มองดูท่าทางเขินอายของเยี่ยจื่อ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังคืนนี้ ไม่มีใครมารบกวนหยุนเจิงและเยี่ยจื่อเยี่ยจือไม่รู้ว่าการไปครั้งนี้ของหยุนเจิงจะใช้เวลานานเพียงใดกว่าจะกลับติ้งเป่ย เธอไม่สนใจความเขินอายของสตรีในเรือน มอบความร้อนแรงทั้งหมดให้กับหยุนเจิงอีกทั้ง พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันแล้ว ใยจะต้องเขินอายอีกเล่า?ตอนนี้ ทั้งสองตกหลุมรักกันหลายต่อหลายครั้งหยุนเจิงเหมือนคนอึดตายยาก พัวพันกับเยี่ยจื่อครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งหมดเรี่ยวแรง ทั้งสองคนก็ยังโอบกอดกันและกันแนบแน่น……เช้าวันที่สอง พวกหยุนเจิงออกเดินทางหยุนเจิงไม่ยอมให้ทุกคนส่ง พาคณะเดินทางออกจากติ้งเป่ยโดยตรงระหว่างทาง หยุนเจิงปรึกษาเรื่องต่อไปกับต่งกังและหลู่ซิ่งต่อพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนรับผิดชอบยืนฟังอยู่ด้านข้าง ไม่พูดสอดแทรกเจียเหยาประกาศตนเป็นองค์หญิงเจี้ยนกั๋ว ไม่ใช่เรื่องดีรอจนทุกหน่วยปรับเปลี่ยนแนวป้องกันเสร็จสิ้น หยุนเจิงกำลังจัดเตรียมกองทัพใหม่หลังศึกดุเดือดคราวก่อน นอกจากทหารชาวนาและผู้บาดเจ็บแล้ว กองทหารมณฑลทางเหนือยังมีคนเกือบหนึ่งแสนหกหมื่นคนประชากรซั่วเป่ยไม่เพียงพอ ทหารที่พวก
ราชสำนักเป่ยหวนเจียเหยาหัวใจหนักอึ้งเดินออกจากกระโจมมาถึงด้านนอก มองออกไปที่ไกลๆ ก็จะสามารถเห็นคนกำลังใช้แรงงานอยู่บนที่ดินบริเวณโดยรอบราชสำนักหลายปีมานี้ ชนเผ่ามากมายด้านหลังเป่ยหวนล้วนได้เปลี่ยนจากการอาศัยอยู่ริมน้ำมาเป็นการตั้งถิ่นฐาน แต่ว่า ตอนที่แม่น้ำและทุ่งหญ้าอุดมสมบูรณ์ ทุกชนเผ่าจะส่งคนออกไปเลี้ยงสัตว์กินหญ้าก่อนฤดูหนาวจะมา คนเลี้ยงสัตว์ที่ส่งออกไปก็จะต้อนฝูงปศุสัตว์กลับมาส่วนคนที่เหลืออยู่ในชนเผ่า ต่างเรียนรู้การเพาะปลูกเนื่องจากเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำเกษตรในเป่ยหวนนั้นสั้นมาก ทุกปีสามารถปลูกธัญพืชได้เพียงฤดูกาลเดียวอีกทั้ง ประเภทของธัญพืชก็มีจำกัดอย่างมากแต่ธัญพืชของฤดูกาลนี้ กลับเป็นชะตาชีวิตของชนเผ่าเป่ยหวนมากมายก่อนหน้านี้ก็เพราะเสบียงอาหารไม่เพียงพอ พวกเขาจึงไม่สามารถจัดตั้งกองทัพได้ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกดังกล่าว เจียเหยาไม่อยากเจออีกแล้วตอนนี้ ทางราชสำนักนอกจากองครักษ์จำนวนน้อยและคนรับใช้ ทุกคนล้วนถูกเจียเหยาสั่งไปใช้แรงงานก่อนหน้าวันนี้ เจียเหยาเองก็ลงแปลงนาใช้แรงงานเช่นกันต่อให้สามารถเก็บเกี่ยวธัญพืชได้เพิ่มเพียงหนึ่งถัง ก็ล้วนเป็นประ
ตอนนี้พวกเขาคิดล่าถอย แต่กองทหารศัตรูก็เต็มกำลังกลัวก็แต่พวกเขาล่าถอยแล้ว ทัพศัตรูยังไล่ตามและสู้อย่างดุเดือดหากเป็นเช่นนั้น พื้นที่การอพยพของพวกเขาก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ“ข้าเข้าใจ”เจียเหยายิ้มฝืนกล่าว “ตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องล่าถอยแล้ว! หลังจากพวกเราล่าถอย ต่อให้ทัพศัตรูคิดบุกมา แนวการรบจะถูกดึงให้ยาวขึ้นเช่นกัน พวกเขาส่งทหารมาหนึ่งครั้ง แม้ว่าจะเลือกเส้นทางที่ใกล้ที่สุดก็ตาม ไปมาหนึ่งรอบอย่างน้อยต้องใช้เวลาสี่ห้าสิบวัน แค่พวกเราทำให้เขาพลาดหนึ่งครั้ง ก็สามารถยื้อเวลาได้มากขึ้น”“มันก็จริง”ปู้ตูพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวว่า “แต่ว่า พวกเราถอยครั้งนี้ พวกเราก็ไม่มีพื้นที่มากมายไว้เลี้ยงสัตว์แล้ว ถึงเวลานั้น ปศุสัตว์จำนวนมากก็จะหิวตาย!”ไม่มีสถานที่เลี้ยงสัตว์มากพอ ปศุสัตว์ต้องหิวตายแน่นอนพวกเขาล้วนไม่มีอาหารกินแล้ว ยังคิดหวังใช้ธัญพืชเลี้ยงปศุสัตว์ได้หรือ?“ปศุสัตว์ของพวกเราไม่มีโอกาสได้หิวตาย!”เจียเหยากล่าวเรียบๆ “พวกเราต้องทนจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวใบไม้ร่วง จำเป็นต้องฆ่าปศุสัตว์จำนวนมาก!”หิวตาย?คิดมากไปแล้ว!ปศุสัตว์มากมาย จึงจะมีปศุสัตว์ที่หิวตาย!ปศุสัตว์ถูกคนกิ
ขอ...ขอสันติ?เมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา กุ้ยโหยวและฟางหยุนซื่อตกตะลึงเห็นสีหน้าของทั้งสองคน เจียเหยาอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าในใจพวกเขายังคิดว่าเป่ยหวนตอนนี้ยังเป็นเหมือนเป่ยหวนเมื่อก่อนหรือ?ยังจะคิดขอสันติ?ตอนนี้หากขอสันติสำเร็จจริง ต่อให้ต้องยกดินแดนและกลายเป็นข้าราชบริพารก็ตาม นางล้วนดีใจจนแทบบ้า!ถึงเช่นไรพวกเขาก็ต้องถอยแล้วถอยอีกสถานที่เหล่านั้น จะทำร้ายเช่นไรก็ได้ทั้งนั้น!ขอแค่รักษาพื้นที่อยู่อาศัยของพวกเขาไว้อย่างเพียงพอ ให้พวกเขาได้พักหายใจก็พอ“องค์หญิง พวกเราต้องร้องขอสันติจริงหรือ?”กุ้ยโหยวไม่ยอม “พวกเราสามารถเรียกระดมทัพสองสามแสนคน...”“พอแล้ว! คำพูดเช่นนี้ เจ้าเชื่อหรือ?”เจียเหยาตัดบทฟางหยุนซื่ออย่างไร้เรี่ยวแรง “พวกเราสามารถระดมทัพสองสามแสนคนได้จริง แต่หากก่อนเข้าฤดูหนาวเอาชนะกองทหารมณฑลทางเหนือไม่ได้ โลกนี้ก็จะไร้ชื่อเป่ยหวนอีกต่อไป...”ระดมกองทัพสู้สุดชีวิต ใครบ้างทำไม่เป็น?ไม่มีเสบียงอาหาร ก็ต้องฆ่าปศุสัตว์ทิ้งให้เรียบเพื่อเติมเต็มเสบียงกองทัพ!ไม่มีเกราะ ใช้หนังวัวหุ้มสองชั้นสวมสักหน่อยก็ยังพอได้ไม่มีอาวุธที่เพียงพอล่ะ?ง่ายมาก!หลอมเครื่องมือกา
เจียเหยากล่าวเสียงเฉียบ “ขอแค่ต้าเฉียนยินดีพักรบ เป่ยหวนเรายกดินแดนเป็นข้าราชบริพานก็ได้ทั้งนั้น ไม่ถวายเครื่องราชบรรณาการได้ ก็พยายามไม่ถวายเครื่องราชบรรณาการ หากต้องส่งเครื่องราชบรรณาการจริง เป่ยหวนข้าจะส่งหนังแกะสามหมื่นพับและม้าศึกหนึ่งพันตัวเป็นเครื่องบรรณาการให้ต้าเฉียนทุกปี...”กุ้ยโหยวตัวสั่น จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรงยกดินแดน เป็นข้าราชบริพาน เครื่องราชบรรณาการ...เป่ยหวย เดินมาถึงขั้นนี้แล้วจริงหรือ?อารมณ์ของกุ้ยโหยวหนักหน่วงเป็นพิเศษผ่านไปชั่วครู่ กุ้ยโหยวถามอีกครั้ง “องค์หญิง หากข้อเสนอเหล่านี้ยังไม่อาจเติมเต็มความละโมบของต้าเฉียน จะทำเช่นไร?”“เพิ่มข้อเสนอแต่งงานเชื่อสัมพันธ์อีกข้อ!”เจียเหยากำหมัดแน่น กัดฟันกล่าว “หากเวลาจำเป็น บอกกับจักรพรรดิต้าเฉียน ข้าสามารถใช้ฐานะองค์หญิงเจี้ยนกั๋วแต่งเข้าราชวงศ์ต้าเฉียน กลายเป็น...นางสนมของเขา!”สิ้นเสียงเจียเหยา ฟางหยุนซื่อพลันเงยหน้าขึ้น มองเจียเหยาด้วยความตกใจจนตัวแข็ง……ชายแดนเว่ยหยุนเจิงพบกับอาสือน่าทูตที่เป่ยหมัวถัวส่งมาขอความช่วยเหลือแล้วอาสือน่าดูไปแล้วก็เหมือนชาวเป่ยหวน ทำเอาหยุนเจิงส่งสัยว่าคนผู้นี
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา