“น้องชาย องค์หญิงเป่ยหวนคงไม่ได้ถูกใจเจ้ากระมัง?”มองเจียเหยาจากไปไกล ฉินชีหู่อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้ามาหาหยุนเจิง จากนั้นก็ด้วยสีหน้าใคร่รู้“นางถูกใจข้าจริง”หยุนเจิงยักไหล่ จากนั้นก็หัวเราะ “นางอยากจับข้าไปเป่ยหวน ทรมารข้าทุกวัน ให้ข้าร้องขอความตายมากกว่ามีชีวิต...”“ใครใช้ให้ท่านทำให้พวกเขาต้องทิ้งสามเมืองชายแดนเล่า?”ฉินชีหู่หัวเราะอย่างไร้ปราณี จากนั้นก็หัวหน้ามองเหล่าเชลยศึกที่เพิ่งส่งกลับมา และโตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าทุกคนโง่เขลาแล้วกระมั้ง? ยังไม่ขอบคุณท่านอ๋องที่แลกเปลี่ยนพวกเจ้ากลับมาอีก?”“ขอบพระทัยท่านอ๋อง!”ทุกคนเมื่อได้สติกลับมา ก็พากันโค้งคำนับของคุณหยุนเจิงในใจพวกเขารู้ดี หากหยุนเจิงไม่แลกเปลี่ยนพวกเขากลับมา พวกเขาทำได้เพียงเป็นวัวเป็นม้าเพื่อเป่ยหวนแล้ว“พอแล้ว พอแล้ว...”หยุนเจิงโบกมือกล่าว “กลับไปกินอะไรสักหน่อย ดูพวกเจ้าแต่ละคนสิ ผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว”กล่าวจบ หยุนเจิงทักทายทุกคนก่อนจะถอยออกจากเมืองกู้“ท่านอ๋อง พวกเราจะเดินทัพเข้าชายแดนชิงและเว่ยได้เมื่อใด?”เวลานี้เอง ตู๋กูเช่อถามหยุนเจิงด้วยสีหน้าตื่นเต้น“รออีกสักสองวันเถอะ!”หยุนเจิงตอบ “ให
ความจริง เจียเหยาไม่ได้โทษปานปู้แม้เรื่องนั้นจะเกิดขึ้นเพราะมีดทองของปานปู้ แต่ตัวปานปู้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องมากนักปานปู้เสียมีดให้กับหยุนเจิง เขาไม่สามารถป่าวประกาศบอกกับทุกคนได้กล่าวได้แค่ว่า หยุนเจิงเจ้าเล่ห์มาก นึกไม่ถึงว่าจะใช้มีดทองของปานปู้เคลื่อนทัพของพวกเขาแล้วก็ต้องโทษนางที่ระแวงเกินไป ไม่ส่งคนไปยึดหุบผาชันช่องลมเอาไว้หากนางส่งคนไปยึดหุบผาชันช่องลมก่อน หยุนเจิงไม่มีโอกาสใช้ประโยชน์จากมีดทองของปานปู้มาทำลายพวกเขาได้ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ เจียเหยาเพิ่มความเร็วอย่างไม่รู้ตัวยังดี!นางได้โสมอายุหนึ่งร้อยปีรากนึงจากหยุนเจิงกลับมาด้วยหวังว่า โสมรากนี้จะทำให้อาจารย์หายในเร็ววัน!ควบม้าอย่างบ้าคลั่งตลอดทาง ในที่สุดเจียเหยาก็มาถึงชายแดนเว่ยก่อนฟ้ามืดเจียเหยาไม่สนใจที่จะพักผ่อน สิ่งแรกที่ทำคือไปห้องของปานปู้สิบกว่าวันไม่ได้พบเจอ สีหน้าของปานปู้แย่ลงกว่าเดิมปานปู้สีหน้าซีดขาว แทบไม่มีเลือดฝาดปานปู้ในเวลานี้ ไม่เห็นท่าทางมีชีวิตชีวาดั่งอดีตอีกต่อไป เหมือนกับคนชราใกล้ถึงฝั่งคนหนึ่ง“อาจารย์!”เจียเหยาขอบตาแดง นั่งลงข้างเตียงของปานปู้ช้าๆปานปู้ฝืนลุกขึ้นอ
ความผิดปกติกะทันหันของปานปู้ทำให้เจียเหยาตกใจกลัว“อาจารย์!”เจียเหยาอุทานด้วยความตกใจ จากนั้นก็ร้องตะโกนออกไปข้างนอก “เร็ว เรียกหมอ!”ปานปู้โบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง กล่าวด้วยสีหน้าโศกเศร้า “องค์หญิง ท่าน...ท่านถูกหยุนเจิงหลอกแล้ว!”“อะไรนะ?” เจียเหยาไม่อยากเชื่อปานปู้ส่ายหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง กล่าวด้วยลมหายใจโรยริน “นี่...นี่ไม่ใช่โสม! สิ่งนี้คือจางหลิว! นี่คือ...จางหลิวที่มีพิษร้ายแรง...”ปานปู้กล่าวจบ ก็ทนไม่ไหวไอออกมาการค้า...จางหลิว?มีพิษมาก?เจียเหยามองปานปู้ด้วยความมึนงงนี่...เห็นชัดๆ ว่านี่คือโสมคน!เหตุใด...เหตุใดกลายเป็นจางหลิวแล้ว?หรือว่าอาจารย์ป่วยหนัก ตาลายแล้ว?ไม่นาน องครักษ์ด้านนอกพาท่านหมอเข้ามาเจียเหยาถามท่านหมอเป็นสิ่งแรกว่าที่จริงแล้วสิ่งนี้เป็นโสมคือหรือว่าจางหลิวท่านหมอกล่าวอย่างหนักแน่น “นี่คือจางหลิว สิ่งนี้แม้จะหน้าตาเหมือนกับโสมมาก ทว่ามีพิษร้ายแรง...”ตูม!เจียเหยารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงระเบิดในหัวจางหลิว!นี่เป็นจางหลิวจริงด้วย!นางต่อให้ระวังเพียงใด สุดท้าย ก็ยังคงถูกหยุนเจิงหลอกแล้ว?ม้าศึกหนึ่งพันกว่าตัว สำหรับเป่ยหวนแล้ว ไม่นั
กล่าวจบ เจียเหยารีบส่งจดหมายให้ปานปู้เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย ปานปู้ดีใจ ใบหน้าซีดขาวพลันมีสีเลือดขึ้นมาแล้วทว่า ไม่นานปานปู้ก็สงบลงพวกเขาเสียเคยเปรียบต้าเฉียนมากมายเกินไป!พวกเขาลอบโจมตีหลายครั้ง ล้วนเจ็บหนักทุกครั้งหากนี่เป็นแผนทรยศของต้าเฉียน พวกเขาต้องเผชิญกับความสูญเสียใหญ่อีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัยปานปู้ไม่สนใจความเจ็บป่วยของร่างกาย ขบคิดอย่างขยันขันแข็งหากนี่เป็นความจริง ไม่ต้องสงสัยเลย เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะได้รับกำไรมากสุดตั้งแต่เริ่มเปิดสงครามมาที่สำคัญคือ หยุนเจิงที่พวกเขาเกลียดที่สุดอยู่ที่ชายแดนกู้!“อาจารย์ ท่านคิดว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือว่ากับดัก?”เจียเหยาไม่สนใจความเจ็บปวดของปานปู้เช่นกัน เรื่องนี้ นางจำเป็นต้องถามความเห็นของปานปู้ปานปู้ติดต่อกับชาวต้าเฉียนมานานหลายปี รู้จักชาวต้าเฉียนดีกว่านางปานปู้หลับตา คิดเงียบๆ สุดท้ายก็พลันลืมตาขึ้น “อย่างน้อยก็มีความเป็นไปได้หกส่วนว่าจะเป็นความจริง! ภายในกองทหารมณฑลทางเหนือ มีความคิดจะเอาชีวิตหยุนเจิง!”“เรื่องนี้ข้ารู้”เจียเหยาพยักหน้า ทว่ากลับขมวดคิ้วแน่น “แต่พวกเขากล้าเกินไปแล้วกระมัง? พวกเขาโหดร้ายกับ
ชายแดนเมืองกู้วัสดุที่จำเป็นในการซ่อมแซมกำแพงเมืองได้รับการคำนวณมาคร่าวๆ แล้ว ตู๋กูเช่อส่งคนไปป้อมเมืองสุยหนิงและป้อมเมืองจิ้งอันส่งวัสดุที่จำเป็นมาแต่ว่า การขนส่งก็จำเป็นต้องใช้เวลาฉวยโอกาสเวลานี้ หยุนเจิงใช้ประโยชน์จากวัสดุที่จำกัด ซ่อมแซมบ้านใกล้เมืองกู้ที่สามารถซ่อมแซมได้ทั้งเมืองกู้สามารถเรียกได้ว่าเป็นค่ายทหารขนาดใหญ่มหึมาได้แม้ตอนที่พวกเขามาถึงได้นำกระโจมมาด้วยจำนวนหนึ่ง แต่กระโจมไม่อาจเทียบกับค่ายได้ถึงเช่นไรคนเยอะมากมายเช่นนี้ก็กำลังว่าง ไม่สู้ทำงานเสียหน่อยดีกว่าหากพูดถึงสามเมืองชายแดน ก็นับว่าโชคร้ายนักปีนั้นต้าเฉียนต้องยกเมืองใช้แดนให้ ก็ทำให้เมืองเสียหายหนักไปหนึ่งรอบแล้วเพิ่งซ่อมแซมเสร็จไม่กี่ปี ก็ต้องถูกทำลายอีกแล้วหวังว่า สามเมืองชายแดนหลังจากนี้ไปต้องเผชิญหน้ากับการถูกทำลายอีก!หยุนเจิงเตรียมพาเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินเข้าไปดูหอคอย ตู๋กูเช่อและฉินชีหู่ก็เข้ามาหาแล้ว“น้องชาย นี่หนึ่งวันแล้ว พวกเราควรส่งคนไปชายแดนเมืองเว่ยและชายแดนเมืองชิงหรือไม่?”ฉินชีหู่ถามหยุนเจิงด้วยความตื่นเต้น“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบ”หยุนเจิงส่ายหน้ากล่าว “หากเป่ยหวนต้อ
กล่าวจบ ฉินชีหู่ต้องการจากไปจากนั้น เพิ่งก้าวเดินออกไป ฉินชีหู่พลันลุกขึ้นยืน หันกลับมามองเสิ่นลั่วเยี่ยน หัวเราะเจ้าเล่ห์ “น้องสะใภ้ ได้ยินว่าวรยุทธเจ้าไม่เลวเลย! ไม่เช่นนั้น เจ้าสู้กับข้าสักสองกระบวนท่า?”หืมเมื่อได้ฟังคำฉินชีหู่ หยุนเจิงรู้สึกสนใจขึ้นมาเขาอยากรู้ วรยุทธเสิ่นลั่วเยี่ยนและฉินชีหู่ใครจะเก่งกาญกว่ากัน!“ได้สิ!”ถึงเช่นไรเสิ่นลั่วเยี่ยนก็ไม่มีงานทำ จึงตอบรับด้วยความสบายใจเมื่อเห็นนางตกลง ฉินชีหู่ดีใจขึ้นมาทันใดทั้งสองก็ตั้งท่าอย่างรวดเร็ว พวกเขาหยุนเจิงก็ล้อมวงดูอย่างตื่นเต้น“น้องสะใภ้ เห็นแก่ที่เจ้าเป็นสตรี ข้าจะต่อให้เจ้าก่อนสิบกระบวนท่า!”ฉินชีหู่บิดยืดคอไปมา กล่าวด้วยเสียงหัวเราะ“ไม่ต้องหรอก!”เสิ่นลั่วเยี่ยนปฏิเสธโดยไม่ลังเล “เดิมทีพวกเขาก็แค่ประลองกัน ท่านต่อให้ข้าเพื่อสิ่งใด?”ฉินชีหู่หัวเราะ ยกนิ้วโป่งกล่าว “น้องสะใภ้ไม่เสียแรงที่เป็นวีรสตรี เช่นนั้นข้าก็ไม่ต่อให้เจ้าแล้ว!”“มาเถอะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเตรียมหอกลายเมฆของตัวเองเอาไว้เมื่อเห็นเสิ่นลั่วเยี่ยนหยิบอาวุธออกมาแล้ว หยุนเจิงเตือน “พวกท่านอย่าจริงจังเกินไป พอประมาณก็พอแล้ว”“วางใจ พวกเ
สองวันให้หลัง วัสดุซ่อมแซมกำลังส่งมาถึงป้อมเมืองสุยหนิงและป้อมเมืองจิ้งอันทยอยมาถึงบางส่วนแล้วขณะเดียวกัน พวกเขาได้รับข่าวที่เว่ยเหวินจงส่งมาเป่ยหวนมีความผิดปกติที่เทียนหู!เพียงแต่ ตอนนี้เว่ยเหวินจงไม่อาจตัดสินใจได้ว่าเป่ยหวนคิดจะทำสิ่งใดเว่ยเหวินจงระดมกำลังบางส่วนไปยังแนวหน้าเมืองเทียนหู ขณะเดียวกัน เว่ยเหวินจงแนะนำให้พวกเขาทางนี้ไม่ต้องเคลื่อนไหวชั่วคราว ดูว่าแท้จริงเป่ยหวนต้องการทำสิ่งใดกันแน่อีกอย่าง เว่ยเหวินจงได้จัดส่งเสบียงอาหารแห้งสำหรับกองทัพสี่หมื่นคนเพียงพอสำหรับหนึ่งเดือนประมาณการเบื้องต้น เสบียงอาหารแห้งจะส่งมาถึงภายในอีกสองวันเมื่อได้รับข่าวจากเว่ยเหวินจง หลายคนที่เอาแต่หมกมุ่นกับความดีใจที่เมืองกลับมาล้วนสงบลงแล้วเป่ยหวนมีความผิดปกติที่เทียนหู?หรือว่า กองทัพเป่ยหวนจะไม่ถอยตัวออกจากชายแดนเมืองเว่ยและเมืองชิง หรือว่ามีแผนอื่น?รองผู้บัญชาการตู๋กูเช่อเรียกประชุมด่วน หารือแผนการต่อไปสถานการณ์ตรงหน้าไม่เหมือนกับที่พวกเขาคิดก่อนหน้านี้!ใช้วิธีกอบกู้ชายแดนเมืองเว่ยและเมืองชิงกลับมาด้วยความสันติ แทบเป็นไปไม่ได้เลย!พวกเขาจำเป็นต้องรับมือแผนสำรองตู๋กูเช่
ในเมื่อพวกเขามีความคาดเดา พวกเขาต้องรู้บางอย่างแน่นอนหยุนเจิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้มองทุกคน จากนั้นก็เอ่ยปาก “ก่อนหน้านี้จางซูให้ความคิดที่ไม่ดีกับพวกเรา...”กล่าวจบ หยุนเจิงบอกเรื่องที่พวกเขาปลอมผลจางหลิวเป็นโสมคนแลกเปลี่ยนกับเจียเหยาออกมาเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง“จางหลิวคือสิ่งใด?”ฉินชีหู่ถามด้วยสีหน้าแปลกประหลาด“คือว่า...”หยุนเจิงยิ้มด้วยสีหน้าขมขื่น “สิ่งนี้หน้าตาเหมือนโสมมาก ทว่ามันมีพิษมาก กินแล้วอาจถึงชีวิต...”มีพิษ?ถึงชีวิต?เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ฉินชีหู่พลันลุกขึ้นยืนแม้ว่าเขาไม่รู้ว่าจางหลิวคือสิ่งใด รู้เพียงว่าจางหลิวมีพิษก็พอแล้ว!“ท่านอ๋อง พวกท่าน...คงไม่ได้วางยาพิษเจียเหยาตายหรอกกระมัง?”ตู๋กูเช่อใบหน้ากระตุกเวลานี้ เขาไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือควรหัวเราะใช้จางหลิวปลอมเป็นโสมให้เจียเหยา?พวกเขาก็คิดออกมาได้!ที่สำคัญคือ พวกเขาทำสำเร็จด้วย!เรื่องนี้ ขาดคุณธรรมก็ขาดคุณธรรมอยู่หรอก แต่ก็น่าพอใจมาก!คำถามคือ หากเป็นเพราะเจียเหยาตาย สิ่งนี้นำไปสู่ความล้มเหลวในการกอบกู้ชายแดนเว่ยและชิง ก็แทบไม่ได้ขาดทุนทว่า เปลี่ยนอีกคว