ไม่ง่ายนักที่ฉู่กุ้ยเฟยจะทำความเคารพด้วยพุงโต ๆ ของนาง องค์จักรพรรดิจึงยื่นพระหัตถ์ช่วยพยุงนางขึ้นมานั่งข้าง ๆ พระองค์ทรงสงบลงแล้วตรัสว่า “เรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นมานานแล้ว เป็นความประมาทเลินเล่อของข้าที่ยอมให้ทาสต่ำต้อยที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีทำเรื่องร้ายแรงต่อองค์ชายเช่นนั้น”“พระองค์ทรงเหนื่อยกับงานราชกิจของวังหน้ามากแล้ว ดังนั้นหม่อมฉันที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ย่อมเต็มใจน้อมรับบทลงโทษเพคะ”ฉู่กุ้ยเฟยลูบหลังปลอบโยนองค์จักรพรรดิ“พาตัวไปที่กองอารักขา หากทำการทรมานแล้วพวกนางยังไม่ปริปาก ก็ให้ขับไล่ออกจากวังเสีย”น้ำเสียงสงบขององค์จักรพรรดิเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างยิ่ง ราวกับลมหนาวที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะที่พัดผ่านร่างกายไปจนถึงหัวใจของนางกำนัลอาวุโสทั้งสองเมื่อนางกำนัลอาวุโสทั้งสองคนถูกขันทีลากตัวออกไป เสียงร้องขอความช่วยเหลืออันวุ่นวายก็ค่อย ๆ จางหายไปฉู่เนี่ยนซีที่มาจากห้องโถงด้านข้างทำความเคารพองค์จักรพรรดิและฉู่กุ้ยเฟย “หม่อมฉันได้เตรียมยาไว้ให้คนที่เหมาะสมแล้วเพคะ ฉู่กุ้ยเฟยเลือกแม่นมที่เชื่อใจได้มาลองดื่ม อีกทั้งได้ให้องค์ชายดื่มไปด้วย ขอเสด็จพ่อและฉู่กุ้ยเฟยโปรดท
“ท่านป้า ช่วงนี้รู้สึกว่าที่ตำหนักโซ่วคังมีอะไรที่ผิดสังเกตหรือไม่เจ้าคะ?”ฉู่เนี่ยนซีตรวจสอบชีพจรของทั้งฉู่กุ้ยเฟยและพระชายาฉิง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ เดิมทีคิดว่ามันเป็นเพียงอาการอ่อนเพลียทั่วไป แต่ตอนนี้พอมาไตร่ตรองดูดี ๆ ก็ตระหนักว่าผิดปกติจริง ๆ“ไม่นะ ทุกอย่างก็เหมือนปกติ” ฉู่กุ้ยเฟยคิดทบทวนแล้วส่ายหัวฉู่เนี่ยนซีก้มหน้าใช้ความคิด ขนตาที่ยาวและหนาของนางกระพริบขึ้นลงราวกับผีเสื้อที่บินเข้าไปในดอกไม้ด้วยความหวาดกลัว“ท่านป้า ดูเหมือนว่ามีคนพยายามแอบสร้างปัญหาอยู่นะเจ้าคะ”ฉู่เนี่ยนซีมองฉู่กุ้ยเฟยด้วยแววตาคมปลาบเหมือนสระน้ำที่ถูกรบกวนด้วยคลื่นที่ซัดสาด แต่ยังมั่นคงราวกับภูเขาที่บรรจุความรู้สึกดื้อรั้น“หมายความว่าอย่างไร?”ดวงตาที่งดงามของฉู่กุ้ยเฟยฉายแววสงสัย สายตาของนางค่อย ๆ จ้องมองไปยังลวดลายที่ปักบนกระโปรงของฉู่เนี่ยนซี ขณะนั้นความคิดต่าง ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของนางเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระชายาฉิงและองค์ชายรวมทั้งตนเอง ทันใดนั้นฉู่กุ้ยเฟยก็มองไปที่ฉู่เนี่ยนซี และเห็นความประหลาดใจของตนในม่านตาที่เย็นชาคล้ายหมอกของนาง“เจ้าหมายความว่าพระชายาฉิงและข้าต่างก็ถูกวาง
“แล้วอาหารบำรุงของวันนี้ล่ะ เอามาให้ข้าดูหน่อยสิ”ฉู่เนี่ยนซีอาศัยจังหวะที่นางกำนัลอาวุโสไปหยิบอาหารอธิบายให้พระชายาฉิงฟังว่า “พระชายา หม่อมฉันคิดว่าสาเหตุที่ทำให้พระนางป่วยหนักนั้นไม่ได้เกิดจากการประสูติองค์ชายเพียงเท่านั้น แต่เป็นเพราะมีคนใช้ประโยชน์จากร่างกายที่อ่อนแอของพระนางเพื่อสร้างปัญหาลับหลังพระนาง หม่อมฉันอาจต้องขอรบกวนค้นห้องบรรทมของพระนางเสียหน่อยนะเพคะ”พระชายาฉิงสูดลมหายใจ ร่างกายที่ผอมแห้งของนางสั่นเล็กน้อยเนื่องด้วยรู้สึกหวาดกลัว หน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงเพราะหายใจแรงหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ฟื้นคืนสติและพยักหน้าให้ฉู่เนี่ยนซีฉู่เนี่ยนซีเริ่มจากการตรวจดูเตียงนอน ดมกลิ่นถุงหอมที่แขวนอยู่บนผ้าม่านอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เปิดมันออกและตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จากนั้นจึงแขวนถุงหอมนั้นกลับขึ้นไปหลังจากตรวจสอบโต๊ะเครื่องแป้ง กระถางต้นไม้ในห้อง ถ้วยชาและชามที่ใช้ทีละใบ ฉู่เนี่ยนซีก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดเลยเมื่อนางกำนัลอาวุโสนำอาหารกลางวันมาให้ เนื่องจากพระชายาฉิงไม่อยากอาหาร จึงเพียงนำน้ำแกงชามเดียวกับขนมดอกเหมยกรอบหนึ่งจานมาเท่านั้นฉู่เนี่ยนซีชิมอาหารแต่ละจ
ฉู่เนี่ยนซีกลับมายังตำหนักโซ่วคังเพื่อบอกเรื่องทั้งหมดกับฉู่กุ้ยเฟย ฉู่กุ้ยเฟยแตะท้องตัวเองแล้วถามอย่างกังวล “แล้วลูกของข้า…”ฉู่เนี่ยนซีจับชีพจรของฉู่กุ้ยเฟยอีกครั้งและพยายามสงบความกลัวของฉู่กุ้ยเฟยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ลมปราณแต่กำเนิดของท่านป้าได้รับความเสียหาย และทารกในครรภ์ย่อมต้องได้รับความเสียหายบ้างตามร่างกายของผู้เป็นแม่ แต่ท่านป้าไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ลูกของท่านก็จะถือกำเนิดได้อย่างปลอดภัย”ฉู่เนี่ยนซีพบบางสิ่งแปลก ๆ ในอ่างถ่านบริเวณห้องโถงใหญ่ของตำหนักโซ่วคัง เมื่อนึกได้เช่นนั้นความโกรธในใจของนางก็ปะทุขึ้นนางมองไปยังถ่านที่เก็บไว้และพบว่าไม่มีปัญหาเหมือนกับที่ตำหนักเต๋อซิ่ง“ท่านป้าเจ้าคะ มีคนเอาอะไรผสมกับผงถ่านแล้วใส่ลงไปในอ่างถ่าน จากนั้นก็ทับด้วยถ่านใหม่จึงไม่มีใครสังเกตเห็น สิ่งของประเภทนี้พอใช้แค่ในหน้าหนาวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ประสิทธิภาพของมันจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ยิ่งอุณหภูมิลดลงก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมาก ฉะนั้นท่านป้าจะรู้สึกหนาว และยิ่งอากาศหนาวเย็นเท่าไหร่ ถ่านในอ่างถ่านก็จะถูกเผาไหม้มากขึ้นหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของท่านก็จะเกิดความเสียหายเ
นางกำนัลตอบรับคำสั่งและกำลังจะออกไป แต่จู่ ๆ เย่เซวียนเล่อก็พูดว่า “เดี๋ยวก่อน”เย่เซวียนเล่อมาหานางกำนัลพลางกระซิบ จากนั้นแววตามุ่งร้ายก็แวบผ่านดวงตาของนาง และรอยยิ้มบนริมฝีปากเผยให้เห็นความชั่วร้ายที่น่าสะพรึงกลัวไม่นานหลังจากที่นางกำนัลออกไป นางก็กลับมาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย นางลังเลที่หน้าประตูอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดม่านและพูดด้วยความกลัว“รายงานต่อองค์หญิง พระชายาหลีกล่าวว่ามีสนมหลายท่านมาหานาง สนมเหล่านั้นแจ้งว่าจะไปที่ตำหนักโซ่วคังในช่วงบ่ายเพื่อขอให้นางตรวจชีพจรให้ นางจึงไม่มีเวลามาที่ศาลาจิ่งอวิ๋นเพคะ”“สนมคนไหน?”สายตาที่เย่เซวียนเล่อเหลือบมองนั้นน่าหวาดกลัวมากจนนางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ กลั้นหายใจ“หม่อมฉันได้ยินมาว่ามีพระชายาหู สนมชิว และพระชายาฉิงที่เป็นผู้เชิญพระชายาหลีไปที่ตำหนักเต๋อซิ่งเพคะ”“สนมชิว? หากไม่ใช่เพราะเสด็จแม่นางจะปีนขึ้นสู่ตำแหน่งสนมได้หรือ? ตอนนี้ไม่เพียงแต่นางจะไม่พูดคุยกับเสด็จแม่ ทว่านางยังย้ายไปอยู่ฝ่ายฉู่กุ้ยเฟยด้วย ครั้งต่อไปหากข้าเจอนางก็คงจะต้องจับเข่าคุยกันเสียหน่อยแล้วล่ะ” เย่เซวียนเล่อกัดฟันค่ำคืนมาถึงอย่างรวดเร็ว ฉู่เนี่ยนซีและฉู่กุ้ยเฟ
“ไทเฮาเพคะ ตอนนี้ท่านป้าของหม่อมฉันคอยดูแลหกตำหนักฝ่ายใน แม้นางจะอยู่ใกล้ชิดพระองค์เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เมื่อเห็นว่าพระองค์ทรงรักใคร่เอ็นดูซีเอ๋อร์และองค์หญิงห้า ท่านป้าจึงเรียนรู้สิ่งนั้นมาด้วย นางจึงได้พูดแก้ตัวแทนเนี่ยนซีเพคะ”ฉู่เนี่ยนซีตอบโต้ไทเฮาอย่างไม่ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจ ทำให้ไทเฮาตรัสอะไรไม่ออก หากนางจะตำหนิอีกฝ่ายก็เหมือนกำลังตำหนิตัวเองด้วยทุกคนสนทนากับไทเฮาอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าใกล้จะค่ำแล้วจึงพากันกลับเมื่อใกล้ค่ำลมหนาวก็พัดกรรโชกเสียงดังหลังจากที่เสี่ยวเถาปิดหน้าต่างอย่างแน่นหนา นางก็เดินเข้าไปในศาลาอุ่นร้อนพร้อมเทียนที่จุดใหม่ในมือกำลังจะนำไปเปลี่ยนแทนที่เทียนเก่าที่กำลังจะไหม้หมด เมื่อเห็นว่าฉู่เนี่ยนซียังคงยุ่งอยู่ นางจึงพูดด้วยความกังวล “พระชายา ตอนนี้แสงเทียนสลัวแล้ว ทำต่อวันพรุ่งนี้เถอะเพคะ”ฉู่เนี่ยนซีวางดอกเก๊กฮวยแห้งจำนวนหนึ่งไว้ในตะกร้าอีกใบหนึ่งในมือ พลางเหยียดหลังแล้วพูดอย่างเกียจคร้าน “กว่าท่านป้าจะตั้งครรภ์ได้นั้นไม่ง่าย ข้าว่าจะใช้ดอกเก๊กฮวยมาทำหมอนนุ่ม ๆ ท่านป้าจะได้นอนหลับได้ดีขึ้น”“กุ้ยเฟยคงจะดีใจมากที่ได้รู้ว่าพระชายามานั่งเลือกดอกไม้ทีละ
บุรุษผู้นั้นตื่นตระหนกทันทีเมื่อเห็นว่าตัวเองฟาดไม้ผิดคน ทันทีที่เขาปล่อยไม้ มันก็กลิ้งไปที่เท้าของฉู่เนี่ยนซี“จะเลือกความตายหรือจะพูดคุยกันดี ๆ?”น้ำเสียงที่สงบของฉู่เนี่ยนซียิ่งน่ากลัวมากขึ้น ทำให้ขันทีผู้น้อยตัวสั่นในทันที“กระหม่อมสมควรตาย พระชายาโปรดอภัยให้ด้วย อภัยให้กระหม่อมด้วย กระหม่อมไม่สามารถพูดอะไรได้ หากกระหม่อมพูดก็จะต้องตาย แต่ครั้นจะไม่ทำกระหม่อมก็ไม่กล้า ไม่เช่นนั้นก็ต้องตายอีกเช่นกัน กระหม่อมไม่มีทางเลือกนอกจากขอความเมตตาจากพระชายา โปรดเห็นใจกระหม่อมด้วยเถิด”ขันทีผู้น้อยตื่นตระหนกมากจนต้องหมอบลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยทิ้งรอยเลือดไว้บนก้อนกรวดที่เขาคุกเข่า เมื่อมองจากระยะไกลดูเหมือนดอกพลับพลึงแดงบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ“พระชายา เสี่ยวเถาเห็นเขาเมื่อวานนี้ เขาเดินวนแถวประตูตำหนักโซ่วคังหลายครั้ง ตอนนั้นหม่อมฉันเห็นเขาท่าทางแปลก ๆ เลยคิดว่าจะเดินไปสอบถาม แต่เขาก็รีบจากไปก่อนเพคะ”เสี่ยวเถามองหน้าของขันทีผู้น้อยอย่างพินิจและจำได้ในทันที“จริง ๆ แล้วเจ้าอยากจะมาบอกข้าตั้งแต่เมื่อวานใช่หรือไม่?”ความเยือกเย็นในดวงตาของฉู่เนี่ยนซีคลายลงไปมาก นางรู้ดีถึงความยากลำบากของคนผ
ฉู่เนี่ยนซีมองไปที่เย่เซวียนเล่ออย่างเย้ยหยัน แต่มีความคิดคลุมเครือผุดขึ้นมาในใจของนาง“พี่สะใภ้รอง ท่านมีหลักฐานหรือไม่?”เย่เซวียนเล่อเดาว่าถ้าฉู่เนี่ยนซีได้ยินอะไรบางอย่างจริง นางจะต้องสั่งให้ขันทีหนุ่มมาเป็นพยานด้วยตนเอง หากไม่เป็นเช่นนั้น นางก็อาจจะกำลังปั้นเรื่องขึ้นมาเองฉู่เนี่ยนซีแค่มองไปที่เย่เซวียนเล่อโดยไม่ได้พูดอะไร ไม่สำคัญว่าจะมีหลักฐานหรือไม่ ดูจากการที่เย่เซวียนเล่อทดสอบนางนั่นก็เพียงพอแล้วเย่เซวียนเล่อรู้สึกโล่งใจที่เห็นฉู่เนี่ยนซีไม่ได้พูดอะไร และทันใดนั้นบนใบหน้าของนางก็เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยเล็กน้อย“พี่สะใภ้รอง ท่านกำลังใส่ร้ายข้า หากท่านย่าทราบเข้าล่ะก็ ท่านย่าจะไม่มีวันปล่อยพี่สะใภ้รองไปแน่”“เช่นนั้นก็ให้ไทเฮาตรวจสอบดูว่าเป็นฝีมือใครก็แล้วกัน”ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นด้วยรูปลักษณ์สวยงามที่ไม่มีใครเทียบได้และความสูงเพรียวของนาง ท่าทางที่สงบและมั่นใจของนางทำให้เย่เซวียนเล่อสั่นเล็กน้อย“เช่นนั้นเราก็ไปตรวจสอบที่พระตำหนักอันชิ่งกันเลย”เย่เซวียนเล่อมั่นใจ นางเตือนคนที่ลงมือแล้ว หากเขากล้าพูดอะไรออกมา ไม่เพียงตัวเขาเองเท่านั้น แต่ครอบครัวของเขาก็จะไม่พ้นไปได้ฉู่เ