เมื่อได้ยินดังนั้น ฮ่องเต้หวู่ก็ครุ่นคิด หลี่หลงหลินประสานมือ เอ่ยเสียงหนักแน่น “เสด็จพ่อ โปรดทรงไตร่ตรองด้วย!” หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่คำนึงถึงหลี่เฟิงอวิ๋น แต่ยังคำนึงถึงความมั่นคงของแผ่นดินต้าเซี่ย! ชัยชนะที่ซีเหลียงเป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งแผ่นดิน ชัยชนะครั้งนี้ปลุกขวัญกำลังใจของทหาร ฮ่องเต้หวู่มีพระราชโองการให้เข้าเมืองหลวงเพื่อรับรางวัล แต่ซีเหลียงอ๋อง เข้าเมืองหลวงได้เพียงวันเดียว ฮ่องเต้หวู่กลับจับเขาขังคุกหลวง เช่นนี้จะอธิบายต่อเหล่าทหารที่ประจำการอยู่ที่ซีเหลียงได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น กองกำลังของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะต้องฉวยโอกาสนี้ กลับมาโจมตีอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้น ไร้ผู้บัญชาการ ผลที่ตามมาก็ยากจะคาดเดา! ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่อาจจับซีเหลียงอ๋องเข้าคุกหลวงได้ ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว ครุ่นคิด “ซีเหลียงอ๋องแม้จะมีคุณูปการ ปราบปรามชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือสมควรได้รับรางวัล แต่กลับทำตัวโอหังเพราะมีผลงาน หากปล่อยไว้เช่นนี้ วันหน้าต้าเซี่ยจะสงบสุขได้อย่างไร?” ฮ่องเต้หวู่เชี่ยวชาญในกลวิธีของจักรพรรดิ ทราบดีว่าหากครั้งนี้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
ฮ่องเต้หวู่สบถเสียงเย็น “ในเมื่อชอบคุกเข่า เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องลุกขึ้นมาอีก!”“กลับวัง!”องครักษ์เสื้อแพรสวมเกราะเหล็กถืออาวุธคมกริบวิ่งกรูเข้ามาห้อมล้อมฮ่องเต้หวู่คุ้มกันส่งฮ่องเต้หวู่ออกจากตำหนักเฟิ่งซีโถงหลักอันกว้างใหญ่เหลือเพียงพวกหลี่หลงหลินสองสามคนหลี่หลงหลินพูดเสียงเย็น “เรื่องนี้ยังไม่จบหรอกนะ ข้าจะสืบความจริงให้กระจ่าง!”สิ้นคำ หลี่หลงหลินอุ้มซูเฟิ่งหลิงเดินออกจากตำหนักลมเหนือเย็นยะเยือก หิมะโปรยปรายทุกหนแห่งถูกปกคลุมด้วยสีขาวบริสุทธิ์ทอประกายระยับดุจเครื่องเงินแวววาวทหารชั้นยอดหนึ่งพันนายรอหลี่หลงหลินอย่างสงบอยู่ที่นอกตำหนักเฟิ่งซีตั้งนานแล้วคล้ายรูปปั้นหนึ่งพันตัวก็มิปานยืนสงบนิ่งท่ามกลางหิมะสง่างามน่าเกรงขาม!หนิงเซิงสืบเท้าขึ้นมาข้างหน้า มือสองข้างส่งเสื้อคลุมเข้าไปให้“องค์ชาย ร่างกายพระชายารัชทายาทสำคัญยิ่ง อย่าได้ต้องลมจนเป็นหวัดเป็นอันขาด”หลี่หลงหลินรับเสื้อคลุมไปและพูดว่า “หนิงเซิง ยกภารกิจคุ้มกันองค์ชายสามกลับภูเขาทิศประจิมให้เจ้าแล้ว”หนิงเซิงพูดเสียงเครียด “องค์ชายวางใจได้ องค์ชายสามไม่มีวันเป็นอะไร!”.........จวนสกุลซูลั่วอวี้จู๋ร้
กลางดึกแสงไฟของจวนสกุลซูสว่างไสวทุกคนในสกุลซูห้อมล้อมอยู่หน้าห้องของซูเฟิ่งหลิงพี่สะใภ้สามซุนชิงไต้แบกกล่องยาไว้บนหลัง ย่ำหิมะเข้ามา“หลีกไป! พี่สะใภ้สามมาแล้ว”ทุกคนแหวกทางออกให้ซุนชิงไต้สายหนึ่ง ปล่อยให้นางมาหยุดต่อหน้าซูเฟิ่งหลิงซูเฟิ่งหลิงนอนหมดสติไม่ฟื้นภายในอ้อมกอดของหลี่หลงหลิน “ชิงไต้ เจ้ามาแล้ว! รีบดูเถอะว่าน้องหญิงมีอาการเช่นไร?”ลั่วอวี้จู๋เต็มไปด้วยความร้อนใจ “หากเกิดอันใดขึ้นกับน้องหญิง ข้าไม่มีวันปล่อยหลี่เฟิงอวิ๋นคนนั้นไปแน่!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูที่นั่งอยู่ภายในนั้นขมวดคิ้วแน่น “บัดนี้แม้พูดว่าสกุลซูของข้าเหลือเพียงญาติฝ่ายหญิง แต่ก็ไม่มีวันปล่อยให้ผู้อื่นมารังแกได้!”“หากเฟิ่งหลิงเป็นอะไรไป ข้าขอสู้กับเขาจนตัวตาย!”หลี่หลงหลินพูดเสียงเคร่งขรึม “ทุกท่าน อย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย เฟิ่งหลิงน่าจะเพียงแค่หมดสติไป ไม่เป็นอะไรร้ายแรง”ซุนชิงไต้จับชีพจรซูเฟิ่งหลิงและพยักหน้า “รัชทายาทพูดถูกแล้ว ร่างกายน้องหญิงไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแค่หมดสติไปชั่วคราวเท่านั้น”ลั่วอวี้จู๋ตะโกนเสียงดัง “ชิงไต้ เช่นนั้นนางจะฟื้นขึ้นมายามใด?”ซุนชิงไต้ส่ายหน้า “นี่ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”ทุก
หลี่หลงหลินพยักหน้าลง กลับไม่พูดจานี่คลาดเคลื่อนไปจากที่เขาคิดไว้เพียงเล็กน้อยเบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องหนีไม่พ้นองค์หญิงใหญ่แน่!ฮูหยินผู้เฒ่าซูกำไม้เท้าแน่นพลางขมวดคิ้ว “เหลวไหลสิ้นดี! องค์หญิงใหญ่อำมหิตถึงเพียงนี้ คิดวิธีต่ำช้าเช่นนี้ออกมาได้!”“หากไม่ใช่ข้าอายุมากแล้ว จะต้องไปขอคำอธิบายจากนางมาอย่างหนึ่งแน่!”หลี่หลงหลินพูดเสียงเย็นชา “โชคดีข้าเตรียมการป้องกันเอาไว้แล้ว สั่งให้หนิงเซิงคุ้มครององค์ชายสามไปที่ภูเขาทิศประจิม หาไม่แล้วจะต้องตกหลุมพรางขององค์หญิงใหญ่แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “ตอนนี้องค์ชายสามอยู่ที่ภูเขาทิศประจิม?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “ยังหมดสติไม่ฟื้น อีกเดี๋ยวข้าค่อยพาพี่สะใภ้สามไปรักษา เจ้าอยู่พักรักษาตัวที่บ้านดีๆ เถอะ”ซูเฟิ่งหลิงเองก็อยากไปพร้อมกันหลี่หลงหลินพูดว่า “ข้างนอกลมหนาวเย็น ยิ่งไปกว่านั้นอีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันแต่งงานแล้ว พักรักษาตัวดีๆ ต่างหากสำคัญที่สุด”ลั่วอวี้จู๋เองก็พูดเกลี้ยกล่อม “ใช่แล้วน้องหญิงเล็ก ตอนนี้เจ้าเพิ่งฟื้น ร่างกายกำลังอ่อนแอ หากโดนลมหนาวจะยิ่งยุ่งยาก”ซูเฟิ่งหลิงไม่ต่อต้านอีก มองหลี่หลงหลินพาซุนชิงไต้หายไปท่ามกลางหิมะตกหน
หลี่เฟิงอวิ๋นเผยสีหน้าสับสน กวาดตามองทั่วสารทิศ “ข้าอยู่ที่ใด?”หลี่เฟิงอวิ๋นจะลุกขึ้น แต่ความเจ็บปวดแล่นพล่านทั่วทั้งสรรพางค์กาย คล้ายถูกคนตีก็มิปานใบหน้าน่ารักของซุนชิงไต้ปรากฏอยู่ในสายตา“ข้าไม่ใช่กำลังประลองยุทธ์กับซูเฟิ่งหลิงหรอกหรือ? เหตุใดมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าข้าแพ้ในเงื้อมมือของนาง!”ทันใดนั้นเลือดลมในกายพลุ่งพล่านหลี่เฟิงอวิ๋นรู้สึกเพียงอับอายจนแทบทนไม่ไหวตนเองพ่ายแพ้ในเงื้อมมือของสตรีถึงสองครั้งซุนชิงไต้พูดเสียงเครียด “องค์ชาย องค์ชายสามฟื้นแล้ว”องค์ชายสามชะงักเบาๆ “องค์ชาย? บัดนี้ข้าอยู่ในเงื้อมมือของรัชทายาทหรือ!”ความเป็นไปได้บางอย่างแล่นผ่านสมองของหลี่เฟิงอวิ๋นเขาถึงขั้นคิดว่าตนเองถูกหลี่หลงหลินวางแผนทำร้าย ส่วนซูเฟิ่งหลิงเป็นเพียงตัวล่อเท่านั้นหลี่หลงหลินเดินเนิบนาบเข้ามา ใบหน้าประดับยิ้ม “องค์ชายสาม ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว”ใบหน้าหลี่เฟิงอวิ๋นเคร่งขรึม เอ่ยถามว่า “ข้าอยู่ที่ใด เจ้าทำอันใดข้า!”หลี่เฟิงอวิ๋นมองต้นขาเกือบพิการของตน ดวงตาสะท้อนไอเย็นสายหนึ่งส่วนตอนยาออกฤทธิ์นั้น เขาลืมไปจนหมดสิ้นแล้วยิ่งไปกว่านั้นถ้อยคำจากใจจริงเหล่านั้นเป็นเพียงคว
หลี่เฟิงอวิ๋นไม่มีใจเป็นอื่นต่อต้าเซี่ย“ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้เรื่องศึกซีเหลียงเร่งด่วนมาก ในช่วงเวลาสำคัญนี้จะเกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด”หลี่หลงหลิน “เจ้าเก้า?”หลี่เฟิงอวิ๋นนี้ถึงรู้ว่าตนเองล่วงเกินไปแล้ว สั่นสะท้านไปทั่วทั้งสรรพางค์กายรีบค้อมตัวคุกเข่าลง พูดเสียงสั่นเครือ “คารวะรัชทายาท เมื่อครู่เสียมารยาทไป ขออย่าได้เก็บมาใส่ใจ”บัดนี้มาถึงเมืองหลวงแล้วต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่มาจากที่ใดก็ต้องสำรวมตนอยู่ในอาณาเขตของรัชทายาท ซีเหลียงอ๋องคู่ควรเพียงคุกเข่า!หลี่หลงหลินพูดเสียงเย็นชา “บัดนี้เสด็จพ่อกริ้วหนัก ใต้หล้านี้มีเพียงข้าที่สามารถช่วยท่านได้”“แต่ข้ามีหนึ่งเงื่อนไข”หลี่เฟิงอวิ๋นดีใจแทบบ้าคลั่ง คล้ายคว้าหญ้าช่วยชีวิตเอาไว้ได้แล้ว“องค์ชาย ขอเพียงท่านพูดออกมา ไม่ว่าเป็นเงื่อนไขเยี่ยงไรข้าก็ล้วนยินดีทำ! ขอเพียงสามารถคลายโทสะภายในใจของเสด็จพ่อได้ก็พอ”หลี่หลงหลินส่ายหน้า “หรือว่าท่านยังไม่รู้อารมณ์ของเสด็จพ่อ? เว้นเสียแต่ว่าสามารถนำหลักฐานออกมาได้ หาไม่แล้วโทสะภายในใจของเขาก็ไม่มีวันคลายลง”หลี่เฟิงอวิ๋นวางมือสองข้างลงบนพื้น แม่ทัพใหญ่แห่งซีเหลียงผู้ห้าวหาญในเวลาป
วันต่อมาจวนสกุลซูหลี่หลงหลินเฝ้าอยู่หน้าเตียงซูเฟิ่งหลิงอย่างใส่ใจอีกสองสามวันก็จะเป็นวันแต่งงานของทั้งสองคนแม้เพิ่งเตรียมตัว ต่อให้ไม่สมบูรณ์ก็ยังดีกว่าไม่ทำอันใดเลยอาศัยโอกาสนี้สานสายใยรักกับซูเฟิ่งหลิงสักหน่อยซูเฟิ่งหลิงไม่คุ้นชินอยู่บ้างหลี่หลงหลินยกชามและตะเกียบ “เฟิ่งหลิง นี่เป็นน้ำแกงบำรุงที่ข้าตั้งใจต้มให้เจ้า ดื่มลงไปแล้วดีต่อร่างกายของเจ้า”ทีแรกซูเฟิ่งหลิงยังต่อต้าน ตนเองมีมือมีเท้า ถึงขั้นยังต้องให้ผู้อื่นป้อนข้าว ปรับตัวไม่ถูกจริงๆแต่เอือมระอาร่างกายอ่อนแอ ไม่อาจต่อต้านได้ ทำได้เพียงรับความหวังดีน้ำแกงใสไหลลงคอ ดวงตาซูเฟิ่งหลิงทอประกายระยับแม้ว่าหลี่หลงหลินไม่เข้าห้องครัว แต่ฝีมือกลับยอดเยี่ยมมากหลี่หลงหลินเอ่ยถาม “สนมรัก รสชาติเป็นเช่นไร?”ใบหน้าซูเฟิ่งหลิงแดงเรื่อ “กลางวันแสกๆ พูดอันใดไม่รู้จักอาย!”พูดจบ เงยหน้าขึ้น ทุบอกหลี่หลงหลินเบาๆ ทีหนึ่ง หลี่หลงหลินยิ้มบางๆ“องค์ชาย! แย่แล้วขอรับ!”บ่าวรีบปรี่ถลาเข้ามา คุกเข่าต่อหน้าหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินวางชามและตะเกียบลง เอ่ยถามว่า “เกิดเรื่องใดขึ้น ร้อนใจถึงเพียงนี้?”บ่าวพูดว่า “มีขุนนางกลุ่มหน
“หลังได้ยินข่าวแล้ว กระหม่อมก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ฉวยโอกาสฟ้ายังไม่ทันสว่างเร่งเดินทางมาเยี่ยมเยียนพระชายารัชทายาท หากองค์ชายไม่ให้ขุนนางทั้งหลายได้พบหน้าพระชายารัชทายาทสักครั้ง น่ากลัวว่ายากจะสงบใจลงได้พ่ะย่ะค่ะ!”เจ้ากรมอาญาคล้ายคิดจะปักหลักอยู่หน้าประตูจวนสกุลซูขุนนางทั้งหลายต่างร้องรับหลี่หลงหลินขมวดคิ้ว เจตนาของขุนนางเหล่านี้จะต้องไม่ธรรมดาหลี่หลงหลินเตรียมปล่อยเลยตามเลยในเมื่ออยากจะอยู่ที่นี่ ก็ปล่อยให้อยู่ไปเสียเลยแต่เสียงฝีเท้าระลอกหนึ่งพลันดังขึ้นด้านหลังหลี่หลงหลินซูเฟิ่งหลิงถูกลั่วอวี้จู๋ประคองเข้ามาหยุดต่อหน้าขุนนางทั้งหลายหลี่หลงหลินรีบเข้าไปประคอง “เฟิ่งหลิง ตอนนี้อาการของเจ้ายังไม่ดีขึ้น หากต้องความเย็นแล้วเป็นหวัดจะทำเยี่ยงไร!”พูดไป หลี่หลงหลินต้องการพาซูเฟิ่งหลิงกลับเรือนส่วนในขุนนางทั้งหลายย่อมไม่ปล่อยโอกาสครั้งนี้ไปต่างพากันทำความเคารพ “คารวะพระชายารัชทายาท”ซูเฟิ่งหลิงพูดกับหลี่หลงหลิน “วางใจได้ ร่างกายข้าไม่เป็นไร หากวันนี้ข้าไม่ออกมา น่ากลัวว่าพวกเขาจะต้องรอที่นี่ทั้งวันแน่ หากพลาดงานของบ้านเมืองไปจะทำเยี่ยงไร?”ขุนนางที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคน
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค