เสียงร้องตะโกนดังก้องภูเขาและทะเลดังต่อเนื่องในชั่วเวลาครึ่งก้านธูปแล้วค่อยๆ หยุดลงหยุนเจิงเรียกเว่ยเหวินจงและตู๋กูเช่อมา “สั่งให้กองทัพรีบตั้งค่ายพักแรม พรุ่งนี้ยังต้องแลกเปลี่ยนเชลยศึก ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาฉลอง!”“ใช่ๆ!”ตู๋กูเช่อตบหน้าผาก กล่าวด้วยความดีใจ “พวกท่านไปถ่ายทอดคำสั่ง ห้ามดีใจเกินไป!”“รอก่อน!”เว่ยเหวินจงเรียกตู๋กูเช่อเอาไว้ “พี่ตู๋กู วันนี้เมืองกู้ได้คืนกลับมาแล้ว ต่อไปเมืองเว่ยและเมืองชิงต้องส่งคนไปประจำการ ท่านและข้าต้องมีคนกลับไปติ้งเป่ย...”ต้องส่งกองทัพเข้าเมืองเว่ยและเมืองชิง ต้องปรับโยกย้ายคนจากที่อื่นก่อนปรับย้ายคนและม้าแล้ว แนวป้องกันด้านหลังต้องปรับกันใหม่เช่นกันรวมถึงเสบียงอาหารด้วย สั่งคนไปคุ้มกันส่งเสบียงมายังสามเมืองชายแดนแม้แต่สถานที่เก็บเสบียงอาหารยังต้องปรับเคลื่อนย้าย มิฉะนั้น แนวการจัดสรรด้านหลังก็จะยาวเกินไปเมื่อได้ฟังคำเว่ยเหวินจง ตู๋กูเช่ออดไม่ได้ที่จะพยักหน้า“ดูข้าสิ ดีใจมากเกินไปแล้ว ลืมเรื่องนี้หมดแล้ว”ตู๋กูเช่อตบหน้าผากตัวเองแล้วหัวเราะที่จริง กองทัพใหญ่เข้าสู่เมืองกู้เป็นเพียงก้าวแรกเรื่องข้างหลังยังมีมากมาย!ตู๋กูเช่อคร
อีกอย่าง จำเป็นต้องเสริมกำลังป้องกันไปในทิศทางของเทียนหู ป้องกันกองทัพเป่ยหวนข้ามแม่น้ำไป๋สุ่ยมาจู่โจม แล้วตอนนี้ซั่วฟางกลายเป็นสถานที่สำคัญในการป้องกันแล้วซั่วฟางวันนี้กลายเป็นตำแหน่งสำคัญปีกซ้ายของกองทหารมณฑลทางเหนือแต่ว่า พวกเว่ยเหวินจงยอมรับ ซั่วฟางมีทหารสองหมื่นคน บวกกับทหารชาวนาชราอ่อนแอเหล่านั้น แค่เฝ้าคุ้มกันซั่วฟางก็น่าจะเพียงพอแล้วด้วยเหตุนี้ จึงไม่ปรับย้ายกำลังจากซั่วฟาง แล้วก็ไม่ส่งกำลังทหารไปเพิ่มเช่นกันตอนที่กำลังสนทนากันเรื่องการจัดการซั่วฟาง เว่ยเหวินจงถามอีกครั้ง “ท่านอ๋อง ท่านเป็นแม่ทัพเฝ้าเมืองซั่วฟาง ท่านคิดว่าการจัดการเช่นนี้เป็นเช่นไร?”“ไม่มีปัญหา”หยุนเจิงพยักหน้าอย่างลวกๆตอนนี้พวกเว่ยเหวินจงยังไม่รู้ ทหารที่ทำศึกได้ของซั่วฟางความจริงมีสามหมื่นกว่าคนแล้วคนมากมายเฝ้ารักษาเมืองซั่วฟาง เพียงพอแล้ว!อีกทั้ง ตอนนี้ใกล้ฤดูใบไม้ผลิเข้ามาเรื่อยๆ แล้วชั้นน้ำแข็งของแม่น้ำไป๋สุ่ยเริ่มแยกตัวกันแล้วขอแค่ชั้นน้ำแข็งของแม่น้ำไป๋สุยบางลง คนและม้าไม่สามารถข้ามได้ ก็ไม่จำเป็นต้องคุ้มกันสถานที่สำคัญอย่างปากเขาเขี้ยวหมาป่าและหุบผาชันช่องลมแล้วเมื่อเห็นว่าหยุน
มีเรื่อง?หยุนเจิงมองเจียเหยาด้วยสายตาผิดปกติ“มีเรื่องใด?”เวลานี้แล้ว นางยังมีเรื่องใดเจรจากับเขา?เจียเหยา “พี่ใหญ่อู้เลี่ยของข้า เป็นองค์ชายใหญ่ของเป่ยหวน เขาตายที่หุบเขามรณะ”“จากนั้นเล่า?” หยุนเจิงถามด้วยความไม่เข้าใจ “เจ้าบอกข้าเรื่องนี้ด้วยเหตุใด? หรือว่า เจ้าต้องการตำหนิข้า อยากบอกว่าจะใช้ม้าฉีกร่างข้า แก้แค้นแทนพี่ใหญ่ของเจ้า?”ตายก็คือตาย!พี่ชายของนางตายแล้ว พ่อตาและท่านลุงของเขาก็ตายเช่นกัน!เขายังไม่คิดบัญชีนางเลย!หืม?รอเดี๋ยว!พ่อตากับท่านลุง?หยุนเจิงสะดุ้ง ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นลั่วเยี่ยนจึงร้องไห้แล้วที่แท้ เสิ่นลั่วเหยาคงถามเจียเหยาว่าพวกพี่ชายและท่านพ่อตายในสนามรบเช่นไรนอกจากเรื่องนี้แล้ว ดูเหมือนไม่มีเรื่องใดทำให้เสิ่นลั่วเยียนร้องไห้ได้แล้วมิน่าเล่าเมี่ยวอินจึงส่งสัญญาณบอกให้เขาอย่าถาม!เห้อ!เดิมทีล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านไปนานหลายปีแล้ว เหตุใดจึงต้องถามอีกเล่า?ถามแล้ว มีแต่เสียใจยิ่งกว่าเดิมไม่ใช่หรือ?“ข้าไม่ได้น่าเบื่อเช่นนั้น”เจียเหยากล่าวเรียบๆ “บอกตามตรง ความสัมพันธ์ของข้ากับพี่ใหญ่ร่วมบิดาต่างมารดาไม่นับว่าดีนัก เขาตายในหุบเ
เจียเหยาได้ฟัง ก็ยิ้มแห้งอย่างจนปัญญานางคิดจะส่งคนไปขุดทว่า เป็นไปไม่ค่อยได้เรื่องฟ้าลงทัณฑ์ แพร่กระจายอย่างกว้างขวางในเป่ยหวน พวกเขาส่งคนไปขุด ก็ไม่มีผู้ใดกล้าไปอีกทั้ง นางเองก็กลัวที่จะส่งคนเข้าไปขุดศพแล้วพบกับการจู่โจมของหยุนเจิงหากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ยอมเสียดีกว่านิ่งเงียบไปชั่วครู่ เจียเหยายิ้มแห้งกล่าว “เรื่องนี้ ไม่มีที่ให้เจรจาต่อรองแล้ว?”“ไม่มี!”คำตอบของหยุนเจิงหนักแน่นเด็ดขาด“ก็ได้!”เจียเหยาถอนหายใจอย่างจนปัญญา ไม่กล่าวสิ่งใดอีก“เจ้าพักผ่อนเถอะ!”หยุนเจิงเหลือบมองเจียเหยา จากนั้นก็มองเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอิน “พวกเจ้าก็ควรกลับห้องได้แล้ว”ทั้งสองสาวพยักหน้า ลุกขึ้นยืนเงียบๆไม่นาน พวกเขาก็ออกจากห้องเจียเหยากลับห้องของตัวเองหยุนเจิงไม่รู้ควรปลอบเสิ่นลั่วเยี่ยนเช่นไร ทำได้เพียงกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว อย่าเศร้าเลย ช้าเร็วข้าจะช่วยเจ้าจับประมุขเป่ยหวน มอบให้เจ้าลงโทษ...”“อื้ม! ข้าเชื่อเจ้า!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าหนักๆ จากนั้นก็ช้อนดวงตาแดงกล่ำ “เจ้านำศพของอู้เลี่ยแลกเปลี่ยนกับเจียเหยาเถอะ ข้าไม่มีความเห็น แม้ข้าอยากแก้แค้
“น้องชาย องค์หญิงเป่ยหวนคงไม่ได้ถูกใจเจ้ากระมัง?”มองเจียเหยาจากไปไกล ฉินชีหู่อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้ามาหาหยุนเจิง จากนั้นก็ด้วยสีหน้าใคร่รู้“นางถูกใจข้าจริง”หยุนเจิงยักไหล่ จากนั้นก็หัวเราะ “นางอยากจับข้าไปเป่ยหวน ทรมารข้าทุกวัน ให้ข้าร้องขอความตายมากกว่ามีชีวิต...”“ใครใช้ให้ท่านทำให้พวกเขาต้องทิ้งสามเมืองชายแดนเล่า?”ฉินชีหู่หัวเราะอย่างไร้ปราณี จากนั้นก็หัวหน้ามองเหล่าเชลยศึกที่เพิ่งส่งกลับมา และโตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าทุกคนโง่เขลาแล้วกระมั้ง? ยังไม่ขอบคุณท่านอ๋องที่แลกเปลี่ยนพวกเจ้ากลับมาอีก?”“ขอบพระทัยท่านอ๋อง!”ทุกคนเมื่อได้สติกลับมา ก็พากันโค้งคำนับของคุณหยุนเจิงในใจพวกเขารู้ดี หากหยุนเจิงไม่แลกเปลี่ยนพวกเขากลับมา พวกเขาทำได้เพียงเป็นวัวเป็นม้าเพื่อเป่ยหวนแล้ว“พอแล้ว พอแล้ว...”หยุนเจิงโบกมือกล่าว “กลับไปกินอะไรสักหน่อย ดูพวกเจ้าแต่ละคนสิ ผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว”กล่าวจบ หยุนเจิงทักทายทุกคนก่อนจะถอยออกจากเมืองกู้“ท่านอ๋อง พวกเราจะเดินทัพเข้าชายแดนชิงและเว่ยได้เมื่อใด?”เวลานี้เอง ตู๋กูเช่อถามหยุนเจิงด้วยสีหน้าตื่นเต้น“รออีกสักสองวันเถอะ!”หยุนเจิงตอบ “ให
ความจริง เจียเหยาไม่ได้โทษปานปู้แม้เรื่องนั้นจะเกิดขึ้นเพราะมีดทองของปานปู้ แต่ตัวปานปู้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องมากนักปานปู้เสียมีดให้กับหยุนเจิง เขาไม่สามารถป่าวประกาศบอกกับทุกคนได้กล่าวได้แค่ว่า หยุนเจิงเจ้าเล่ห์มาก นึกไม่ถึงว่าจะใช้มีดทองของปานปู้เคลื่อนทัพของพวกเขาแล้วก็ต้องโทษนางที่ระแวงเกินไป ไม่ส่งคนไปยึดหุบผาชันช่องลมเอาไว้หากนางส่งคนไปยึดหุบผาชันช่องลมก่อน หยุนเจิงไม่มีโอกาสใช้ประโยชน์จากมีดทองของปานปู้มาทำลายพวกเขาได้ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ เจียเหยาเพิ่มความเร็วอย่างไม่รู้ตัวยังดี!นางได้โสมอายุหนึ่งร้อยปีรากนึงจากหยุนเจิงกลับมาด้วยหวังว่า โสมรากนี้จะทำให้อาจารย์หายในเร็ววัน!ควบม้าอย่างบ้าคลั่งตลอดทาง ในที่สุดเจียเหยาก็มาถึงชายแดนเว่ยก่อนฟ้ามืดเจียเหยาไม่สนใจที่จะพักผ่อน สิ่งแรกที่ทำคือไปห้องของปานปู้สิบกว่าวันไม่ได้พบเจอ สีหน้าของปานปู้แย่ลงกว่าเดิมปานปู้สีหน้าซีดขาว แทบไม่มีเลือดฝาดปานปู้ในเวลานี้ ไม่เห็นท่าทางมีชีวิตชีวาดั่งอดีตอีกต่อไป เหมือนกับคนชราใกล้ถึงฝั่งคนหนึ่ง“อาจารย์!”เจียเหยาขอบตาแดง นั่งลงข้างเตียงของปานปู้ช้าๆปานปู้ฝืนลุกขึ้นอ
ความผิดปกติกะทันหันของปานปู้ทำให้เจียเหยาตกใจกลัว“อาจารย์!”เจียเหยาอุทานด้วยความตกใจ จากนั้นก็ร้องตะโกนออกไปข้างนอก “เร็ว เรียกหมอ!”ปานปู้โบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง กล่าวด้วยสีหน้าโศกเศร้า “องค์หญิง ท่าน...ท่านถูกหยุนเจิงหลอกแล้ว!”“อะไรนะ?” เจียเหยาไม่อยากเชื่อปานปู้ส่ายหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง กล่าวด้วยลมหายใจโรยริน “นี่...นี่ไม่ใช่โสม! สิ่งนี้คือจางหลิว! นี่คือ...จางหลิวที่มีพิษร้ายแรง...”ปานปู้กล่าวจบ ก็ทนไม่ไหวไอออกมาการค้า...จางหลิว?มีพิษมาก?เจียเหยามองปานปู้ด้วยความมึนงงนี่...เห็นชัดๆ ว่านี่คือโสมคน!เหตุใด...เหตุใดกลายเป็นจางหลิวแล้ว?หรือว่าอาจารย์ป่วยหนัก ตาลายแล้ว?ไม่นาน องครักษ์ด้านนอกพาท่านหมอเข้ามาเจียเหยาถามท่านหมอเป็นสิ่งแรกว่าที่จริงแล้วสิ่งนี้เป็นโสมคือหรือว่าจางหลิวท่านหมอกล่าวอย่างหนักแน่น “นี่คือจางหลิว สิ่งนี้แม้จะหน้าตาเหมือนกับโสมมาก ทว่ามีพิษร้ายแรง...”ตูม!เจียเหยารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงระเบิดในหัวจางหลิว!นี่เป็นจางหลิวจริงด้วย!นางต่อให้ระวังเพียงใด สุดท้าย ก็ยังคงถูกหยุนเจิงหลอกแล้ว?ม้าศึกหนึ่งพันกว่าตัว สำหรับเป่ยหวนแล้ว ไม่นั
กล่าวจบ เจียเหยารีบส่งจดหมายให้ปานปู้เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย ปานปู้ดีใจ ใบหน้าซีดขาวพลันมีสีเลือดขึ้นมาแล้วทว่า ไม่นานปานปู้ก็สงบลงพวกเขาเสียเคยเปรียบต้าเฉียนมากมายเกินไป!พวกเขาลอบโจมตีหลายครั้ง ล้วนเจ็บหนักทุกครั้งหากนี่เป็นแผนทรยศของต้าเฉียน พวกเขาต้องเผชิญกับความสูญเสียใหญ่อีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัยปานปู้ไม่สนใจความเจ็บป่วยของร่างกาย ขบคิดอย่างขยันขันแข็งหากนี่เป็นความจริง ไม่ต้องสงสัยเลย เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะได้รับกำไรมากสุดตั้งแต่เริ่มเปิดสงครามมาที่สำคัญคือ หยุนเจิงที่พวกเขาเกลียดที่สุดอยู่ที่ชายแดนกู้!“อาจารย์ ท่านคิดว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือว่ากับดัก?”เจียเหยาไม่สนใจความเจ็บปวดของปานปู้เช่นกัน เรื่องนี้ นางจำเป็นต้องถามความเห็นของปานปู้ปานปู้ติดต่อกับชาวต้าเฉียนมานานหลายปี รู้จักชาวต้าเฉียนดีกว่านางปานปู้หลับตา คิดเงียบๆ สุดท้ายก็พลันลืมตาขึ้น “อย่างน้อยก็มีความเป็นไปได้หกส่วนว่าจะเป็นความจริง! ภายในกองทหารมณฑลทางเหนือ มีความคิดจะเอาชีวิตหยุนเจิง!”“เรื่องนี้ข้ารู้”เจียเหยาพยักหน้า ทว่ากลับขมวดคิ้วแน่น “แต่พวกเขากล้าเกินไปแล้วกระมัง? พวกเขาโหดร้ายกับ