ไฟโทสะในใจของชาวบ้านปะทุขึ้นราวกับเพลิงลามทุ่ง แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วพวกเขากำหมัดแน่น จ้องมองไปที่ฉินฮั่นหยางและสิบบัณฑิตใหญ่ รวมถึงบัณฑิตจำนวนมาก! ซ่งชิงหลวนทุจริตในการสอบขุนนาง หลักฐานแน่นหนาไม่อาจปฏิเสธแต่ฉินฮั่นหยางยังคงพยายามอย่างหนัก เพื่อล้างความผิดให้เขา! แล้วบัณฑิตเหล่านี้ พวกเขาไม่รู้ความจริงเลยหรือ?เปล่า!พวกเขาฝ่าฟันศึกษามาเป็นสิบปี อ่านตำราปราชญ์บัณฑิตจนขึ้นใจ เอ่ยคำว่าคุณธรรมและความชอบธรรมอยู่เสมอ แล้วจะไม่เข้าใจเหตุผลเช่นนั้นหรือ?พูดตรงๆก็แค่พวกเดียวกันพวกที่รู้อยู่แก่ใจ แต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น!ซ่งชิงหลวนคนเดียว จะผูกขาดการสอบขุนนางได้อย่างไร? ทั้งสำนักปราชญ์ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบ!บัณฑิตเหล่านี้ ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนเปื้อนมลทินกันทั้งนั้น!พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด! “ลุยเลย!”“มาสั่งสอนพวกนักปราชญ์ขี้แพ้นี่กันให้เข็ดหลาบ!”“ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทไม่สะดวกลงมือ งั้นก็ให้พวกเราจัดการเอง!”“ใช่แล้ว พวกกระจอกที่ไม่มีแรงแม้แต่จะจับไก่ จะคิดล้มฟ้าล้มดินหรือ?” “ทุกคน ลุยเลย! ซัดให้หนัก!”ชาวบ้านยิ่งคิดก็ยิ่งเดือดดาล ตะโกนด่าทอใส่เห
แต่การมีพรสวรรค์ล้ำเลิศและความสามารถโดดเด่น เพียงเท่านี้ก็เพียงพอจะเป็นจักรพรรดิที่ดีได้หรือ?ก็ไม่แน่เสมอไปหรอกสำหรับฮ่องเต้แล้ว ความสามารถไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจกลยุทธ์จักรพรรดิพิฆาตมังกรอะไรคือกลยุทธ์จักรพรรดิพิฆาตมังกร?ไม่มีใครสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนฮ่องเต้ครองราชย์มาหลายปี สุดท้ายก็ได้ตระหนักถึงแก่นแท้ของมันแท้จริงแล้ว มีเพียงสองคำคือ ใจคน!ผู้ที่ครองใจประชาชนได้ ย่อมครองใต้หล้าได้พูดน่ะง่าย แต่ในความเป็นจริงกลับยากเยี่ยงปีนขึ้นสวรรค์เห็นได้ชัดว่า หลี่หลงหลินมีพรสวรรค์พิเศษในเรื่องนี้ เขาเชี่ยวชาญจนถึงขั้นสูงสุด กุมจิตใจคนไว้ในฝ่ามือได้ ควบคุมเจตจำนงของประชาชนและกระแสความคิดเห็นได้อย่างใจนึกฮ่องเต้หวู่ต้องยอมรับกลยุทธ์จักรพรรดิพิฆาตมังกรของหลี่หลงหลิน เรียนรู้ได้โดยไม่มีผู้ชี้แนะ เป็นลูกศิษย์ที่เก่งกว่าครู ฝีมือเหนือกว่าตนไปแล้วในเวลานี้ความคิดเรื่องสละบัลลังก์เพื่อให้หลี่หลงหลินขึ้นครองราชย์แทน ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้งในใจของฮ่องเต้หวู่เพียงชั่วพริบตา สถานการณ์ก็พลิกผันโดยสิ้นเชิง ความขัดแย้งระหว่างสำนักปราชญ์และชาวบ้าน กลายเป็นความรุนแรงอ
“นี่...”“ตามกฎแล้ว ควรมีการอภัยโทษทั่วหล้า”ฮ่องเต้พยักหน้าไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งรัชทายาทหรือฮองเฮา ล้วนเป็นเรื่องมงคลใหญ่หลวงการอภัยโทษทั่วแผ่นดินก็ไม่ใช่เรื่องแปลกปัญหาคือ ฮ่องเต้คิดจนหัวแทบแตกก็ไม่เข้าใจว่า เจ้าเก้าคิดจะทำอะไรกันแน่แต่ในเมื่อเขาตกลงเล่นละครร่วมกับหลี่หลงหลินแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก แค่ตามน้ำไปแล้วพูดต่อก็พอหลี่เทียนฉี่ก็งุนงงเช่นกันนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ทำไมหลี่หลงหลินถึงอยากประกาศอภัยโทษทั่วหล้า?หรือเขาเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี เลยเลือกที่จะยอมจำนน?นี่เป็นเรื่องดี!เสิ่นชิงโจวถูกขังอยู่ในคุกมาได้สักพักแล้ว ถ้ามีการประกาศอภัยโทษทั่วหล้า เขาจะไม่ได้รับอิสรภาพหรือ?รวมถึงเสด็จแม่ของเขา ฮองเฮาหลู่จะได้รับการปล่อยตัวจากตำหนักเย็น ฟื้นฟูอิสรภาพหรือไม่?ที่ผ่านมา หลี่เทียนฉี่เกลียดชังหลี่หลงหลินอย่างยิ่ง เขาเชื่อว่าหลี่หลงหลินไร้คุณธรรม ไม่คู่ควรกับตำแหน่งรัชทายาท และยิ่งไม่คู่ควรแก่การขึ้นครองบัลลังก์ ปกครองใต้หล้า!แต่ถ้าหลี่หลงหลินประกาศอภัยโทษทั่วหล้า หลี่เทียนฉี่คงจะเห็นด้วยอย่างแน่นอน“รัชทายาท”หลี่เทียนฉี่ตื่นเต้นมาก คำเรียกหลี่หลงหลิ
อย่างน้อยก็มอบแผ่นดินต้าเซี่ยอันบริสุทธิ์สะอาดให้แก่เจ้าเก้า เพื่อให้เขาสามารถแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่ จักรพรรดิพิโรธ โลหิตหลั่งไหลเป็นทาง ฮ่องเต้หวู่ตัดสินพระทัยแล้วว่าจะขจัดอุปสรรคทั้งปวงเพื่อหลี่หลงหลิน “เสด็จพ่อ” หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย “ลูกเองไม่มีความปรารถนาใด เพียงแต่อยากจะขอพรเพื่อปวงประชาในใต้หล้า” น้ำเสียงของเขาไม่ดังนัก แต่กลับชัดเจนแจ่มแจ้ง ราวกับดังก้องอยู่ในหูของทุกคน เหล่าประชาราษฎร์ต่างตกตะลึง ทุกคนต่างสงสัยใคร่รู้ องค์รัชทายาทจะขอพรให้ตัวเองก็แล้วไปเถิด เหตุใดยังจะขอพรเพื่อปวงประชาในใต้หล้าอีก? แล้วจะเลือกพรข้อใดกัน? ดวงตาคู่สวยของซูเฟิ่งหลิงจ้องมองไปยังร่างของหลี่หลงหลินอย่างไม่วางตา คนผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่? ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “องค์รัชทายาท เจ้าจงกล่าวมาเถิด! ปรารถนาสิ่งใด?” หลี่หลงหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงดังกังวานดุจระฆังใบใหญ่ ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน “ยามนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย! ภายนอกมีหมานอี๋จ้องรุกรานแผ่นดินต้าเซี่ยของเรา! ภายในมีขุนนางชั่วขูดรีด รังแกราษฎร” “ราษฎรทุกข์ยากแสนเข็ญ เพียงเพื่อจะมีชีวิตรอดก็ยากเย็นแสนสาหัส
ยกเว้นภาษีสามปี? เหล่าประชาราษฎร์ได้ยินความปรารถนาของหลี่หลงหลินแล้ว สมองก็อื้ออึง ช่วงเวลาที่ผ่านมา ด้วยความพยายามของหลี่หลงหลิน สถานการณ์ของต้าเซี่ยค่อย ๆ เริ่มดีขึ้น ทางด้านเมืองซั่วเป่ย มีข่าวชัยชนะส่งมาอย่างต่อเนื่อง แผนการร้ายขององค์ชายสี่และชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็ถูกเปิดโปง ราษฎรต่างรู้สึกภาคภูมิใจ ได้ศักดิ์ศรีและความเชื่อมั่นกลับคืนมา แต่ปัญหาก็คือ ศักดิ์ศรีและความเชื่อมั่นนั้นกินได้หรือไม่? แน่นอนว่าไม่ได้! ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างต้าเซี่ยกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ หรือความขัดแย้งในราชสำนัก การแย่งชิงบัลลังก์ของเหล่าองค์ชาย เกี่ยวข้องอะไรกับราษฎร? อาจจะเกี่ยว แต่ก็ไม่มากนัก เพราะว่า ราษฎรไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ จากเรื่องเหล่านี้เลย ยังคงต้องดิ้นรนทำงานหนักเพื่อปากท้อง แต่การยกเว้นภาษีสามปีนั้นแตกต่างออกไป! ต้องรู้ว่า ภาษีในสมัยโบราณนั้นสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต้าเซี่ยซึ่งเป็นยุคปลายราชวงศ์ ขุนนางกังฉินเปรียบเสมือนปลวกที่กัดกินประเทศชาติจนย่อยยับ ทุกหย่อมหญ้ามีแต่ความเสียหาย งบประมาณขาดดุล ท้องพระคลังหลวงว่างเปล่า ราชสำนักไม่มีเงิน
ฉินฮั่นหยางในฐานะบัณฑิตทรงคุณวุฒิ มีความรู้ลึกซึ้ง วาทศิลป์เฉียบคม ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่หลงหลิน ฉินฮั่นหยางกลับกลายเป็นเหมือนเด็กสามขวบ ถูกเย้ยหยันจนไม่เหลือชิ้นดี! ในสมองของหลี่เทียนฉี่ ปรากฏภาพงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาขึ้นมา ทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของฉินฮั่นหยางอย่างถ่องแท้ แต่ว่า หลี่เทียนฉี่ไม่กังวลแม้แต่น้อย มุมปากยังปรากฏรอยยิ้ม หลี่หลงหลินต้องการยกเว้นภาษีสามปี? ฝันไปเถอะ! เสด็จพ่อไม่มีทางตอบตกลงแน่นอน! ไม่มีใครรู้จักบิดาดีเท่าบุตร คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าฮ่องเต้หวู่เป็นคนเช่นไร ไม่เข้าใจอุปนิสัยของเขา แต่หลี่เทียนฉี่เป็นใคร? เขาเคยเป็นองค์รัชทายาท เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ต้าเซี่ย ปัจจุบันของหลี่หลงหลิน ก็คืออดีตของหลี่เทียนฉี่ ในยามที่หลี่เทียนฉี่เป็นที่โปรดปราน ฮ่องเต้หวู่ไม่เคยปิดบังสิ่งใดกับเขา ดังนั้น หลี่เทียนฉี่จึงเข้าใจนิสัยของฮ่องเต้หวู่เป็นอย่างดี หากจะให้บรรยายด้วยสองคำคือ – ขี้เหนียว ในเรื่องอื่น ๆ ฮ่องเต้หวู่อาจจะยังปิดบังอำพราง แสร้งทำเป็นลึกลับ ยากที่จะมองเห็นจิตใจที่แท้จริง แต่เมื่อใดที่เกี่ยวข้องกับเงินทอง ฮ่องเต้หวู่จะไม่เสแสร้ง
หลี่หลงหลินคุกเข่าลงกับพื้นในทันที โค้งคำนับฮ่องเต้หวู่อย่างนอบน้อม “ลูกขอเป็นตัวแทนราษฎรทั้งแผ่นดิน ขอบพระทัยเสด็จพ่อ! ขอเสด็จพ่อทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!” ไม่ว่าจะอย่างไร ฮ่องเต้หวู่ทรงตอบตกลงยกเว้นภาษีสามปี นี่เป็นเรื่องดีที่สร้างประโยชน์สุขให้แก่ราษฎรต้าเซี่ย เป็นสิริมงคลแก่ต้าเซี่ย! เหล่าประชาราษฎร์ต่างตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ฝ่าบาททรงตอบตกลงยกเว้นภาษีแล้ว? เป็นไปได้อย่างไร? เหล่าบัณฑิตมิได้กล่าวว่าฝ่าบาททรงเย็นชา ไร้ความเมตตา เห็นแก่เงินยิ่งกว่าสิ่งใดหรอกหรือ? ทว่า ภายใต้สายตาของผู้คน คำพูดของฝ่าบาท ผู้คนนับพันนับหมื่นได้ยินอย่างชัดเจน วาจาจักรพรรดิ ยากจะตามคืน! นี่เป็นเรื่องจริง! สามปีข้างหน้า พวกเขาไม่ต้องเสียภาษีให้แก่ราชสำนักแล้ว! “นี่...นี่...” ราษฎรดีใจจนเกินบรรยาย ต่างโห่ร้องยินดี น้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน พรึบ...พรึบ... ราษฎรนับพันนับหมื่นคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะด้วยความซาบซึ้ง “ขอบพระทัยฝ่าบาท! ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!” นอกจากจะขอบคุณฝ่าบาทแล้ว พวกเขายังขอบคุณองค์รัชทายาทหลี่หลงหลินยิ่งกว่า ผู้ที่มีสายตาแหล
พวกเขาจะไปเป็นหุ่นเชิดให้องค์รัชทายาท ทำร้ายสำนักปราชญ์ที่มีรากฐานแข็งแกร่งไปทำไม? อันที่จริง คำพูดเหล่านี้ก็มีเหตุผลอยู่บ้าง คนเราหากไม่เห็นแก่ตัวเสียบ้าง ก็จะถูกสวรรค์ลงโทษ ชาวบ้านตาดำ ๆ ไม่มีอำนาจวาสนา การรักษาตัวรอดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด! แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง องค์ชายใหญ่ สำนักปราชญ์ และเหล่าขุนนางร่วมมือกันขัดขวางไม่ให้ฝ่าบาทยกเว้นภาษีสามปี? การกระทำเช่นนี้เป็นการแย่งชิงผลประโยชน์ของคนทั้งแผ่นดิน! เพราะอย่างไรเสีย ฝ่าบาทก็เอ่ยออกมาแล้วว่าจะยกเว้นภาษี ราษฎรต่างก็มีผลประโยชน์เป็นของตนเอง! หลี่เทียนฉี่เป็นองค์ชาย เชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ไม่สามารถแตะต้องได้ เหล่าขุนนางมีตำแหน่ง มีฐานะเป็นขุนนาง ก็แตะต้องไม่ได้เช่นกัน แต่พวกท่านเหล่าบัณฑิตทรงคุณวุฒิ และบัณฑิตทั้งหลายเล่า? ก็เป็นแค่บัณฑิตตกยากเท่านั้น จะมีอะไรให้น่าเกรงขาม! ต่อให้พวกท่านสำนักปราชญ์จะเป็นก้นเสือ วันนี้ข้าก็จะลองลูบดู! ในหมู่ราษฎร มีแกนนำหลายคนตะโกนขึ้นว่า “ตี!” “ตีพวกสุนัขรับใช้พวกนี้ให้หนัก!” “มีองค์รัชทายาทและฝ่าบาทคอยหนุนหลัง พวกเราจะกลัวอะไร?” มวลชนที่ไร้
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค