เรื่องเล็กที่ไม่แม้จะใหญ่เรื่องนี้ พวกเจ้ากลับรวมหัวกันมากล่าวโทษข้า?ถ้าบอกว่า ข้าตัดต้นไม้สองสามต้นในเขาประจิม ก็กำลังทำชั่วแล้วละก็แล้วพวกเจ้าเล่า?พวกเจ้าปิดล้อมที่ดินในเขาประจิม ฮุบเอามาเป็นส่วนตัว แล้วสร้างเรือนพักแสนงดงามขึ้นมาควรรับโทษใด?นี่ชัดเจนแล้วว่า อนุญาตให้ขุนนางวางเพลิง แต่ไม่ยอมให้ประชาชนก่อไฟ[footnoteRef:1]! [1: อธิบายถึง ผู้ปกครองสามารถทำทุกอย่างที่ตนต้องการได้ แต่คำพูดและการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายของประชาชนนั้น ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดทั้งหลาย] สิ่งที่ทำให้หลี่หลงหลินโกรธที่สุดคือถ้าตู้เหวินหยวนแค่อยากจะตำหนิตัวเองสักสองสามคำ กู้หน้าตัวเองกลับมาหลี่หลงหลินย่อมยอมทนให้ได้!เพราะอย่างไรเสีย หากเขาเฉียบแหลมเกินไป ถูกองค์ชายองค์อื่นเกลียดเอาได้ง่าย!ยิ่งชื่อเสียงย่ำแย่ หลี่หลงหลินก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นด้วยวิธีนี้เท่านั้น ภายใต้ชื่อเสียงที่ย่ำแย่ไม่น่าอภิรมย์ เขาจึงสามารถแกล้งเป็นหมูกินเสือ สร้างรายได้มหาศาลอย่างเงียบๆ ได้ผลลัพธ์เล่าตู้เหวินหยวนกลับขอให้เสด็จพ่อโบยเขาแปดสิบไม้!นี่มันจะเอาชีวิตเขาชัดๆ!โหดเหี้ยมนัก!“ดี ดียิ่ง...”“จะเล่นไม้นี้เช่
“นี่...”ฮ่องเต้หวู่ดูเขินอายข้าเพิ่งได้ยินว่าตัวเองยกเขาประจิมให้เจ้าเก้าไปก็วันนี้จะไปเอาหลักฐานที่ไหนมาให้เล่า?หลี่หลงหลินยิ้มเบาๆ และพูดว่า “วันนั้นขันทีเว่ยเองก็อยู่ด้วย สามารถเป็นพยานให้ได้!”ควั่บ!สายตาของทุกคน จับจ้องไปที่เว่ยซวิน รอคำตอบของเขาเว่ยซวินสาปแช่งมารดาอยู่ในใจองค์ชายเก้า!ท่านหลอกใช้ข้าอีกแล้ว!เดิมทีนี่คือการต่อสู้ระหว่างองค์ชายเก้าและกลุ่มขุนนาง ดังนั้นเขายืนดูเรื่องสนุกอยู่ข้างสนามก็ดีอยู่แล้วแต่คราวนี้ ถึงเวลาเลือกข้างเสียได้ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตนเองเลือกได้เพียงข้างฮ่องเต้ นั่นก็คือฝั่งองค์ชายเก้า หลี่หลงหลิน!การผลักอุทกภัยไปทางบูรพา[footnoteRef:1]ครั้งนี้ กลับเอาไฟสงครามมาราดลงบนตัวเสียแล้ว [1: หมายถึง การใช้วิธีบางอย่างเพื่อป้องกันตนเองจากการสูญเสีย และปล่อยให้ผู้อื่นแบกรับความสูญเสียแทนตนเอง] และในสายตาของขุนนางเช่นตู้เหวินหยวน เขาก็คือแรงหนุนขององค์ชายเก้า!เมื่อถึงเวลา ตัวเองก็จะกลายเป็นโล่ขององค์ชายเก้า รับพลังโจมตีอยู่ทางด้านหน้า ทำให้เขาอยู่ห่างจากภัยร้ายได้องค์ชายเก้าร้ายกาจถึงขีดสุดแล้วจริงๆ!ฮ่องเต้หวู่มองดูเว่ยซวินแล้วพู
ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่มืดลง จ้องมองไปที่ตู้เหวินหยวน “อะไรนะ? พวกเจ้าเอาแต่พูดว่าเขาประจิมเป็นพื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ เจ้าเก้าแค่ตัดต้นไม้ไปสองสามต้น พวกเจ้ากลับลุกลี้ลุกลนอยู่กันไม่สุข!”“ทว่า พวกเจ้ากลับปิดล้อมที่ดินในเขาประจิม...”“เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือ?”ขิงยิ่งแก่ขิงเผ็ดความตื่นตระหนกบนใบหน้าของตู้เหวินหยวนหายไปในทันที แทนที่ด้วยความสงบ พยักหน้ารับ “พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อฮ่องเต้หวู่เห็นตู้เหวินหยวนสารภาพอย่างตรงไปตรงมา เขาก็โกรธขึ้นกว่าเดิม “เจ้าควรอธิบายเหตุผลที่ฟังเข้าหูให้ข้านะ!”ตู้เหวินหยวนพูดอย่างใจเย็น “องค์ชายเก้าพูดเกินจริงแล้วพ่ะย่ะค่ะ! สิ่งที่พวกกระหม่อมสร้างในเขาประจิม หาใช่เรือนพักงดงาม แต่เป็นเพียงเพิงบ้านชั่วคราวสำหรับการล่าสัตว์!”“แม้ว่าเขาประจิมจะถูกทิ้งร้างมาหลายปี แต่พวกกระหม่อมก็ยังไปที่เขาประจิมล่าสัตว์อยู่บ่อยครั้ง เพื่อเตือนตัวเองว่าอย่าลืมวิชายุทธ์อันโด่งดังของบรรพบุรุษแห่งต้าเซี่ย...”“เพราะอย่างไรเสีย ขุนเขาแห่งต้าเซี่ยนี้ ก็เป็นบรรพบุรุษที่ยึดครองมาได้!”ฮ่องเต้หวู่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งชื่อของเขาคือหวู่[footnoteRef:1] และสิ่
ขุนนางทั้งหมดออกไปกับความโกรธฮ่องเต้หวู่เชิดศีรษะ อกผายไหล่ผึ่ง เหมือนแม่ทัพที่ชนะสงครามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาถูกขุนนางกดขี่อย่างอนาถมาตลอด!ไม่ได้รู้สึกภูมิใจเช่นนี้มานานแล้ว!ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าเก้า!ฮ่องเต้หวู่จ้องมองหลี่หลงหลิน “เจ้าเก้า ตามข้ามา! ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง!”หลี่หลงหลินพยักหน้า เดินตามฮ่องเต้หวู่เข้าไปในตำหนักหยั่งซินฮ่องเต้หวู่ก้าวถอยหลังปิดประตู แล้วบอกให้เว่ยซวินเฝ้าประตู จากนั้นก็พูดว่า “เจ้าเก้า เจ้าสร้างความดีครั้งใหญ่ได้อีกครั้งแล้ว! เจ้าต้องการรางวัลอันใดหรือ? แต่ยังคงเป็นกฎเดิม...”หลี่หลงหลินกลอกตาเอาอีกแล้ว?หนึ่ง ไม่ให้เงิน และสอง ไม่เลื่อนตำแหน่ง!หากพูดตรงๆ ก็คือ ชมเชยด้วยวาจานี่มันไร้ประโยชน์สิ้นดี!คราวนี้ หลี่หลงหลินเตรียมตัวมาอย่างดี “เสด็จพ่อ ลูกต้องการตำแหน่งทหาร!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “ข้าเพิ่งแต่งตั้งให้เจ้าเป็นโหว หากได้รับตำแหน่งทางทหารไปอีก เกรงว่าจะไม่เหมาะสม! นอกจากนี้ การเลื่อนตำแหน่ง จะต้องผ่านสำนักเลขาธิการและกรมขุนนาง เจ้าคิดว่าตู้เหวินหยวนจะยอมเห็นด้วยหรือ?”“ข้าจะแนะนำเจ้าหนึ่งคำ อย่าโลภมาก”คำนี้ เทียบเท่าก
ถ้าไม่ได้เพราะเขามอบเงินสี่แสนตำลึงให้กับฮ่องเต้หวู่เขาไม่มีทางตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้หลี่หลงหลินกลัวว่าฮ่องเต้หวู่จะเสียใจภายหลัง จึงโค้งคำนับแล้วกล่าวลา “ลูกไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ขอทูลลา”“เดี๋ยวก่อน...”ฮ่องเต้หวู่ยื่นมือออกไปหยุดหลี่หลงหลินหัวใจของหลี่หลงหลินเต้นรัว ฮ่องเต้หวู่คิดได้เร็วขนาดนี้เลย?ฮ่องเต้หวู่ชี้ไปที่ธนบัตรเงินสี่แสนตำลึงบนโต๊ะแล้วพูดว่า “เอานี่กลับไปด้วย”หลี่หลงหลินตกตะลึงฮ่องเต้หวู่จะไม่รับเงินพวกนี้ไว้หรือ?เขานึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆ!หลี่หลงหลินฝืนยิ้มบนใบหน้า “เสด็จพ่อ เงินนี้เป็นความกตัญญูที่ลูกมีต่อท่าน...”ฮ่องเต้หวู่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ข้าซาบซึ้งในความกตัญญูของเจ้า! แต่เงินนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้!”หลี่หลงหลินงงงวย “เพราะเหตุใดขอรับ?”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจ “มีเงินย่อมเป็นเรื่องดี! และข้าก็ขาดแคลนเงินจริงๆ! แต่เจ้าก็ได้เห็นสีหน้าของตู้เหวินยวนและเหล่าขุนนางแล้ว! เจ้าเพียงตัดต้นไม้แค่สองสามต้น พวกเขาก็เข้าแถวมาบอกว่าเรื่องยิ่งใหญ่ภัยร้าย!”“หากข้ารับเงินของเจ้ามา พวกเขาจะใส่ร้ายเจ้าอย่างไรอีก?”“พวกเขาจะแพร่งพรายเรื่องนี้ไปทั่วทิศ บอกว่าเจ้า
หลี่หลงหลินออกจากวัง กลับไปที่จวนตระกูลซูโดยไม่หยุดพักซูเฟิ่งหลิงกำลังฝึกหอกอยู่ในลาน แทงหุ่นจำลองที่ใส่หน้ากากหน้าหลี่หลงหลินอย่างแรง ไร้ความปรานีเวลานี้ หลี่หลงหลินก็บุกเข้ามาเมื่อนึกถึงเรื่องไร้สาระเมื่อคืนนี้ ซูเฟิ่งหลิงก็หน้าแดงแจ๋ ทิ้งหอกในมือแล้วหันหลังเดินหนีหลี่หลงหลินคว้ามือเรียวยาวของนางไว้แล้วขมวดคิ้ว “ข้าเป็นผีหรืออย่างไร? เข้าเห็นถ้าแล้วถึงได้วิ่งหนีเช่นนี้?”ซูเฟิ่งหลิงรีบสะบัดมือของหลี่หลงหลินออกอย่างรีบร้อน ท่าทางเขินอาย “ปล่อยนะ! คนอื่นมาเห็นเข้าจะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินยิ้ม “สองเราเป็นสามีภรรยากัน จูบกันก็ทำมาแล้ว แค่จับมือไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย!”ซูเฟิ่งหลิงจับหอกเงินแน่นขึ้น จ้องเขม็งไปที่หลี่หลงหลิน “ถ้าเจ้าอยากตายจริงๆ! ข้าก็จะช่วยเจ้าเอง...”เมื่อเห็นว่าซูเฟิ่งหลิงกำลังจะโกรธอีกครั้ง หลี่หลงหลินก็รีบพูดว่า “วันนี้ข้าไม่มีเวลาเล่นกับเจ้าหรอกนะ! เสด็จพ่อยกเขาประจิมให้ข้าแล้ว...”ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึง ดวงตาจ้องมองตรงไปที่หลี่หลงหลินเจ้าคนนี้ทำน้ำแกงเสน่ห์อะไรไปให้ฮ่องเต้กินกัน?เขาประจิมมีรัศมีแปดร้อยลี้ พื้นที่ใหญ่เช่นนี้ ฮ่องเต้บอกจะยกให้ก็ยกให
“ขอเพียงข้าเขียนชื่อของพวกเจ้าลงไป ไม่ว่าพวกเจ้าจะเคยทำอะไรมาก่อน หรือมีภูมิหลังครอบครัวอย่างไร ก็จะไม่ใช่ทหารปลายแถวไร้ประโยชน์อีกต่อไป แต่เป็นผู้บัญชาการทหาร!”“แต่การจะเป็นขั้นเก้าหรือขั้นหกนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลงานของพวกเจ้าเอง!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้จบลง ทหารที่เหลือก็ระเบิดทันทีผู้บัญชาการทหาร!พวกเขาแม้แต่ฝันยังไม่กล้าฝันแม้ว่าแต่ละคนจะอยู่ในกองทัพมาหลายปีแล้ว ปีนออกมาจากภูเขาซากศพ ทำภารกิจทหารมานับไม่ถ้วนแต่ตำแหน่งทหารที่ว่าง ล้วนถูกขุนนางฉกฉวยเอาไปไม่ว่าพวกเขาจะทำดีมามากเพียงใด เสียเลือดมากแค่ไหน ล้วนแต่เป็นลูกล้อที่ต่ำต้อยการเป็นผู้บัญชาการทหาร ก็เหมือนควันที่ลอยขึ้นมาจากหลุมศพของบรรพบุรุษ[footnoteRef:1] [1: สิ่งที่เป็นไปไม่ได้] ส่วนตำแหน่งที่สูงกว่ารองผู้บัญชาการ อย่าเพิ่งพูดถึงชีวิตนี้ แม้แต่ชีวิตหน้าก็ยังไม่กล้าฝันถึงหากได้เป็นผู้บัญชาการทหารจริงๆ ก็จะสามารถกินอาหารรสเลิศของในวังได้ ในชีวิตนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่อาศัยอีก!ชั่วครู่หนึ่ง ทหารที่เหลืออยู่ต่างปลาบปลื้ม ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายสดใสทว่า พวกเขากลับไม่มีใครลุกขึ้นมาหลี่หลงหลินคิดว่
เขาประจิมผู้คุ้มกันพบร่องรอยของหลี่หลงหลินและพรรคพวกของเขาแล้วเดิมทีพวกเขาไม่คิดเอาเรื่องนี้มาใส่ใจการรักษาความปลอดภัยของเรือนพักเขาประจิมนั้น เข้มงวดกว่าในเขตพระราชวังเสียอีกใครจะกล้าบุกเข้ามากัน?ไม่อยากตายดีหรือ?แต่เมื่อพวกเขาเห็นคนกลุ่มนี้รีบวิ่งด้วยความเดือดดาล ก็พากันตื่นตระหนกทันที!“หยุด!”“พวกเจ้าเป็นใคร?!”“ผู้ใดกล้าบุกเข้ามาในเรือนพักเขาประจิม?!”“รีบออกไปจากที่นี่เสีย!”ผู้คุ้มกันก้าวไปข้างหน้า หยุดกลุ่มหลี่หลงหลิน ในมือขวาถือดาบใหญ่ ดูหยิ่งผยองอย่างยิ่งหลี่หลงหลินคร้านเกินกว่าจะพูดจาไร้สาระกับเหล่าสมุนพวกนี้ จึงตะโกนเสียงดังลั่น “ตี!”ทหารที่เหลือระงับอารมณ์เกรี้ยวกราด แล้วเริ่มทุบตีผู้คุ้มกันอย่างรุนแรงผู้คุ้มกันพวกนี้ จริงๆ แล้วเป็นกลุ่มคนอันธพาลไร้ประโยชน์ มีฝีมือเล็กน้อย ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่น แต่ก็เทียบไม่ได้กับเหล่าทหารของตระกูลซูที่เคยผ่านการสู้รบมาหลายครั้งพวกเขาไม่ได้ดึงดาบออกมาด้วยซ้ำ ก็ถูกตีจนจมูกฟกช้ำ ใบหน้าบวมเป่ง ทั้งหมดคุกเข่าลงกับพื้น ร้องขอความเมตตาหลี่หลงหลินสั่ง “ทิ้งคนไว้ร้อยคน อยู่คุ้มกันที่นี่! ไม่ว่าจะเป็นใคร อนุญาตเพียงออก ไม่
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค