บรรยากาศใกล้ทำสงครามใหญ่แผ่ซ่านออกมาหากเป็นเมื่อก่อน บรรยากาศเช่นนี้ล้วนทำให้คนตื่นเต้นดีใจแต่ตอนนี้ เจียเหยารับรู้เพียงความหดหู่อย่างยิ่งบรรยากาศหดหู่เช่นนี้ทำให้เจียเหยาอยากจะกรีดร้องออกมา แต่สุดท้ายนางก็ข่มเอาไว้ ต้องทำท่าทีดูสงบนิ่งเจียเหยาขี่ม้าศึกของตัวเอง ห้ามไม่ให้โม่ยื่อเกินพาคนติดตามมา นางควบม้าออกจากค่ายไปอย่างรวดเร็วมาถึงบริเวณนอกค่ายที่ไร้ผู้คน ในที่สุดเจียเหยาก็ถอนหายใจขุ่นเคืองออกมาบรรยากาศภายในค่ายหดหู่เกินไปแล้ว!ใบหน้าของทหารเป่ยหวนล้วนไม่เห็นรอยยิ้มใดราวกับว่า ทุกคนกำลังเห็นความตายมาเยือนไม่มีใครไม่กลัวตายต่อให้ชายชาตรีเป่ยหวนเลือดร้อนเพียงใด สุดท้ายร่างกายก็ยังมีเลือดเนื้อรบแพ้ติดต่อกันหลายครั้ง จิตวิญญาณของพวกเขาถูกตีจนไม่เหลือแล้ว!บรรยากาศเช่นนี้ อาจเป็นเรื่องดี แล้วก็อาจเป็นเรื่องร้ายหากทุกคนต่างเตรียมใจต้องตายไปสู้ศึกครั้งนี้ ต่อให้พวกเขาแพ้พ่าย ทัพศัตรูก็ต้องลำบากเช่นกัน!แต่หากถูกบรรยากาศเช่นนี้สะท้อนกลับ ขวัญกองทัพของพวกเขาก็อาจพังทลายได้ง่ายเมื่อศัตรูโจมตีจากด้านหน้า พวกเขาก็ถูกตีแตกพ่าย!ตอนนี้ นางจำเป็นต้องสงบลง เปลี่ยนข้อเสียใ
เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ปู้ตูนำกองหนุนสองหมื่นคนมาถึงแล้วเวลานี้ ภายในค่ายได้เตรียมเนื้อไว้แล้วเมื่อเห็นเนื้อ คนของสองกองกำลังเหมิงกู่และเจินเกอราวกับหมาป่าหิวโหยเจียเหยาไม่ได้กล่าวสิ่งใด ให้พวกเขาแยกย้ายกันกินข้าวตอนนี้ กองทัพศัตรูกดดันเข้ามา ได้ข้าวดีๆ สักมื้อ ก็เป็นการกระตุ้นขวัญทหารมีขวัญทหาร จึงสามารถทำสงครามกับทัพศัตรูได้อย่างวางใจขณะที่ทหารทั้งหมดกำลังร่วมงานเลี้ยง เจียเหยาเรียกปู้ตูเข้ามาในกระโจม ถามสถานการณ์ของเหมิงกู่และเจินเกอสองกองกำลัง ปู้ตูหัวเราะ “สมองของคนเหล่านี้ง่ายดาย แขนขาที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี! ขอแค่มีเนื้อให้กิน พวกเขาสามารถขายชีวิตได้!”หลังจากได้รับผลกระทบจากโรคระบาดตั๊กแตนที่แพร่ระบาดในปีที่แล้ว เหมิงกู่ เจินเกอล้วนใช้ชีวิตไม่สบายนักเหมิงกู่และเจินเกอมีคนหิวตายแล้วเมื่อได้ฟังว่าหากพวกเขามาต่อสู้ก็สามารถได้กินเนื้อ แต่ละคนส่งเสียงร้องตะโกนคนผมหงอกเต็มหัวก็ยังคิดจะติดตามมาด้วย!หากไม่ใช่ปู้ตูไล่คนชราอ่อนแอเหล่านั้นออกไป พวกเขาพาคนม้าได้ถึงห้าหกหมื่นคนล้วนไม่ใช่ปัญหา!“เช่นนั้นก็ดี!”เจียเหยาถอนหายใจ จากนั้นก็สั่งปู้ตู “อีกเดี๋ยวส่งคนนำม
ตอนนี้ กำลังทหารทัพศัตรูด้านหน้าเกรงว่ามีเพียงครึ่งเดียวของพวกเขานอกจากด้านจำนวนคนแล้ว คุณสมบัติทุกด้านล้วนสู้ทัพศัตรูไม่ได้ แต่ปู้ตูก็ยังเห็นความหวังนี่คือความหวังที่จะชนะของพวกเขาหากชนะสงคราม ก็สามารถกระตุ้นขวัญทหารได้หากสามารถทำลายชื่อเสียงหยุนเจิงผู้ไม่แพ้สงครามได้ นักรบเป่ยหวนก็จะได้รับความมั่นใจอีกครั้ง“จริงด้วย องค์หญิง! ถึงเช่นไรพวกเราก็มีคนจับตา ไม่ต้องกลัวพวกเขาเล่นลูกไม้”“องค์หญิง ตอนนี้กังวลมากไป เกรงว่าจะกระทบกับการตัดสินใจของท่าน”กู่เก๋อและโม่ยื่อเกินปลอบใจเจียเหยาเช่นกันพวกเขาต่างก็รู้ ตอนนี้เจียเหยามีแรงกดดันมหาศาลพวกเขากลัวเจียเหยาคิดมากเกินไป สุดท้ายจะทำให้สมองของนางเลอะเลือนเมื่อได้ยินคำเกลี่ยกล่อมของทุกคน เจียเหยาสะบัดศีรษะอย่างแรง บังคับให้ตัวเองสงบลงบางที อาจเป็นเพราะนางคิดมากเกินไปแล้วกระมัง!หลังจากครุ่นคิดเงียบๆ เจียเหยาสั่งกู่เก๋อ “เจ้ารีบนำกำลังทหารม้าห้าพันคนไปช่วยเหลือราชสำนัก หากทัพศัตรูโจมตีราชสำนัก ไม่จำเป็นต้องเข้าปะทะกับศัตรู เพียงแค่ถ่วงเวลาทัพศัตรูก็พอแล้ว!”“ขอรับ!”กู่เก๋อรับคำสั่งแล้วออกไปเจียเหยาโยนความคิดสับสนในสมองทิ้
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ