“ข้าไม่ลืมแน่นอน!” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ดวงตาของฉู่เนี่ยนซีก็เย็นชายิ่งขึ้น แม้แต่น้ำเสียงของนางก็เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก“แต่ท่านจงใจปกปิดมันกับข้า ดังนั้นต้องเพิ่มเบี้ยเสียหน่อย”เป่ยถูอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก ตำแหน่งชายาหลีนี้ องค์ชายหลีไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูนางสินะ"ตกลง!"ฉู่เนี่ยนซีไม่ได้สนใจเป่ยถูอีกต่อไป นางหันกลับมาและหยิบเข็มเงินออกจากร่างกายของเฉินเกอช่วงนี้นางอ่านตำรามาเยอะมาก และรู้เกี่ยวกับวิธีการกำจัดพิษกู่ ดังนั้นฉู่เนี่ยนซีจึงมีวิธีจัดการอยู่ในใจแล้วดวงตาของฉู่เนี่ยนซีสว่างขึ้นแล้วสงบลง การกำจัดพิษนับว่าไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตอนนี้ขาดสมุนไพรอยู่หนึ่งอย่าง และสิ่งที่ขาดไปก็คืออำพันทะเลก่อนหน้านี้หุบเขาสมุนไพรเคยจะมอบให้นางเป็นของขวัญ แต่นางปฏิเสธอย่างสุภาพ พอตอนนี้มาคิดดู ดูเหมือนว่าจะต้องใช้ความพยายามเสียหน่อยแล้วเป่ยถูมองฉู่เนี่ยนซีอย่างลังเล ดวงตาของเขาสั่นไหว และถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า "เกิดอะไรขึ้น? มีปัญหาอะไรหรือ?"เป่ยถูรู้จักพิษกู่ดี และเขาก็รู้ว่าการกำจัดมันเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ฉู่เนี่ยนซีจะมีสีหน้าเช่นนี้ฉู่เนี่ยนซี มอ
นางใช้ยาพิเศษลบรอยแผลเป็นบนใบหน้า และสวมอาภรณ์บุรุษหลังจากนั้นไม่นานประตูก็เปิดออก และบุรุษในชุดขาวก็เดินออกมา อวี๋หนานเดินเข้ามายืนอยู่เคียงข้าง “ไปที่หุบเขาสมุนไพรกันเถอะ!”“ขอรับนายท่าน” อวี๋หนานตอบรับทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขเพราะเขาไม่ต้องอยู่แต่ในเรือนท้องฟ้าสีคราม สายลมเย็นพัดมาอย่างเปี่ยมสุขไม่รู้ว่าการเดินทางไปหุบเขาสมุนไพรในวันนี้จะสามารถหยิบยืมอำพันทะเลได้สำเร็จหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้นางได้คืนของกลับไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับต้องการยืมมันค่อนข้างน่าอายเล็กน้อยหลังจากจุดธูปแล้ว รถม้าก็ข้ามทุ่งป่าและขับไปโดยไม่ทราบระยะเวลาก่อนที่จะหยุดอย่างช้า ๆ“ถึงแล้ว!” ฉู่เนี่ยนซีพูด แล้วก้าวนำลงจากรถม้าอวี๋หนานอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบ ๆ ป่าด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉู่เนี่ยนซีมองไปที่ป่าพิษขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างเย็นชา จากนั้นก็หยิบยาล้างพิษออกจากแขนเสื้อแล้วมอบให้อวี๋หนานเมื่อเห็นอวี๋หนานกลืนยาล้างพิษแล้ว ฉู่เนี่ยนซีจึงเดินนำเข้าไปในป่าพิษทั้งสองเดินไปสักพัก และเพิ่งหลุดออกมาจากป่าพิษ ก็ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเข้ากับเซวียเล่อทันทีเช่นนี้“คุณชายซี! เหตุใดท่านถึงมาที่นี่?
”นายใหญ่!” นางตะโกนในใจด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ไม่ ไม่ ไม่ นางไม่น่าจะใช่นายใหญ่ อายุไม่สอดคล้องกันเลย! หรือว่าจะเป็นลูกชายของนายใหญ่อย่างนั้นหรือ? ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะตอนที่ได้พบกับนายใหญ่ นางบอกว่ากำลังจะมีลูกสาวแต่สุดท้ายก็ได้ข่าวว่านางแท้งและเสียชีวิตไปแล้วแม้ว่าจะเป็นข่าวเท็จในตอนนั้น ก็ควรจะเป็นลูกสาวถึงจะถูก!หัวหน้าหุบเขาพยักหน้า และส่ายหัวสลับกันไปมา ร่องรอยของความประหลาดใจแวบผ่านดวงตาของนางอย่างรวดเร็ว และในพริบตาเดียวดวงตาของนางก็กลับมาเย็นชา ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันเมื่อถูกจ้องมองจากนั้นหัวหน้าหุบเขาก็รีบเดินไปหาเซวียหนานคงและตบหัวเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ และพูดด้วยความโกรธว่า "เจ้าคนฟุ่มเฟือย อีกไม่นานยาในหุบเขาสมุนไพรจะถูกเจ้าส่งออกไปจนหมด!"น้ำเสียงเย็นชา แต่ก็มีอำนาจที่ไม่อาจอธิบายได้เซวียหนานคงผู้ถูกทุบตีกุมศีรษะของตัวเองและมองหัวหน้าหุบเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก“ข้าโตขนาดนี้แล้วยังโดนตบหัวอยู่ ไม่ไว้หน้าข้าเลยหรือ!”เมื่อได้ยินว่านางเป็นหัวหน้าหุบเขา ฉู่เนี่ยนซีก็รีบก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับอย่างสุภาพ "หัวหน้าหุบเขา ข้าคือซานเซิง วันนี้ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่
“ท่านอาจารย์...” ศิษย์น้องลืมตาขึ้นมา เหงื่อท่วมตัวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่แฝงด้วยความเสียใจ“อย่าเพิ่งพูดอะไร ออมแรงเอาไว้” หัวหน้าหุบเขาดูกังวล ดวงตาที่เย็นชาของนางอ่อนลงทันที นางหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อแล้วป้อนเข้าไปในปากของศิษย์น้องอย่างอ่อนโยนผ่านไปสักพัก ศิษย์น้องก็กระพริบตาช้า ๆ นางรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้ง ก่อนจะค่อย ๆ หลับไปเมื่อเห็นว่านางหลับแล้ว หัวหน้าหุบเขาก็แก้ผ้าพันแผลทีละชั้นแล้วถอดออกทันใดนั้น นิ้วชี้ที่เชื่อมต่อกับผิวหนังที่เต็มไปด้วยเลือดก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า“เฮ้อ!” หัวหน้าหุบเขาตรวจสอบ และถอนหายใจแรงอาการบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเลือดจะหยุดไหลแต่นิ้วชี้ก็พิการไปแล้ว“หัวหน้าหุบเขา นิ้วชี้ของศิษย์น้องสามารถต่อกลับได้หรือไม่?”เซวียหนานคงถามด้วยเสียงทุ้มพร้อมกับอารมณ์ที่ซับซ้อนแวบขึ้นมาในดวงตาของเขา“เกรงว่าจะทำไม่ได้”หัวหน้าหุบเขาส่ายหน้าอย่างจนปัญญาทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทั้งห้องก็ตกอยู่ในอารมณ์ที่หนักอึ้งแม้ว่าหัวหน้าหุบเขาจะมีชื่อเสียงในด้านยาพิษ แต่ในฐานะหัวหน้าหุบเขาทักษะทางการแพทย์ของนางก็ไม่ได้ด้อยเลย ถ้าแม้แต่นางยังบอกว่าไม่ได้ เช่นนั้นก็แสดงว่าไม
หลังจากตรวจสอบว่าทุกอย่างถูกต้อง ฉู่เนี่ยนซีก็หันไปหาหัวหน้าหุบเขาแล้วกล่าวอย่างใจเย็นว่า "หัวหน้าหุบเขาและท่านอื่น ๆ โปรดออกไปก่อนเถิด"นางรู้ดีว่าหมอต้องการความสงบเวลารักษาผู้คน หัวหน้าหุบเขาจึงกลืนสิ่งที่ต้องการจะพูดและพาคนอื่น ๆ ออกไปหลังจากเสียงฝีเท้าหายไป ในห้องก็มีเพียงความเงียบเพื่อป้องกันไม่ให้ศิษย์น้องตื่นขึ้นมาก่อนเวลา ฉู่เนี่ยนซีจึงหยิบเข็มยาชาออกมาจากช่องห้วงมิติแล้วฉีดเข้าไปในร่างกายของนางในขณะที่ตรวจสอบบาดแผลอย่างละเอียด นางก็ฆ่าเชื้อมีดผ่าตัด เข็มและด้ายจากนั้นจึงล้างแผล และวางนิ้วลงในยาพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเนื้อร้ายและการหดตัวของนิ้วหลังจากเตรียมพร้อมแล้ว ฉู่เนี่ยนซีก็วางนิ้วของนางกลับไปยังตำแหน่งเดิมอย่างระมัดระวัง นางทำความสะอาดบาดแผลอีกครั้ง จากนั้นก็กำจัดเนื้อเยื่อที่ตายออก ก่อนจะเชื่อมกระดูกและข้อต่อเข้าด้วยกัน ดูเหมือนไม่ยากแต่ต้องระวังทุกครั้งขั้นตอน และห้ามผิดพลาดแม้แต่น้อยหลังจากนั้นฉู่เนี่ยนซีก็หยิบเข็มและด้ายออกมาแล้วเย็บเอ็นเข้าด้วยกันทันทีขั้นตอนสุดท้ายต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และเวลาก็ผ่านไปทีละน้อย ในเวลานี้ หน้าผากของ ฉู่เนี่ยนซี
เซวียหนานคงวิ่งหอบไปหาฉู่เนี่ยนซี ก่อนจะหยิบสมุนไพรที่เตรียมมาบนหลังแล้วมอบให้นาง“ขอโทษด้วย แต่ข้ารับไว้ไม่ได้!”เพียงมองแวบเดียว ฉู่เนี่ยนซีก็ตระหนักว่ามีสมุนไพรล้ำค่าอยู่ในนั้น นางจึงปฏิเสธไปทันทีเมื่อเห็นนางปฏิเสธ เซวียหนานคงจึงรีบพูดอย่างรวดเร็ว "นี่เป็นสมุนไพรที่หุบเขาสมุนไพรไม่ต้องการแล้ว ท่านรับไปเถิด"ดวงตาของเซวียหนานเต็มไปด้วยความหวังให้ฉู่เนี่ยนซีรับมันไปใบหน้าที่สงบนิ่งของฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะขยายออก"ไม่ได้ หนานคง ข้าไม่ได้ลำบากอะไรเลย เจ้า..." พูดไปได้ครึ่งทาง ฉู่เนี่ยนซีก็ปิดปากและมองเซวียหนานคงผู้มีสายตาดื้อรั้นอย่างจนปัญญา"ก็ได้" ภายใต้การประท้วงเงียบ ๆ ฉู่เนี่ยนซีก็ยอมแพ้ เซวียหนานคงมีความสุข และฉู่เนี่ยนซีก็พูดต่อว่า "แต่ข้าขอซื้อยาเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นข้าก็จะไม่รับมันไว้"“ก็ได้! แต่ข้าขอแค่สามตำลึงเท่านั้น! มากกว่านั้นข้าก็ไม่เอา”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉู่เนี่ยนซีก็เกือบสูญเสียการควบคุมสีหน้า‘เจ้าหมอนี่ ในนั้นมียาล้ำค่าอยู่ตั้งเท่าไหร่ ซึ่งมันมีค่าเทียบเท่าเงินมากมายขนาดไหน’‘เจ้าเด็กฟุ่มเฟือย ไม่รู้ว่าหัวหน้าหุบเขาจะคิดอย่างไร’“หนานคง ถ้าจะบอกว่า
ส่วนการรักษาเฉินเกอนั้น หากอยู่ถึงดึกแล้วไม่ยอมกลับจวนก็คงไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างเช่นนั้นวันรุ่งขึ้นค่อยไปรักษาช่วงเย็น ๆ ก็แล้วกันฉู่เนี่ยนซีกลับมาที่ห้องด้วยความงัวเงียและผล็อยหลับไปไม่นานหลังจากที่นางหลับไป ร่างของเย่เฟยหลีก็ปรากฏขึ้นหลังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด ดวงจันทร์อันสุกสว่างหายไป แม้แต่ดวงดาวก็ไม่ปรากฏให้เห็น ราวกับฟากฟ้าที่ไร้ขอบเขตได้ถูกหมึกเข้มหกใส่จนเปื้อนไปหมดเย่เฟยหลีเพ่งมองไปยังห้องที่เทียนดับไปแล้ว ทั้งห้องนั้นตกอยู่ในความมืด และมีอารมณ์ที่ซับซ้อนเกลือกกลิ้งอยู่ในดวงตาของเขาเป็นเวลาเนิ่นนานที่ลมพัดโชย ใบไม้ขยับไปมาแผ่วเบา ราวกับว่าไม่เคยมีใครไป ณ ที่แห่งนั้นมาก่อนวันต่อมา ฉู่เนี่ยนซีที่นอนหลับเต็มอิ่มเป็นครั้งแรก ค่อย ๆ ตื่นขึ้นหลังตะวันโด่งไปแล้วทันทีที่ตื่นขึ้นมา ท้องไส้ก็เริ่มร้องประท้วงเมื่อเสี่ยวเถาที่รออยู่นอกประตู ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากข้างใน นางก็รีบวิ่งไปตักน้ำมาให้ฉู่เนี่ยนซีล้างหน้าล้างตาหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อฉู่เนี่ยนซีตื่นขึ้นมา เสี่ยวเถาก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ฉู่เนี่ยนซี
หลังผ่านไปครู่หนึ่งนางก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ไหวติงและไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย ซ่างกวานเยียนจึงขมวดคิ้ว“ท่านพี่หลี เหตุใดท่านถึงทำตัวห่างเหินกับเยียนเอ๋อร์เช่นนี้เล่าเพคะ?”พูดจบ ซ่างกวานเยียนก็ทำท่างอนอีกฝ่ายอย่างมีชั้นเชิง และจากนั้นนางก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกอะไรบางอย่างขณะที่กำลังจะพูด อีกฝ่ายก็อุ้มนางขึ้นมา ภายใต้แสงจันทร์ และเนื่องด้วยรูปร่างที่สูงของอีกฝ่าย ซ่างกวานเยียนจึงเห็นเพียงโครงร่างของอีกฝ่ายที่สูงโปร่งราวกับกระบี่ยาวเขาวางนางลงบนเตียงอย่างหยาบ ๆ เล็กน้อย แต่อีกฝ่ายกลับไม่เคลื่อนไหว ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง“ท่านพี่หลี ท่านรำคาญเยียนเอ๋อร์หรือเพคะ?”เมื่อไม่มีทางเลือก ซ่างกวานเยียนทำได้เพียงพูดเช่นนั้นออกไป ในขณะที่ขอบตาของนางค่อย ๆ แดงรื้นขึ้นมา พลางสะอื้นเบา ๆแต่ในใจของนางกลับคิดว่าเหตุใดยาในก้านหอมถึงยังไม่ออกฤทธิ์ขณะที่กำลังรู้สึกประหม่า จู่ ๆ ชายที่อยู่เหนือร่างก็โน้มตัวลงมาจูบน้ำตาบนใบหน้าของนางทีละนิดด้วยริมฝีปากอันอ่อนนุ่มเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอันร้อนแรงของชายคนนั้น ดวงตาแดงก่ำของซ่างกวานเยียนก็เปล่งประกายอย่างรวดเร็วบ่งบอกถึงความสำเร