ราชสำนักเป่ยหวนเจียเหยาหัวใจหนักอึ้งเดินออกจากกระโจมมาถึงด้านนอก มองออกไปที่ไกลๆ ก็จะสามารถเห็นคนกำลังใช้แรงงานอยู่บนที่ดินบริเวณโดยรอบราชสำนักหลายปีมานี้ ชนเผ่ามากมายด้านหลังเป่ยหวนล้วนได้เปลี่ยนจากการอาศัยอยู่ริมน้ำมาเป็นการตั้งถิ่นฐาน แต่ว่า ตอนที่แม่น้ำและทุ่งหญ้าอุดมสมบูรณ์ ทุกชนเผ่าจะส่งคนออกไปเลี้ยงสัตว์กินหญ้าก่อนฤดูหนาวจะมา คนเลี้ยงสัตว์ที่ส่งออกไปก็จะต้อนฝูงปศุสัตว์กลับมาส่วนคนที่เหลืออยู่ในชนเผ่า ต่างเรียนรู้การเพาะปลูกเนื่องจากเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำเกษตรในเป่ยหวนนั้นสั้นมาก ทุกปีสามารถปลูกธัญพืชได้เพียงฤดูกาลเดียวอีกทั้ง ประเภทของธัญพืชก็มีจำกัดอย่างมากแต่ธัญพืชของฤดูกาลนี้ กลับเป็นชะตาชีวิตของชนเผ่าเป่ยหวนมากมายก่อนหน้านี้ก็เพราะเสบียงอาหารไม่เพียงพอ พวกเขาจึงไม่สามารถจัดตั้งกองทัพได้ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกดังกล่าว เจียเหยาไม่อยากเจออีกแล้วตอนนี้ ทางราชสำนักนอกจากองครักษ์จำนวนน้อยและคนรับใช้ ทุกคนล้วนถูกเจียเหยาสั่งไปใช้แรงงานก่อนหน้าวันนี้ เจียเหยาเองก็ลงแปลงนาใช้แรงงานเช่นกันต่อให้สามารถเก็บเกี่ยวธัญพืชได้เพิ่มเพียงหนึ่งถัง ก็ล้วนเป็นประ
ตอนนี้พวกเขาคิดล่าถอย แต่กองทหารศัตรูก็เต็มกำลังกลัวก็แต่พวกเขาล่าถอยแล้ว ทัพศัตรูยังไล่ตามและสู้อย่างดุเดือดหากเป็นเช่นนั้น พื้นที่การอพยพของพวกเขาก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ“ข้าเข้าใจ”เจียเหยายิ้มฝืนกล่าว “ตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องล่าถอยแล้ว! หลังจากพวกเราล่าถอย ต่อให้ทัพศัตรูคิดบุกมา แนวการรบจะถูกดึงให้ยาวขึ้นเช่นกัน พวกเขาส่งทหารมาหนึ่งครั้ง แม้ว่าจะเลือกเส้นทางที่ใกล้ที่สุดก็ตาม ไปมาหนึ่งรอบอย่างน้อยต้องใช้เวลาสี่ห้าสิบวัน แค่พวกเราทำให้เขาพลาดหนึ่งครั้ง ก็สามารถยื้อเวลาได้มากขึ้น”“มันก็จริง”ปู้ตูพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวว่า “แต่ว่า พวกเราถอยครั้งนี้ พวกเราก็ไม่มีพื้นที่มากมายไว้เลี้ยงสัตว์แล้ว ถึงเวลานั้น ปศุสัตว์จำนวนมากก็จะหิวตาย!”ไม่มีสถานที่เลี้ยงสัตว์มากพอ ปศุสัตว์ต้องหิวตายแน่นอนพวกเขาล้วนไม่มีอาหารกินแล้ว ยังคิดหวังใช้ธัญพืชเลี้ยงปศุสัตว์ได้หรือ?“ปศุสัตว์ของพวกเราไม่มีโอกาสได้หิวตาย!”เจียเหยากล่าวเรียบๆ “พวกเราต้องทนจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวใบไม้ร่วง จำเป็นต้องฆ่าปศุสัตว์จำนวนมาก!”หิวตาย?คิดมากไปแล้ว!ปศุสัตว์มากมาย จึงจะมีปศุสัตว์ที่หิวตาย!ปศุสัตว์ถูกคนกิ
ขอ...ขอสันติ?เมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา กุ้ยโหยวและฟางหยุนซื่อตกตะลึงเห็นสีหน้าของทั้งสองคน เจียเหยาอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าในใจพวกเขายังคิดว่าเป่ยหวนตอนนี้ยังเป็นเหมือนเป่ยหวนเมื่อก่อนหรือ?ยังจะคิดขอสันติ?ตอนนี้หากขอสันติสำเร็จจริง ต่อให้ต้องยกดินแดนและกลายเป็นข้าราชบริพารก็ตาม นางล้วนดีใจจนแทบบ้า!ถึงเช่นไรพวกเขาก็ต้องถอยแล้วถอยอีกสถานที่เหล่านั้น จะทำร้ายเช่นไรก็ได้ทั้งนั้น!ขอแค่รักษาพื้นที่อยู่อาศัยของพวกเขาไว้อย่างเพียงพอ ให้พวกเขาได้พักหายใจก็พอ“องค์หญิง พวกเราต้องร้องขอสันติจริงหรือ?”กุ้ยโหยวไม่ยอม “พวกเราสามารถเรียกระดมทัพสองสามแสนคน...”“พอแล้ว! คำพูดเช่นนี้ เจ้าเชื่อหรือ?”เจียเหยาตัดบทฟางหยุนซื่ออย่างไร้เรี่ยวแรง “พวกเราสามารถระดมทัพสองสามแสนคนได้จริง แต่หากก่อนเข้าฤดูหนาวเอาชนะกองทหารมณฑลทางเหนือไม่ได้ โลกนี้ก็จะไร้ชื่อเป่ยหวนอีกต่อไป...”ระดมกองทัพสู้สุดชีวิต ใครบ้างทำไม่เป็น?ไม่มีเสบียงอาหาร ก็ต้องฆ่าปศุสัตว์ทิ้งให้เรียบเพื่อเติมเต็มเสบียงกองทัพ!ไม่มีเกราะ ใช้หนังวัวหุ้มสองชั้นสวมสักหน่อยก็ยังพอได้ไม่มีอาวุธที่เพียงพอล่ะ?ง่ายมาก!หลอมเครื่องมือกา
เจียเหยากล่าวเสียงเฉียบ “ขอแค่ต้าเฉียนยินดีพักรบ เป่ยหวนเรายกดินแดนเป็นข้าราชบริพานก็ได้ทั้งนั้น ไม่ถวายเครื่องราชบรรณาการได้ ก็พยายามไม่ถวายเครื่องราชบรรณาการ หากต้องส่งเครื่องราชบรรณาการจริง เป่ยหวนข้าจะส่งหนังแกะสามหมื่นพับและม้าศึกหนึ่งพันตัวเป็นเครื่องบรรณาการให้ต้าเฉียนทุกปี...”กุ้ยโหยวตัวสั่น จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรงยกดินแดน เป็นข้าราชบริพาน เครื่องราชบรรณาการ...เป่ยหวย เดินมาถึงขั้นนี้แล้วจริงหรือ?อารมณ์ของกุ้ยโหยวหนักหน่วงเป็นพิเศษผ่านไปชั่วครู่ กุ้ยโหยวถามอีกครั้ง “องค์หญิง หากข้อเสนอเหล่านี้ยังไม่อาจเติมเต็มความละโมบของต้าเฉียน จะทำเช่นไร?”“เพิ่มข้อเสนอแต่งงานเชื่อสัมพันธ์อีกข้อ!”เจียเหยากำหมัดแน่น กัดฟันกล่าว “หากเวลาจำเป็น บอกกับจักรพรรดิต้าเฉียน ข้าสามารถใช้ฐานะองค์หญิงเจี้ยนกั๋วแต่งเข้าราชวงศ์ต้าเฉียน กลายเป็น...นางสนมของเขา!”สิ้นเสียงเจียเหยา ฟางหยุนซื่อพลันเงยหน้าขึ้น มองเจียเหยาด้วยความตกใจจนตัวแข็ง……ชายแดนเว่ยหยุนเจิงพบกับอาสือน่าทูตที่เป่ยหมัวถัวส่งมาขอความช่วยเหลือแล้วอาสือน่าดูไปแล้วก็เหมือนชาวเป่ยหวน ทำเอาหยุนเจิงส่งสัยว่าคนผู้นี
เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง เกออาซูหนังตากระตุก“ข้าน้อยโง่เหล่า ไม่รู้จิ้งเป่ยอ๋องหมายถึงสิ่งใด?”อาสือน่าระมัดระวัง ถามด้วยความร้อนตัว“ยังไม่บอกความจริงใช่ไหม?”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “คนที่พวกเจ้าส่งไปเป่ยหวนเพื่อขอความช่วยเหลือ ถูกคนของข้าจับกลับมาแล้ว! เจ้าอยากพบพวกเขาหรือไม่?”เมื่อได้อาสือน่าได้ฟังเช่นนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีคนที่ส่งไปขอความช่วยเหลือจากเป่ยหวน ถูก...ถูกจับแล้ว?นั่นก็เท่ากับว่า เป่ยหวนทางนั้น พวกเขาก็ไม่มีความหวังแล้ว?แต่ว่า ได้ยินว่าจิ้งเป่ยอ๋องผู้นี้มากเล่ห์เจ้าแผนการเขาคงไม่หลอกเขากระมัง?อีกอย่าง ต้าเฉียนไม่มีกองทหารรักษาการณ์อยู่ทางนั้น เหตุใดจึงสามารถจับคนของพวกเขาได้?หยุนเจิงต้องกำลังหลอกเขา!ใช่ เป็นเช่นนี้แน่นอน!อาสือน่าแอบขบคิดในใจ จากนั้นก็รีบก้มโค้งตัว “ขอให้จิ้งเป่ยอ๋องพิจารณา พวกเราไม่มีทางส่งคนไปขอความช่วยเหลือที่เป่ยหวน อาจจะมีคนแอบอ้างเป็นคนของเรา...”“ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหม?”หยุนเจิงกระแอมไอ จากนั้นก็ส่งสายตาให้หลู่ซิ่งหลู่ซิ่งความใจความหมาย เดินออกไปจากห้องทันทีไม่นาน หลู่ซิ่งก็พาคนที่ถูกมัดมือทั้งสอข้างเดินเข้
ขอแค่เตรียมตัวเล็กน้อย ก็สามารถส่งทหารได้ตลอดเวลารอจนตู๋กูเช่อออกไป เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงเอ่ยถาม “คนหนึ่งหมื่นน้อยไปหรือไม่?”“ไม่น้อยแล้ว”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “โฉวฉือส่งทหารทั้งหมดสองหมื่นไปตีเป่ยหมัวถัว อีกทั่งส่วนมากเป็นทหารราบ หลายคนไม่มีแม้กระทั่งเกราะ พวกเราส่งทหารม้าไปหนึ่งหมื่น นับว่าให้เกียรติพวกเราแล้ว...”โฉวฉือและเป่ยหมัวถัว ต่างเป็นสถานที่เล็กนิดเดียวกำลังทหารสองหมื่นสำหรับโฉวฉือ นับว่าเป็นทหารของแคว้นแล้วทหารม้าหนึ่งหมื่นไปกดดัน ขอแค่คนโฉวฉือไม่โง่ ก็ควรล่าถอยอย่างว่าง่ายตอนนี้พวกเขาคิดเพียงเรื่องจัดการเป่ยหวน ไม่มีเวลาไปสู้กับโฉวฉือจุดประสงค์ที่ส่งทหารหนึ่งหมื่นคนออกไป ก็แค่ขู่ให้โฉวฉือล่าถอยเท่านั้นขอแค่กองทัพของโฉวฉือยอมล่าถอย พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปสู้กับโฉวฉือครั้งนี้ พวกเขามีบทบาทเป็นตัวกลางเท่านั้นสำหรับแคว้นเล็กอย่างโฉวฉือ ใช้กลยุทธ์อ่อนโยนเพื่อปราบพวกเขาให้ได้มากที่สุด ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตพวกเขา“ข้าไม่กังวลโฉวฉือด้านนั้น”เสิ่นลั่วเยี่ยนส่ายหน้าเบาๆ “ข้ากังวลว่าเป่ยหวนจะเข้ามาแทรกหลังได้รับข่าว ส่งทหารมาลอบจู่โจมคนที่พวกเราส่งไป”“ไม่เลว!”
หลังมอบหมายหลู่ซิงเสร็จแล้ว หยุนเจิงสั่งให้หลู่ซิ่งไปนักรบทูตสิบแปดมามองดูเงาหลังของหลู่ซิง หยุนเจิงแอบครุ่นคิดหลังจบเรื่องนี้ ควรมอบหลู่ซิ่งให้ฉินชีหู่ได้แล้วทว่า ชุดเกราะของม้าศึกกองทหารโลหิต เวลาเพียงเล็กน้อยคงยังทำไม่เสร็จการสร้างเกราะไม่ง่าย ช่างที่ทำชุดเกราะเป็นน้อยเกินไปแม้ว่าจะมีการจัดสรรกำลังคนอย่างเร่งด่วนก็ตาม แต่ความแตกต่างระหว่างมืออาชีพกับมือใหม่นั้นมีมากโชคดีที่มีเหมืองแร่เหล็กอยู่ที่โม่หยาง ขอแค่การขยายโรงตีเหล็กที่นั้นสร้างเสร็จเรียบร้อย ก็สามารถจัดหาเหล็กได้มากขึ้นแต่ว่า ระยะห่างของเหมืองหินและเหมืองเหล็กห่างกันเกินไป!ทางนั้นไม่มีสะพานระยะการขนส่งและต้นทุน ตอนนี้ยังไม่ได้แก้ไข!ตอนนี้เขาไม่มีความคิดหรือกำลังคนมากนักในการก่อสร้างขนาดใหญ่ ทำได้เพียงปล่อยไปก่อนขณะที่หยุนเจิงคิดเรื่อยเปื่อย คนทั้งหมดของนักรบทูตสิบแปดถูกพาเข้ามาแล้วอื้ม สิบแปดคน ไม่ขาดไปแม้แต่คนเดียวทว่า เสื้อคลุมสีเขียวที่พวกเขาสวมอยู่ขาดรุ่งริ่งทั้งหมด ดูไปแล้วค่อนข้างจนตรอกยังมีอีกหลายคนดูแล้วน่าจะได้รับบาดเจ็บ“ตามข้ามา!”หยุนเจิงกวาดตามองทุกคน พาพวกเขากับเสิ่นลั่วเยี่ยนเดิ
นักรบภูตเก้ายิ้มร้าย “ชนเผ่าหลายแห่งยังมีเนื้อให้กินทุกวัน”ห๊า?เสิ่นลั่วเยี่ยนเบิกตาโต แทบนึกว่าตัวเองฟังผิดไปชนเผ่าหลายแห่งของเป่ยหวนยังสามารถมีเนื้อกินทุกวัน?ไม่นาน เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เข้าใจแล้วมีเนื้อกินทุกวัน ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตที่ดีปศุสัตว์เหล่านั้น เป็นเสบียงอาหารของชนเผ่าเป่ยหวนเสบียงอาหารสุดท้ายกินหมดแล้ว ฤดูหนาวที่ยาวนานมาถึง เป่ยหวนก็ต้องมีคนหิวตายจำนวนมากตอนนี้ชนเผ่ามีเนื้อให้กินทุกวัน เมื่อฤดูหนาวมาถึง ก็จะเป็นชนเผ่าที่มีชีวิตยากลำบากที่สุด“จริงด้วย องค์ชาย ตอนที่พวกเรากลับมา เห็นชนเผ่าทางตะวันตกเริ่มอพยพอีกครั้ง ดูเหมือนกำลังเดินทางไปยังด้านหลังเขาอู๋เหลียน”เวลานี้ นักรบภูตเก้าได้เล่าสถานการณ์ที่สำคัญ“อพยพไปด้านหลัง?”หยุนเจิงประหลาดใจเล็กน้อย “พวกเขากำลังพยายามลดแนวป้องกันลง!”เห็นได้ชัด เป่ยหวนหมดกำลังรักษากองทัพแล้วมีเพียงการลดแนวป้องกัน จึงสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่ถูกโจมตีเป่ยหวนเมื่อลดกำลังแล้วถอยไกลเกินไป พวกเขาคิดจะเดินทางโจมตีระยะไกล คนยังดีหน่อย แต่ม้าศึกไม่มีทางได้รับเสบียงจากทางเป่ยหวนหากโจมตีไปให้อาหารม้าไป ความเร็วในการโจมตีก็จะล่
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่