“เบาะแส?”ลั่วอวี้จู๋สับสน ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ นางยังไม่ได้รับเบาะแสใดๆ เลย“ปล่อยข่าวออกไปว่า ในบรรดาหญิงม่ายตระกูลต่งเมื่อวาน มีคนเห็นโฉมหน้าของฆาตกรชัดเจน เมื่อนั้นฆาตกรจะปรากฏตัวขึ้นเอง”คนตระกูลซูต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่หลี่หลงหลินพูดลั่วอวี้จู๋ก็ลังเลอยู่บ้าง “องค์รัชทายาท ท่านแน่ใจหรือว่าวิธีนี้จะได้ผล? หากเรื่องนี้ถูกเปิดโปง เกรงว่าจะนำภัยมาสู่ตระกูลซู”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยความมั่นใจ “วางใจเถิด ต้องได้ผลอย่างแน่นอน เชื่อในการตัดสินใจของข้า”หลี่หลงหลินรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ผู้บงการเบื้องหลังจะต้องเป็นองค์หญิงใหญ่ดูเหมือนว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่จะกุมข้อมูลทุกอย่างไว้ดังนั้นนางจึงปรากฏตัวในทุกสถานที่สำคัญได้ทันท่วงทีแต่นางมองข้ามสิ่งหนึ่งไปข้อมูลบางอย่างเป็นของปลอมครั้งนี้หลี่หลงหลินจงใจปล่อยข่าวลวง เพื่อล่อให้ฆาตกรปรากฏตัวยิ่งไปกว่านั้นคือผู้ที่สามารถลงมือได้อย่างโหดเหี้ยม!พวกเขาจะต้องรักษาชื่อเสียงของตนเอง แม้จะต้องเสี่ยงอันตรายเพียงใดก็จะกำจัดตระกูลต่งให้สิ้นซาก!ลั่วอวี้จู๋พยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไปสั่งการให้ผู้รับผิดชอบหนัง
ตำหนักเฟิ่งซีเคยรุ่งเรืองงดงามเพียงใด บัดนี้กลับไม่เหลือเค้าเดิมถูกแทนที่ด้วยความรกร้างว่างเปล่าตั้งแต่ฮองเฮาหลู่ถูกส่งตัวไปยังตำหนักเย็นตำหนักเฟิ่งซีก็ถูกทิ้งร้าง กระทั่งองค์หญิงไท่ผิงเสด็จกลับมา ทำให้ตำหนักที่เงียบเหงามานาน ค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมองค์หญิงไท่ผิงยืนอยู่ริมหน้าต่าง ทอดมองไปยังทิศทางของตำหนักเย็นฮองเฮาหลู่ผู้ที่เคยรักและเอ็นดูตนที่สุด ประทับอยู่ที่ตำหนักเย็นแห่งนั้นยามนี้เป็นฤดูหนาวไม่รู้ว่าฮองเฮาหลู่จะทรงเป็นอย่างไรบ้างคงจะไม่สุขสบายเหมือนพระมารดาของหลี่หลงหลิน ฮองเฮาหลิน ที่ประทับอยู่ในตำหนักฉางเล่อ!ยามนี้ตำหนักฉางเล่ออบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิส่วนตำหนักเฟิ่งซีกลับหนาวเหน็บสถานที่อันแสนอ้างว้างเช่นนี้ จะมีหงส์ที่ไหนมาอาศัยอยู่?ประกอบกับในช่วงหลายปีมานี้ ฮองเฮาหลู่ค่อยๆ หมดความโปรดปรานตำหนักเฟิ่งซีทรุดโทรมตามกาลเวลาประตูหน้าต่างส่วนใหญ่มักมีลมหนาวลอดเข้ามาลมหนาวไม่เพียงแต่ไม่สามารถพัดพาความโกรธในใจขององค์หญิงใหญ่ไปได้กลับยิ่งเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟ ทำให้นางโกรธยิ่งกว่าเดิม!องค์หญิงใหญ่กล่าวว่า “จุดเตาไฟในตำหนักให้ร้อนกว่านี้! พวกเจ้าค
เขาไม่เคยพบเห็นสตรีใดงดงามถึงเพียงนี้มาก่อน!ทันใดนั้น กระแสโลหิตพลุ่งพล่านพุ่งขึ้นศีรษะ ความมึนเมาที่มีเมื่อครู่พลันสลายหายไปสิ้น!“น้องหญิง นี่คือ...?”หลี่เทียนฉี่จ้องมองเฟิงไม่วางตาสำรวจตรวจตราอย่างละเอียดถี่ถ้วนตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ยอมละสายตาแม้เพียงเสี้ยววินาทีใบหน้าที่งดงามราวกับถูกสวรรค์สลักออกมา ดวงตากลมโตอันแสนชวนหลงใหลซ่อนอยู่ใต้ขนตาหนาทอดยาวไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือรูปร่าง ล้วนเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอประกอบกับบุคลิกที่ดูบอบบางน่าทะนุถนอมในเวลานี้ หลี่เทียนฉี่จึงเข้าใจว่า เหตุใดจึงกล่าวกันว่าสตรีนั้นทำมาจากน้ำเขาไม่เคยพบเห็นสตรีที่ดูนุ่มนวล อ่อนหวานถึงเพียงนี้!องค์หญิงใหญ่แย้มยิ้มเล็กน้อย “พี่ใหญ่ นี่คือสาวใช้คนสนิทที่ข้าพามาจากตงอิ๋ง หากท่านพี่ถูกใจ ข้าก็จะมอบนางให้เป็นของขวัญแก่ท่าน”“เพราะเราพี่น้องไม่ได้พบกันมานานหลายปี ข้ากลับจากตงอิ๋งก็ไม่ได้เตรียมของขวัญล้ำค่าใดๆ ให้ท่านพี่เลย”หลี่เทียนฉี่รู้สึกยินดียิ่งนัก!เขาไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนี้นานแล้ว“ดี ดี ดี!”“น้องหญิงรู้ใจข้าที่สุด!”“คาดไม่ถึงว่าตงอิ๋งจะมีสตรีงามถึงเพียงนี้ ช่างเป็
หลี่เทียนฉี่ลุกขึ้นนั่ง อาศัยจังหวะนี้บีบเอวอวบอิ่มของเฟิงนุ่มนิ่ม ราวกับจะบีบน้ำออกมาได้เฟิงแสร้งทำเป็นขุ่นเคืองออดอ้อน พลางกล่าวว่า “ฝ่าบาทเพคะ ท่านทำให้หม่อมฉันเจ็บแล้วนะ...”หลี่เทียนฉี่อารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง ทอดทิ้งเรื่องกลัดกลุ้มทั้งหมดไปจากใจในจวนมีสตรีงามถึงเพียงนี้ ช่างอยากใช้ชีวิตเสพสุขลุ่มหลงในฝัน ดื่มด่ำสำราญทุกค่ำคืน!...ยามเย็น หลี่เทียนฉี่เชิญเหล่าบัณฑิตทั้งหมดมายังจวน จัดงานเลี้ยงต้อนรับเดิมทีเหล่าบัณฑิตตั้งใจจะรักษาระยะห่างจากหลี่เทียนฉี่ ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลแต่เมื่อได้ยินว่าองค์ชายใหญ่มีหลักฐานเอาผิดหลี่หลงหลินก็แสดงสีหน้ายินดี รีบตอบรับคำเชิญทันทีเหล่าบัณฑิตไม่ใช่คนโง่เคยพลาดท่าเสียทีให้กับหลี่หลงหลินมาหลายครั้ง ตอนนี้เพียงได้ยินชื่อหลี่หลงหลินก็ตัวสั่นเทาแต่ละคนต่างก็เกลียดชังหลี่หลงหลินเข้ากระดูกดำ อยากจะจับเขามาบดขยี้ให้แหลกละเอียดแต่ไม่มีหนทางแก้แค้นบัดนี้ได้หลักฐานในมือ ย่อมไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ อย่างแน่นอน!หน้าประตูจวนอ๋อง เหล่าบัณฑิตต่างระบายความโกรธแค้นในใจคำพูดหยาบคายต่างๆ นานา พรั่งพรูออกมาไม่หยุดแต่ทั้งหมดล้วนสื่อถึงสิ่งเดียวก
โอบซ้ายกอดขวา สำราญใจยิ่งนักเหล่าสาวงามเอนกายซบในอ้อมอกของเหล่าบัณฑิต ราวกับนกน้อยน่ารัก หยอกเย้ากันอย่างสนุกสนานฉินฮั่นหยางสังเกตเห็นว่า มีเพียงหลี่เทียนฉี่เท่านั้นที่ข้างกายว่างเปล่า จึงเกิดความสงสัย“นี่จะไม่ใช่กับดักที่หลี่เทียนฉี่จงใจวางไว้หรือ?”“ใช้กลเม็ดสตรีล่อลวงพวกเรา แล้วใช้เรื่องนี้มาข่มขู่?”เพราะหลักการที่เหล่าบัณฑิตยึดถือในการรับราชการ คือการอ่านคัมภีร์ปราชญ์เท่านั้นหากมีผู้พบเห็นภาพความสำเริงสำราญเช่นนี้จะต้องคิดว่าเหล่าบัณฑิตเหล่านี้เอาความรู้ไปทิ้งเสียหมด!ฉินฮั่นหยางผลักหญิงสาวชาวตะวันตกในอ้อมแขนออกไปโดยสัญชาตญาณ จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย นั่งตัวตรงเล็กน้อย “เหตุใดวันนี้องค์ชายจึงดูไม่รื่นรมย์? หรือว่าทรงมีเรื่องกังวลพระทัย?”เหล่าบัณฑิตที่กำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ต่างวางจอกสุราลง แล้วหันมามองหลี่เทียนฉี่ด้วยความสงสัยแต่ละคนต่างคิดในใจ “หลี่เทียนฉี่จะไม่คิดร้ายต่อพวกเราใช่หรือไม่?”หลี่เทียนฉี่แย้มยิ้มเล็กน้อย “ใต้เท้าทั้งหลายโปรดวางใจ เถิด ข้าจะไปสนใจสตรีชั้นต่ำในอ้อมกอดของพวกท่านได้อย่างไร?”เหล่าบัณฑิตประหลาดใจหญิงงามชาวตะวันตกในต้าเซี่ยนั้น ถ
งานเลี้ยงสิ้นสุดลงเหล่าบัณฑิตอาศัยฤทธิ์สุรา คลอเคลียกับสาวงามชาวตะวันตก ก่อนจะจากไปด้วยความพึงพอใจเฟิงประคองหลี่เทียนฉี่กลับไปยังที่พักหลี่เทียนฉี่นึกถึงภาพที่อีกไม่กี่วัน หลี่หลงหลินจะถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท และตนเองจะได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีคืนนี้หลี่เทียนฉี่ดื่มสุราไปมาก จนเริ่มไม่ไหวแต่เฟิงที่คอยปรนนิบัติ กลับไม่มีท่าทีว่าจะเมามายยังคงปรนนิบัติหลี่เทียนฉี่ ถอดเสื้อผ้า เตรียมน้ำอาบเฟิงเอ่ยเสียงอ่อนหวาน “องค์ชาย ยามนี้ดึกแล้ว เตรียมตัวพักผ่อนเถิดเพคะ”ว่าแล้ว เฟิงก็ปลดสายคาดเอวหยกของหลี่เทียนฉี่ออก ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ไม่มีติดขัดหลี่เทียนฉี่หัวเราะเย็นชา คว้าข้อมือของเฟิงไว้ “องค์หญิงใหญ่ส่งเจ้ามาให้ข้า ก็เพื่อให้เจ้าคอยจับตาดูข้า! เพื่อล้วงความลับจากข้าใช่หรือไม่!”ต้องรู้ว่า หลี่เทียนฉี่นั้นคอแข็งยิ่งนัก ชั่วชีวิตนี้ยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ไม่ใช่สตรีทั่วไปจะเทียบได้วันนี้หลี่เทียนฉี่จัดงานเลี้ยง ไม่เพียงแต่เพื่อเลี้ยงฉลองแก่เหล่าบัณฑิต เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะที่ใกล้เข้ามาแต่ยังเป็นการหยั่งเชิงเฟิงอีกด้วยในงานเลี้ยง สุราถูกรินให้อย่าง
เฟิงยังคงนั่งอยู่บนพื้น สะอื้นเบาๆ ราวกับลูกแมวขี้อ้อนคลอเคลียอยู่ข้างกายหลี่เทียนฉี่หลี่เทียนฉี่กล่าวเสียงทุ้ม “วันนี้ข้าเพิ่งได้รับข่าว การสังหารล้างตระกูลต่ง พวกเจ้าไม่เพียงแต่ทำงานไม่เรียบร้อย ยังปล่อยให้มีผู้รอดชีวิต!”“อะไรนะ?”ม่านตาของเฟิงหดเล็กลงนางมั่นใจในวิชาลอบสังหารของตนเองยิ่งนักภายใต้มือของนาง ไม่มีทางที่จะมีหลงเหลือผู้รอดชีวิตไปได้!แต่สุราทำให้คนเผยความในใจ น้ำเสียงของหลี่เทียนฉี่หนักแน่นจริงจัง ไม่เหมือนเรื่องล้อเล่นหลี่เทียนฉี่กล่าวเสียงเย็นชา “ปล่อยให้ไท่ผิงดีใจไปเถอะ! นี่เป็นข่าวลือที่ได้มาก่อนใคร รีบกลับไปรายงานนายของเจ้าซะ!”“พรุ่งนี้เช้า ข่าวนี้จะถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย เมื่อนั้นคนทั้งเมืองจะรับรู้ หากปล่อยให้เกิดความผิดพลาดใหญ่หลวงเช่นนี้ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงเกินคาดเดา!”“เจ้ารีบกลับไปสารภาพผิดเสียตอนนี้ ยังพอมีทางแก้ไข!”เฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆหากเรื่องนี้ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยเกรงว่าแผนการขององค์หญิงใหญ่จะต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า!เฟิงขมวดคิ้ว “จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีผู้รอดชีวิต? เป็นไปไม่ได้!”เฟิงไม่เคยสงสั
ลมหนาวพัดกระหน่ำ หิมะโปรยปรายลมหนาวพัดกระหน่ำปะทะใบหน้า แต่เฟิงกลับไม่รู้สึกอะไรเลยนางมีไฟสุมอยู่ในอก มุ่งมั่นเพียงจะตามหาเด็กกำพร้าตระกูลต่งที่เหลือรอด แล้วฆ่าปิดปาก! เฟิงกวาดสายตาคมกริบไปทั่วบริเวณจวนตระกูลต่งภายในลานบ้านอันกว้างใหญ่ เงียบสงัดราวกับเมืองร้างเพื่อความไม่ประมาท เฟิงลอบเข้าไปสำรวจห้องหับน้อยใหญ่กว่าร้อยห้องของตระกูลต่งจนทั่วยืนยันอีกครั้งว่า นอกจากตนเองแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีก!เฟิงขมวดคิ้ว “หรือว่าข่าวขององค์ชายใหญ่จะผิดพลาด?”ครุ่นคิดอีกครา ความเป็นไปได้อีกอย่างก็ผุดขึ้นในสมองมีคนลงมือก่อนนาง ตอนนี้ได้พาตัวเด็กกำพร้าที่เหลือรอดไปยังที่ปลอดภัยแล้วนางพลาดเป้าทันใดนั้น เฟิงรู้สึกราวกับโลกทั้งใบถล่มทลายเมืองหลวงอันกว้างใหญ่มีบ้านเรือนอย่างน้อยก็เป็นล้านหลัง!การตามหาใครสักคนในเมืองหลวง ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทรเฟิงสูดลมหายใจลึก เพื่อให้ตนเองใจเย็นลง “จะต้องมีทางออก”ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังมาจากนอกประตูเฟิงมองลอดประตูจวนตระกูลต่งออกไปเห็นนักการที่ว่าการชุดเขียวสองคน ถือโคมไฟเดินตรงมายังคฤหาสน์ตระกูลต่งนักการที่ว่าการร่างส
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค