เจ้ากรมอาญายิ้มเล็กน้อย “หากองค์หญิงใหญ่มีเรื่องใดให้ใช้งาน ขอให้สั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ขึ้นภูเขามีด ลงทะเลเพลิง กระหม่อมไม่มีวันปฏิเสธ”องค์หญิงใหญ่พูดเสียงเรียบ “อย่าได้เอ่ยกับผู้ใดเรื่องที่ได้พบกันในวันนี้ เจ้าไม่เคยพบข้า เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เจ้ากรมอาญาลุกขึ้นประกบมือ “กระหม่อมเข้าใจ”หลังมองส่งเจ้ากรมอาญาจากไปแล้วองค์หญิงใหญ่ยกมุมปากยิ้มเย็น “หลี่หลงหลิน ครั้งนี้น่ากลัวว่าเจ้าจะต้องจบสิ้นแล้ว!”“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเองก็มีวันนี้ เดิมทีวางแผนกำจัดองค์ชายสามเองกับมือ บัดนี้ปัญหาข้าลดลงไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตนเอง ช่างเป็นเรื่องที่ได้มาโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงโดยแท้!”แปะแปะ!องค์หญิงใหญ่ปรบมือ จู่ๆ นินจาคนหนึ่งก็ปรากฎตัวออกมาต่อหน้านางอย่างกะทันหัน ท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน “องค์หญิง มีเรื่องใดต้องการสั่ง”องค์หญิงใหญ่พูดเสียงเคร่งขรึม “ออกเดินทางกลับวัง”ในสายตาองค์หญิงใหญ่ ความตายขององค์ชายสามเป็นโอกาสหาได้ยากยิ่งอย่างหนึ่งแม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่เห็นผล แต่ตนจะต้องชิงโอกาสลงมือก่อนจะต้องรีบรายงานเรื่องนี้ให้ฮองเฮาหลู่รู้......ตำหนักเย็นฮองเฮาหลู่นั่งภายในตำหนัก ตำหนักขน
“สืบความจริงเรื่องนี้หรือยัง?”“ท่านเจ้ากรมได้ยินจากปากหลี่หลงหลินเอง เรื่องนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องเท็จ”องค์หญิงใหญ่เห็นใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของฮองเฮาหลู่ยิ้มแย้มเย็นเยียบขึ้นมา“ตายอย่างไร?”แววตาของฮองเฮาหลู่สั่นระริกแม้ปกติฮองเฮาหลู่จะดูแลเพียงฝ่ายใน แต่ก็มีหูมีตาอันเฉียบแหลมต่อสถานการณ์ในราชสำนักการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายสาม แม้จะเหนือความคาดหมาย แต่ก็อยู่ในแผนการเช่นกันหากเป็นจริงดังว่า นางก็สามารถเดินหมากตากต่อไปได้องค์หญิงใหญ่ส่ายหน้า “สาเหตุที่แท้จริงยังสืบไม่แน่ชัด แต่หลังจากเมื่อวาน เป็นหลี่หลงหลินที่พาตัวองค์ชายสามหลี่เฟิงอวิ๋นไปจากตำหนักเฟิ่งชี หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นองค์ชายสามอีกเลย” “ดี ดีมาก!”“คาดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กหลี่หลงหลินผู้นี้จะเหี้ยมหาญถึงเพียงนี้ ลงมือกำจัดองค์ชายสามโดยตรงเสียได้”องค์หญิงใหญ่กล่าวเสียงเข้ม “เสด็จแม่ เช่นนั้นเราจะดึงกำลังหนุนจากซีเหลียงมาต่อกรกับหลี่หลงหลินได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้ซีเหลียงไร้ผู้นำ เหล่าแม่ทัพคงไม่ยอมฟังคำสั่งจากสตรีเช่นข้าเป็นแน่”ฮองเฮาหลู่ทอดพระเนตรองค์หญิงใหญ่อย่างมีความหมายลึกซึ้ง ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่! ที่ต้
ค่ายทหารซีเหลียงด้านนอกกระโจมทหาร แสงคบเพลิงวูบไหวราตรีล่วงลึกเหล่าทหารต่างเข้าสู่นิทรา เหลือเพียงกองลาดตระเวนกลุ่มเล็กๆ เดินตรวจตราไปตามแนวค่าย เพื่อป้องกันข้าศึกจู่โจมยามค่ำคืนแม้ทัพซีเหลียงจะเพิ่งบดขยี้ทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ จนแตกพ่ายยับเยิน ต้องหนีกระเซอะกระเซิงไปก็ตาม ทว่ายิ่งอยู่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ยิ่งมิอาจประมาทแม้เพียงน้อยนิดกุก กุก...พิราบสื่อสารตัวหนึ่งบินเข้าไปในค่ายทหาร ลงเกาะบนยอดกระโจมหลังหนึ่งมือใหญ่หยาบกร้านข้างหนึ่งปลดกระบอกสาส์นลับออก จากนั้นจึงรีบรุดไปยังกระโจมของรองแม่ทัพทันทีรองแม่ทัพโจวทงคือแม่ทัพคู่ใจคนสำคัญภายใต้บัญชาของซีเหลียงอ๋องหลี่เฟิงอวิ๋น ครั้งนี้ที่ซีเหลียงอ๋องเสด็จเข้าเมืองหลวงเพื่อรับพระราชทานรางวัล ก็ได้มอบหมายอำนาจในการดูแลกิจการซีเหลียงให้แก่โจวทง ทรงไว้วางพระทัยในตัวเขาอย่างยิ่งภายในกระโจมของรองแม่ทัพโจวทง สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ราวกับกำลังรอคอยสิ่งใดอยู่ “ท่านรองแม่ทัพ มีสาส์นจากเมืองหลวงขอรับ!”ทหารนายนั้นยื่นสาส์นพิราบส่งให้โจวทงเขาเหลือบมองเพียงปราดเดียว ก็โบกมือให้ทหารคนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปก่อนในไ
วาจาเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถตัดสินความเป็นความตายของคนผู้หนึ่งได้แม้ฮ่องเต้หวู่จะทรงกุมอำนาจสูงสุด แต่ก็ทรงถูกเหล่าขุนนางกังฉินในราชสำนักใช้เป็นหอกดาบโจวทงกุมกระบี่ประจำกายไว้แน่น กล่าวเสียงเย็นชา “แม้ข้าจะไม่ถนัดการใช้คารม แต่กระบี่ยาวเล่มนี้อยู่ในมือข้า ข้าจะเข้าเมืองหลวงไปสังหารเจ้าพวกกังฉินนั่น! ใช้เลือดสดๆ ของพวกมันเซ่นไหว้ดวงวิญญาณท่านอ๋อง!”ความเยือกเย็นของโจวทง บ่งบอกว่าเขาได้ครุ่นคิดมานานแล้ว มิใช่คำพูดที่พลั้งปากออกมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบแววตาของหวังหมิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง “ท่านแม่ทัพโจว ท่านเสียสติไปแล้วหรือ! รู้หรือไม่ว่านี่ต้องโทษสถานใด?”“การก่อกบฏเคลื่อนทัพ มีโทษถึงประหารเก้าชั่วโคตรนะ!”โจวทงแค่นเสียงเย็นชา “ก่อกบฏรึ?”“ข้าเพียงกำจัดขุนนางชั่ว ชำระสะสางข้างฮ่องเต้!”“จะปล่อยให้ฝ่าบาททรงถูกปิดหูปิดตาต่อไปมิได้! ข้าจะทำให้พระองค์ทรงตาสว่าง มองเห็นว่าต้าเซี่ยที่แท้จริงเป็นเช่นไร!”กล่าวจบ โจวทงก็กระชับกระบี่แน่น เดินออกไปนอกกระโจม เตรียมเคลื่อนพลเข้าเมืองหลวงทันที!หวังหมิงรีบเข้ามาขวางหน้าโจวทง “ไม่ได้เด็ดขาด! ท่านแม่ทัพโจว! อย่าได้วู่วามเป็นอันขาด!”“หากท่านเคล
“ประหารขุนนางกังฉิน ชำระล้างข้างพระองค์!”“ประหารขุนนางกังฉิน ชำระล้างข้างพระองค์!”“...”ซีเหลียงอ๋องเป็นที่รักและเคารพอย่างยิ่งในหมู่ทหารเหล่าทหารจึงขานรับอย่างพร้อมเพรียงทันที!เหล่าทหารหรือจะทนให้ขุนนางกังฉินในราชสำนักทำร้ายแม่ทัพผู้ภักดีเยี่ยงนี้ได้?ทหารยอมตายได้ แต่ไม่อาจถูกหยาม!สุดสายตาของโจวทง ล้วนเป็นเหล่าทหารผู้เปี่ยมด้วยเลือดร้อนแห่งวัยหนุ่มบัดนี้ กองทัพซีเหลียงย่อมต้องฟังคำบัญชาเคลื่อนพลจากเขาอยู่แล้วเพียงมีเหตุผลอันชอบธรรม เหล่าทหารย่อมไม่สงสัยว่าเขามีใจคิดกบฏโจวทงอยู่ในชุดขาวไว้ทุกข์ ราวกับกำลังสวมผ้าป่านแสดงความกตัญญูเขายกชามสุราโลหิตขึ้นเหนือศีรษะ จ้องมองท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิดดุจผืนน้ำ กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง หากดวงวิญญาณท่านรับรู้ได้บนสวรรค์ โปรดอภัยให้ความหุนหันพลันแล่นของข้าน้อยด้วย!”“หากมิอาจล้างแค้นทวงคืนความยุติธรรมให้ท่านอ๋องได้ ข้าน้อยก็ไม่มีหน้าไปพบท่านในปรโลก!”“วันนี้ ข้าน้อยจะนำเหล่าทหาร บุกเข้าเมืองหลวงกำจัดขุนนางกังฉิน แม้ต้องลุยน้ำลุยไฟเพื่อท่านอ๋อง ก็หาได้ลังเลไม่!”“ขอท่านอ๋องโปรดพักผ่อนอย่างสงบ ณ ปรโลกด้วยเถิด!”กล่าว
“เจ้ารวบรวมทหารในกองทัพด้วยเหตุใด!”“หรือว่าเจ้าคิดจะก่อกบฏกันแน่!”หลี่เฟิงอวิ๋นเหงื่อผุดซึมเรื่องราวเป็นไปดังที่หลี่หลงหลินกล่าวไว้จริงๆข่าวการตายของตนเองหากแพร่กลับไปถึงซีเหลียง จะต้องทำให้เกิดการกบฏในกองทัพอย่างแน่นอน!ยังดีที่หลี่หลงหลินคาดการณ์แม่นยำราวเทพยดา มิฉะนั้นจะต้องก่อให้เกิดภัยพิบัติใหญ่หลวงเป็นแน่!ตนเองส่งข่าวสารด่วนแปดร้อยลี้ เดินทางทั้งวันทั้งคืน ม้าเร็วชั้นดีต้องเหนื่อยตายไปถึงสามตัว กว่าจะตามมาทันได้อย่างหวุดหวิดเพียงพอที่จะเห็นได้ว่าสถานการณ์เร่งด่วนเพียงใด!หลี่เฟิงอวิ๋นตวาดสั่ง “ทหาร! ยึดกระบี่ประจำตัวของเขามา!”บัดนี้ แม้แต่รองแม่ทัพที่ตนไว้วางใจที่สุดก็ยังมีใจคิดกบฏหลี่เฟิงอวิ๋นไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อยต้องแสดงอำนาจเด็ดขาดปานสายฟ้าฟาด มิฉะนั้นเกรงว่าจะมีคนฉวยโอกาสก่อความวุ่นวายขึ้นอีก!ทหารสองสามนายก้าวไปข้างหน้า จับกุมตัวโจวทงไว้จากนั้นก็ปลดกระบี่ประจำตัวของเขาออกแม้โจวทงจะไม่เต็มใจอย่างยิ่งแต่บัดนี้ตัวคนเดียว คิดจะต่อกรกับกองทัพใหญ่ซีเหลียงทั้งหมด ก็เหมือนเอาไข่ไปกระทบหิน ไม่ประมาณตน!โจวทงกล่าวเสียงสั่นเครือ “ท่านอ๋อง ข้าน้อยถูกใส่ร้าย
“ตอนนี้เสนาธิการทัพหวังอยู่ที่ใด!”หลี่เฟิงอวิ๋นเป็นห่วงสถานการณ์ของหวังหมิงอย่างยิ่งแผนการล่อลวงคนป่าเถื่อนทางตอนเหนือเข้าสู่กับดัก แล้วทำลายล้างเสียให้สิ้นในคราวเดียว ล้วนเป็นกลอุบายของหวังหมิง!ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของซีเหลียงครั้งนี้ ความดีความชอบของหวังหมิงมิอาจลบเลือนได้!บัดนี้ รางวัลที่ตนเคยรับปากหวังหมิงไว้ก็ยังไม่ได้มอบให้ แต่เขากลับตกอยู่ในสภาวะเป็นตายเท่ากันเสียแล้ว!ทหารผู้ส่งข่าวประสานมือคำนับกล่าวว่า “เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ตอนนี้เสนาธิการถูกส่งตัวไปรักษาแล้ว สถานการณ์โดยละเอียดข้าน้อยก็ไม่ค่อยทราบชัดเจนขอรับ”“พบเขาในกระโจมทหารหลังใด!”แม้ในใจหลี่เฟิงอวิ๋นจะคาดเดาได้แล้ว แต่เขายึดถือหลักฐานก่อนที่หลักฐานจะชัดเจน จะไม่ด่วนสรุปอย่างเด็ดขาด!ทหารผู้นั้นมองโจวทงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเช่นกัน โกรธแต่ไม่กล้าพูด หลี่เฟิงอวิ๋นตวาด “อย่างไร! หรือเจ้ายังกลัวว่าข้าอยู่ในกองทัพนี้แล้วจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าไม่ได้หรือ?”“พูดมา!”ทหารผู้นั้นพยักหน้า “ข้าพบเสนาธิการหวังในกระโจมของแม่ทัพโจวขอรับ ยังดีที่ไปทัน ร่างกายยังพอมีไออุ่นหลงเหลืออยู่บ้าง”หลี่เฟิงอวิ๋นถลึงตามองโจวทงแว
หลี่เฟิงอวิ๋นกล่าวเสียงกร้าว “ตัดหัวเขา ส่งม้าเร็วแปดร้อยลี้ไปยังเมืองหลวง ส่งไปยังจวนองค์รัชทายาททันที!”“ขอรับ!”หลี่เฟิงอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อยในฐานะบุคคลที่อยู่ใจกลางวังวนเขาสัมผัสได้แล้วว่า สถานการณ์ที่พลิกผันคาดเดาไม่ได้ในขณะนี้ หากพลาดพลั้งเพียงเล็กน้อย ก็จะถูกดึงเข้าไปสู่หายนะที่มิอาจฟื้นคืนขอเพียงสามารถส่งศีรษะของผู้ก่อกบฏและจดหมายลับที่สมคบกับศัตรูไปถึงมือของหลี่หลงหลินได้คันชั่งสถานการณ์ในราชสำนักจะต้องเอียงมาทางหลี่หลงหลินอย่างแน่นอนสถานการณ์ก็จะยิ่งชัดเจนขึ้นยิ่งไปกว่านั้น อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันอภิเษกสมรสของหลี่หลงหลินแล้วเกรงว่าในราชสำนักคงมีคลื่นใต้น้ำปั่นป่วน เตรียมพร้อมที่จะลงมือกับหลี่หลงหลินได้ทุกเมื่อ!“หวังว่าจดหมายฉบับนี้และศีรษะของผู้ก่อกบฏจะช่วยองค์รัชทายาทได้”หลี่เฟิงอวิ๋นเงยหน้ามองจันทร์ ถอนหายใจยาว “ความสามารถขององค์รัชทายาทเหนือกว่าจินตนาการของข้าไปนานแล้ว ความสำเร็จในภายหน้าจะต้องเหนือกว่าเสด็จพ่ออย่างแน่นอน!”“สามารถขึ้นตรงต่อประมุขผู้ปราดเปรื่องเช่นนี้ ข้าหลี่เฟิงอวิ๋นยอมรับจากใจจริง”...เมืองหลวงกำหนดการอภิเษกสมรสใกล้เข้ามาเรื่
หลู่จงหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย จมอยู่ในภวังค์ความคิดเมื่อครั้งที่ที่ดินศักดินาตงไห่อยู่ภายใต้การดูแลของหลี่เทียนฉี่ด้วยความสัมพันธ์ทางสายเลือด อาศัยฐานะพี่เขยของฝ่าบาทของตนเอง ก็สามารถทำตามอำเภอใจในตงไห่ได้หากเปลี่ยนเป็นหลี่หลงหลิน แน่นอนว่าจะไม่ปล่อยปละละเลยตนเองเหมือนเช่นเคยองค์หญิงใหญ่กล่าวเสียงขรึม “ท่านลุง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะลังเล ข้าเสี่ยงภัยมาพึ่งพาท่าน ก็เพื่อต้องการให้ท่านชิงลงมือก่อน”“ชิงลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ ลงมือทีหลังย่อมเสียเปรียบ”“ชิงลงมือก่อน?”หัวใจของหลู่จงหมิงสั่นสะท้าน“ผิงเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่า...?”หลู่จงหมิงเหลือบมองไปนอกห้องหนังสือโดยไม่รู้ตัว เกรงว่ากำแพงจะมีหู ประตูจะมีช่องหากแผนการลับเช่นนี้รั่วไหลออกไป นั่นคือโทษประหารชีวิตสถานเดียว!องค์หญิงใหญ่กดเสียงให้ต่ำลง “ตอนนี้เสด็จแม่สิ้นพระชนม์แล้ว ท่านพี่ใหญ่ถูกกักบริเวณในวังหลวง หากมิใช่เพราะข้าสละส่วนน้อยเพื่อรักษาชีวิตรอด หาทางหนีออกมาได้ เกรงว่าป่านนี้ข้าคงถูกหน่วยองครักษ์เสื้อแพรควบคุมตัวไปแล้ว ผลที่ตามมาย่อมคาดเดาไม่ได้!”“ตงไห่อุดมสมบูรณ์ พร้อมด้วยทรัพยากร ท่านลุงปกครองที่นี่มานานปี เกรงว่
นี่มันบ้านของตัวเองชัดๆ แต่คนชุดเทากลับทำท่าทีเหมือนเป็นเจ้าของ อีกทั้งนางยังรู้เรื่องสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดีคนที่เหลือในชุดเทาเข้าแถวเป็นสองแถว รับผิดชอบเฝ้าอยู่ทางซ้ายและขวาของห้องหนังสือหลู่จงหมิงไม่ลังเลเลย ก้าวไปข้างหน้า ทิ้งนายทหารไว้ด้านนอกห้องหนังสือภายในห้องหนังสือมืดสลัวไร้แสงขาดการซ่อมแซมมานาน เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะหลู่จงหมิงมองไปยังร่างของคนชุดเทา เอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงรู้จักบ้านตระกูลหลู่อย่างละเอียดเช่นนี้! ห้องหนังสือแห่งนี้มีเพียงท่านพ่อผู้ล่วงลับเท่านั้นที่มักจะกลับมาเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ คนทั่วไปไม่มีทางรู้ตำแหน่งนี้ได้”พรึ่บ!คนชุดเทาถอดผ้าคลุมผืนใหญ่ออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามน่าตะลึงชั่วขณะหนึ่ง หลู่จงหมิงนิ่งตะลึงอยู่กับที่เขาไม่เคยเห็นสตรีใดในโลกที่งดงามล่มบ้านล่มเมือง งามเลิศล้ำถึงเพียงนี้มาก่อนแต่เพียงไม่นาน สีหน้ายินดีของหลู่จงหมิงก็แปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก“องค์หญิงใหญ่?”หลู่จงหมิงเพิ่งจำได้ว่าคนตรงหน้าคือองค์หญิงใหญ่ตัวจริงเสียงจริง!องค์หญิงใหญ่ยิ้มแย้ม “ท่านลุง ด้านนอกมีสายอยู่มากมาย เพื่อความปลอดภัย ข้าจึงต้องทำเช่น
ตงไห่ภายในจวนตระกูลหลู่ ทุกอย่างยังคงสงบราบรื่นดุจผืนน้ำไร้คลื่นลมไม่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในราชสำนักแม้แต่น้อยมีคำกล่าวว่า ฟ้าย่อมสูง ฮ่องเต้ย่อมไกลตราบใดที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางอำนาจมากพอผลกระทบที่ได้รับก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้นแม้พี่เขยของฝ่าบาท หลู่จงหมิง จะไม่ใช่ขุนนางใหญ่ในราชสำนักแต่ที่ตงไห่แห่งนี้ เขากลับมีอำนาจล้นฟ้า คำพูดถือเป็นประกาศิตยิ่งไปกว่านั้น เขตศักดินาทั้งหมดของตงไห่ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นของหลานชายของเขา หลี่เทียนฉี่หลู่จงหมิงจึงยิ่งเหิมเกริมบ้าอำนาจในตงไห่ ทำทุกอย่างตามใจปรารถนาหลู่จงหมิงสวมชุดคลุมมังกรทับร่างกำยำ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง รูปร่างสูงใหญ่ดุจขุนเขา เอนกายนั่งบนเก้าอี้เท้าแขนตัวใหญ่ มือข้างหนึ่งหมุนถ้วยชาในมือเล่น“ได้ยินมาว่าช่วงนี้ สถานการณ์ในราชสำนักมีการเปลี่ยนแปลง?”ผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามหลู่จงหมิงคือเสนาธิการใต้บังคับบัญชาของหลี่เทียนฉี่ปกติแล้วหลี่เทียนฉี่มัวแต่ยุ่งกับการต่อสู้แย่งชิงในราชสำนัก ไม่มีเวลามาดูแลเขตศักดินาตงไห่ดังนั้น เรื่องน้อยใหญ่ทั้งหลายในตงไห่จึงล้วนผ่านการกลั่นกรองโดยเสนาธิการก่อนจะส่งมอบให้ห
แผนการที่เดิมทีนางเห็นว่าไร้ช่องโหว่โดยสิ้นเชิง กลับไร้ผลต่อหลี่หลงหลินไม่เพียงแต่แผนจะล้มเหลวไม่เป็นท่า ซ้ำร้ายยังย้อนกลับมาทำร้ายตนเององค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้ว นางถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง “หรือว่าชั่วชีวิตนี้ข้าถูกลิขิตให้ต้องพ่ายแพ้แก่หลี่หลงหลินผู้นี้หรือ? ข้าไม่ยอม!”“องค์หญิง! มีสาส์นลับจากในวังส่งมาเพคะ”แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะเพิ่งเสด็จกลับจากตงอิ๋ง แต่ในราชสำนักก็มีสายสืบของนางแทรกซึมอยู่ก่อนแล้ว หากไม่เป็นเช่นนั้น นางคงไม่กล้าพอที่จะงัดข้อกับหลี่หลงหลิน ถึงกระนั้น นางก็ยังคงพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เคยได้เปรียบจากเงื้อมมือของหลี่หลงหลินเลยแม้แต่น้อยองค์หญิงใหญ่ใช้มือกุมหน้าผาก เอ่ยเสียงเข้ม “มีข่าวร้ายอันใดมาให้ข้าอีกแล้ว”คนสนิทส่งสาส์นลับขึ้นมา “องค์หญิง โปรดทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองเพคะ”องค์หญิงใหญ่เปิดสาส์นลับตรงหน้า ข้อความปรากฏสู่สายตาอย่างรวดเร็ว แต่นางกลับนิ่งค้างราวกับกลายเป็นหิน อ้าปากค้าง ไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้เป็นนานในสาส์นลับมีเพียงตัวอักษรไม่กี่คำ ฮองเฮาหลู่...หายสาบสูญ“นี่...นี่มันเป็นไปไม่ได้”องค์หญิงใหญ่มิได้แปลกใจกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย อั
วันต่อมาเว่ยซวินจัดการงานเรียบร้อยอย่างมากแต่เรื่องฮองเฮาหลู่หายตัวไปกลับแพร่สะพรัดไปทั่วโดยที่ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึง ทันใดนั้นกลายเป็นเรื่องที่เหล่าขุนนางในราชสำนักซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปากย่อมมีคนไม่น้อยปะติดปะต่อเรื่องนี้เข้ากับงานแต่งของหลี่หลงหลินเมื่อวานราชสำนักกำลังเอะอะอึกทึกครึกโครมภายในตำหนักข้างแห่งหนึ่งของพระราชวังต้องห้ามหลี่เทียนฉี่เดินเล่นภายในสวนไม่นับว่าใหญ่เหมือนที่ผ่านมาหากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝัน สวนเล็กนี้ไปจนถึงตำหนักข้างจะกลายเป็นที่พำนักของหลี่เทียนฉี่ในช่วงบั้นปลายชีวิตตอนนี้เขาถูกริบอำนาจทั้งหมดไปแล้ว เว้นเสียแต่อำนาจในการมีชีวิตอยู่ที่ไม่ถูกลิดรอนไปนี่คือวิธีโหดเหี้ยมอย่างที่สุดฆ่าคนยังไม่โหดร้ายเท่าทำลายจิตใจหลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้วแน่น อิงตามจดหมายลับที่ส่งมาจากวังเมื่อหลายวันก่อนเป็นไปตามคาดหลังงานแต่งของหลี่หลงหลิน องค์หญิงใหญ่จะขยายอำนาจสู่จุดสูงสุดจะตัดรากถอนโคนหลี่หลงหลินถึงตอนนั้นความผิดโทษฐานกบฏของหลี่เทียนฉี่จะถูกลบล้างเขาจะได้รับสิ่งที่สมควรเป็นของเขาทั้งหมดใหม่อีกครั้งหลี่เทียนฉี่กำลังรอรอข่าวดีที่ไม่มีวันมาถึงตึกตึกตึก!
พูดพลาง ฮองเฮาหลู่เดินออกไปภายนอกด้วยตนเองชั่วขณะนั้น นางรู้สึกราวกับได้อำนาจกลับคืนมา!ชิ้ง!แสงเงินสายหนึ่งวูบไหวองครักษ์เสื้อแพรสองคนชักดาบออกจากฝัก คมดาบขวางหน้าฮองเฮาหลู่เอาไว้สีหน้าฮองเฮาหลู่ตกตะลึงพรึงเพริด “เว่ยกงกง นี่หมายความอะไร?”เว่ยซวินยิ้มจางๆ “ฮองเฮาหลู่ น่ากลัวว่าท่านเข้าใจความนัยของกระหม่อมผิดไปแล้ว”เสียงฮองเฮาหลูสั่นเครือ “เจ้าไม่ได้มารับข้ากลับตำหนักเฟิ่งซีหรือ?”เว่ยซวินส่ายหน้า “เปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมาส่งท่านออกเดินทาง”“เดิน...เดินทาง?”ฮองเฮาหลู่เซถลาไปหนึ่งก้าว ล้มลงบนพื้นแสงเทียนสลัวตัดกับแสงเย็นของดวงจันทร์สะท้อนลงบนใบหน้าเผือดซีดของฮองเฮาหลู่“นี่เป็นไปไม่ได้!”“ใครส่งเจ้ามา!”“บังอาจ! เจ้าเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งข้างกายข้าเท่านั้น เจ้าก็กล้าคิดเอาชีวิตฆ่า! หรือเจ้าไม่กลัวฮ่องเต้หวู่ลงโทษเจ้า?”เว่ยซวินผลิยิ้มขมปร่า โยนผ้าแพรขาวยาวสามฉื่อลงบนตัวฮองเฮาหลู่“ฮองเฮาหลู่ เป็นท่านลงมือด้วยตนเอง หรือจะให้กระหม่อมช่วยท่าน?”ยามได้เห็นผ้าแพรขาวพระราชทานนั้นสมองของฮองเฮาหลู่ขาวโพลนในทันใดนางไม่เข้าใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจตกลงเกิดเรื่องใดข
หลังสะใภ้ทั้งสี่จากไปภายนอกห้องหอก็กลับมาเงียบลงดังเดิมหลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ “เห็นทีพวกพี่สะใภ้ล้วนไปทั้งหมดแล้ว”ภายใต้แสงเทียนพลิ้วไหว ใบหน้ารูปไข่ของซูเฟิ่งหลิงมองดูแล้วอ่อนโยนงดงามมากยิ่งขึ้นหลี่หลงหลินเป่าเทียน โอบซูเฟิ่งหลิงไว้ในอ้อมกอดซูเฟิ่งหลิงอิงแอบอยู่ภายในอ้อมกอดของหลี่หลงหลิน พูดพึมพำ “พวกพี่สะใภ้นี่จริงๆ เลย...ทำให้ข้าอายแทบแย่”หลี่หลงหลินหัวเราะ “พวกพี่สะใภ้ก็แค่กังวล หวังว่าพวกเราจะมีทายาทสืบสกุลให้สกุลหลี่โดยเร็วก็เท่านั้น”มีทายาทสืบสกุลคือเรื่องใหญ่ของการแต่งงานก่อนแต่งงานซูเฟิ่งหลิงเคยได้ยินพี่สะใภ้สี่กำชับมาก่อนซูเฟิ่งหลิงช้อนดวงตาใสซื่อไร้พิษสงขึ้นและถามว่า “จะทำเช่นไร จูบปากตอนนี้หรือ?”หลี่หลงหลินมีเหงื่อผุด รู้สึกระอาภายในใจ “หรือว่าพี่สะใภ้สี่สอนเพียงแค่นี้? ดูท่าแล้วยังต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างข้าสอนด้วยตนเอง”คืนนั้นทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันตลอดคืน เสียงเตียงสั่นไหวไม่หยุดตำหนักเย็นตำหนักเย็นที่เคยถูกไฟไหม้มาก่อนมีซากปรักหักพังทั่วทุกหนแห่งฮ่องเต้หวู่ตัดสินใจลืมที่แห่งนี้ไปจนสิ้นไม่มีวันส่งคนมาซ่อมแซมนอกจากตำหนักเย็นแล้ว พระร
กงซูหว่านสำรวจลั่วอวี้จู๋และหลิ่วหรูเยียน “เหตุใดทั้งสองท่านถึงมาอยู่ที่นี่...”หลิ่วหรูเยียนพูดว่า “ข้ามาเก็บผลการเรียนของนักเรียน...”ใบหน้าลั่วอวี้จู๋แดงเรื่อ “ข้าเพียงตื่นกลางดึก บังเอิญผ่านมา เจ้าอย่าเข้าใจผิดเล่า”หลิ่วหรูเยียนพูดยิ้มๆ “ตอนนี้ก็เหลือเพียงพี่สะใภ้สามแล้ว...”กงซูหว่านส่ายหน้าและพูดว่า “ชิงไต้ไม่มีวันทำเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน น่ากลัวว่านางคงนอนหลับฝันไปตั้งนานแล้ว...”“ชู่ว์!”“อย่าดัง!”“ข้าได้ยินไม่ชัดว่าพวกเขาสองคนกำลังพูดอะไร!”เสียงคุ้นหูสายหนึ่งดังขึ้นทางด้านบนแต่กลับได้ยินเพียงเสียง มองไม่เห็นคนหลิ่วหรูเยียนพูดเสียงเครียด “ข้าได้ยินไม่ผิดไปกระมัง เมื่อครู่คล้ายเสียงของพี่สะใภ้สาม”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าลง ชี้ไปด้านหลังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น “เจ้าได้ยินไม่ผิดจริงนั่นล่ะ คนก็อยู่บนนั้นอย่างไรเล่า...”หันมองตามนิ้วมือของลั่วอวี้จู๋ไม่รู้ซุนชิงไต้ปรากฏตัวบนต้นไม้ตั้งแต่ยามใด บัดนี้อยู่เหนือศีรษะตนหลิ่วหรูเยียนพูดเบาๆ “เลื่อมใส เลื่อมใสจริงๆ ยังเป็นพี่สะใภ้สามฝีมือเหนือชั้น”ซุนชิงไต้กระโดดลงจากต้นไม้ มาหยุดข้างกายทั้งสามคนสบสายตากัน ทำเพียงยิ้มรับ
ใบหน้าลั่วอวี้จู๋แดงเรื่อ ไม่อาจรับมือในทันทีเลยได้ยามตนเองเพิ่งมาถึง ยังไม่ได้เริ่มแอบดูก็ถูกหลิ่วหรูเยียนจับได้แล้วหลิ่วหรูเยียนจับจ้องลั่วอวี้จู๋อย่างสงสัย ลดเสียงให้เบาลง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านคงไม่ใช่อยากมาแอบดูหรอกกระมัง?”ใบหน้าลั่วอวี้จู๋แดงยิ่งขึ้น พูดอ้ำอึ้ง “ข้าเพียงดื่มชาตอนกลางคืนมากไปจึงตื่นขึ้นมากลางดึกก็เท่านั้น! บังเอิญผ่านมา!”หลิ่วหรูเยียนเผยรอยยิ้มมีเลศนัย “พี่สะใภ้ใหญ่ หากข้าจำไม่ผิด ห้องที่ท่านอยู่คล้ายไม่ได้มาทางนี้กระมัง?”ลั่วอวี้จู๋ทำเป็นไม่รับรู้ แสร้งไม่ได้ยิน ย่อตัวลงข้างหลิ่วหรูเยียน “ในเมื่อมาแล้ว แอบฟังสักหน่อยจะเป็นไรไป”หลิ่วหรูเยียนยิ้มน้อยๆ หลีกทางให้ลั่วอวี้จู๋อย่างรู้ความสองคนได้ยินเสียงหยอกเย้าภายในห้องหอ เพลิดเพลินอย่างมาก“หรูเยียน ยังเป็นเจ้ารู้จักเลือกที่ คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะได้ยินชัดถึงเพียงนี้”ฟังเพียงเสียงที่ดังออกมาจากห้องหอ ทั้งสองคนก็สามารถนึกภาพออกได้ว่าเกิดอันใดขึ้นภายในห้องหอแล้วเพียะ!เสียงอิฐบนกำแพงด้านหนึ่งหล่นลงมา“มีคน!”เสียงร้องเตือนของซูเฟิ่งหลิงภายในห้องหอดังขึ้นหลิ่วหรูเยียนและลั่วอวี้จู๋ต่างตึงเครียดขึ้นม