“เจ้าหัวเราะอันใด?”หลี่เทียนฉี่คิดว่าตนเองเสียศักดิ์ศรีจนหมดสิ้นแล้วแม้แต่น้องสาวที่เคยเชื่อฟังตนที่สุดก็เห็นเขาเป็นตัวตลกองค์หญิงใหญ่พูด “พี่ใหญ่ ท่านกลายเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด? นี่ใช่ท่านที่เคยสง่างามฉลาดปราดเปรื่องและชี้นำบ้านเมืองหรือ!”หลี่เทียนฉี่ตกอยู่ในความเงียบ หากเขาไม่เปลี่ยน เกรงว่าศีรษะคงถูกตัดไปแล้วทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องทำ!แต่กลับไม่มีคนเข้าใจความทุกข์ของเขา!องค์หญิงใหญ่เอ่ยเสียงเรียบ “ข้ามาที่นี่ก็เพื่อบอกท่าน วันเวลาอันดีของหลี่หลงหลินกำลังจะสิ้นสุดแล้ว!”หลี่เทียนฉี่ตกตะลึง “หรือว่าเขาก่อเรื่องอันใดอีก?”เว้นเสียแต่เรื่องนี้ ตำแหน่งรัชทายาทของหลี่หลงหลินก็ไม่มีวันสั่นคลอน!องค์หญิงใหญ่เล่าต้นสายปลายเหตุให้หลี่เทียนฉี่ฟังอย่างชัดเจนฟังจบ หลี่เทียนฉี่เผยสีหน้าดีใจในทันใด“น้องหญิง เจ้าพูดจริงหรือ?”องค์หญิงใหญ่ยิ้มเย็น “หาไม่แล้วข้าจะมาหาท่านทำอันใดเล่า?”หลี่เทียนฉี่เหวี่ยงหมัดใส่อากาศ ถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “ในที่สุดก็มาถึงวันที่ข้าได้คลายโทสะเสียที!”“หลี่หลงหลิน คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้จะมีวันนี้!”องค์หญิงใหญ่พูด “บัดนี้ขอเพ
“ร่วมมือกับบัณฑิตทรงคุณวุฒิทั้งหลายฟ้องร้องต่อเสด็จพ่อ?ใบหน้าหลี่เทียนฉี่เผยรอยยิ้มเย็นชา นึกถึงภาพอยู่ในราชสำนัก ตนเองนำบัณฑิตทรงคุณวุฒิทั้งหลายฟ้องร้องหลี่หลงหลินพร้อมกันแผนการใหญ่ถึงเพียงนี้ต่อให้ผิดก็สามารถพูดว่าถูกได้!ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้หลี่หลงหลินมีความสามารถล้นฟ้า ชื่อเสียงภายในหมู่ราษฎร์เหนือกว่าฝ่าบาทพระองค์นี้เสียอีก!แม้พูดว่าฮ่องเต้หวู่โปรดปรานหลี่หลงหลินมาก แต่เขามีเรื่องให้ตระหนักภายในใจ ถึงตอนนั้นต่อให้หลี่หลงหลินไม่ถูกปลดตำแหน่งรัชทายาท ก็ต้องถูกถลกหนังหนึ่งชั้น!หลี่เทียนฉี่ย้อนนึกถึงความลำบากเหล่านั้นที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของหลี่หลงหลินในที่สุดก็สามารถล้างแค้นได้ ภายในใจรู้สึกมีความสุขอย่างเหลือจะเชื่อ!โชคชะตาเปลี่ยนผัน คราวนี้ถึงตาข้าแล้ว!หลี่เทียนฉี่หันมององค์หญิงใหญ่ด้วยสายตาชื่นชมสมเป็นน้องสาวแท้ๆ บิดามารดาคนเดียวกัน ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้เปิดเผยข่าวสำคัญถึงเพียงนี้ให้ข้ารู้ได้“จะรอช้าไม่ได้! ข้าจะไปติดต่อบัณฑิตทรงคุณวุฒิทั้งหลายเดี๋ยวนี้เลย จะปล่อยให้เจ้าหลี่หลงหลินคนนั้นฉวยโอกาสชิงลงมือก่อนไม่ได้!”เรื่องของราชสำนัก เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในเ
หลี่หลงหลินไม่กล้ายืนยัน ลับหลังองค์หญิงใหญ่ยังจะทำเรื่องชั่วอันใดแต่เตรียมการรับมือรอบด้านก็พอแล้วทุกคนในสกุลต่งมองซูเฟิ่งหลิงอย่างเลื่อมใสภายใต้หน้าตาหล่อเหลางดงามนั้นสามารถระเบิดความงามชวนให้คนตกตะลึงออกมาได้ถึงเพียงนี้วิชายุทธ์เมื่อครู่ของนางใช่ว่าคนธรรมดาจะสามารถทำได้เหล่าคนสกุลต่งคล้ายคว้าหญ้าช่วยชีวิตเอาไว้ได้ กอดต้นขาซูเฟิ่งหลิงเอาไว้แน่นๆ“เฟิ่งหลิง เจ้าจัดการที่อยู่ให้พวกเขาเถอะ ข้ามีเรื่องต้องคุยกับองค์ชาย”ซูเฟิ่งหลิงอยากรีบไปแทบแย่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็พาแม่ม่ายเด็กกำพร้าของสกุลต่งไปทางเรือนหลังทิ้งหลี่หลงหลินและลั่วอวี้จู๋ไว้เพียงลำพังสองคนใบหน้าลั่วอวี้จู๋หม่นหมองและกังวลใจหลี่หลงหลินย่อมรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดเขาเดินเนิบๆ ขึ้นมาข้างหน้าและเปล่งเสียงเครียด “พี่สะใภ้โปรดวางใจ ข้าจะต้องหาทางจับฆาตรกรมาลงโทษภายในสามวันให้ได้!”ลั่วอวี้จู๋ส่ายหน้า พูดว่า “สามวันสั้นเกินไปแล้ว ฆาตรกรจัดการได้เรียบร้อยไม่ธรรมดา หม่อมฉันส่งคนไปสืบมาก่อนแล้ว เดิมทีก็หาเบาะแสไม่พบ”หลี่หลงหลินขมวดคิ้วแน่นบัดนี้ต่อให้เขารู้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังสร้างความวุ่นวายคือองค์หญิงใหญ่ แ
สีหน้าบ่าวที่เข้ามารายงานแดงก่ำ เงียบอยู่นานกลับพูดไม่ออกแม้ครึ่งคำหลี่หลงหลินให้สาวใช้ทางด้านข้างรินน้ำชาให้บ่าวถ้วยหนึ่งบ่าวดื่มเข้าไปหนึ่งอึก ถึงดึงสติกลับมาได้เขาพูดเสียงสั่นๆ “ได้ยินคนสอดแนมในวังมารายงานว่าบัดนี้หลี่เทียนฉี่กำลังรวบรวมบัณฑิตทรงคุณวุฒิเตรียมยื่นฎีกาฟ้องร้องให้ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”“ฎีกาฟ้องร้อง?”หลี่หลงหลินมีหูตาในราชสำนักมากมาย ส่งคนสอดแนมไปไว้ข้างกายหลี่เทียนฉี่หลายคนก็เพื่อรู้เขารู้เขา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งข่าวย่อมสำคัญไม่ธรรมดาหาไม่แล้วรอผู้อื่นเขียนฟ้องร้องเสร็จแล้วและยื่นให้ทางฝั่งฮ่องเต้หวู่ตนเองกลับไม่ได้เตรียมพร้อม น่ากลัวว่าจะไม่ทันการณ์!หลี่หลงหลินเปล่งเสียงเครียด “รู้อยู่แล้วเชียวว่าหลี่เทียนฉี่ต้องเคลื่อนไหวลับหลัง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะว่องไวปานนี้”ใบหน้างดงามของลั่วอวี้จู๋เผยแววตื่นเต้นสายหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญนี้ ใครยังคิดสร้างปัญหาวุ่นวายสำหรับหลี่หลงหลินและสกุลซูล้วนไม่เป็นผลดีอย่างมากนางรู้องค์หญิงใหญ่ไม่มีวันอยู่เฉย ให้คนอยู่อย่างสงบในช่วงสามวันนี้แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะวางแผนใหญ่ถึงเพียงนี้ไว้!“พวกเขาต้องการฟ้องร้อง
อย่างไรเสียทั้งสองตระกูลเป็นสหายเก่าแก่กันมานาน พบเจอสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมสมควรยื่นมือเข้าช่วยเหลือฮูหยินผู้เฒ่าซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตระกูลต่งไปล่วงเกินผู้ใดเข้า ถึงได้ถูกลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้! นึกไม่ถึงว่าในเมืองหลวงจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นได้”ลั่วอวี้จู๋เอ่ยต่อ “ฮูหยินผู้เฒ่า เรื่องนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ซับซ้อน พัวพันกับผู้คนมากมาย เกรงว่าจะไม่ง่ายดายอย่างที่เห็นภายนอกเจ้าค่ะ”“แต่...”ฮูหยินผู้เฒ่าแสดงสีหน้าเคร่งขรึม เป็นสัญญาณให้ลั่วอวี้จู๋พูดต่อลั่วอวี้จู๋กล่าว “แต่เรื่องนี้มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ต้องการใช้การที่ตระกูลซูให้ที่พักพิงแก่หญิงม่ายตระกูลต่ง มาใส่ร้ายองค์รัชทายาทและตระกูลซูเจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่าเข้าใจความหมายของลั่วอวี้จู๋ในทันที“ยามนี้ หลี่เทียนฉี่ได้ร่วมมือกับเหล่าบัณฑิต เตรียมจะเข้าเฝ้าทูลกล่าวโทษองค์รัชทายาทในราชสำนัก กล่าวหาว่าทรงใช้อำนาจโดยมิชอบ ปกป้องผู้กระทำผิด”ฮูหยินผู้เฒ่าซูกระแทกไม้เท้าหัวมังกรในมือลงกับพื้นอย่างแรงหากเป็นสมัยที่ฮูหยินผู้เฒ่ายังเยาว์วัย พลังเพียงเท่านี้ก็คงทำให้แผ่นหินแกร่งแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้แล้ว“คาดไม่ถึงว่
หลี่หลงหลินกำลังครุ่นคิดหาหนทางแก้ไขตระกูลซูต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเขาดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรหลี่หลงหลินก็จะไม่ยอมให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างชายชาตรี ทำอะไรต้องรับผิดชอบยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เบื้องหลังคือแผนร้ายขององค์หญิงใหญ่!ลั่วอวี้จู๋ร้อนใจยิ่งนัก รีบถามว่า “องค์รัชทายาท ท่านทรงคิดแผนการดีๆ ออกอีกแล้วหรือ?”เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลซูลั่วอวี้จู๋ไม่อาจจะนิ่งนอนใจได้ตอนนี้มีข่าวลือแพร่ออกไปว่า ตระกูลใดก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาประจิม ภายภาคหน้าจะต้องมีจุดจบเช่นเดียวกับตระกูลต่งความหวาดกลัวได้แพร่กระจายไปในหมู่คู่ค้าที่ร่วมธุรกิจกับตระกูลซูมานานเพียงครึ่งวันตระกูลซูสูญเสียเงินไปกว่าหมื่นตำลึง!ดังนั้นความคิดของลั่วอวี้จู๋จึงเรียบง่ายรีบจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยโดยเร็วหลี่หลงหลินกล่าวเสียงทุ้ม “ง่ายมาก ใช้ไม้นี้คืนสนองไม้เดิม”“ใช้ไม้นี้คืนสนองไม้เดิม?”คนตระกูลซูต่างประหลาดใจแม้แต่ซูเฟิ่งหลิงที่ปกติจะหุนหันพลันแล่น ก็ยังมองออกว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะอยู่เฉยๆหากทำตามที่หลี่หลงหลินพูดโดยการใช้ไม้นี้คืนสนอ
“เบาะแส?”ลั่วอวี้จู๋สับสน ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ นางยังไม่ได้รับเบาะแสใดๆ เลย“ปล่อยข่าวออกไปว่า ในบรรดาหญิงม่ายตระกูลต่งเมื่อวาน มีคนเห็นโฉมหน้าของฆาตกรชัดเจน เมื่อนั้นฆาตกรจะปรากฏตัวขึ้นเอง”คนตระกูลซูต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่หลี่หลงหลินพูดลั่วอวี้จู๋ก็ลังเลอยู่บ้าง “องค์รัชทายาท ท่านแน่ใจหรือว่าวิธีนี้จะได้ผล? หากเรื่องนี้ถูกเปิดโปง เกรงว่าจะนำภัยมาสู่ตระกูลซู”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยความมั่นใจ “วางใจเถิด ต้องได้ผลอย่างแน่นอน เชื่อในการตัดสินใจของข้า”หลี่หลงหลินรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ผู้บงการเบื้องหลังจะต้องเป็นองค์หญิงใหญ่ดูเหมือนว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่จะกุมข้อมูลทุกอย่างไว้ดังนั้นนางจึงปรากฏตัวในทุกสถานที่สำคัญได้ทันท่วงทีแต่นางมองข้ามสิ่งหนึ่งไปข้อมูลบางอย่างเป็นของปลอมครั้งนี้หลี่หลงหลินจงใจปล่อยข่าวลวง เพื่อล่อให้ฆาตกรปรากฏตัวยิ่งไปกว่านั้นคือผู้ที่สามารถลงมือได้อย่างโหดเหี้ยม!พวกเขาจะต้องรักษาชื่อเสียงของตนเอง แม้จะต้องเสี่ยงอันตรายเพียงใดก็จะกำจัดตระกูลต่งให้สิ้นซาก!ลั่วอวี้จู๋พยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไปสั่งการให้ผู้รับผิดชอบหนัง
ตำหนักเฟิ่งซีเคยรุ่งเรืองงดงามเพียงใด บัดนี้กลับไม่เหลือเค้าเดิมถูกแทนที่ด้วยความรกร้างว่างเปล่าตั้งแต่ฮองเฮาหลู่ถูกส่งตัวไปยังตำหนักเย็นตำหนักเฟิ่งซีก็ถูกทิ้งร้าง กระทั่งองค์หญิงไท่ผิงเสด็จกลับมา ทำให้ตำหนักที่เงียบเหงามานาน ค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมองค์หญิงไท่ผิงยืนอยู่ริมหน้าต่าง ทอดมองไปยังทิศทางของตำหนักเย็นฮองเฮาหลู่ผู้ที่เคยรักและเอ็นดูตนที่สุด ประทับอยู่ที่ตำหนักเย็นแห่งนั้นยามนี้เป็นฤดูหนาวไม่รู้ว่าฮองเฮาหลู่จะทรงเป็นอย่างไรบ้างคงจะไม่สุขสบายเหมือนพระมารดาของหลี่หลงหลิน ฮองเฮาหลิน ที่ประทับอยู่ในตำหนักฉางเล่อ!ยามนี้ตำหนักฉางเล่ออบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิส่วนตำหนักเฟิ่งซีกลับหนาวเหน็บสถานที่อันแสนอ้างว้างเช่นนี้ จะมีหงส์ที่ไหนมาอาศัยอยู่?ประกอบกับในช่วงหลายปีมานี้ ฮองเฮาหลู่ค่อยๆ หมดความโปรดปรานตำหนักเฟิ่งซีทรุดโทรมตามกาลเวลาประตูหน้าต่างส่วนใหญ่มักมีลมหนาวลอดเข้ามาลมหนาวไม่เพียงแต่ไม่สามารถพัดพาความโกรธในใจขององค์หญิงใหญ่ไปได้กลับยิ่งเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟ ทำให้นางโกรธยิ่งกว่าเดิม!องค์หญิงใหญ่กล่าวว่า “จุดเตาไฟในตำหนักให้ร้อนกว่านี้! พวกเจ้าค
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค