Share

บทที่ 364

Author: ชาผลไม้
last update Last Updated: 2024-02-16 16:00:00
“เหตุใดเสด็จแม่ถึงทรงพูดว่าฉู่เนี่ยนซีเป็นบุตรีของฉู่เคอ? ใครมันเป็นคนถ่อไปก่อความวุ่นวายให้ท่าน?”

ดวงตาขององค์จักรพรรดิเป็นประกายวาวและหมอกในหัวใจของเขามลายหายไป ที่แท้เรื่องทั้งหมดก็เป็นเพราะเหตุนี้

“ฝ่าบาทไม่ต้องมายุ่ง! หม่อมฉันถามหน่อย หากพระองค์รู้ก่อนหน้านี้ว่านางเป็นบุตรีของฉู่เคอ พระองค์จะทรงให้นางเป็นชายาหลีต่อไป หรือจะทรงให้นางมาอยู่วังหลังเป็นสนมคนโปรดกันเล่า?”

ไทเฮาค่อย ๆ เดินเข้าไปหาองค์จักรพรรดิและมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

“เสด็จแม่ สิ่งที่กำลังคุยกันอยู่ตอนนี้ก็คือฉู่เนี่ยนซีกำลังจะถูกตัดหัว แล้วเหตุใดถึงต้องทรงตรัสเรื่องสมมติมากมายเช่นนี้เล่า?”

ท่าทางขององค์จักรพรรดิค่อย ๆ เยือกเย็นลง สายตาของเขาที่มองไปยังไทเฮาดูไม่พอใจเล็กน้อย

ไทเฮาเห็นว่าองค์จักรพรรดิไม่กล้าตอบคำถามของนางตรง ๆ นางจึงถามจี้หลายครั้ง จากนั้นนางก็รู้สึกว่าอากาศในอกของนางค่อย ๆ เบาบาง การมองเห็นแย่ลง และร่างกายของนางก็เริ่มเซไปมา

ดวงตาและมือขององค์จักรพรรดิเร็วพอที่จะประคองนางไว้ จากนั้นเขาก็รีบเรียกหมอหลวง

หลังจากไทเฮาเสวยยาแล้ว องค์จักรพรรดิก็นั่งลงตรงขอบเตียงพลางทอดพระเนตรไทเฮาที่ค่อย ๆ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 365

    คอของเย่ฉงเฉิงแห้งเนื่องจากหายใจเอาลมเข้าคอไปตลอดทาง ไม่แม้แต่จะเข้าไปดื่มน้ำสักจอกข้างในด้วยซ้ำ เขาหอบอย่างหนักพลางดึงแขนของเย่เฟยหลีเพื่อรีบออกไป จากนั้นเขาก็วิ่งไปอธิบายไปว่า “ไม่ใช่ เสด็จย่าทรงมีรับสั่งให้ตัดหัวของฉู่เนี่ยนที่ประตูอู่ตอนเที่ยงวันนี้!”“อะไรนะ?”เย่เฟยหลีตื่นตระหนกทันที คิ้วของเขาไม่เคยขมวดคิ้วมากขนาดนี้ แต่เขายังคงรักษาความมีเหตุผลพลางคิดแผนการและเส้นทางหลบหนีต่าง ๆ อย่างรวดเร็วเขาดึงมือของเย่ฉงเฉิงออก หันกลับไปมองเหลียงหยวนอย่างใจเย็น หยิบหยาจางสีเหลืองอำพันออกมาจากในแขนเสื้อของเขา แล้วยื่นให้เหลียงหยวนอย่างเคร่งขรึม“พี่สาม นั่นอะไรน่ะ?”เย่ฉงเฉิงกังวลมากจนหายใจไม่ออก เมื่อเห็นว่าเย่เฟยหลียังคงอธิบายอย่างสงบเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเย่ฉงเฉิงไม่รู้ว่าหยาจางเป็นตัวแทนของอะไร แต่เหลียงหยวนรู้เขามองหยาจางด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นด้วยความเหลือเชื่อและพูดตะกุกตะกัก “ท่านอ๋อง นี่มัน…หากท่านไปแตะต้องคนเหล่านั้น ความพยายามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของท่านจะไม่เพียงแต่สูญเปล่าเท่านั้น แต่หากองค์จักรพรรดิทรงทราบ พวกเราก็ไม่สามารถอยู่ในเมืองรัตติกาลนี้ไ

    Last Updated : 2024-02-16
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 366

    “ไป๋ชิง ข้าให้สัญญาว่าหากข้าได้พูดร่ำลากับบุตรีเป็นครั้งสุดท้าย ข้าจะส่งสาส์นกราบทูลลาองค์จักรพรรดิและปลีกวิเวกไปใช้ชีวิตโดยจะไม่กลับมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอีก เจ้าว่าอย่างไร?”หลังจากที่มหาเสนาบดีฉู่รออยู่เป็นเวลานานก็ยังไม่มีข่าวคราวจากอ๋องเฉิง เขาแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไปและแอบบีบมือของฉู่เจี้ยนอี้เมื่อไป๋ชิงได้ยินคำต่อรองนี้ หัวใจของเขาก็สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัดอำนาจของมหาเสนาบดีหยั่งรากลึกในราชสำนัก หากไม่ใช่เพราะได้ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ในกำมือ ก็จะไม่มีทางแตะรากฐานของเขาได้เมื่อตระกูลฉู่ออกจากราชสำนัก อุปสรรคครึ่งหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าตระกูลไป๋จะหายไป“ในเมื่อเราก็ต่างเป็นขุนนางในราชสำนักเดียวกัน ท่านมหาเสนาบดีฉู่ก็โปรดอย่าชักช้าเกินไปแล้วกัน”ไป๋ชิงเห็นว่าคนที่มหาเสนาบดีฉู่พามาไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ และเขาก็เชื่อในความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาจึงตอบตกลงทันทีฉู่เนี่ยนซีมองไปยังฉู่เจี้ยนอี้ที่กำลังเดินมาหานางและมีท่าทางแปลก ๆ เล็กน้อย จากนั้นนางก็หันไปมองมหาเสนาบดีฉู่ นางรู้ว่ามันเป็นความมุ่งมั่นที่จะละทิ้งทุกสิ่งโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง“ช้าก่อน!”ในช่วงเวลาวิกฤติ ฉ

    Last Updated : 2024-02-16
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 367

    “ไป๋ชิง ในอาณาจักรรัตติกาลแห่ง กักขังประชาชนผู้บริสุทธิ์ รังแกผู้อ่อนแอและกดขี่ผู้บริสุทธิ์ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง! นอกจากนี้ ในฐานะขุนนางของราชสำนัก ในเมื่อประชาชนมีสิ่งที่อยากจะพูด อยากจะร้องเรียน หรืออยากจะแจ้งความ เหตุใดเจ้าถึงได้ไม่แยกแยะและจับกุมผู้คนตามอำเภอใจเช่นนี้?!”คำพูดของมหาเสนาบดีฉู่ทั้งน่าเกรงขามและทรงพลังเมื่อมองไปยังประชาชน มหาเสนาบดีฉู่ก็รู้สึกมีความหวังริบหรี่อยู่ในใจ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะเดินนำหน้าประชาชน และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม “หากพวกท่านมีอะไรจะพูด ก็สามารถพูดได้ตามที่ต้องการ แต่อย่าได้เอะอะเสียงดังจนเกินไป”“ข้าจะพูดก่อน!”ชายคนหนึ่งในชุดผ้าคลุมยาวลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้มหาเสนาบดีฉู่ “ข้าเป็นหัวหน้าตระกูลหลัว ตระกูลของข้าทำธุรกิจขายผ้า แต่ปีนี้เราประสบกับความสูญเสียมากมาย ข้าเอาข้าวของทั้งหมดไปใช้หนี้เท่าไหร่ก็ไม่พอ จนเจ้าหนี้มาตามทวงจนเกือบฆ่าตัวตาย เจ้าของโรงพนันหุยหุนเป็นคนใช้หนี้ให้ตระกูลหลัวและให้ทุนจำนวนหนึ่งซึ่งทำให้ตระกูลของข้ารอดพ้นจากหายนะมาได้”ทันทีที่ชายแซ่หลัวพูดจบ ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่กำลังอุ้มเด็กอายุสองขวบก็ยืนขึ้นและพูดด้วยเสียงแห

    Last Updated : 2024-02-17
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 368

    เย่เฟยหลีมองลงไปชั้นล่างด้วยสายตาที่เฉียบคมตะแกรงหน้าต่างบังแสงแดด ทิ้งเขาไว้ในความมืด มีเพียงดวงตาของเขาที่ส่องแสงเจิดจ้าเย่ฉงเฉิงกล่าวทันทีว่า “เสด็จพ่อทรงสนับสนุนให้ยึดเอาความคิดของประชาชนเป็นพื้นฐานมาโดยตลอด บัดนี้มีคนจำนวนมากกล่าวสุนทรพจน์อย่างคึกคัก สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือเราต้องไปที่พระราชวังและรายงานต่อเสด็จพ่อเพื่อที่จะให้พระองค์ทรงตัดสินพระทัย”ในเวลานี้ เย่ฉงเฉิงทำสีหน้าจริงจังอย่างไม่เคยทำมาก่อน ที่เขาช่วยฉู่เนี่ยนซีทั้งหมดเป็นเพราะคำขอของเย่เฟยหลี แต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นผู้ลี้ภัยเหล่านี้และผู้คนที่ได้รับประโยชน์จากโรงพนันหุยหุน เขาก็รู้สึกว่าก่อนหน้านั้นตัวเองเข้าใจนางผิดมาโดยตลอด คนที่มีจิตใจที่งดงามอย่างแท้จริงคือฉู่เนี่ยนซีไป๋ชิงหรี่ตาลงเล็กน้อย เม้มริมฝีปากบางและแสดงความโกรธออกมา เขาเงยหน้ามองไปรอบ ๆ เห็นผู้คนที่กำลังคุกเข่าขอความเมตตา เขาสูดจมูกอย่างเย็นชา “ราชโองการของไทเฮาออกมาแล้ว ดูสิว่าใครจะกล้าฝ่าฝืน! รีบเอาคนมาล้อมรอบพวกเขาไว้และหากใครก่อปัญหา ข้าจะฆ่าทิ้งอย่างไร้ความเมตตา!”นายทหารที่อยู่ถัดจากเขาแบ่งออกเป็นสองส่วนเพื่อล้อมรอบประชาชนทางเหนือและใต้ตามลำด

    Last Updated : 2024-02-17
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 369

    เมื่อเห็นหลายฝ่ายต่อสู้กัน เขาอยากจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วย แต่มหาเสนาบดีฉู่คว้าไหล่ของเขาไว้ บังคับให้เขายืนอยู่ที่เดิม“ต้องมีคนของอ๋องหลีอยู่ที่นี่แน่นอน เมื่อเขาเริ่มลงมือและสวมหน้ากาก สิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรทำคืออยู่ในที่ของเราและไม่ทิ้งหลักฐานใดใดไว้ให้ไป๋ชิงจับสังเกต มิฉะนั้น แม้ซีเอ๋อร์จะได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็จะถูกบังคับให้กลับมาเพราะถูกองค์จักรพรรดิทรงลงโทษ”มหาเสนาบดีฉู่คลุกคลีอยู่ในราชสำนักมาหลายปีแล้ว และหัวใจอันแยบคายของเขาก็วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียได้ทันที พลางกระซิบข้างหูของเขา“ท่านพ่อคิดรอบคอบดีมากขอรับ” ฉู่เจี้ยนอี้เงยหน้าและพูดกับกลุ่มอารักขาที่อยู่ข้างหลังเขาว่า “หากไม่ได้รับคำสั่งจากข้าห้ามทำอะไรบุ่มบ่าม!”เย่ฉงเฉิงไปรวมกลุ่มกับเจ้าเมืองและคนอื่น ๆ หากช่วยอะไรไม่ได้ก็อย่าก่อปัญหาจะดีกว่าทหารเดนตายของเย่เฟยหลีได้รับการฝึกฝนมาหลายปีและได้รับการคัดเลือกผ่านการทดสอบมากมาย วรยุทธ์ของพวกเขาย่อมแข็งแกร่งมากเป็นธรรมดา ราชองครักษ์เหล่านั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้อย่างไร? คงทำได้เพียงล่าถอยไปเพียงเท่านั้นยังคงมีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองฉากที่วุ่นวายนี้ นั่นคือเป่ยถูผู้

    Last Updated : 2024-02-17
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 370

    ขณะที่หัวหน้าหุบเขากำลังจะพาฉู่เนี่ยนซีออกไป เงาดำก็คว้าแขนของนางไว้ เจ้าของหุบเขามองบุคคลนั้นด้วยความโกรธ คิดว่าเขาเป็นคนที่จะมาทำร้ายฉู่เนี่ยนซี ดังนั้นนางจึงยกฝ่ามือขึ้นและใช้พลังโจมตีใส่เย่เฟยหลีเย่เฟยหลีหลบตีลังกา จากนั้นแตะพื้นเพื่อทะยานไปหาฉู่เนี่ยนซีแล้วพูดว่า “ขอบคุณท่านหญิงผู้กล้าสำหรับการช่วยเหลือ น้ำใจและบุญคุณที่ยิ่งใหญ่นี้ ข้าจะจดจำมันไว้ในใจเสมอ”เขามาหาฉู่เนี่ยนซีและกอดนางไว้ในอ้อมแขน เมื่อเห็นว่านางเศร้าเพียงใด เขาก็ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดแล้วพูดกับหัวหน้าหุบเขา “ตอนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า ท่านหญิงผู้กล้าโปรดอย่าได้กังวล ข้าจะปกป้องนางอย่างแน่นอน”“เจ้าเป็นใคร? แล้วเหตุใดข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย?”หัวหน้าหุบเขามองไปที่เย่เฟยหลีพลางถามด้วยความเกลียดชัง“ท่านหัวหน้าหุบเขา นี่คือท่านอ๋องหลี หนึ่งในพวกเราเอง”ฉู่เนี่ยนซีเอ่ยปากเพื่ออธิบายและปกป้องเย่เฟยหลีที่อยู่ข้างหลังนาง“ถ้าเช่นนั้นก็ออกไปพร้อมกัน”หัวหน้าหุบเขาพยักหน้าให้เย่เฟยหลีเย่เฟยหลีเป่านกหวีดเป็นสัญญาณให้กองกำลังทหารเดนตายเก็บดาบเข้าฝักทันที จากนั้นก็ทะยานแยกย้ายออกไปทุกทิศทุกทางและหายไปในพริบตา ส่

    Last Updated : 2024-02-18
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 371

    ความวุ่นวายรุนแรงมากจนองค์จักรพรรดิและไทเฮาทรงทราบข่าวทันทีที่พวกเขาเข้าไปในพระราชวัง พวกเขาเข้าไปในพระตำหนักจินหลวนและเห็นชายคนหนึ่งในชุดคลุมมังกรนั่งตัวตรงบนเก้าอี้มังกร และชายอีกคนในชุดหรูหรานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ เขาด้วยความโกรธที่ไม่สามารถปกปิดได้“เกิดอะไรขึ้น?” องค์จักรพรรดิยังคงสงบและถามอย่างเคร่งขรึม โดยมองไปยังผู้คนในพระตำหนักจินหลวนแต่ในความเป็นจริงเขารู้เรื่องดีกว่าใคร ๆ“เป็นกระหม่อมที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดีนัก ระหว่างทางที่จะพา ฉู่เนี่ยนซีไปยังประตูอู่ ก็มีกลุ่มโจรปรากฏตัวขึ้น และกระหม่อมไม่สามารถเอาชนะได้ ดังนั้นโปรดขอให้องค์จักรพรรดิทรงลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงคุกเข่าลง ภาระอันหนักหน่วงและบาดแผลของเขาทำให้เขามีรอยย่นตรงหว่างคิ้ว“ไปแจ้งหมอหลวงให้รักษาบาดแผลก่อน แล้วค่อยกลับมาแจ้งเรื่อง” องค์จักรพรรดิเหลือบมองบาดแผลของไป๋ชิง และพูดราวกับกำลังให้ความสำคัญเขา“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ไป๋ชิงถูกขันทีเฉินประคองไปที่ห้องโถงด้านข้าง ส่วนไทเฮานั้นเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเห็นว่าขุนนางใหญ่ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงเป็นการเพิ่มชนวนให้ความโกรธของนางรุนแรงยิ่งขึ้นนางมองไปที่มหาเสนาบดีแล

    Last Updated : 2024-02-18
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 372

    “เจ้า…”องครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานต่อองค์จักรพรรดิ “กราบทูลองค์จักรพรรดิ ยามอารักขาของท่านมหาเสนาบดีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือลงมือใดใด้ลยพ่ะย่ะค่ะ”“เอาล่ะ ข้าจะส่งคนไปสอบสวนเรื่องนี้ ไป๋ชิง การดูแลที่บกพร่องของเจ้าทำให้นักโทษหลบหนีไปได้ แต่เนื่องจากเจ้าก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ข้าก็จะไม่ลงโทษเจ้าหนักมากนัก ข้าจะลงโทษเจ้าเป็นเวลาเพียงสามเดือน” องค์จักรพรรดิทรงตรัสเพื่อยุติการอภิปรายอันไม่มีที่สิ้นสุดนี้“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ไป๋ชิงยอมรับคำสั่งอย่างไม่เต็มใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้“ส่วนคนอื่น ๆ ก็กลับไปเถอะ ข้าจะส่งคนไปสอบสวนเรื่องนี้เอง” ใบหน้าขององค์จักรพรรดิมีร่องรอยของความโล่งใจ และเขาก็ลุกขึ้นยืนและพยุงไทเฮาออกไปด้วยกันฉู่เนี่ยนซีได้รับบาดเจ็บและอ่อนแรง ดังนั้นทั้งสามจึงพักในป่าห่างไกลชั่วคราวเพื่อหารือว่าจะทำอย่างไรต่อไปหัวหน้าหุบเขาแนะนำให้ไปที่หุบเขาสมุนไพรก่อน สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้นางฟื้นตัว แต่ยังป้องกันไม่ให้คนทั่วไปหาเจออีกด้วย“ที่แท้ก็เป็นท่านหัวหน้าหุบเขาสมุนไพรนี่เอง ข้าช่างตาบอดเสียนี่กระไร” เย่เฟยหลีกล่าวด้วยความเคารพ“ข้าเองก็เกือบจะทำร้ายท่านอ๋องหลีแล้ว โปรดยกโท

    Last Updated : 2024-02-18

Latest chapter

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 544

    “ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้นางอยู่ด้วยกันต่อไปเถอะ ช่วงนี้เราเข้ากันได้ดี นางอ่อนโยน มีน้ำใจและใฝ่เรียนใฝ่รู้ ข้าชอบนางมาก ดีที่มีนางอยู่ที่จวนแห่งนี้ ข้าจึงคลายความเบื่อลงไปได้บ้าง”สิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดนั้นเป็นความจริง ตอนแรกนางสงสัยในเจตนาของซุนจื่อซีที่ช่วยนางจากการตกน้ำ แต่ตอนที่นางตกจากรถม้า ซุนจื่อซีกลับไม่ห่วงตนเองและเอาตัวมารองรับนางไว้ ช่างเป็นสตรีที่จิตใจงามอย่างแท้จริงทันใดนั้น ท้องฟ้าก็สว่างไสวไปด้วยดอกไม้ไฟ ส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับแสงสว่างของรุ่งอรุณส่องขึ้นมาจากความมืดมิดประกายแสงนั้นส่องสว่างราวกับหมู่ดาวที่โอบล้อมภูเขาและแม่น้ำอันกว้างใหญ่ที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก รวมไปถึงป่าอันงดงามและที่ราบอันไร้ขอบเขต ทำให้ความขุ่นข้องในใจของคนสองคนจางลง และคนทั้งคู่ก็ยังได้มองดูความยิ่งใหญ่ที่พร่างพราวนี้ไปด้วยกันณ พระตำหนักเจาฮุย ซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอย่างงดงามดุจนางสวรรค์ หลังจากการแสดงสิ้นสุดลง ผู้คนในโถงยังคงตกอยู่ในภวังค์องค์จักรพรรดิทรงปรบมือใหญ่แล้วหันไปหาไทเฮาพร้อมรอยยิ้ม “ทักษะการร่ายรำของจื่อซีดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนอย่างหนักและลำบากไม่น้อย เป็นเสด็จแม่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 543

    ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ จนแทบมองเห็นแสงสว่าง เช่นนี้เขาเห็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่สุดที่ว่านั่นจากที่ใดกัน?“ท่านอ๋องชื่นชมดวงจันทร์ได้อย่างไรหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีมองดูแสงสีเหลืองจาง ๆ ที่ขอบฟ้านั้น อย่างกับมันถูกขัดถูจนไร้ซึ่งความแวววาวเย่เฟยหลีทัดผมฉู่เนี่ยนซีไว้ข้างหลังใบหูของนาง พลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เพราะดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่ว่านี้ไม่ใช่ดวงจันทร์ดวงนั้น”ฉู่เนี่ยนซีหันมาสบตาที่เป็นประกายของเย่เฟยหลี มือที่ค้างเติ่งในตอนแรกเลื่อนมาตรงแก้มของนาง เย่เฟยหลีรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือ เขาคลี่ยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังเขินอาย“ข้าได้ยินจากน้องเจ็ดว่าเจ้าคิดว่าซุนจื่อซีกับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากหรือ?”เย่เฟยหลีดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน หางตาของเขาเห็นท่าทางหงุดหงิดของฉู่เนี่ยนซีพลางคิดว่าช่างน่าสนุกฉู่เนี่ยนซีแอบด่าทอเย่ฉงเฉิงในใจว่าเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ นางพูดความในใจออกไปเพียงนิดเดียวเขาก็นำไปบอกเจ้าตัวในพริบตาเสียอย่างนั้น“ก็คิดบ้าง เป็นบางครั้ง”ฉู่เนี่ยนซีกะพริบตาและพยายามอย่างมากเพื่อรักษาท่าทางสงบนิ่งอย่างเคย นางไม่สามารถปฏิเส

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 542

    เย่เฟยหลีเหลือบมองอีกฝ่าย “เจ้าว่าเจ้ารู้จักข้าดีที่สุดไม่ใช่หรือ?”“แต่พี่สะใภ้สามไม่รู้จักท่านดีเท่าข้า หากมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ควรรีบแก้ไขเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยท่านไม่ได้”เมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากพระตำหนักเจาฮุย เขาก็รู้ได้ทันทีว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว เย่เฟยหลีจึงให้เย่ฉงเฉิง เรียกฉู่เนี่ยนซีมาที่นี่เพราะเขามีเรื่องจะพูดกับนางเย่ฉงเฉิงรับคำสั่งแล้วจากไป ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องจัดงาน เขาก็เห็นซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอยู่อย่างอ่อนช้อย นางอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงราวกับดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเขาหันไปด้านข้างและกระซิบกับฉู่เนี่ยนซี “พี่สะใภ้สาม พี่สามกำลังรอท่านอยู่ไม่ไกลจากทางเหนือของ พระตำหนักเจาฮุย ท่านรีบไปเถิด”ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่ฉงเฉิงอย่างสงสัยและบอกให้เสี่ยวเถารออยู่ที่นี่ หากใครถามหาก็บอกว่านางออกไปเดินรับลมข้างนอกให้สร่างเมาในห้องจัดงาน ซุนจื่อซีออกท่วงท่าราวกับต้นหลิวที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างเพลินใจ ชายแขนเสื้อในมือของนางกระพือเบา ๆ แขนเรียวยาวใต้เสื้อคดเคี้ยวราวกับดอกบ๊วยแดงที่ล่องลอยในอากาศแต่ไม่ว่านางจะพย

DMCA.com Protection Status