สิ้นเสียงหยุนเจิง ใบหน้าทุกคนกระตุกอย่างแรง หยุนลี่แทบจะลุกขึ้นมาอ้าปากก่นด่า“ฮ่าๆๆ”รอจนกระทั่งได้สติกลับมา ทุกคนอดไม่ได้หัวเราะลั่นออกมานึกไม่ถึงว่าองค์ชายหกจะซุกซนอย่างนี้!เตะจุดสำคัญของหยุนลี่ครั้งเดียวไม่พอ ยังอยากมีครั้งที่สอง?อีกทั้งยังขออนุญาตจากจักรพรรดิเหวินด้วย?นี่กำลังล้อเล่นอยู่ไม่ใช่หรืออย่างไร?เมื่อได้ยินทุกคนหัวเราะ หยุนเจิงกลับกล่าวสิ่งใดไม่ออกเขาเข้าใจดีว่าจักรพรรดิเหวินทรงคิดจะแก้ไขความขัดแย้งระหว่างเขาและหยุนลี่จึงรับสั่งให้ตบหยุนลี่สักสองครั้ง ความหมายแฝงก็คือ ความแค้นของพวกเขา ให้สิ้นสุดเพียงเท่านี้!หากตบหน้าหยุนลี่สักสองครั้งจริง เกรงว่าจะไม่เป็นเช่นนี้แล้ว“แค่กๆๆ”จักรพรรดิเหวินขบขันกับคำพูดของหยุนเจิง หลังจากทรงกระแอมเพื่อแก้เขินแล้ว พระองค์ส่ายหน้า “เช่นนั้นก็ช่างเถอะ พี่สามเจ้าคงทนความทรมานจากเจ้าไม่ไหวหรอก”หลังจากทรงครุ่นคิดชั่วครู่ จักรพรรดิเหวินตรัสขึ้น “เอาอย่างนี้ ตอนเจ้าแต่งงาน ก็ให้พี่สามเจ้าเตรียมของขวัญให้เจ้า! หากของขวัญไม่สมบูรณ์มากพอ ข้าจะตบหน้าเขาสองครั้งแทนเจ้าเอง!”กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินถอนพระทัยยาวมองหยุนลี่หยุนลี่
จักรพรรดิเหวินเดาคำพูดช่วงหลังของหยุนเจิงออกจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอพระทัยนัก “เจ้าเนี่ยนะ ขอสิ่งใดไม่มีสิ่งนั้น หากเจ้าก่อกบฏได้สำเร็จจริงๆ ล่ะก็ แม้นข้าจะกลับคืนสู่สวรรค์แล้ว ก็จะคลานออกมาจากหลุมมาร่วมยินดีกับเจ้า!”“…”หยุนเจิงหมดคำพูดเขาพูดขนาดนี้แล้ว ตนก็ต้องก่อกบฏให้สำเร็จก่อนที่เขาจะสิ้นลมหายใจน่ะสิ?จะให้เขาคลานออกมาจากหลุมมาร่วมยินดีให้กับตนก็ออกจะโหดร้ายไปหน่อย“เอาเถอะ จัดการเองก็แล้วกัน!”จักรพรรดิเหวินจ้องเขาเขม็ง “ต่อหน้าขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนทั้งราชสำนักวันนี้ ข้าจะอนุญาตเจ้าเรื่องหนึ่ง! ต่อไปนอกจากข้าแล้ว หากผู้ใดกล้ากล่าวหาว่าเจ้าคิดก่อกบฏอีก เจ้าทุบมันได้เลย! ใครที่ไม่พอใจให้มาหาข้า!”ให้ตายยังมีเรื่องดีๆ เช่นนี้ด้วยหรือ?หยุนเจิงแม้ฝันยังไม่คิดว่าจะได้รับผลประโยชน์เช่นนี้ เขาจึงเอ่ยขอบพระทัยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจให้ตายเถอะ!ต่อไปหากไม่ขอบขี้หน้าใคร ก็หาเรื่องให้เขากล่าวหาตนว่าคิดก่อบกฏจากนั้นค่อยทุบตีเขาให้สะใจ!นี่มันกระบี่อาญาสิทธิ์เชียวนะนั่น!หลังจากที่ได้ยินวาจาของจักรพรรดิเหวินแล้ว เหล่าขุนนางต่างก็หัวเราะขมขื่นอยู่ในใจต่อไปใครที่
ทันทีที่กลับถึงเรือน หยุนเจิงก็ได้รับข่าวดีทันใดตู้กุยหยวนมาหาพร้อมกับสหายพี่น้องอีกสองคนจั่วเริ่นและอวี๋ซื่อจงทั้งสองคนล้วนแต่เคยเป็นคนของกองทหารโลหิต และเป็นสองในสิบกว่าคนในกองทหารโลหิตที่ยังถือว่าครบองค์ประกอบอยู่ได้ยินว่าตู้กุยหยวนจะเดินทางไปยังซั่วเป่ยอีกครั้ง ทั้งสองจึงตัดสินใจตามมาด้วยสำหรับการเข้าร่วมของทั้งสองนั้น หยุนเจิงยินดีมากอยู่แล้วมารดามันเถอะ นี่ล้วนแต่เป็นกองทัพเดิมของตนเลยนะ!“ในเมื่อมาแล้ว ก็อยู่ต่อเถอะ!”หยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ แล้วเอ่ยถามว่า “ใช่สิ ฝีมือของพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? หรือว่าพวกเจ้าสองคนลองประลองกับเกาเหอและโจวมี่ดู?”“ตามใจองค์ชาย”ทั้งสองไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเกาเหอและโจวมี่สบตากันแวบหนึ่ง แล้วยิ้มขมขื่นในใจภายใต้คำขอของหยุนเจิง ทั้งสี่คนจึงเริ่มการประลองง่ายๆ ขึ้นผลคือ เกาเหอและโจวมี่แพ้ราบคาบ“เยี่ยมจริงๆ!”หยุนเจิงพลางปรบมือพลางเอ่ยยิ้มแย้มว่า “วันนี้ข้าทำให้ราชครูของเป่ยหวนไม่พอใจ อวี้กั๋วกงยังเตือนข้าให้ระวังเป่ยหวนจะส่งคนมาลอบสังหารข้า เอาเช่นนี้ ต่อไปหากข้าออกไปไหน พวกเจ้าสองคนก็ไปพร้อมข้าแล้วกัน!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ทั้งสอง
ต่อจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเกาเหอแล้วเขากำลังบังคับให้เกาเหอเลือกระหว่างเขากับจักรพรรดิเหวิน!หยุนเจิงยิ้มฮี่ๆ แล้วเอ่ยหยอกล้อว่า “ต่อหน้าพ่อบ้านเมื่อครู่นี้ เจ้าแสดงได้ไม่เลวเลยนะ”“องค์ชายเองก็ไม่แย่นะเพคะ!” เยี่ยจื่อหัวเราะคิกคักแท้จริงแล้ว พวกเขาเจรจาเรื่องนี้กันตั้งนานแล้วขายของขวัญให้หมด เพื่อป้องกันการถูกสงสัยให้เยี่ยจื่อใช้เหตุผลที่เข้าใจความหมายของหยุนเจิงผิดมาเป็นฉากบังหน้าขายของขวัญให้หมด เช่นนี้จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติยิ่งกว่าถึงแม้ผู้อื่นจะสงสัยว่าเยี่ยจื่อจงใจขายของให้หมด ก็จะคิดเพียงว่าเยี่ยจื่อจงใจรังแกหยุนเจิง เพื่อแก้แค้นความไม่ยุติธรรมให้กับเสิ่นลั่วเยี่ยนหยุนเจิงยิ้มแย้ม แล้วเอ่ยทอดถอนใจว่า “หากเสด็จพ่อพระราชทานเจ้าให้สมรสกับข้าก็คงดี”เทียบกับเสิ่นลั่วเยี่ยนที่เหี้ยมหาญและโอหังแล้ว เขาชอบภรรยาที่ฉลาดปราดเปรื่องอย่างเยี่ยจื่อมากกว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิงแล้ว ใบหน้าของเยี่ยจื่อพลันแดงก่ำ แล้วเอ่ยอย่างโมโหว่า “องค์ชายอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าเป็นหญิงหม้ายครองตัวโสดมาหลายปี หากคำพูดของท่านแพร่ออกไป ข้าก็ไม่ต้องเป็นคนแล้ว”“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ”หยุนเ
หลังสำรับเที่ยง เกาเหอใช้โอกาสที่พ่อบ้านออกไปทำธุระดึงตัวหยุนเจิงมาข้างๆ“องค์ชาย ประเดี๋ยวท่านบอกกับผู้อื่นว่าท่านซื้อร้านตีเหล็กนั่นมาเพื่อมอบให้กับผู้บัญชาการตู้นะพ่ะย่ะค่ะ”เกาเหอกวาดมองรอบๆ ทั่วสารทิศ แล้วเอ่ยจริงจังต่อหยุนเจิง“ทำไมล่ะ?”หยุนเจิงแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ “แต่นั่นข้าซื้อมาใช้เองนะ”“องค์ชาย!”เกาเหอเป็นกังวล “ท่านซื้อร้านตีเหล็กเอง แต่กลับซื้อในนามของผู้บัญชาการตู้ หากเรื่องนี้แพร่ไปถึงหูฝ่าบาทล่ะก็ ฝ่าบาทต้องทรงคิดว่าท่านมีใจคิดก่อกบฏเป็นแน่!”“เป็นไปไม่ได้”หยุนเจิงส่ายศีรษะหัวเราะ “เสด็จพ่อไม่มีทางเชื่อคำพูดเช่นนี้แน่ ข้าจะคิดก่อกบฏได้อย่างไรกัน!”“องค์ชาย! หัวใจกษัตริย์คาดเดายาก!” เกาเหอพูดกล่อมสุดชีวิต“นั้นหรือ?”หยุนเจิงยกมุมปากขึ้น ในที่สุดก็เอ่ยถาม “เจ้าเป็นคนของเสด็จพ่อที่มาสอดส่องข้าใช่ไหม?”เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง เปลือกตาของเกาเหอพลันกระตุกขึ้นมาหลังจากรวบรวมสติได้ เกาเหอถึงรีบส่ายศีรษะปฏิเสธ“ไม่เพียงแต่เจ้า รวมถึงพ่อบ้านด้วยใช่ไหมล่ะ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนเจิงดูเบ่งบานกว่าปกติ “แท้จริงแล้ว เรื่องคดียักยอกเงินบำนาญนั่น ข้าไ
“…”หยุนเจิงหมดคำจะพูดพลางมองจางฮว๋ายด้วยสีหน้ายิ้มและร้องไห้ในเวลาเดียวกันตาเฒ่านี่เป็นตาเฒ่ามีความรู้จริงๆ ด้วย!เพียงแค่เรื่องนี้ถึงกับอาหารไม่ย่อยเชียวหรือ?“เอาอย่างไร เราไปคุยกันที่ห้องหนังสือกันดีกว่า!”หยุนเจิงยิ้มแย้ม “รอให้เราคิดเลขเสร็จ ก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว”“ไวเพียงนั้นเชียว?”จางฮว๋ายตะลึงงัน“ไม่ยากอยู่แล้ว”หยุนเจิงยิ้มๆ“ดีๆ เช่นนั้นเรารีบไปที่ห้องหนังสือกันดีกว่า!”จางฮว๋ายดีใจขีดสุด รีบลากตัวหยุนเจิงไปที่ห้องหนังสือทันทีเสมือนกลัวว่าหยุนเจิงจะหนีอย่างไรอย่างนั้นหยุนเจิงเห็นดังนั้น จึงแอบหัวเราะอยู่ในใจหากตาเฒ่าผู้นี้อยู่ในยุคปัจจุบันล่ะก็ คงเป็นศาสตราจารย์ที่หมกมุ่นอยู่กับความรู้วิชาการอย่างเดียวเป็นแน่ตาเฒ่าคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ความรู้ก็มีถมเถ เพียงแต่เป็นคนอวดรู้ไปหน่อยเขาเองก็เป็นหนึ่งในฝ่ายสันติด้วยเช่นกันเมื่อมาถึงห้องหนังสือ หยุนเจิงก็เริ่มสอนจางฮว๋ายคิดเลขทันทีหลักๆ แล้วสิ่งที่ค่อนข้างยาก ก็มีเพียงตารางสูตรคูณกับตัวทดเท่านั้นโชคดีที่ตาเฒ่าคนนี้ถึงแม้จะเป็นคนอวดรู้ แต่ก็มีวิธีการศึกษาหาความรู้ เขาใช้เวลาไปเพียงสามสิบนาที ก็เข้าใจประ
เสิ่นลั่วเยี่ยนมึนงงเรื่องบ้าอะไรกัน?ฝ่าบาททรงอนุญาตเองว่านอกจากฝ่าบาทแล้ว ใครที่กล่าวหาว่าเขาเป็นกบฏให้เขาทุบตีได้เลย?อะไรกัน?ไม่รอให้เสิ่นลั่วเยี่ยนได้สติ จางฮว๋ายก็หัวเราะเหอะๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ส่วนเรื่องร้านตีเหล็ก องค์ชายเองก็ทูลฝ่าบาทในที่ว่าราชกิจวันนี้แล้ว พระชายาองค์ชายหกอย่าทำให้ตนเองกลัวเลย…”หา?เสิ่นลั่วเยี่ยนตะลึงแม้แต่เรื่องนี้ เขาก็บอกเสด็จพ่อเขาแล้วนั้นหรือ?เช่นนั้น ก็เป็นตนที่คิดมากไปจริงๆ น่ะสิ?“จางเก๋อเหล่า ท่านคงไม่ปดข้าหรอกกระมัง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองจางฮว๋ายอย่างสงสัย“นี่มันคำพูดอะไรกัน!”จางฮว๋ายราวกับถูกเหยียดหยาม “ข้าเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอด เคยพูดปดที่ไหนกัน? เรื่องนี้ผู้คนทั้งราชสำนักต่างก็รู้เห็นกันหมด พระชายาองค์ชายหกส่งคนไปสืบดูก็รู้แล้ว”“ข้า…”อารมณ์ร้อนของเสิ่นลั่วเยี่ยนจางลง “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อจางเก๋อเหล่า เพียงแต่ว่า…”“ช่างมันเถอะๆ!”หยุนเจิงโบกมือ “จางเก๋อเหล่า อย่าเพิ่งสนใจนางเลย ท่านคิดล่วงหน้าไปถึงยี่สิบวันแล้ว อย่าถูกนางรบกวนเลย เราไปคิดเลขต่อกันดีกว่า!”จางฮว๋ายได้สติพลันพยักหน้าหงึกๆ “จริงด้วย! อย่าขัดเวลาสำคัญของเราดีกว่า
แม้แต่เยี่ยจื่อที่รู้เรื่องอยู่บ้างแล้วได้ยินยังตะลึงงัน นับประสาอะไรกับเสิ่นลั่วเยี่ยนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยแรกเริ่มยังมีเพียงเสิ่นลั่วเยี่ยนกับเยี่ยจื่อเท่านั้นที่ฟังอยู่ทว่าพอช่วงหลัง แม้แต่ตู้กุยหยวนคนเหล่านั้นยังวิ่งเข้ามาฟังด้วย เมื่อได้ยินว่าหยุนเจิงต่อกรกับราชครูแห่งแคว้นเป่ยหวนอย่างใจกล้า แล้วทำให้ต้าเฉียนชนะม้าศึกหมื่นตัวมาได้นั้น ฝูงชยต่างก็ปรบมือสะใจทั้งช่วงเวลาที่รับอาหารมีเพียงตาเฒ่าคนเดียวที่พูดอยู่หยุนเจิงอดถอนใจไม่ได้ ตาเฒ่าคนนี้ไม่ไปเป็นนักเล่าเรื่องเสียดายความสามารถแทนจริงๆหลังจากรับอาหารกันเสร็จ หยุนเจิงขอให้จางฮว๋ายอยู่ดื่มชารอ ส่วนเขาวิ่งไปที่ห้องหนังสือแล้วเขียนวิธีคิดเลขรวมถึงตารางสูตรคูณทั้งหมดมอบให้จางฮว๋ายวอนให้เขานำไปถวายแก่จักรพรรดิเหวินพรุ่งนี้เช่นนี้ เขาจะได้ไม่ต้องเข้าวังอีกขณะที่จางฮว๋ายเดินออกไปพร้อมกับหนังสือเลขของต้าเฉียนแล้ว ฝูงชนก็ยังตกอยู่ในภาวะตกตะลึงอยู่ไม่หาย“เอาล่ะ พวกเจ้าไม่ต้องกินข้าวกันเลยใช่ไหม?”หยุนเจิงจ้องที่ตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ “รีบไปกินข้าวของพวกเจ้าไป”เมื่อถูกหยุนเจิงเรียกดึงสติ ฝูงชนถึงได้รู้ตัวแล้วรีบวิ่งไปกิ