“เจ้ารวบรวมทหารในกองทัพด้วยเหตุใด!”“หรือว่าเจ้าคิดจะก่อกบฏกันแน่!”หลี่เฟิงอวิ๋นเหงื่อผุดซึมเรื่องราวเป็นไปดังที่หลี่หลงหลินกล่าวไว้จริงๆข่าวการตายของตนเองหากแพร่กลับไปถึงซีเหลียง จะต้องทำให้เกิดการกบฏในกองทัพอย่างแน่นอน!ยังดีที่หลี่หลงหลินคาดการณ์แม่นยำราวเทพยดา มิฉะนั้นจะต้องก่อให้เกิดภัยพิบัติใหญ่หลวงเป็นแน่!ตนเองส่งข่าวสารด่วนแปดร้อยลี้ เดินทางทั้งวันทั้งคืน ม้าเร็วชั้นดีต้องเหนื่อยตายไปถึงสามตัว กว่าจะตามมาทันได้อย่างหวุดหวิดเพียงพอที่จะเห็นได้ว่าสถานการณ์เร่งด่วนเพียงใด!หลี่เฟิงอวิ๋นตวาดสั่ง “ทหาร! ยึดกระบี่ประจำตัวของเขามา!”บัดนี้ แม้แต่รองแม่ทัพที่ตนไว้วางใจที่สุดก็ยังมีใจคิดกบฏหลี่เฟิงอวิ๋นไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อยต้องแสดงอำนาจเด็ดขาดปานสายฟ้าฟาด มิฉะนั้นเกรงว่าจะมีคนฉวยโอกาสก่อความวุ่นวายขึ้นอีก!ทหารสองสามนายก้าวไปข้างหน้า จับกุมตัวโจวทงไว้จากนั้นก็ปลดกระบี่ประจำตัวของเขาออกแม้โจวทงจะไม่เต็มใจอย่างยิ่งแต่บัดนี้ตัวคนเดียว คิดจะต่อกรกับกองทัพใหญ่ซีเหลียงทั้งหมด ก็เหมือนเอาไข่ไปกระทบหิน ไม่ประมาณตน!โจวทงกล่าวเสียงสั่นเครือ “ท่านอ๋อง ข้าน้อยถูกใส่ร้าย
“ตอนนี้เสนาธิการทัพหวังอยู่ที่ใด!”หลี่เฟิงอวิ๋นเป็นห่วงสถานการณ์ของหวังหมิงอย่างยิ่งแผนการล่อลวงคนป่าเถื่อนทางตอนเหนือเข้าสู่กับดัก แล้วทำลายล้างเสียให้สิ้นในคราวเดียว ล้วนเป็นกลอุบายของหวังหมิง!ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของซีเหลียงครั้งนี้ ความดีความชอบของหวังหมิงมิอาจลบเลือนได้!บัดนี้ รางวัลที่ตนเคยรับปากหวังหมิงไว้ก็ยังไม่ได้มอบให้ แต่เขากลับตกอยู่ในสภาวะเป็นตายเท่ากันเสียแล้ว!ทหารผู้ส่งข่าวประสานมือคำนับกล่าวว่า “เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ตอนนี้เสนาธิการถูกส่งตัวไปรักษาแล้ว สถานการณ์โดยละเอียดข้าน้อยก็ไม่ค่อยทราบชัดเจนขอรับ”“พบเขาในกระโจมทหารหลังใด!”แม้ในใจหลี่เฟิงอวิ๋นจะคาดเดาได้แล้ว แต่เขายึดถือหลักฐานก่อนที่หลักฐานจะชัดเจน จะไม่ด่วนสรุปอย่างเด็ดขาด!ทหารผู้นั้นมองโจวทงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเช่นกัน โกรธแต่ไม่กล้าพูด หลี่เฟิงอวิ๋นตวาด “อย่างไร! หรือเจ้ายังกลัวว่าข้าอยู่ในกองทัพนี้แล้วจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าไม่ได้หรือ?”“พูดมา!”ทหารผู้นั้นพยักหน้า “ข้าพบเสนาธิการหวังในกระโจมของแม่ทัพโจวขอรับ ยังดีที่ไปทัน ร่างกายยังพอมีไออุ่นหลงเหลืออยู่บ้าง”หลี่เฟิงอวิ๋นถลึงตามองโจวทงแว
หลี่เฟิงอวิ๋นกล่าวเสียงกร้าว “ตัดหัวเขา ส่งม้าเร็วแปดร้อยลี้ไปยังเมืองหลวง ส่งไปยังจวนองค์รัชทายาททันที!”“ขอรับ!”หลี่เฟิงอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อยในฐานะบุคคลที่อยู่ใจกลางวังวนเขาสัมผัสได้แล้วว่า สถานการณ์ที่พลิกผันคาดเดาไม่ได้ในขณะนี้ หากพลาดพลั้งเพียงเล็กน้อย ก็จะถูกดึงเข้าไปสู่หายนะที่มิอาจฟื้นคืนขอเพียงสามารถส่งศีรษะของผู้ก่อกบฏและจดหมายลับที่สมคบกับศัตรูไปถึงมือของหลี่หลงหลินได้คันชั่งสถานการณ์ในราชสำนักจะต้องเอียงมาทางหลี่หลงหลินอย่างแน่นอนสถานการณ์ก็จะยิ่งชัดเจนขึ้นยิ่งไปกว่านั้น อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันอภิเษกสมรสของหลี่หลงหลินแล้วเกรงว่าในราชสำนักคงมีคลื่นใต้น้ำปั่นป่วน เตรียมพร้อมที่จะลงมือกับหลี่หลงหลินได้ทุกเมื่อ!“หวังว่าจดหมายฉบับนี้และศีรษะของผู้ก่อกบฏจะช่วยองค์รัชทายาทได้”หลี่เฟิงอวิ๋นเงยหน้ามองจันทร์ ถอนหายใจยาว “ความสามารถขององค์รัชทายาทเหนือกว่าจินตนาการของข้าไปนานแล้ว ความสำเร็จในภายหน้าจะต้องเหนือกว่าเสด็จพ่ออย่างแน่นอน!”“สามารถขึ้นตรงต่อประมุขผู้ปราดเปรื่องเช่นนี้ ข้าหลี่เฟิงอวิ๋นยอมรับจากใจจริง”...เมืองหลวงกำหนดการอภิเษกสมรสใกล้เข้ามาเรื่
เมื่อได้ยินดังนั้น หลิ่วหรูเยียนซึ่งกำลังแต่งหน้าให้ซูเฟิ่งหลิงอยู่ก็ชะงักไปเล็กน้อย“ใช่แล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นวันอภิเษกสมรสของน้องเล็กแล้ว...”น้ำเสียงของหลิ่วหรูเยียนแฝงแววเศร้าสร้อยอยู่บ้างซูเฟิ่งหลิงมองผ่านกระจกทองสัมฤทธิ์ เห็นสีหน้ายินดีแต่เดิมของหลิ่วหรูเยียนพลันแข็งค้างบนใบหน้าซูเฟิ่งหลิงวางมือลงบนหลังมือของหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ ท่านไม่ต้องอาลัยอาวรณ์ข้านักหรอกหลังแต่งงานก็แค่ย้ายเข้าไปอยู่ในวัง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตระกูลซูเท่าใดนัก ท่านแวะเวียนไปหาข้าที่วังได้เสมอ”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้ารับส่วนหนึ่งนางอาลัยอาวรณ์น้องเล็กแต่ส่วนใหญ่คือความอิจฉาเมื่อใดกันที่หลี่หลงหลินจะสามารถตบแต่งตนเองเข้าจวนอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมได้?หลิ่วหรูเยียนมองไม่เห็นความหวังหลิ่วหรูเยียนฝืนยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรหรอกน้องเล็ก ขอเพียงเจ้ากับองค์รัชทายาทมีความสุข ก็ดีกว่าสิ่งใดแล้ว”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตั้งใจมองดูกระดาษสีแดงในมือที่เขียนไว้แน่นขนัดแผ่นนั้นตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน การแต่งงานล้วนเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตยิ่งไปกว่านั้น คู่หมายของซูเฟิ่งหลิงคือองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน จึงยิ่งให้ค
ลั่วอวี้จู๋ส่ายศีรษะ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ ขอเพียงพรุ่งนี้น้องเล็กสามารถออกเรือนไปได้อย่างราบรื่น ความปรารถนาของข้าก็สมบูรณ์แล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าซูมองลั่วอวี้จู๋ แล้วถามว่า “สินสอดและของใช้ต่างๆ ที่ต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ เตรียมไปถึงไหนแล้ว?”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้า ยื่นรายการที่รวบรวมไว้แล้วให้ฮูหยินผู้เฒ่าซูม “เรียนฮูหยินผู้เฒ่า ของทุกชิ้นได้ตรวจนับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”ที่สำคัญที่สุดคือชุดอันงดงามที่ปักลายไก่ฟ้าและกวานหงส์ทองหนึ่ง ที่ประดับด้วยไข่มุกยอดกวานหงส์เป็นผลงานที่พี่สะใภ้สี่ หลิ่วหรูเยียน สร้างขึ้นด้วยมือตนเองใช้อัญมณีไปนับไม่ถ้วน เฉพาะเวลาในการทำงานอย่างเดียวก็กินเวลาของหลิ่วหรูเยียนไปทั้งปี!ที่เหลือก็เป็นเครื่องประดับ ทองคำ และของใช้ทั่วไปอื่นๆตระกูลซูส่งลูกสาวออกเรือน เรียกได้ว่าสินสอดนั้นมากมายมหาศาลอย่างยิ่งไม่เพียงเพราะความสัมพันธ์ที่หลี่หลงหลินเป็นองค์รัชทายาทแต่ยังเป็นเพราะราชวงศ์ต้าเซี่ยปฏิบัติต่อตระกูลซูเป็นอย่างดีตระกูลซูต้องการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการแต่งงานครั้งนี้ ย่อมไม่กล้าทำให้ดูน่าขันหรือเสียหน้าเด็ดขาดดังนั้นฮูหยินผู้เฒ
ขุนนางผู้ดูแลพิธีออกคำสั่งขบวนรับตัวเจ้าสาวออกเดินทางทันทีหลี่หลงหลินขี่อาชาสูงใหญ่อยู่หน้าสุด ท่วงท่าองอาจสง่างาม ราษฎรที่ยืนเรียงรายสองข้างทาง ต่างโห่ร้องยินดีไม่เว้นแม้แต่คนเดียว“ราษฎรขอถวายพระพรให้องค์รัชทายาททรงครองรักกันร้อยปี!”“ผูกพันใจเป็นหนึ่งเดียวตลอดไป!”“...”แสงตะวันกำลังดี ดอกไม้บานสะพรั่งเป็นกลุ่มก้อน เมืองหลวงภายใต้บรรยากาศการอภิเษกสมรสของหลี่หลงหลิน แปรเปลี่ยนเป็นมหาสมุทรแห่งเสียงโห่ร้องยินดีทุกครัวเรือนประดับโคมไฟผูกผ้าสีสันเพื่อเฉลิมฉลองงานมงคลสมรสใหม่ลมวสันต์พัดผ่าน มุมปากของหลี่หลงหลินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหนิงชิงโหวตามติดอยู่เบื้องหลัง “องค์รัชทายาท ตอนนี้ทรงรู้สึกอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “ย่อมหวานชื่นเหมือนทาด้วยน้ำผึ้ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าวันนี้เฟิ่งหลิงจะงดงามจับใจเพียงใด”เสียงฆ้องกลองดังสนั่นฟ้า เสียงประทัดดังกึกก้องพร้อมเพรียง ทันใดนั้น ในใจของหลี่หลงหลินก็ผุดความรู้สึกผิดหวังขึ้นมาวูบหนึ่ง“ช่างน่าเสียดาย วันนี้ได้แต่งเพียงเฟิ่งหลิงคนเดียว หากสามารถแต่งพี่สะใภ้ทั้งหมดพร้อมกันได้ด้วย นั่นจะยิ่งใหญ่สง่างามและน่ารื่นรมย์เพ
พวกเขาอาศัยสองมืออันขยันหมั่นเพียรของตนเอง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นเรื่อยๆ น้ำใจเหล่านี้ หลี่หลงหลินย่อมมิอาจปฏิเสธได้ หลี่หลงหลินพลิกตัวลงจากหลังม้า รับของขวัญแสดงความยินดีที่ชาวบ้านมอบให้ “ขอบคุณในน้ำใจของทุกท่าน!” ในชาติก่อน หลี่หลงหลินเคยเห็นแต่คนมาขวางประตูเพื่อเรียกรับของขวัญ ยังไม่เคยพบเห็นผู้ที่มามอบของขวัญให้เช่นนี้ เมื่อเห็นหลี่หลงหลินรับของขวัญแล้ว เหล่าหญิงม่ายต่างพากันหลีกทาง เปิดเป็นช่องทางตรงไปยังจวนตระกูลซู หลี่หลงหลินย่อมไม่รับเปล่า เขาโบกมือครั้งหนึ่ง อั่งเปาก็โปรยปรายทั่วฟ้า หน้าประตูจวนตระกูลซูเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศคึกคักยิ่งนัก หลี่หลงหลินเดินตรงไปยังจวนตระกูลซู เหล่าพี่สะใภ้รออยู่ที่หน้าประตูจวนนานแล้ว เพียงแต่หลี่หลงหลินมองออกว่า อารมณ์ของเหล่าพี่สะใภ้ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะลั่วอวี้จู๋ เกรงว่าคงไม่ได้หลับมาตลอดคืน บนใบหน้ารูปไข่งามพิสุทธิ์นั้น วันนี้กลับปรากฏริ้วรอยจางๆ ดูอ่อนล้าอยู่บ้าง เมื่อเห็นหลี่หลงหลินขี่ม้าสูงใหญ่ สวมชุดคลุมสีแดง ในใจของลั่วอวี้จู๋ยิ่งเสียศูนย์ไปบ้าง พลันดวงตาแดงก่ำ แล้วหันหน้าหน
หลี่หลงหลินกุมมือของซูเฟิ่งหลิงไว้แน่น ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาบ้าง หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงจูงมือกันก้าวเข้าสู่ตำหนักหลักของศาลบูรพกษัตริย์ ภายใต้การดำเนินพิธีของเสนาบดีกรมพิธีการ ทำพิธีคำนับฟ้าดินขั้นสุดท้าย ขั้นตอนการคำนับฟ้าดินไม่ซับซ้อน แต่ยุ่งยากยิ่งนัก คุกเข่าสามครั้ง โขกศีรษะเก้าครั้ง คำนับหกครั้ง หลังจากคู่บ่าวสาวคำนับกันแล้ว ยังต้องคำนับแก่เหล่าเชื้อพระวงศ์และพระญาติในราชวงศ์ จากนั้นจึงเป็นการเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงของเจ้าสาว หลี่หลงหลินใช้คันชั่งมงคล ค่อยๆ เปิดผ้าคลุมที่อยู่บนศีรษะของซูเฟิ่งหลิงออก เห็นเพียงใบหน้างดงามของซูเฟิ่งหลิงแดงระเรื่อ ริมฝีปากรูปผลซิ่งเม้มแน่น ขนตาสั่นไหวเบาๆ มองออกเลยว่า ซูเฟิ่งหลิงค่อนข้างประหม่า ภายใต้การประกาศของขุนนางฝ่ายพิธีการ หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงได้ผูกพันเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ ตะวันจันทราเป็นใจหนึ่งเดียว ฟ้าดินเป็นพยาน! “ดี! ดี! ดี! ในที่สุดก็หมดห่วงเรื่องในใจของข้าไปอีกหนึ่งเรื่อง!” ฮ่องเต้หวู่ตบมือชื่นชม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข หลี่หลงหลินจูงซูเฟิ่งหลิงมาเบื้องหน้าฮ่องเต้หวู่ ซูเฟิ
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค