อย่างไรเสีย ต้องการสร้างกองทัพสกุลซูขึ้นใหม่อีกครั้ง ล้างมลทินให้สกุลซู ล้างแค้นให้ทหารซื่อสัตย์ภักดีของสกุลซู ยังต้องอาศัยหลี่หลงหลิน...ซูเฟิ่งหลิงตัดสินใจภายในใจ ยืนออกมา กำหมัดแน่น น้ำตาคลอหน่วย “พันพลั้งหมื่นพลาดเยี่ยงไร ก็เป็นความผิดของข้า ไม่เกี่ยวอันใดกับองค์ชายเก้า! เป็นข้าวู่วามเกินไปแล้วจริงๆ จึงทำให้คนตาย!”“ฆ่าคนชดใช้ด้วยชีวิต ติดหนี้ต้องคืนเงิน!”“เลวร้ายที่สุด หนึ่งชีวิตชดใช้หนึ่งชีวิต!”ซูเฟิ่งหลิงหมุนทวนเงิน ปลายแหลมคมจ่อที่ลำคอ หลับตาลง ถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย!เรื่องราวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทุกคนล้วนลืมตาอ้าปากค้าง อึ้งงันอยู่กับที่ตู้เหวินยวนและขุนนางทั้งหมดก็ตกตะลึงเหม่อลอยแล้วพวกเขาคิดไม่ถึง อุปนิสัยของซูเฟิ่งหลิง ดื้อรั้นมากเพียงนี้!ยอมฆ่าตัวตาย ไม่ยอมถูกเหยียดหยาม!นี่แย่แล้ว!ไม่ว่าพูดอย่างไร ซูเฟิ่งห
ทุกคนล้วนมีสายตาตกตะลึง มือหลี่หลงหลินถือวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย เดินเนิบนาบเข้าไปทาง “ศพ” ของพ่อบ้านเฒ่ากระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ ดุจโอรสสวรรค์เสด็จมาด้วยพระองค์เอง ใครยังกล้าขวาง?กลุ่มคนแตกกระจายไปคนละทิศละทาง อยู่ห่างจากหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินขยับขึ้นไปข้างหน้า ก้มมองพ่อบ้านเฒ่าที่ล้มอยู่บนพื้น ไม่ขยับเขยื้อน น้ำลายฟูมปาก ยิ้มเย็นพลางพูด “อุบายเล็กๆ น้อยๆ นี้ สามารถหลอกเด็กโง่ซูเฟิ่งหลิงคนนี้ได้ แต่หลอกข้าไม่ได้!”“ข้านับถึงสาม!”“หากเจ้าไม่ลุกขึ้น ก็ไม่ใช่กลสับเปลี่ยนคนเป็นแล้ว แต่เป็นกลสับเปลี่ยนคนตาย!”พ่อบ้านเฒ่ายังนอนเหยียดตัวดังเดิม ไม่ขยับเขยื้อน มิต่างจากคนตาย“สาม!”หลี่หลงหลินเพียงนับเลขหนึ่งครั้ง กระบี่ยาวในมือก็แทงลงบนต้นขาของพ่อบ้านเฒ่า!ซี้ด...พ่อบ้านเฒ่าคล้ายถูกไฟฟ้าแล่นผ่านก็มิปาน กระโดดลุกขึ้นจากพื้น ปิดต้นขาที่เลือดกำลังไหล ร้องตะโกน “ท่าน...ท่านไม่มีสัจจะ!”เขากัดฟัน เตรียมตัวรับความเจ็บปวดไว้ดีแล้วกลับคิดไม่ถึง หลี่หลงหลินนับเพียงหนึ่งจำนวน จู่ๆ ก็ลงมืออย่างกะทันหัน ทำให้ตนเองรับมือไม่ทันหลี่หลงหลินไม่ทำแม้แต่มองพ่อบ้านเฒ่า สายตาตกลงบนตัวตู้เหวินย
องค์ชายสี่หลี่จือเป็นคนหยิ่งทะนงมากคนหนึ่งเขาสะบัดมือนางตู้ออก เดินขึ้นไปข้างหน้าเพียงลำพัง รักษาความน่าเกรงขามขององค์ชายเอือมระอา บาดแผลสี่สิบไม้โบยหนักมากเกินไป จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่หายดี ฝีเท้าของเขาตุปัดตุเป๋ กะโผลกกะเผลก เห็นได้ชัดว่าน่าขันอยู่บ้าง“เจ้าเก้า!”“เจ้าคนสารเลว!”องค์ชายสี่ได้รับสายตาสงสารของเหล่าขุนนางใหญ่ ไอแค้นเกิดขึ้นภายในใจ ดุจเพลิงโทสะกำลังแผดเผาทั้งหมดล้วนต้องตำหนิหลี่หลงหลิน!ทำร้ายตนเองจนกลายเป็นเช่นนี้จากองค์ชาย กลายเป็นตัวตลก ความน่าเกรงขามหมดสิ้น!“ล้างแค้น!”“ข้าจะต้องล้างแค้น!”หลังองค์ชายสี่เดินเข้าใกล้ มองเห็นเงาร่างของหลี่หลงหลินแล้ว ดวงตาแดงก่ำอย่างอดไม่ได้ มือกำหมัดแน่น เส้นเลือดบนหน้าผากกระตุกริก!เผชิญหน้ากับศัตรู ตาแดงก่ำมากเป็นพิเศษ!องค์ชายสี่อยากถลันขึ้นไป กัดคอหลี่หลงหลินให้ขาดในคำเดียว!แต่ เขาไม่กล้า!มิใช่เพราะไม่มีฝีมือ!ตลกหรือไร!เขาฝึกยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก ขี่ม้ายิงธนูไม่มีสิ่งใดไม่เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะวิชาต่อสู้ในระยะประชิด!หลี่หลงหลินนับเป็นตัวอะไรตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นตัวไร้ประโยชน์คนหนึ่ง!องค์ชายสี่มั่นใจในตนเ
ถ้าไม่มีองค์ชายสี่!ตู้เหวินยวนหัวหน้าขุนนางทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่มีค่าอะไรเลย!ตู้เหวินยวนเป็นเจ้าวางแผน ย่อมเข้าใจเหตุผลนี้ดี ด้วยเหตุนี้เองเขาถึงได้ยกตู้ซื่อลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนให้แต่งงานกับองค์ชายสี่ที่อาจได้เป็นรัชทายาทในอนาคตหากองค์ชายสี่มีโอกาสได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้เช่นนั้นตู้ซื่อก็จะได้เป็นฮองเฮาตู้เหวินยวนจะได้เป็นพ่อตาฮ่องเต้!อำนาจของเขาก็จะก้าวหน้ายิ่งกว่าตอนนี้แน่นอน!ดังนั้นตู้เหวินยวนจึงเคารพองค์ชายสี่มาโดยตลอดโดยเฉพาะต่อหน้าขุนนางอาวุโส เขาให้เกียรติองค์ชายสี่มาก!หลี่จือเหลือบมองตู้เหวินยวนและบรรดาขุนนางอาวุโส รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากเจ้าเก้า!ในราชสำนัก ขุนนางทั้งหมดต่างก็ยืนอยู่ข้างข้า!เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า?หลังจากที่ข้าขึ้นครองบัลลังก์ ข้าจะออกราชโองการประทานความตายให้เจ้าเป็นคนแรก!ส่วนแม่ที่ให้กำเนิด ข้าก็จะสั่งฝังไปพร้อมกับเสด็จพ่อ!หลี่หลงหลินยกยิ้มเล็กน้อย ทักทายหลี่จือ “พี่สี่! เรือนหลังนั้น อยู่สบายมากหรือ?”ม่านตาของหลี่จือหดเล็กลงทันที ความเดือดดาลพลันทวีคูณขึ้น!พูดอะไรไม่พูดดันพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด?เจ้าเ
วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมแล้ว ฮ่องเต้ต้องทำพิธีบวงสรวงต่อสวรรค์ เพื่อขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ ฮ่องเต้หวู่ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว “ฝ่าบาท...” “เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยซวินเดินก้าวย่างเล็กๆ เข้ามาอย่างเร่งรีบ ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว ไม่พอใจ “วันปีใหม่แท้ๆ เช้าตรู่ก็มีเรื่องอัปมงคลเช่นนี้แล้ว!” เว่ยซวินรีบตบหน้าตัวเองหลายครั้ง “บ่าวปากเสียเอง! แต่ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ!” ฮ่องเต้หวู่เอ่ยเสียงเย็น “เกิดอะไรขึ้น? ว่ามาเถิด” เว่ยซวินลดเสียงลง “เมื่อคืนวาน ในคุกหลวงใต้ดินเกิดคดีมีผู้เสียชีวิต ซ่งชิงหลวนเขา...เขา...เขาผูกคอตาย!” “อะไรนะ?” สีหน้าของฮ่องเต้หวู่เปลี่ยนไปอย่างมาก ขาวซีดราวกับกระดาษ เดิมทีพระองค์คิดว่าเว่ยซวินคงจะตกใจเกินเหตุ แต่ไม่คิดว่า... จะเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ! ซ่งชิงหลวนตายในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้! ฆ่าตัวตาย? หรือถูกฆาตกรรม? ไม่ว่าเขาจะตายอย่างไร เรื่องนี้ก็ยุ่งยากแล้ว! “พวกเจ้าทำอะไรกัน!” ฮ่องเต้หวู่โกรธมาก จึงเอ่ยตำหนิเสียงดัง “คุกหลวงอยู่ในความรับผิดชอบขององครักษ์เสื้อแพร! พวกเจ้าดูแลคนเป็นไม่ได้ จะเอาโทษอย่างไร?” ตุบ! เ
น้ำตาของซ่งชิงหลวนไหลอาบแก้ม เขารีบพุ่งเข้าไปกอดขาของหลี่เทียนฉี่ ร้องไห้ฟูมฟาย “องค์ชายใหญ่ ที่แท้ก็เป็นพระองค์! ข้าขอร้องพระองค์ ช่วยพาข้าออกไปที!” “ที่นี่มันไม่ใช่ที่สำหรับคนอยู่!” “ขอเพียงพระองค์ช่วยข้าออกไป ข้าจะเป็นวัวเป็นม้ารับใช้พระองค์” เดิมที ซ่งชิงหลวนยังคงหยิ่งผยอง คิดจะประท้วงด้วยการอดอาหาร เพื่อบีบให้ฮ่องเต้หวู่ปล่อยตัวตนเองออกไป จนกระทั่งเขาได้เห็นบทความที่ใส่ร้ายเขาในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย จึงกระอักเลือดด้วยความโกรธ และตระหนักได้ว่า ตัวเขาเองไม่ได้สำคัญในสายพระเนตรของฮ่องเต้หวู่เลย! แม้แต่มดปลวกยังดิ้นรนเพื่อมีชีวิต แล้วมนุษย์เล่า? หลังจากซ่งชิงหลวนยอมรับความจริง เขาก็ล้มเลิกความคิดโง่ๆ ที่จะอดอาหาร ตอนนี้ เขาแค่อยากมีชีวิตรอด พยายามอย่างหนักเพื่อเอาชีวิตรอด ออกไปจากคุกหลวงใต้ดินที่เส็งเคร็งแห่งนี้ หลี่เทียนฉี่ก้มลงไป กระซิบกับซ่งชิงหลวน “บัณฑิตซ่ง ข้ามาพบเจ้าตามคำสั่งของอาจารย์!” ซ่งชิงหลวนตกใจ ใบหน้าเผยรอยยินดี “อาจารย์ของฮ่องเต้งั้นหรือ? ข้ากับอาจารย์ของฮ่องเต้เป็นสหายสนิท! เขามีปัญญาเฉียบแหลม ต้องมีวิธีช่วยข้าออกไปแน่! พระองค์รีบบอกข้ามาเร็
“รองลงมา...” เสิ่นชิงโจวครุ่นคิด แล้วพูดต่อ “ตอนนี้หลี่หลงหลินเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้หวู่ หากเขาเป็นอะไรไป ฮ่องเต้หวู่ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!” “เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าเรื่องวุ่นวายนี้ คงใหญ่กว่าฟ้าเสียอีก!” ร่างของหลี่เทียนฉี่สั่นสะท้าน ครั้งที่แล้ว หลี่หลงหลินถูกลอบสังหารบาดเจ็บ ฮ่องเต้หวู่ก็ทรงกริ้วมาก พลิกแผ่นดินตามหาคนร้าย! หากหลี่หลงหลินตายไป ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งของฮ่องเต้หวู่ ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เสิ่นชิงโจวพูดต่อ “สาม นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด หลี่หลงหลินเจ้าเด็กนั่นเจ้าเล่ห์เพทุบาย! แม้ว่าฮ่องเต้หวู่จะสืบสวนคดีทุจริตในการสอบขุนนาง ก็ทรงให้องครักษ์เสื้อแพรเป็นคนสืบ” “ต่อให้พวกเราฆ่าหลี่หลงหลินได้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้!” “สรุปแล้ว ห้ามแตะต้องหลี่หลงหลิน!” หลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้วแน่น ด้วยความไม่พอใจ “หรือว่า... พวกเราได้แต่มองดูหลี่หลงหลินทำตามอำเภอใจ ไม่มีทางจัดการเขาได้เลยหรือ?” “ไม่!” มุมปากของเสิ่นชิงโจวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้ามีวิธีที่จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ แถมยังทำให้หลี่หลงหลินตกอยู่ในหาย
ส่วนลั่วอวี้จู๋นางเพียงยิ้มเบาๆ “องค์รัชทายาท โลกในฝันของพระองค์ ผู้คนต้องมีความสุขมากแน่ๆ” หลี่หลงหลินไม่ตอบ เพียงแย้มยิ้ม มีความสุขหรือ? ก็อาจจะใช่ คนในแต่ละยุคสมัยล้วนมีเรื่องทุกข์ใจต่างกัน ความสุขเป็นเรื่องของมุมมอง การได้กินอิ่มย่อมมีความสุขกว่าการอดอยาก... ... ณ คุกหลวง หลี่เทียนฉี่เดินฝ่าพายุหิมะเข้ามา เสิ่นชิงโจวที่หลับสนิท ตื่นขึ้นเพราะเสียงฝีเท้า “ท่านเองหรือ!” “ทำให้ข้าตกใจหมด!” เสิ่นชิงโจวปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเพิ่งฝันร้ายว่า หลี่หลงหลินนำคนบุกเข้ามาในคุกหลวง และฆ่าเขาตาย หลังจากจิบชา เสิ่นชิงโจวจึงสงบสติอารมณ์ลงได้ เขาหันไปมองหลี่เทียนฉี่ “ดึกดื่นป่านนี้ พระองค์รีบร้อนมาทำอะไร?” หลี่เทียนฉี่เอ่ยอย่างร้อนรน “อาจารย์ แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” เสิ่นชิงโจวใจหายวาบ “เรื่องใหญ่? เรื่องอะไร?” หลี่เทียนฉี่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาให้เสิ่นชิงโจวฟังโดยละเอียด หลังจากฟังจบ สีหน้าของเสิ่นชิงโจวก็ดูแย่มาก อะไรกัน? หลี่หลงหลินสามารถทำให้ดอกไม้นานาพันธุ์เบ่งบานในฤดูหนาวได้?
“เสด็จแม่” หลี่หลงหลินโค้งคำนับให้ฮองเฮาหลิน “ฟ้ามืดแล้ว พระองค์รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาหลินพยักหน้าเล็กน้อย ทว่ายังคงลังเลที่จะเอ่ยปาก หลี่หลงหลินขึ้นรถม้าพร้อมกับคนในตระกูลซู เพื่อออกจากวังกลับไปยังจวนสกุลซู ภายในรถม้า แม่ทัพผู้เฒ่าซูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “รัชทายาท เหตุใดพระองค์ถึงทำเช่นนี้? กลุ่มข้าราชการเต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ เหตุใดพระองค์จึงปฏิเสธ?” ฟึบ! ทันใดนั้น สายตาของซูเฟิ่งหลิงและพี่สะใภ้ทั้งสี่ก็จับจ้องไปที่หลี่หลงหลิน ในใจพวกนางรู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับแม่ทัพผู้เฒ่าซู นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะรวบรวมกลุ่มข้าราชการไว้ในมือ เหตุใดหลี่หลงหลินถึงปฏิเสธ แถมยังพูดจาดูถูกจนทำให้กลุ่มข้าราชการขุ่นเคือง? หรือว่า... หลี่หลงหลินไม่เข้าใจ ว่าหากกลุ่มข้าราชการสวามิภักดิ์ด้วย เขาก็จะทรงครองตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างมั่นคง ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ แผ่นดินต้าเซี่ยจะอยู่ในมือของเขา? หลี่หลงหลินสีหน้าเคร่งขรึม เขาแงนมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “แผ่นดินต้าเซี่ยนี้ ผุพังเกินเยียวยานานแล้ว ข้าจะเอาไปทำอะไร?” บรรดาหญิงสาว
ฮ่องเต้หวู่ปวดหัวแทบระเบิด สองมือกดขมับคลึงเค้น สมองแทบเหลวเป็นแป้งเปียก ฮ่องเต้หวู่จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากหลี่หลงหลินอย่างจนปัญญา: “เจ้าเก้า เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไรดี?” หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย: “เสด็จพ่อ ใกล้ค่ำแล้ว วันนี้แยกย้ายกันเพียงเท่านี้เถิด! สุขภาพของท่านสำคัญยิ่งนัก รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หวู่ชะงัก: “แยกย้ายกันเพียงเท่านี้? แล้วคดีทุจริตของซ่งชิงหลวนเล่าจะทำเช่นไร?” หลี่หลงหลินผายมือ: “ก็ทำตามที่ควรทำ ตอนนี้เสด็จพ่อมีหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ให้พวกเขาไปสืบสวนก็สิ้นเรื่อง! ควรจับก็จับ ควรตัดสินก็ตัดสิน ควรประหารก็ประหาร!” “การสอบคัดเลือกขุนนางเป็นเรื่องใหญ่ยิ่ง ครั้งนี้ต้องสืบสวนให้ถึงที่สุด!” ฮ่องเต้หวู่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในทันที เมื่อก่อนข้าพึ่งพาเหล่าขุนนางมากเกินไป จึงสูญเสียอำนาจในการตัดสินใจ ทำอะไรก็ต้องคอยระแวดระวัง กระทั่งถูกริดรอนอำนาจ เป็นฮ่องเต้เช่นนี้ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก! แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ข้ามีหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาขุนนางพวกนี้อีกต่อไป! ข้าอยากจะสืบสวนอย่างไร ก็ทำได้ตามใจ! ดี! ฮ่องเต้หวู
ฮ่องเต้หวู่ทรงกริ้วจัดเดิมที เขาทรงคิดว่าซ่งชิงหลวนเป็นผู้มีปัญญามาก มีคุณธรรมสูงส่ง เป็นที่เคารพนับถือ คาดไม่ถึงเลยจริงๆหลายปีมานี้ ซ่งชิงหลวนสมคบกับตู้เหวินยวน ผูกขาดการสอบขุนนาง ทุจริต ฉ้อฉล ไม่รู้ว่ารีดไถทรัพย์สินจากราษฎรไปเท่าไหร่การคดโกงเงินทองนั้น จริงๆ แล้วฮ่องเต้หวู่ไม่ได้ใส่พระทัยขุนนางทั้งราชสำนัก มีใครบ้างที่ไม่รับสินบน?บัณฑิตร่ำเรียนมาสิบปี หวังจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็เพื่ออะไรกัน?เพื่อทำตามความฝันและปณิธานของตนเอง?เหลวไหล!ใครบ้างที่ไม่ทำเพื่อเงินทอง?ปัญหาคือ คนดีรักทรัพย์สิน ก็ควรได้มาโดยชอบธรรมหากซ่งชิงหลวนเพียงแค่ยักยอกค่าเล่าเรียนเล็กๆ น้อยๆ นั่นก็แล้วไป!เขากลับใช้การสอบขุนนางเป็นเครื่องมือ!ช่างเกินไปแล้ว!มิน่าเล่า ในราชสำนัก ขุนนางที่ไร้ความสามารถจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆแต่ละคนถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ตีสามครั้งก็ยังไม่ปริปากให้ไปปกครองบ้านเมือง ก็ทำได้แย่มิน่าเล่า หนิงชิงโหว ผู้มีความรู้ความสามารถ ถึงได้สอบตกแม้ว่าภายหลัง หนิงชิงโหวจะสอบได้จอหงวน ก็ยังเลือกที่จะไปเป็นอาจารย์อยู่ที่เขาประจิม ไม่ยอมเข้ารับราชการแท้จริงแล้ว รากฐานของต้าเซี่ย
เรื่องน่าอับอายของซ่งชิงหลวนเหล่านั้น ล้วนเป็นสิ่งที่นางกุขึ้นเองทั้งสิ้นหลักฐานของหลี่หลงหลินมาจากไหน?หรือว่าเพื่อช่วยนาง หลี่หลงหลินคิดจะปลอมแปลงหลักฐาน หลอกลวงเบื้องสูง?นี่... นี่ไม่ได้!การหลอกลวงเบื้องสูงเป็นความผิดมหันต์ต่อให้หลี่หลงหลินเป็นถึงรัชทายาท ก็ไม่อาจแบกรับไหว!ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องเต้หวู่กำลังทรงกริ้ว ถึงขั้นคิดจะถอดหลี่หลงหลินออกจากตำแหน่งรัชทายาทหลี่หลงหลินเสี่ยงอันตราย หากถูกฮ่องเต้หวู่จับได้ ก็คงจะถึงคราววิบัติ“องค์รัชทายาท”“อนาคตของท่านยังอีกยาวไกล เพื่อหญิงต่ำต้อยเช่นข้า เหตุใดต้องทำลายอนาคตตนเอง?”หลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลอาบแก้ม คิดจะเปิดเผยความจริงหลี่หลงหลินรีบส่งสัญญาณให้ซูเฟิ่งหลิง “เจ้าพาพี่สะใภ้สี่ไปด้านข้าง อย่าให้นางพูดอะไรเหลวไหล”ซูเฟิ่งหลิงจับแขนหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ ท่านอย่าพูดอะไรเลย! ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์รัชทายาทเถิด! มีเขาอยู่ ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า ถอยไปด้านข้างหลี่หลงหลินเห็นดังนั้น ก็ถอนหายใจยาวเกือบไปแล้ว!เกือบจะเกิดศึกภายใน ทำลายแผนการจนหมดสิ้นหลิ่วหรูเยียนยังขาดประสบการณ์ในเรื่องให
เมื่อมีหลี่เทียนฉี่เป็นหัวหอก เหล่าขุนนางก็ดาหน้าเข้ามาผสมโรง “ฝ่าบาท พระชายารัชทายาททำเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“กล้าขัดพระราชโองการอย่างเปิดเผย ช่างบังอาจยิ่งนัก!”“ซูเฟิ่งหลิงเป็นลูกหลานแม่ทัพ ไม่รู้ขนบธรรมเนียม รัชทายาท ท่านก็ไม่รู้หรืออย่างไร?”“ถูกแล้ว รัชทายาท! ท่านควรจะดูแลสตรีของท่านให้ดี! มิเช่นนั้นพูดมากไปก็จะเสียการ เป็นที่น่าอับอาย!”“หึๆ รัชทายาทขึ้นชื่อว่าเป็นคนกลัวเมีย เขาจะกล้าไปหือกับสตรีที่มุทะลุดุดันอย่างซูเฟิ่งหลิงหรือ? ไม่อยากอยู่แล้วหรือไร?”“คนหนึ่งกลัวเมีย อีกคนเป็นแม่เสือโคร่ง ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ!”“รัชทายาท ท่านจงดูแลแม่เสือโคร่งของท่านให้ดี อย่าปล่อยออกมาทำร้ายผู้อื่น”คำเยาะเย้ยถากถางถาโถมเข้ามาไม่หยุดซูเฟิ่งหลิงไม่สันทัดในการโต้เถียง ทั้งร้อนรนทั้งโกรธ น้ำตาคลอเบ้า แทบจะร้องไห้ออกมา “พวกเจ้า... พวกเจ้า...”“หุบปาก!”ในเวลานั้น เสียงตวาดดุจสายฟ้าฟาดก็ดังขึ้นในตำหนักฉางเล่อหลี่หลงหลินก้าวออกมา มือไพล่หลัง ท่าทางหยิ่งผยอง เอ่ยเสียงเย็น “รังแกผู้หญิง นับเป็นความสามารถอันใด? พวกท่านมีความสามารถ ก็มาโต้คารมกับข้าสักห้าร้อยยก แบบไม่มีกติกาก็ได้