เซวียหนานคงวิ่งหอบไปหาฉู่เนี่ยนซี ก่อนจะหยิบสมุนไพรที่เตรียมมาบนหลังแล้วมอบให้นาง“ขอโทษด้วย แต่ข้ารับไว้ไม่ได้!”เพียงมองแวบเดียว ฉู่เนี่ยนซีก็ตระหนักว่ามีสมุนไพรล้ำค่าอยู่ในนั้น นางจึงปฏิเสธไปทันทีเมื่อเห็นนางปฏิเสธ เซวียหนานคงจึงรีบพูดอย่างรวดเร็ว "นี่เป็นสมุนไพรที่หุบเขาสมุนไพรไม่ต้องการแล้ว ท่านรับไปเถิด"ดวงตาของเซวียหนานเต็มไปด้วยความหวังให้ฉู่เนี่ยนซีรับมันไปใบหน้าที่สงบนิ่งของฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะขยายออก"ไม่ได้ หนานคง ข้าไม่ได้ลำบากอะไรเลย เจ้า..." พูดไปได้ครึ่งทาง ฉู่เนี่ยนซีก็ปิดปากและมองเซวียหนานคงผู้มีสายตาดื้อรั้นอย่างจนปัญญา"ก็ได้" ภายใต้การประท้วงเงียบ ๆ ฉู่เนี่ยนซีก็ยอมแพ้ เซวียหนานคงมีความสุข และฉู่เนี่ยนซีก็พูดต่อว่า "แต่ข้าขอซื้อยาเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นข้าก็จะไม่รับมันไว้"“ก็ได้! แต่ข้าขอแค่สามตำลึงเท่านั้น! มากกว่านั้นข้าก็ไม่เอา”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉู่เนี่ยนซีก็เกือบสูญเสียการควบคุมสีหน้า‘เจ้าหมอนี่ ในนั้นมียาล้ำค่าอยู่ตั้งเท่าไหร่ ซึ่งมันมีค่าเทียบเท่าเงินมากมายขนาดไหน’‘เจ้าเด็กฟุ่มเฟือย ไม่รู้ว่าหัวหน้าหุบเขาจะคิดอย่างไร’“หนานคง ถ้าจะบอกว่า
ส่วนการรักษาเฉินเกอนั้น หากอยู่ถึงดึกแล้วไม่ยอมกลับจวนก็คงไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างเช่นนั้นวันรุ่งขึ้นค่อยไปรักษาช่วงเย็น ๆ ก็แล้วกันฉู่เนี่ยนซีกลับมาที่ห้องด้วยความงัวเงียและผล็อยหลับไปไม่นานหลังจากที่นางหลับไป ร่างของเย่เฟยหลีก็ปรากฏขึ้นหลังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด ดวงจันทร์อันสุกสว่างหายไป แม้แต่ดวงดาวก็ไม่ปรากฏให้เห็น ราวกับฟากฟ้าที่ไร้ขอบเขตได้ถูกหมึกเข้มหกใส่จนเปื้อนไปหมดเย่เฟยหลีเพ่งมองไปยังห้องที่เทียนดับไปแล้ว ทั้งห้องนั้นตกอยู่ในความมืด และมีอารมณ์ที่ซับซ้อนเกลือกกลิ้งอยู่ในดวงตาของเขาเป็นเวลาเนิ่นนานที่ลมพัดโชย ใบไม้ขยับไปมาแผ่วเบา ราวกับว่าไม่เคยมีใครไป ณ ที่แห่งนั้นมาก่อนวันต่อมา ฉู่เนี่ยนซีที่นอนหลับเต็มอิ่มเป็นครั้งแรก ค่อย ๆ ตื่นขึ้นหลังตะวันโด่งไปแล้วทันทีที่ตื่นขึ้นมา ท้องไส้ก็เริ่มร้องประท้วงเมื่อเสี่ยวเถาที่รออยู่นอกประตู ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากข้างใน นางก็รีบวิ่งไปตักน้ำมาให้ฉู่เนี่ยนซีล้างหน้าล้างตาหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อฉู่เนี่ยนซีตื่นขึ้นมา เสี่ยวเถาก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ฉู่เนี่ยนซี
หลังผ่านไปครู่หนึ่งนางก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ไหวติงและไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย ซ่างกวานเยียนจึงขมวดคิ้ว“ท่านพี่หลี เหตุใดท่านถึงทำตัวห่างเหินกับเยียนเอ๋อร์เช่นนี้เล่าเพคะ?”พูดจบ ซ่างกวานเยียนก็ทำท่างอนอีกฝ่ายอย่างมีชั้นเชิง และจากนั้นนางก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกอะไรบางอย่างขณะที่กำลังจะพูด อีกฝ่ายก็อุ้มนางขึ้นมา ภายใต้แสงจันทร์ และเนื่องด้วยรูปร่างที่สูงของอีกฝ่าย ซ่างกวานเยียนจึงเห็นเพียงโครงร่างของอีกฝ่ายที่สูงโปร่งราวกับกระบี่ยาวเขาวางนางลงบนเตียงอย่างหยาบ ๆ เล็กน้อย แต่อีกฝ่ายกลับไม่เคลื่อนไหว ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง“ท่านพี่หลี ท่านรำคาญเยียนเอ๋อร์หรือเพคะ?”เมื่อไม่มีทางเลือก ซ่างกวานเยียนทำได้เพียงพูดเช่นนั้นออกไป ในขณะที่ขอบตาของนางค่อย ๆ แดงรื้นขึ้นมา พลางสะอื้นเบา ๆแต่ในใจของนางกลับคิดว่าเหตุใดยาในก้านหอมถึงยังไม่ออกฤทธิ์ขณะที่กำลังรู้สึกประหม่า จู่ ๆ ชายที่อยู่เหนือร่างก็โน้มตัวลงมาจูบน้ำตาบนใบหน้าของนางทีละนิดด้วยริมฝีปากอันอ่อนนุ่มเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอันร้อนแรงของชายคนนั้น ดวงตาแดงก่ำของซ่างกวานเยียนก็เปล่งประกายอย่างรวดเร็วบ่งบอกถึงความสำเร
“ถือนี่ไว้ อีกสักครู่ข้าจะปิดผนึกจุดฝังเข็มหลายจุดของเขา ให้ท่านกางฝ่ามือของเขาออกแล้วไปเอาแนบกับอำพันทะเล”เมื่อเป่ยถูรับอำพันทะเลมาก็มองดูมันอย่างเงียบ ๆ ด้วยสายตาที่ค่อนข้างคลุมเครือคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมอบอำพันทะเลให้นางจริง ๆไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเจ้าของโรงพนันผู้นี้หรือไม่!ฉู่เนี่ยนซีทำท่าทางเฉยเมย หยิบขวดลายครามออกมาจากแขนเสื้อ พลางเปิดขวดแล้วค่อย ๆ เทสารน้ำผสมเข้าไปในปากของเฉินเกอ เฉินเกอที่กำลังชักค่อย ๆ สงบลงอีกทั้งอุณหภูมิภายในก็ลดลงไปด้วยแม้เป่ยถูจะประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ถามอะไรฉู่เนี่ยนซีขยับนิ้วของนางเล็กน้อยอย่างไม่ลังเล เข็มเงินก็ปิดผนึกอวัยวะตันทั้งห้าอวัยวะกลวงทั้งหกของเฉินเกอ และจุดฝังเข็มที่สำคัญบนร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วจากนั้นนางก็หยิบผงที่เตรียมไว้ออกมาป้อนใส่ปากของเฉินเกออีกครั้ง“เตรียมพร้อมแล้ว!”ดวงตาของฉู่เนี่ยนซีฉายแววจริงจัง นางไม่ได้มองไปที่เป่ยถูแต่จ้องมองไปยังเฉินเกออย่างไม่วางตาพลางนับเวลา เสียงเย็นชาที่ดังออกมาจากปากของนาง มีแรงกระตุ้นที่ไม่อาจอธิบายได้ที่จะทำให้เชื่อใจและเชื่อฟังนางเป่ยถูหยิบมีดพกของเขาออกมาและส่งเส
ฉู่เนี่ยนซีมองท่าทางของเฉินเกอและเห็นว่าในดวงตาของเขาไม่มีความรังเกียจเลยแม้แต่นิด ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกประทับใจในตัวเขาขึ้นมาเล็กน้อย“ขอบคุณคุณหนูที่ช่วยชีวิตข้าไว้ แค่กแค่ก…” ยังไม่ทันจะพูดจบ เฉินเกอก็เริ่มไออย่างรุนแรงเมื่อเห็นดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีก็รีบก้าวไปตรวจดูชีพจรของเขา“เขาเป็นอะไร?” เป่ยถูกังวลเล็กน้อย พลางมองไปยังฉู่เนี่ยนซีด้วยท่าทางที่เย็นชาและน่ากลัวชูเนี่ยนซีดึงมือกลับ หันกลับมาเทน้ำใส่แก้วแล้วป้อนเฉินเกอ ส่งสายตาให้เขาดื่มเข้าไป“เขาเป็นอะไร แค่เพิ่งตื่นขึ้นและมีอาการไอเพราะคอแห้งเท่านั้น” ฉู่เนี่ยนซียืดตัวขึ้น อารมณ์เย็นลงเล็กน้อย นางจ้องไปที่เป่ยถูแล้วพูดอีกครั้ง “แต่…ถ้าหากท่านมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นอีกล่ะก็ ข้าคงรับประกันไม่ได้!”พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีจึงหยิบยาที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมาจากหีบห่อแล้วส่งให้เป่ยถู ราวกับว่าเมื่อครู่นี้นางไม่เคยพูดจาข่มขู่อะไร พร้อมกลับมาสงบสติอารมณ์อีกครั้ง“ยานี้ควรรับประทานวันละสามครั้ง” หลังจากฉู่เนี่ยนซีพูดเช่นนั้น นางก็เก็บข้าวของ บิดคอที่แข็งทื่อไปมา และชายตามองเป่ยถู “ข้าจะออกไปก่อน พรุ่งนี้อย่าลืมเอาของมาส่งของที่นี่”เป่ยถู
ผิวหนังที่เปลือยเปล่า ประกอบกับอากาศเย็นทำให้รู้สึกหนาวกายความเจ็บปวดตามร่างกายของนางและรอยแดงบนที่นอน ล้วนทำให้นางนึกถึงความเร่าร้อนเมื่อคืนนี้อีกครั้งซ่างกวานเยียนหน้าแดงเบา ๆ พลางเผยรอยยิ้ม บางทีวันนี้ท่านอ๋องอาจมีสิ่งที่ต้องทำ จึงออกไปแต่เช้า เพื่อไม่ให้เป็นการปลุกนาง เขาจึงเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนและระมัดระวังในตอนที่ออกไปเมื่อคิดดังนั้น สีหน้าของซ่างกวานเยียนก็ยิ่งมีความเขินอายมากขึ้น“พวกเจ้าเข้ามาได้!”สาวใช้ที่รออยู่ข้างนอกนานแล้วก็เปิดม่านเข้าไป ซ่างกวานเยียนปิดปากแล้วยิ้มเบา ๆ “ท่านอ๋องเสด็จออกไปเมื่อไหร่?”สาวใช้เหลือบมองรอยแดงบนร่างของซ่างกวานเยียน ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีความสุข“ตอนบ่าวตื่นมาก็ไม่เห็นท่านอ๋องแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่ายินดีด้วยนะเจ้าคะคุณหนู!”ซ่างกวานเยียนพยักหน้าเบา ๆ ให้กับสาวใช้ กำลังจะพูด แต่ด้วยการเคลื่อนไหวดังกล่าว ซ่างกวานเยียนก็ตัวแข็งทื่อทันที ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง“คุณหนู เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ? ท่านรู้สึกไม่สบายใจตรงไหนเจ้าคะ?” เมื่อสาวใช้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก็รีบถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวานเยียนสะดุดไปเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เตรียม
ซ่างกวานเยียนไม่ชอบได้ยินคำว่านางสนม ทันใดนั้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและอวดดีของนาง ก็เปลี่ยนมาจ้องมองฉู่เนี่ยนซีด้วยความโกรธ แต่เมื่อนางคิดถึงคืนแห่งความอ่อนโยนของเมื่อวาน ดวงตาที่โกรธแค้นของนางก็กลับกลายเป็นเย่อหยิ่งดังเดิม“เฮอะ! หรือว่าพี่หญิงอิจฉาเจ้าคะ? ตายแล้ว ท่านอ๋องยังไม่ได้ไปค้างแรมที่เรือนของพี่หญิงเลย ไม่ทราบว่าอยากให้ข้าไปช่วยท่านพี่ปัดฝุ่นที่หมอนสักหน่อยหรือไม่?”ขณะที่ซ่างกวานเยียนพูด ก็ดูเหมือนว่านางจะคิดอะไรออก สายตาอันโกรธเกรี้ยวของนางจ้องมองไปที่รอยแผลเป็นที่น่าขยะแขยงบนใบหน้าของฉู่เนี่ยนซี แววตาของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ พลางพูดอย่างประชดประชันว่า “อืม หากท่านอ๋องไปหาพี่หญิงก็คงทำได้แค่ปิดไฟ เพราะจะได้ไม่เสียสายตา!”พูดจบ นางก็ปิดปากแล้วยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเถาจึงนึกโกรธ ‘พระชายาไม่มีรอยแผลเป็นเสียหน่อย นางสวยกว่าเจ้าเป็นหมื่นเท่าเสียด้วยซ้ำ! ช่างไร้ยางอายนัก!’เมื่อรับรู้ถึงความโกรธของผู้คนที่อยู่รอบตัว ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง นางก้าวไปข้างหน้าและจ้องมองไปที่ซ่างกวานเยียนอย่างดูหมิ่นพลางกระซิบเบา ๆ “คืนก่อนที่เจ้าจะเข้าจวนม
เนื่องจากนางกำลังจะแต่งงานกับท่านอ๋องเหลียน คนที่ดูถูกนางจึงทำได้เพียงพูดคุยเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ ลับหลัง แต่ดวงตาของพวกเขายังคงมีแต่ความเหยียดหยาม นางสามารถทนกับสิ่งเหล่านี้ได้ แต่สำหรับฉู่เนี่ยนซีนั้นถือเป็นข้อยกเว้น!นางจ้องมองด้วยความโกรธ ดวงตาของนางเป็นสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธและไม่พอใจขณะที่ฉู่หว่านเอ๋อร์กำลังจะพูด มหาเสนาบดีที่ดีใจมากเมื่อได้ยินว่าบุตรสาวของเขากลับมา เขาจึงวางงานในมือลงทันที แล้วรีบไปที่จวนเพื่อต้อนรับนาง แต่เขาคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับฉู่หว่านเอ๋อร์ตรงหน้าประตูจวนเมื่อเห็นว่านางมีสายตาโกรธขึงในขณะที่บุตรสาวของเขาดูสงบ ก็เดาได้ว่าฉู่หว่านเอ๋อร์คงมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาอีกแล้วสีหน้าของเขาขรึมขึ้นพลางก้าวไปข้างหน้า“ซีเอ๋อร์ เหตุใดไม่แจ้งพ่อล่วงหน้าตอนที่กลับมาเล่า? หากรู้ก่อนหน้าคงขอให้แม่ทำน้ำแกงที่เจ้าชอบให้แล้ว!”เมื่อเผชิญหน้ากับบุตรสาวของเขา มหาเสนาบดีฉู่ก็ยิ้มกว้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก เจือไปด้วยความกังวล “ดูสิ เจ้าผอมลงอีกแล้ว! จากนี้ต้องกินให้มากกว่านี้!”เมื่อได้ยินเสียงของมหาเสนาบดีฉู่ ความเยือกเย็นในดวงตาของฉู่เนี่ยนซีก็หายไป และถูกแท