สายตาซูเฟิ่งหลิงมืดลง มุมปากยกขึ้นผลิยิ้มขมปร่าใช่แล้ว!ศัตรูแข็งแกร่งเกินไปโดยแท้!หลี่หลงหลินจะทำเพื่อตนเอง ล่วงเกินขุนนางบุ๋นทั้งราชสำนัก เป็นศัตรูกับบัณฑิตทั่วหล้าได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้หลี่หลงหลินทำเช่นนี้จริง ตนเองก็ไม่มีวันยอมรับ!อย่างไรเสีย ต้องการสร้างกองทัพสกุลซูขึ้นใหม่อีกครั้ง ล้างมลทินให้สกุลซู ล้างแค้นให้ทหารซื่อสัตย์ภักดีของสกุลซู ยังต้องอาศัยหลี่หลงหลิน...ซูเฟิ่งหลิงตัดสินใจภายในใจ ยืนออกมา กำหมัดแน่น น้ำตาคลอหน่วย “พันพลั้งหมื่นพลาดเยี่ยงไร ก็เป็นความผิดของข้า ไม่เกี่ยวอันใดกับองค์ชายเก้า! เป็นข้าวู่วามเกินไปแล้วจริงๆ จึงทำให้คนตาย!”“ฆ่าคนชดใช้ด้วยชีวิต ติดหนี้ต้องคืนเงิน!”“เลวร้ายที่สุด หนึ่งชีวิตชดใช้หนึ่งชีวิต!”ซูเฟิ่งหลิงหมุนทวนเงิน ปลายแหลมคมจ่อที่ลำคอ หลับตาลง ถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย!เรื่องราวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทุกคนล้วนลืมตาอ้าปากค้าง อึ้งงันอยู่กับที่ตู้เหวินยวนและขุนนางทั้งหมดก็ตกตะลึงเหม่อลอยแล้วพวกเขาคิดไม่ถึง อุปนิสัยของซูเฟิ่งหลิง ดื้อรั้นมากเพียงนี้!ยอมฆ่าตัวตาย ไม่ยอมถูกเหยียดหยาม!นี่แย่แล้ว!ไม่ว่าพูดอย่างไร ซูเฟิ่งห
ทุกคนล้วนมีสายตาตกตะลึง มือหลี่หลงหลินถือวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย เดินเนิบนาบเข้าไปทาง “ศพ” ของพ่อบ้านเฒ่ากระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ ดุจโอรสสวรรค์เสด็จมาด้วยพระองค์เอง ใครยังกล้าขวาง?กลุ่มคนแตกกระจายไปคนละทิศละทาง อยู่ห่างจากหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินขยับขึ้นไปข้างหน้า ก้มมองพ่อบ้านเฒ่าที่ล้มอยู่บนพื้น ไม่ขยับเขยื้อน น้ำลายฟูมปาก ยิ้มเย็นพลางพูด “อุบายเล็กๆ น้อยๆ นี้ สามารถหลอกเด็กโง่ซูเฟิ่งหลิงคนนี้ได้ แต่หลอกข้าไม่ได้!”“ข้านับถึงสาม!”“หากเจ้าไม่ลุกขึ้น ก็ไม่ใช่กลสับเปลี่ยนคนเป็นแล้ว แต่เป็นกลสับเปลี่ยนคนตาย!”พ่อบ้านเฒ่ายังนอนเหยียดตัวดังเดิม ไม่ขยับเขยื้อน มิต่างจากคนตาย“สาม!”หลี่หลงหลินเพียงนับเลขหนึ่งครั้ง กระบี่ยาวในมือก็แทงลงบนต้นขาของพ่อบ้านเฒ่า!ซี้ด...พ่อบ้านเฒ่าคล้ายถูกไฟฟ้าแล่นผ่านก็มิปาน กระโดดลุกขึ้นจากพื้น ปิดต้นขาที่เลือดกำลังไหล ร้องตะโกน “ท่าน...ท่านไม่มีสัจจะ!”เขากัดฟัน เตรียมตัวรับความเจ็บปวดไว้ดีแล้วกลับคิดไม่ถึง หลี่หลงหลินนับเพียงหนึ่งจำนวน จู่ๆ ก็ลงมืออย่างกะทันหัน ทำให้ตนเองรับมือไม่ทันหลี่หลงหลินไม่ทำแม้แต่มองพ่อบ้านเฒ่า สายตาตกลงบนตัวตู้เหวินย
องค์ชายสี่หลี่จือเป็นคนหยิ่งทะนงมากคนหนึ่งเขาสะบัดมือนางตู้ออก เดินขึ้นไปข้างหน้าเพียงลำพัง รักษาความน่าเกรงขามขององค์ชายเอือมระอา บาดแผลสี่สิบไม้โบยหนักมากเกินไป จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่หายดี ฝีเท้าของเขาตุปัดตุเป๋ กะโผลกกะเผลก เห็นได้ชัดว่าน่าขันอยู่บ้าง“เจ้าเก้า!”“เจ้าคนสารเลว!”องค์ชายสี่ได้รับสายตาสงสารของเหล่าขุนนางใหญ่ ไอแค้นเกิดขึ้นภายในใจ ดุจเพลิงโทสะกำลังแผดเผาทั้งหมดล้วนต้องตำหนิหลี่หลงหลิน!ทำร้ายตนเองจนกลายเป็นเช่นนี้จากองค์ชาย กลายเป็นตัวตลก ความน่าเกรงขามหมดสิ้น!“ล้างแค้น!”“ข้าจะต้องล้างแค้น!”หลังองค์ชายสี่เดินเข้าใกล้ มองเห็นเงาร่างของหลี่หลงหลินแล้ว ดวงตาแดงก่ำอย่างอดไม่ได้ มือกำหมัดแน่น เส้นเลือดบนหน้าผากกระตุกริก!เผชิญหน้ากับศัตรู ตาแดงก่ำมากเป็นพิเศษ!องค์ชายสี่อยากถลันขึ้นไป กัดคอหลี่หลงหลินให้ขาดในคำเดียว!แต่ เขาไม่กล้า!มิใช่เพราะไม่มีฝีมือ!ตลกหรือไร!เขาฝึกยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก ขี่ม้ายิงธนูไม่มีสิ่งใดไม่เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะวิชาต่อสู้ในระยะประชิด!หลี่หลงหลินนับเป็นตัวอะไรตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นตัวไร้ประโยชน์คนหนึ่ง!องค์ชายสี่มั่นใจในตนเ
ถ้าไม่มีองค์ชายสี่!ตู้เหวินยวนหัวหน้าขุนนางทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่มีค่าอะไรเลย!ตู้เหวินยวนเป็นเจ้าวางแผน ย่อมเข้าใจเหตุผลนี้ดี ด้วยเหตุนี้เองเขาถึงได้ยกตู้ซื่อลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนให้แต่งงานกับองค์ชายสี่ที่อาจได้เป็นรัชทายาทในอนาคตหากองค์ชายสี่มีโอกาสได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้เช่นนั้นตู้ซื่อก็จะได้เป็นฮองเฮาตู้เหวินยวนจะได้เป็นพ่อตาฮ่องเต้!อำนาจของเขาก็จะก้าวหน้ายิ่งกว่าตอนนี้แน่นอน!ดังนั้นตู้เหวินยวนจึงเคารพองค์ชายสี่มาโดยตลอดโดยเฉพาะต่อหน้าขุนนางอาวุโส เขาให้เกียรติองค์ชายสี่มาก!หลี่จือเหลือบมองตู้เหวินยวนและบรรดาขุนนางอาวุโส รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากเจ้าเก้า!ในราชสำนัก ขุนนางทั้งหมดต่างก็ยืนอยู่ข้างข้า!เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า?หลังจากที่ข้าขึ้นครองบัลลังก์ ข้าจะออกราชโองการประทานความตายให้เจ้าเป็นคนแรก!ส่วนแม่ที่ให้กำเนิด ข้าก็จะสั่งฝังไปพร้อมกับเสด็จพ่อ!หลี่หลงหลินยกยิ้มเล็กน้อย ทักทายหลี่จือ “พี่สี่! เรือนหลังนั้น อยู่สบายมากหรือ?”ม่านตาของหลี่จือหดเล็กลงทันที ความเดือดดาลพลันทวีคูณขึ้น!พูดอะไรไม่พูดดันพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด?เจ้าเ
หลี่จือเงยหน้าขึ้น แล้วกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม “น้องชาย? ข้าขอบอกเจ้าตามตรง! ตั้งแต่วันที่ข้ารู้ความแล้ว ข้าก็ไม่เคยถือว่าเจ้าเป็นน้องชายเลย! เจ้าพูดถูก ราชวงศ์มันไร้ความปรานีที่สุด!”“น่าเสียดายที่เจ้าเข้าใจความจริงนี้ช้าไป!”“คนที่รู้จักดูทิศทางจะรีบคุกเข่าขอโทษ!” “ข้าจะพิจารณาไว้ชีวิตของเจ้าได้!”ต่อให้จะเป็นเวลานี้ หลี่จือยังคงหยิ่งผยองในความเห็นของเขา หลี่หลงหลินไม่มีคุณสมบัติที่จะเรียกว่าน้องชายกับตัวเอง!ตนอยากเป็นฮ่องเต้!เจ้าเก้าก็เหมือนกับคนทั่วไปที่ไม่ได้ต่างอะไรจากผงธุลีที่อยู่ใต้เท้าของตน!รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลี่หลงหลิน “ดีมาก!”หลี่จือผงะก่อนจะเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “ดีอะไร?”หลี่หลงหลินพูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อท่านไม่เคยถือว่าข้าเป็นน้องชาย เช่นนั้นนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเราถือว่าตัดขาดกันโดยสมบูรณ์ ถือว่าเป็นเพียงคนแปลกหน้า! หากวันหนึ่งพวกเราต่อสู้กันและต้องใช้สงครามแก้ปัญหา ข้าจะไม่มีทางออมมือเป็นอันขาด”หลี่จือตะลึงงัน แล้วพูดด้วยความโกรธ “น้องเก้า เจ้า...”หลี่หลงหลินมีสีหน้าเย็นชา “น้องเก้า ชื่อนี้ เจ้าไม่คู่ควรจะเรียก! นับแต่นี้ไป เรียกข้าว่าองค
หลี่จือแจกแจงเหตุการณ์ตายมากมายออกมาในคราวเดียวแต่ละอย่างนั้นน่าตกใจและยากจะป้องกัน!ที่สำคัญวิธีการตายเหล่านี้ หลี่จือไม่ได้พูดขึ้นมาลอยๆ เท่านั้นหลังจากที่ฮ่องเต้หวู่ขึ้นครองบัลลังก์ เหล่าสนมในวังหลังก็เกิดอุบัติเหตุมากมาย และอุบัตินั้นก็เหมือนกับที่หลี่จือพูดทุกอย่าง!“หรือว่า...”หลี่หลงหลินหายใจเข้า แล้วมองหลี่จือด้วยความประหลาดใจอุบัติเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวังหลังหลายปีมานี้ ล้วนเป็นฝีมือของหลี่จือหรือ?ไม่สิ!อุบัติเหตุที่เหล่าสนมประสบอยู่บ่อยครั้งส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาร่วมสิบปีแล้วในเวลานั้น หลี่จือยังเด็กอยู่ อย่างไรก็ร้ายกาจเช่นนี้ไม่ได้ และไม่มีทางมีความสามารถมากมายเช่นนั้นได้ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่หลี่จือแต่คือแม่แท้ๆ ของเขาฉินกุ้ยเฟย!สตรีชั่วร้ายใจยักษ์ใจมารผู้นี้ ใช้วิธีที่น่ารังเกียจ และสองมือของนางก็เปื้อนเลือดคนมาไม่น้อย ถึงได้ก้าวขึ้นตำแหน่งกุ้ยเฟยได้!แม่เป็นอย่างไร ลูกก็เป็นเช่นนั้น!มิน่าล่ะ เจ้าสี่และเจ้าหก สองพี่น้องคู่นี้ถึงได้ใจคอโหดเหี้ยมขนาดนี้!ที่แท้สาเหตุก็มาจากฉินกุ้ยเฟย!ตอนนี้ ฉินกุ้ยเฟยอิจฉาริษยาหลินกุ้ยเฟยแม่ของตนเพราะเรื่องตำหนักฉ
แต่ในความจริงแล้วหลี่หลงหลินและเว่ยซวินติดต่อกันเพียงเล็กน้อยหลี่หลงหลินไม่สามารถเรียกว่าเป็นคนของกลุ่มขันทีได้อีกอย่างหลี่หลงหลินยังหลอกเว่ยซวินอยู่หลายครั้ง แทนที่จะบอกว่าพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ควรจะบอกว่ามีความแค้นต่อกันดีกว่า!ทว่าเป็นไปไม่ได้ที่หลี่จือจะรู้รายละเอียดเหล่านี้หลี่หลงหลินใช้วิธีเอาสุนัขจิ้งจอกมาแอบอ้างบารมีเสือ ใช้ชื่อของเว่ยซวินทำให้หลี่จือหวาดกลัว ให้เขาและฉินกุ้ยเฟยที่อยู่เบื้องหลังไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น!กลยุทธ์ของหลี่หลงหลินถือว่าสำเร็จมากหลี่จือตกใจจนสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในหัวของเขาพลันปรากฏใบหน้าซีดขาวของท่านแม่ที่ตายอย่างอนาถผุดขึ้นมา!ชั่วขณะนั้น ในใจของหลี่จือเกิดแรงกระตุ้นอยากคุกเข่าต่อหน้าหลี่หลงหลิน อยากขอร้องให้เขาอย่าทำร้ายแม่ของตน! “องค์ชายสี่!”ตู้เหวินยวนสังเกตเห็นความผิดปกติของหลี่จือ จึงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อพยุงเขา “อย่าไปเชื่อคำโกหกของหลี่หลงหลิน! แม่ของท่านเป็นกุ้ยเฟย ในวังหลัง สถานะของนางเป็นรองแค่ไทเฮาและฮองเฮาเท่านั้น...”“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเว่ยซวินที่เป็นเพียงขุนนางจะกล้าทำอะไรฉินกุ้ยเ
ตู้เหวินยวนเดือดดาลอย่างหนัก ความโกรธปะทุขึ้น แทบจะเป็นลมไปแล้วองค์ชายสี่เป็นคนไร้ประโยชน์ มีเพียงแค่นี้เท่านั้น!ฉินกุ้ยเฟยก็เช่นกัน!ไม่มีความฉลาดเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้จักมองสถานการณ์โดยรวม!ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ก็ยังไปมีปัญหากับฮ่องเต้?แขนที่อ่อนแอจะสามารถบิดขาใหญ่ได้อย่างไร?วุ่นวายจนสุดท้ายฮ่องเต้เดือดดาล ต้องการจับเจ้าเข้าตำหนักเย็น!คราวนี้จะจัดการอย่างไร?ต้องรู้ว่าสิ่งที่เจ้าทำลายนั้น ไม่เพียงแต่เป็นเส้นทางของตนเอง!แต่ยังเป็นการตัดเส้นทางขององค์ชายสี่ด้วย!ยังคิดว่าเขาจะเป็นรัชทายาทได้อยู่หรือไม่?เป็นได้กับผีน่ะสิ!ตู้ซื่อก็เริ่มกังวล รีบจับแขนเสื้อของตู้เหวินยวนแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี?”ตู้เหวินยวนสะบัดแขนเสื้อแล้วพูดว่า “ยังไม่รีบหามองค์ชายสี่กลับไปอีก เดี๋ยวก็อับอายขายขี้หน้าคนอื่น... ส่วนฉินกุ้ยเฟย ตอนนี้ทำได้แค่ค่อยๆ คิดแผนไปก่อน...”องค์ชายสี่หมดสติไปแล้ว ตู้เหวินยวนสั่งให้คนหามเขาออกไปขุนนางอาวุโสที่เหลือไม่มีข้อแนะนำอันใด จึงพากันแยกย้ายทันทีด้านหน้าเขาทิศประจิมที่เดิมทีวุ่นวาย เพียงชั่วครู่ก็ว่างเปล่า และกลับคืนสู่ความเงี
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค