หลังผ่านไปครึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเดินเข้าไปในตำหนักหยั่งซิน เงยหน้ามองฮ่องเต้หวู่บนเก้าอี้มังกร “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ!”เห็นสีหน้ามีความสุขของฮ่องเต้หวู่หลี่หลงหลินคลายความกังวลภายในใจเรื่องในราชสำนักวันนี้จบลงหากไม่ใช่เหตุร้ายแรงต่อบ้านเมือง ฮ่องเต้หวู่ไม่มีวันเรียกตนเข้าเฝ้าบัดนี้มองผ่านอารมณ์ของฮ่องเต้หวู่ สถานการณ์ไม่ได้รับมือยากถึงเพียงนั้นฮ่องเต้หวู่พูดเสียงเรียบๆ “ลุกขึ้นเถอะ”หลี่หลงหลินค่อยๆ ลุกขึ้น เดินมาหยุดต่อหน้าฮ่องเต้หวู่ “ไม่รู้เสด็จพ่อเรียกลูกเข้าเฝ้าด่วนถึงเพียงนี้ เพราะเกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”อิงตามความเข้าใจของหลี่หลงหลินที่มีต่อฮ่องเต้หวู่หากไม่เกิดเรื่องที่รับมือไม่ทัน นั่นก็มีเรื่องที่ตัดสินใจไม่ได้ ต้องการฟังความเห็นของตนฮ่องเต้หวู่พูดยิ้มๆ “ลูกย่อมรู้จักพ่อดี ไม่มีเรื่องใดหนีสายตาเจ้าพ้นจริงๆ”“เรายังมีเรื่องหนึ่งที่ไม่อาจตัดสินใจได้ ต้องการฟังความเห็นของรัชทายาท”พูดจบ ฮ่องเต้หวู่ยื่นเรื่องรายงานลับที่คนสอดแนมซีเหลียงส่งมาให้หลี่หลงหลิน“นี่คือรายงานลับที่ส่งมาจากซีเหลียง เจ้าดูดีๆ เถอะ”“ซีเหลียง?”หลี่หลงหลินแปลกใจอย
มีผลงานการรบกับกองทัพใหญ่ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนับแสนนายหลังจากตอนนั้น ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็เลื่อนจุดศูนย์กลางลงไปทิศใต้ยอมอ้อมแต่ไม่ยอมไปเผชิญหน้ากับพวกเป่ยเหลียงกระดูกแข็งนี้อีกในระยะนี้เป่ยเหลียงมีเพียงสมรภูมิเล็ก มิได้ต่อสู้กับกองทัพใหญ่ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือแต่ครั้งนี้กลับสวนทางกัน กองทัพใหญ่ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนับแสนคนรุกรานเข้าเมืองหลวงผ่านทางเป่ยเหลียงนอกจากองค์ชายสามคอยไกล่เกลี่ยอยู่เบื้องหลังหลี่หลงหลินก็นึกถึงความเป็นไปได้อื่นไม่ออก!หลี่หลงหลินเล่าอย่างต่อเนื่อง “ฝ่าบาท ทหารของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือล้วนคิดอ่านรอบคอบ ต่อให้รุกรานต้าเซี่ย ก็ไม่มีวันเลือกเดินทัพบนเส้นทางอันตรายเช่นนี้ หาไม่แล้วหากถูกซุ่มโจมตี ทั้งกองทัพก็หมดสิ้นแล้ว!”“แต่ตอนนี้มองดูแล้ว อีกฝ่ายยังทำเช่นนี้ นั่นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว!”หลี่หลงหลินสบมองฮ่องเต้หวู่และพูด “จะต้องเป็นซีเหลียงอ๋องแสร้งสมคบคิดกับศัตรู ภายนอกปล่อยให้ทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือใช้เส้นทางซีเหลียง มุ่งหน้ามายังเมือหลวงและทำลายการปกครองของต้าเซี่ยให้สิ้นซาก!”“ทว่าแม้แต่ชนเผ่
ตำหนักเฟิ่งซีองค์หญิงใหญ่เดินเข้าตำหนักด้วยสีหน้าแข็งทื่อดุจเหล็กเหล่าขันทีนางกำนัลต่างพากันถอยหลบฉากออกไป ไม่มีใครกล้าเข้ามาต้อนรับในฐานะกลุ่มคนที่รับรู้ข่าวว่องไวที่สุดในเมืองหลวง ขันทีและนางกำนัลรู้เรื่ององค์หญิงใหญ่กลายเป็นตัวตลกในราชสำนักตั้งนานแล้วบัดนี้องค์หญิงใหญ่กำลังมีโทสะเต็มท้องที่ยังไม่ได้ระบายออกไปหากเข้ามาต้อนรับตอนนี้ จะต้องถูกองค์หญิงใหญ่ใช้เป็นที่ระบายโทสะ ด่าว่าอย่างไม่ลืมหูลืมตาหนึ่งยกแน่“ทำให้ข้าโมโหแทบตายแล้ว! หลี่หลงหลินไอ้คนเฮงซวย ภายภาคหน้าอย่าให้ข้ามีโอกาสเชียวนะ หาไม่แล้วข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นดี!”นินจาตงอิ๋งหลายคนมาหยุดต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ คุกเข่าบนพื้นด้วยขาข้างเดียว พูดรายงาน“องค์หญิง มีเรื่องต้องการรายงาน”องค์หญิงใหญ่กำลังโมโห ตะคอกใส่ “ไสหัวไป! มีเรื่องใดใหญ่กว่าที่ดินศักดินาตงไห่อีกหรือ!”“ไสหัวออกไปให้หมด! ให้ข้าอยู่เงียบๆ คนเดียว!”เหล่าขันทีนางกำนัลต่างพากันจากไป กลัวโทสะมาถึงตัวพวกนินจากลับไม่ขยับเขยื้อนองค์หญิงใหญ่เห็นแล้วก็ทำได้เพียงให้ความร่วมมือนางหายใจเข้าลึกๆ ฝืนระงับโทสะภายในใจ “พูดเถอะ! ทางที่ดีคือพูดข่าวดีให้ข้าฟังส
พี่ใหญ่หลี่เทียนฉี่เองก็ถูกจับขังคุกไปแล้วข้างกายองค์หญิงใหญ่ไม่มีคนอื่นอีกนางจับจ้องตำหนักใหญ่นิ่งๆ “หรือว่าต้าเซี่ยจะไม่มีใครช่วยข้าแม้แต่คนเดียวเลยหรือ?”จู่ๆ เงาร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในสมองขององค์หญิงใหญ่“ข้าสามารถไปหาเสด็จแม่ได้!”“เสด็จแม่จะต้องมีวิธีแน่!”ฮองเฮาหลู่ดูแลวังหลังมานานหลายปี จิตใจล้ำลึก จะต้องรู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรแน่องค์หญิงใหญ่ฝากความหวังสุดท้ายไว้บนตัวฮองเฮาหลู่!นางนึกขึ้นได้ว่าหลังตนเองกลับจากตงอิ๋งแล้ว ยังไม่ได้ไปพบฮองเฮาหลู่เลยสักครั้งรู้เพียงว่าตอนนี้นางถูกขังที่ตำหนักเย็นองค์หญิงใหญ่ไม่ลังเลรีบมุ่งหน้าไปยังตำหนักเย็น......ตำหนักเย็นหลังเหตุไฟไหม้ผ่านไป ตำหนักเย็นก็กลายเป็นซากปรักหักพังทุกหนแห่งเดิมทีก็ไม่มีเรือนหรือห้องใดที่สมบูรณ์ฮ่องเต้หวู่ไม่มีความคิดซ่อมแซมตำหนักเย็นดังนั้นพวกสนมที่ถูกส่งเข้าตำหนักเย็นจึงทำได้เพียงฝืนทนฝืนทนจนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นดอกไม้เบ่งบาน ฝืนทนจนฮ่องเต้หวู่นึกถึงตนในช่วงฤดูหนาว สนมที่ถูกส่งเข้าตำหนักเย็นได้รับบาดเจ็บจากความหนาวตายไปภายในตำหนักเย็นด้วยความหวังต่อการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ
แต่ต่อให้ฮองเฮาถูกส่งเข้าตำหนักเย็นนางยังเป็นฮองเฮาโหดเหี้ยมที่ดูแลวังหลังมานานหลายปีฮองเฮาหลู่ปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว ท่าทางสูงส่ง “พูดเถอะ มีเรื่องใดถึงได้มาหาข้า”ฮองเฮาหลู่รู้เรื่ององค์หญิงใหญ่กลับวังแต่นางกลับไม่ตำหนินางที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนนางนานถึงเพียงนี้อำนาจในราชสำนักซับซ้อนเดินพลาดหนึ่งก้าว ก็จะผิดพลาดไปทุกก้าวนางไม่อยากทำให้ลูกสาวของตนเดือดร้อนองค์หญิงใหญ่กวาดตามองรอบด้านและถามว่า “เสด็จแม่ พูดที่นี่ปลอดภัยหรือไม่?”ฮองเฮาหลู่ย่อมเข้าใจความนัยขององค์หญิงใหญ่ “เจ้าวางใจได้ ปกติข้าอยู่อย่างเงียบสงบที่สุด ไม่มีคนมารบกวนข้า เกรงว่าต่อให้วันหนึ่งข้าตายไปที่นี่ ก็ไม่มีคนล่วงรู้”องค์หญิงใหญ่รีบพูด “เสด็จแม่ ลูกไม่มีวันปล่อยให้ท่านตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ระยะนี้ลูกเองก็คิดหาทางช่วยท่านออกจากตำหนักเย็นอยู่เพคะ”“เฮ้อ เอือมระอาลูกมีใจแต่ไร้กำลัง!”พูดไป องค์หญิงใหญ่เผยสีหน้าเสียดายพลางส่ายหน้าฮองเฮาหลู่เอ่ยถาม “พูดเถอะ ไม่ต้องพูดจาอ้อมค้อมกับแม่ เจอปัญหาอันใด?”องค์หญิงใหญ่เล่าสถานการณ์ภายนอกให้ฮองเฮาหลู่ฟังหนึ่งรอบท่าทีของฮองเฮาหลู่สุขุมสงบนิ่งจนน่าตกใจ ต่อ
แต่นางรู้ดีแก่ใจว่า นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยการฝึกฝนนินจาแต่ละคนนั้น ต้องใช้ทรัพยากรมากมายเกินกว่าคนทั่วไปจะจินตนาการได้แม้แต่องค์หญิงใหญ่ที่เกิดในราชวงศ์ ยังรู้สึกว่าภาระนี้หนักหนาเกินกำลังแววตาของแววตาของฮองเฮาหลู่ฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากเจ้าไปรวบรวมกองทัพตอนนี้ พรุ่งนี้เจ้าก็จะถูกจับเข้าคุกหลวงตามพี่ชายของเจ้าไป”“หรือเจ้าคิดจะก่อกบฏ!”“ตอนนี้มีทางออกเดียวที่ชัดเจน!” “จงยุแยงให้หลี่หลงหลินและตระกูลซูแตกแยกกัน อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันอภิเษกสมรสของหลี่หลงหลิน เจ้าต้องหาทางขัดขวางงานแต่งนี้ให้ได้ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า!”เมื่อได้ยินดังนั้น องค์หญิงใหญ่ก็เข้าใจกองทัพตระกูลซูแห่งเขาทิศประจิมที่อยู่เบื้องหลังหลี่หลงหลินนั้น เป็นของตระกูลซูทั้งหมดตอนนี้หลี่หลงหลินเป็นเขยของตระกูลซู ย่อมมีสิทธิ์บัญชาการกองทัพทั้งหมดได้แต่หากความสัมพันธ์ระหว่างหลี่หลงหลินและตระกูลซูแตกร้าวเขาก็จะไม่มีสิทธิ์บัญชาการอีกต่อไป!เมื่อถึงเวลานั้น หลี่หลงหลินก็จะไม่มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือแม้จะเป็นองค์รัชทายาท ก็ไม่อาจขอยืมทหารจากฮ่องเต้มาสร้างกองทัพส่วนตัว
องค์หญิงใหญ่ดีใจเป็นอย่างยิ่ง “สมกับเป็นเสด็จแม่! ช่างทรงพระปรีชาสามารถ คิดแผนการได้รอบคอบถึงเพียงนี้!”ฮองเฮาหลู่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เรื่องนี้รู้กันแค่เจ้ากับข้าเท่านั้น! หากมีคนที่สามรู้เข้า แผนการใหญ่ก็จะพังได้!”ในราชสำนักตอนนี้ มีขั้วอำนาจซับซ้อนมากมายหากหลี่หลงหลินล่วงรู้เรื่องนี้เข้าก่อน ก็จะทำให้ทุกอย่างสูญเปล่าองค์หญิงใหญ่พยักหน้า “เสด็จแม่ทรงวางพระทัย หลังจากข้าจัดการหลี่หลงหลินแล้ว จะหาทางช่วยเสด็จแม่ออกจากตำหนักเย็นให้ได้เพคะ!”ในดวงตาของฮองเฮาหลู่ฉายแววอำมหิต “ฮองเฮาหลิน วันเวลาแห่งความสุขของเจ้าใกล้จะหมดลงแล้ว! จงเสวยสุขกับเครื่องทำความอุ่นในตำหนักฉางเล่อของเจ้าให้เต็มที่เถิด อีกไม่นานเจ้าก็จะได้มาลิ้มรสความหนาวเหน็บของตำหนักเย็นแห่งนี้!”ทุกครั้งที่ฮองเฮาหลู่นึกถึงตำหนักฉางเล่อที่อบอุ่นตลอดทั้งปี ก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาล!ในขณะที่นางเองกลับต้องทนอยู่ในตำหนักเย็นที่หนาวเหน็บราวกับน้ำแข็งฮองเฮาหลู่มององค์หญิงใหญ่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไปเถิด ก่อนที่ทุกอย่างจะสำเร็จ อย่ามาพบข้าอีก ฮ่องเต้หวู่ส่งคนมาสอดแนมที่นี่อย่างลับๆ ทั้งในและนอกวังล้วนมีหูต
ลั่วอวี้จู๋ประหลาดใจ “เฟิ่งหลิง ปกติเจ้าติดต่อกับใครทางจดหมายด้วยหรือ?”ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้าลั่วอวี้จู๋กล่าวด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด “เอามาให้ข้าดูเถิด อาจจะเป็นเพื่อนของน้องเล็กส่งคำอวยพรมาก็ได้”คนรับใช้ส่งจดหมายที่ได้รับมาให้ซูเฟิ่งหลิงรู้สึกประหลาดใจมาก นางไม่ได้เจอจดหมายมานานหลายปีแล้วนอกจากจะฝึกฝนเหล่าทหารอยู่ที่เขาทิศประจิมแล้ว นางก็เก็บตัวอยู่แต่ในจวน ไม่ค่อยได้สังสรรค์กับผู้ใดดังนั้นจึงแทบไม่มีใครเขียนจดหมายมาหานางซูเฟิ่งหลิงเปิดซองจดหมายออกด้วยความอยากรู้ กวาดสายตาอ่านเนื้อหาในจดหมายสีหน้าของนางค่อยๆ เคร่งขรึมลงลั่วอวี้จู๋รู้สึกสงสัย “น้องเล็ก ใครส่งจดหมายมา?”ซูเฟิ่งหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “องค์หญิงใหญ่”“อะไรนะ?”ลั่วอวี้จู๋และหลิ่วหรูเยียนตกตะลึงแม้ว่าสตรีในตระกูลซูจะไม่สนใจเรื่องการเมืองในราชสำนักแต่พวกนางก็ยังรู้ถึงความสัมพันธ์ของขั้วอำนาจต่างๆ ในราชสำนักตอนนี้ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางทุกคนรู้ดีว่า เรื่องการกวาดล้างตระกูลต่งเมื่อไม่นานมานี้ ต้องเป็นฝีมือขององค์หญิงใหญ่อย่างแน่นอนแล้วตอนนี้นางกลับส่งจดหมายมา?พังพอนมาอวยพรวันปีใหม่ไก่ ไม่น่าไว้ใจ!
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค