สิ้นเสียงหยุนเจิง ใบหน้าทุกคนกระตุกอย่างแรง หยุนลี่แทบจะลุกขึ้นมาอ้าปากก่นด่า“ฮ่าๆๆ”รอจนกระทั่งได้สติกลับมา ทุกคนอดไม่ได้หัวเราะลั่นออกมานึกไม่ถึงว่าองค์ชายหกจะซุกซนอย่างนี้!เตะจุดสำคัญของหยุนลี่ครั้งเดียวไม่พอ ยังอยากมีครั้งที่สอง?อีกทั้งยังขออนุญาตจากจักรพรรดิเหวินด้วย?นี่กำลังล้อเล่นอยู่ไม่ใช่หรืออย่างไร?เมื่อได้ยินทุกคนหัวเราะ หยุนเจิงกลับกล่าวสิ่งใดไม่ออกเขาเข้าใจดีว่าจักรพรรดิเหวินทรงคิดจะแก้ไขความขัดแย้งระหว่างเขาและหยุนลี่จึงรับสั่งให้ตบหยุนลี่สักสองครั้ง ความหมายแฝงก็คือ ความแค้นของพวกเขา ให้สิ้นสุดเพียงเท่านี้!หากตบหน้าหยุนลี่สักสองครั้งจริง เกรงว่าจะไม่เป็นเช่นนี้แล้ว“แค่กๆๆ”จักรพรรดิเหวินขบขันกับคำพูดของหยุนเจิง หลังจากทรงกระแอมเพื่อแก้เขินแล้ว พระองค์ส่ายหน้า “เช่นนั้นก็ช่างเถอะ พี่สามเจ้าคงทนความทรมานจากเจ้าไม่ไหวหรอก”หลังจากทรงครุ่นคิดชั่วครู่ จักรพรรดิเหวินตรัสขึ้น “เอาอย่างนี้ ตอนเจ้าแต่งงาน ก็ให้พี่สามเจ้าเตรียมของขวัญให้เจ้า! หากของขวัญไม่สมบูรณ์มากพอ ข้าจะตบหน้าเขาสองครั้งแทนเจ้าเอง!”กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินถอนพระทัยยาวมองหยุนลี่หยุนลี่
จักรพรรดิเหวินเดาคำพูดช่วงหลังของหยุนเจิงออกจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอพระทัยนัก “เจ้าเนี่ยนะ ขอสิ่งใดไม่มีสิ่งนั้น หากเจ้าก่อกบฏได้สำเร็จจริงๆ ล่ะก็ แม้นข้าจะกลับคืนสู่สวรรค์แล้ว ก็จะคลานออกมาจากหลุมมาร่วมยินดีกับเจ้า!”“…”หยุนเจิงหมดคำพูดเขาพูดขนาดนี้แล้ว ตนก็ต้องก่อกบฏให้สำเร็จก่อนที่เขาจะสิ้นลมหายใจน่ะสิ?จะให้เขาคลานออกมาจากหลุมมาร่วมยินดีให้กับตนก็ออกจะโหดร้ายไปหน่อย“เอาเถอะ จัดการเองก็แล้วกัน!”จักรพรรดิเหวินจ้องเขาเขม็ง “ต่อหน้าขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนทั้งราชสำนักวันนี้ ข้าจะอนุญาตเจ้าเรื่องหนึ่ง! ต่อไปนอกจากข้าแล้ว หากผู้ใดกล้ากล่าวหาว่าเจ้าคิดก่อกบฏอีก เจ้าทุบมันได้เลย! ใครที่ไม่พอใจให้มาหาข้า!”ให้ตายยังมีเรื่องดีๆ เช่นนี้ด้วยหรือ?หยุนเจิงแม้ฝันยังไม่คิดว่าจะได้รับผลประโยชน์เช่นนี้ เขาจึงเอ่ยขอบพระทัยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจให้ตายเถอะ!ต่อไปหากไม่ขอบขี้หน้าใคร ก็หาเรื่องให้เขากล่าวหาตนว่าคิดก่อบกฏจากนั้นค่อยทุบตีเขาให้สะใจ!นี่มันกระบี่อาญาสิทธิ์เชียวนะนั่น!หลังจากที่ได้ยินวาจาของจักรพรรดิเหวินแล้ว เหล่าขุนนางต่างก็หัวเราะขมขื่นอยู่ในใจต่อไปใครที่
ทันทีที่กลับถึงเรือน หยุนเจิงก็ได้รับข่าวดีทันใดตู้กุยหยวนมาหาพร้อมกับสหายพี่น้องอีกสองคนจั่วเริ่นและอวี๋ซื่อจงทั้งสองคนล้วนแต่เคยเป็นคนของกองทหารโลหิต และเป็นสองในสิบกว่าคนในกองทหารโลหิตที่ยังถือว่าครบองค์ประกอบอยู่ได้ยินว่าตู้กุยหยวนจะเดินทางไปยังซั่วเป่ยอีกครั้ง ทั้งสองจึงตัดสินใจตามมาด้วยสำหรับการเข้าร่วมของทั้งสองนั้น หยุนเจิงยินดีมากอยู่แล้วมารดามันเถอะ นี่ล้วนแต่เป็นกองทัพเดิมของตนเลยนะ!“ในเมื่อมาแล้ว ก็อยู่ต่อเถอะ!”หยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ แล้วเอ่ยถามว่า “ใช่สิ ฝีมือของพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? หรือว่าพวกเจ้าสองคนลองประลองกับเกาเหอและโจวมี่ดู?”“ตามใจองค์ชาย”ทั้งสองไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเกาเหอและโจวมี่สบตากันแวบหนึ่ง แล้วยิ้มขมขื่นในใจภายใต้คำขอของหยุนเจิง ทั้งสี่คนจึงเริ่มการประลองง่ายๆ ขึ้นผลคือ เกาเหอและโจวมี่แพ้ราบคาบ“เยี่ยมจริงๆ!”หยุนเจิงพลางปรบมือพลางเอ่ยยิ้มแย้มว่า “วันนี้ข้าทำให้ราชครูของเป่ยหวนไม่พอใจ อวี้กั๋วกงยังเตือนข้าให้ระวังเป่ยหวนจะส่งคนมาลอบสังหารข้า เอาเช่นนี้ ต่อไปหากข้าออกไปไหน พวกเจ้าสองคนก็ไปพร้อมข้าแล้วกัน!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ทั้งสอง
ต่อจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเกาเหอแล้วเขากำลังบังคับให้เกาเหอเลือกระหว่างเขากับจักรพรรดิเหวิน!หยุนเจิงยิ้มฮี่ๆ แล้วเอ่ยหยอกล้อว่า “ต่อหน้าพ่อบ้านเมื่อครู่นี้ เจ้าแสดงได้ไม่เลวเลยนะ”“องค์ชายเองก็ไม่แย่นะเพคะ!” เยี่ยจื่อหัวเราะคิกคักแท้จริงแล้ว พวกเขาเจรจาเรื่องนี้กันตั้งนานแล้วขายของขวัญให้หมด เพื่อป้องกันการถูกสงสัยให้เยี่ยจื่อใช้เหตุผลที่เข้าใจความหมายของหยุนเจิงผิดมาเป็นฉากบังหน้าขายของขวัญให้หมด เช่นนี้จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติยิ่งกว่าถึงแม้ผู้อื่นจะสงสัยว่าเยี่ยจื่อจงใจขายของให้หมด ก็จะคิดเพียงว่าเยี่ยจื่อจงใจรังแกหยุนเจิง เพื่อแก้แค้นความไม่ยุติธรรมให้กับเสิ่นลั่วเยี่ยนหยุนเจิงยิ้มแย้ม แล้วเอ่ยทอดถอนใจว่า “หากเสด็จพ่อพระราชทานเจ้าให้สมรสกับข้าก็คงดี”เทียบกับเสิ่นลั่วเยี่ยนที่เหี้ยมหาญและโอหังแล้ว เขาชอบภรรยาที่ฉลาดปราดเปรื่องอย่างเยี่ยจื่อมากกว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิงแล้ว ใบหน้าของเยี่ยจื่อพลันแดงก่ำ แล้วเอ่ยอย่างโมโหว่า “องค์ชายอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าเป็นหญิงหม้ายครองตัวโสดมาหลายปี หากคำพูดของท่านแพร่ออกไป ข้าก็ไม่ต้องเป็นคนแล้ว”“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ”หยุนเ
หลังสำรับเที่ยง เกาเหอใช้โอกาสที่พ่อบ้านออกไปทำธุระดึงตัวหยุนเจิงมาข้างๆ“องค์ชาย ประเดี๋ยวท่านบอกกับผู้อื่นว่าท่านซื้อร้านตีเหล็กนั่นมาเพื่อมอบให้กับผู้บัญชาการตู้นะพ่ะย่ะค่ะ”เกาเหอกวาดมองรอบๆ ทั่วสารทิศ แล้วเอ่ยจริงจังต่อหยุนเจิง“ทำไมล่ะ?”หยุนเจิงแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ “แต่นั่นข้าซื้อมาใช้เองนะ”“องค์ชาย!”เกาเหอเป็นกังวล “ท่านซื้อร้านตีเหล็กเอง แต่กลับซื้อในนามของผู้บัญชาการตู้ หากเรื่องนี้แพร่ไปถึงหูฝ่าบาทล่ะก็ ฝ่าบาทต้องทรงคิดว่าท่านมีใจคิดก่อกบฏเป็นแน่!”“เป็นไปไม่ได้”หยุนเจิงส่ายศีรษะหัวเราะ “เสด็จพ่อไม่มีทางเชื่อคำพูดเช่นนี้แน่ ข้าจะคิดก่อกบฏได้อย่างไรกัน!”“องค์ชาย! หัวใจกษัตริย์คาดเดายาก!” เกาเหอพูดกล่อมสุดชีวิต“นั้นหรือ?”หยุนเจิงยกมุมปากขึ้น ในที่สุดก็เอ่ยถาม “เจ้าเป็นคนของเสด็จพ่อที่มาสอดส่องข้าใช่ไหม?”เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง เปลือกตาของเกาเหอพลันกระตุกขึ้นมาหลังจากรวบรวมสติได้ เกาเหอถึงรีบส่ายศีรษะปฏิเสธ“ไม่เพียงแต่เจ้า รวมถึงพ่อบ้านด้วยใช่ไหมล่ะ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนเจิงดูเบ่งบานกว่าปกติ “แท้จริงแล้ว เรื่องคดียักยอกเงินบำนาญนั่น ข้าไ
“…”หยุนเจิงหมดคำจะพูดพลางมองจางฮว๋ายด้วยสีหน้ายิ้มและร้องไห้ในเวลาเดียวกันตาเฒ่านี่เป็นตาเฒ่ามีความรู้จริงๆ ด้วย!เพียงแค่เรื่องนี้ถึงกับอาหารไม่ย่อยเชียวหรือ?“เอาอย่างไร เราไปคุยกันที่ห้องหนังสือกันดีกว่า!”หยุนเจิงยิ้มแย้ม “รอให้เราคิดเลขเสร็จ ก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว”“ไวเพียงนั้นเชียว?”จางฮว๋ายตะลึงงัน“ไม่ยากอยู่แล้ว”หยุนเจิงยิ้มๆ“ดีๆ เช่นนั้นเรารีบไปที่ห้องหนังสือกันดีกว่า!”จางฮว๋ายดีใจขีดสุด รีบลากตัวหยุนเจิงไปที่ห้องหนังสือทันทีเสมือนกลัวว่าหยุนเจิงจะหนีอย่างไรอย่างนั้นหยุนเจิงเห็นดังนั้น จึงแอบหัวเราะอยู่ในใจหากตาเฒ่าผู้นี้อยู่ในยุคปัจจุบันล่ะก็ คงเป็นศาสตราจารย์ที่หมกมุ่นอยู่กับความรู้วิชาการอย่างเดียวเป็นแน่ตาเฒ่าคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ความรู้ก็มีถมเถ เพียงแต่เป็นคนอวดรู้ไปหน่อยเขาเองก็เป็นหนึ่งในฝ่ายสันติด้วยเช่นกันเมื่อมาถึงห้องหนังสือ หยุนเจิงก็เริ่มสอนจางฮว๋ายคิดเลขทันทีหลักๆ แล้วสิ่งที่ค่อนข้างยาก ก็มีเพียงตารางสูตรคูณกับตัวทดเท่านั้นโชคดีที่ตาเฒ่าคนนี้ถึงแม้จะเป็นคนอวดรู้ แต่ก็มีวิธีการศึกษาหาความรู้ เขาใช้เวลาไปเพียงสามสิบนาที ก็เข้าใจประ
เสิ่นลั่วเยี่ยนมึนงงเรื่องบ้าอะไรกัน?ฝ่าบาททรงอนุญาตเองว่านอกจากฝ่าบาทแล้ว ใครที่กล่าวหาว่าเขาเป็นกบฏให้เขาทุบตีได้เลย?อะไรกัน?ไม่รอให้เสิ่นลั่วเยี่ยนได้สติ จางฮว๋ายก็หัวเราะเหอะๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ส่วนเรื่องร้านตีเหล็ก องค์ชายเองก็ทูลฝ่าบาทในที่ว่าราชกิจวันนี้แล้ว พระชายาองค์ชายหกอย่าทำให้ตนเองกลัวเลย…”หา?เสิ่นลั่วเยี่ยนตะลึงแม้แต่เรื่องนี้ เขาก็บอกเสด็จพ่อเขาแล้วนั้นหรือ?เช่นนั้น ก็เป็นตนที่คิดมากไปจริงๆ น่ะสิ?“จางเก๋อเหล่า ท่านคงไม่ปดข้าหรอกกระมัง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองจางฮว๋ายอย่างสงสัย“นี่มันคำพูดอะไรกัน!”จางฮว๋ายราวกับถูกเหยียดหยาม “ข้าเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอด เคยพูดปดที่ไหนกัน? เรื่องนี้ผู้คนทั้งราชสำนักต่างก็รู้เห็นกันหมด พระชายาองค์ชายหกส่งคนไปสืบดูก็รู้แล้ว”“ข้า…”อารมณ์ร้อนของเสิ่นลั่วเยี่ยนจางลง “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อจางเก๋อเหล่า เพียงแต่ว่า…”“ช่างมันเถอะๆ!”หยุนเจิงโบกมือ “จางเก๋อเหล่า อย่าเพิ่งสนใจนางเลย ท่านคิดล่วงหน้าไปถึงยี่สิบวันแล้ว อย่าถูกนางรบกวนเลย เราไปคิดเลขต่อกันดีกว่า!”จางฮว๋ายได้สติพลันพยักหน้าหงึกๆ “จริงด้วย! อย่าขัดเวลาสำคัญของเราดีกว่า
แม้แต่เยี่ยจื่อที่รู้เรื่องอยู่บ้างแล้วได้ยินยังตะลึงงัน นับประสาอะไรกับเสิ่นลั่วเยี่ยนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยแรกเริ่มยังมีเพียงเสิ่นลั่วเยี่ยนกับเยี่ยจื่อเท่านั้นที่ฟังอยู่ทว่าพอช่วงหลัง แม้แต่ตู้กุยหยวนคนเหล่านั้นยังวิ่งเข้ามาฟังด้วย เมื่อได้ยินว่าหยุนเจิงต่อกรกับราชครูแห่งแคว้นเป่ยหวนอย่างใจกล้า แล้วทำให้ต้าเฉียนชนะม้าศึกหมื่นตัวมาได้นั้น ฝูงชยต่างก็ปรบมือสะใจทั้งช่วงเวลาที่รับอาหารมีเพียงตาเฒ่าคนเดียวที่พูดอยู่หยุนเจิงอดถอนใจไม่ได้ ตาเฒ่าคนนี้ไม่ไปเป็นนักเล่าเรื่องเสียดายความสามารถแทนจริงๆหลังจากรับอาหารกันเสร็จ หยุนเจิงขอให้จางฮว๋ายอยู่ดื่มชารอ ส่วนเขาวิ่งไปที่ห้องหนังสือแล้วเขียนวิธีคิดเลขรวมถึงตารางสูตรคูณทั้งหมดมอบให้จางฮว๋ายวอนให้เขานำไปถวายแก่จักรพรรดิเหวินพรุ่งนี้เช่นนี้ เขาจะได้ไม่ต้องเข้าวังอีกขณะที่จางฮว๋ายเดินออกไปพร้อมกับหนังสือเลขของต้าเฉียนแล้ว ฝูงชนก็ยังตกอยู่ในภาวะตกตะลึงอยู่ไม่หาย“เอาล่ะ พวกเจ้าไม่ต้องกินข้าวกันเลยใช่ไหม?”หยุนเจิงจ้องที่ตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ “รีบไปกินข้าวของพวกเจ้าไป”เมื่อถูกหยุนเจิงเรียกดึงสติ ฝูงชนถึงได้รู้ตัวแล้วรีบวิ่งไปกิ
อย่าว่าแต่เจียเหยาเลย แม้แต่พวกเขาเองก็ยังรู้สึกว่าหยุนเจิงทำเกินไปการที่สามารถเอาชนะกุ่ยฟางได้ในครั้งนี้ เป่ยหวนมีส่วนสำคัญอย่างมากหากไม่มีเป่ยหวนช่วยดึงความสนใจ ในระหว่างที่พวกเขากำลังรบกับโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ กุ่ยฟางอาจโจมตีอวี่ซื่อจงจนแตกพ่าย หรืออาจลอบตีค่ายใหญ่ที่แย้นฮุ่ยซานจนตัดเส้นทางล่าถอยของพวกเขาโดยสิ้นเชิงในสถานการณ์เช่นนี้ ที่หยุนเจิงยังทำตัวเข้มงวดกับเป่ยหวน ถือว่าไร้น้ำใจอย่างมากที่เจียเหยาไม่ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที ก็ถือว่านางควบคุมตัวเองได้ดีแล้ว“เจ้าจะทำท่าขู่ใส่ข้าอีกแล้วใช่ไหม?”หยุนเจิงหรี่ตาลงเล็กน้อย มองเจียเหยาด้วยแววตาเตือน“ข้าจะกล้าได้อย่างไร!”เจียเหยาตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ท่านจิ้งเป่ยอ๋องไร้พ่าย หากข้ากล้าขู่ใส่ท่าน เป่ยหวนของข้าคงเต็มไปด้วยศพในไม่ช้า ข้ามีสิทธิ์ไปขู่ใส่ท่านหรือ?”“รู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว!”หยุนเจิงกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าชอบฟังข้าแค่ครึ่งๆ กลางๆ แล้วก็มาทำเสียงประชดประชันใส่ข้า เจ้าเป็นโรคหลงผิดว่าตัวเองถูกทำร้ายหรืออย่างไร?”เจียเหยาพยายามกลั้นความโกรธ พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ท่านจิ้งเป่ยอ๋องมีสิ่งใดจะพูดอีก
เจียเหยาและอวี่ซื่อจงรวมกันสามารถจับเชลยศึกได้ทั้งหมด 13,000 นายพวกเขายังสังหารทหารข้าศึกที่ดื้อดึงต่อสู้อีกประมาณ 3,000 นายเดิมทีพวกเขาต้องการจับเชลยเพิ่มอีก แต่เสบียงแห้งที่พวกเขานำมามีจำกัด จึงต้องแบ่งปันให้เชลยเพื่ออย่างน้อยพวกเขาจะมีแรงเดินทางดังนั้น แม้จะยังมีเชลยให้จับได้อีกมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ไล่ตามต่อเชลยที่พวกเขาจับได้เกือบทั้งหมดเป็นทหารราบที่ล้าหลังส่วนทหารม้าของข้าศึกนั้นหลบหนีได้รวดเร็วเกินไป พวกเขาไม่สามารถตามทัน“อืม ไม่เลว!”หยุนเจิงยิ้มอย่างพอใจ ก่อนถามต่อ “พวกเจ้าที่โจมตีหน่วยของมู่ลี่จวี มีความสูญเสียแค่ไหน?”อวี่ซื่อจงตอบ “หน่วยของเราสูญเสียไปกว่า 3,000 นาย และยังมีทหารบาดเจ็บเล็กน้อยอีกกว่า 1,000 นายที่เราปล่อยไว้ในพื้นที่เพื่อรักษาตัว พร้อมกับดูแลผู้บาดเจ็บสาหัส”“เราสูญเสียไปกว่า 5,000 นาย”เจียเหยารายงานต่อทันที “ในศึกครั้งก่อนเรามีผู้บาดเจ็บสาหัสหลายร้อยนายที่ไม่สามารถรอดชีวิตได้ ในศึกครั้งนี้คาดว่าจะมีทหารบาดเจ็บสาหัสที่รอดไม่ถึงครึ่ง และยังมี…”“พอแล้ว พอแล้ว! ไม่ต้องพูดละเอียดขนาดนั้น”หยุนเจิงขัดคำพูดของเจียเหยา แล้วถามต่อ “ในศึกครั้งนี้
จู่หลู่โค้งคำนับขอบคุณหยุนเจิงก่อน แล้วพูดอย่างลำบากใจว่า “กระหม่อมเข้าใจถึงความเมตตาของท่านอ๋อง แต่เสบียงอาหารสำหรับกองทัพสองหมื่นนายนี้ มันช่าง…”“ข้าได้เสบียงมาจากศึกครั้งนี้ จะจัดสรรให้พวกเจ้า”หยุนเจิงขัดคำพูดของจู่หลู่ ด้วยท่าทางที่ทรงอำนาจโดยไม่ต้องแสดงความโกรธ “เมื่อเจ้าจัดเตรียมกองทัพเสร็จแล้ว เจ้าจะยังขาดเสบียงอีกหรือ? หากเจ้าออกทัพช่วยรัฐมนตรี รัฐมนตรีได้เสบียงมา จะไม่มีส่วนของเจ้าได้อย่างไร?”ในตอนนี้ ทัวต๋าได้สิ้นชีวิตไปแล้วยังไม่ทราบว่าใครจะได้เป็นราชาองค์ใหม่ของกุ่ยฟางแต่ไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นราชาองค์ใหม่ของกุ่ยฟางก็ไม่มีพลังที่จะสู้รบต่อได้อีกแล้วหากราชาองค์ใหม่ของกุ่ยฟางฉลาด ก็ควรมาหาเขาเพื่อเจรจาสงบศึกหากกุ่ยฟางต้องการสงบศึก ก็ต้องยอมสละบางอย่างออกมาหากกุ่ยฟางไม่สงบศึก ก็ให้ทัวฮวนยกทัพไปโจมตีเองหากมีกองทัพเป่ยหมัวถัวของจู่หลู่ช่วยสนับสนุน การปราบปรามกุ่ยฟางที่ใกล้ตายก็เป็นเรื่องง่ายถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะสามารถใช้เสบียงที่ปล้นจากกุ่ยฟางมาเลี้ยงกองทัพของตัวเองได้เมื่อจู่หลู่รู้ว่าหยุนเจิงได้เตรียมการทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อย เขาก็กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ค
สองวันต่อมา จู่หลู่ที่ได้รับคำสั่งก็รีบควบม้าพร้อมกับองครักษ์ไม่กี่คนมาพบหยุนเจิงก่อนที่จู่หลู่จะมาถึง ทัวฮวนได้นำเชลยกุ่ยฟางจัดพิธีศพให้กับทัวต๋าน่าเสียดายที่สภาพอากาศในตอนนี้ไม่เอื้อให้สามารถนำร่างของทัวต๋ากลับไปฝังกุ่ยฟางได้สุดท้าย ทัวฮวนเป็นผู้นำในการสร้างโลงศพให้ทัวต๋าด้วยตัวเอง และฝังร่างเขาในพื้นที่นั้นการกระทำของทัวฮวนกลับช่วยให้หยุนเจิงได้รับความจงรักภักดีจากเชลยกุ่ยฟางกลุ่มใหญ่ซึ่งนี่เป็นผลลัพธ์ที่หยุนเจิงยินดีที่จะเห็นเมื่อจู่หลู่มาถึง หยุนเจิงก็พาทัวฮวนและเหมิงตัวจัดงานเลี้ยงในกระโจมใหญ่ชั่วคราวเพื่อต้อนรับเขาหลังจากแนะนำทัวฮวนและเหมิงตัวให้จู่หลู่รู้จัก หยุนเจิงก็เข้าสู่หัวข้อสำคัญทันที“กองทัพใหญ่ของกุ่ยฟางถูกเราทำลายทั้งหมดแล้ว! ข้าจำคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าได้ ข้าจะมอบดินแดนเฉวียนหรงให้อยู่ในปกครองของเจ้า…”“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”หยุนเจิงยังพูดไม่ทันจบ จู่หลู่ก็ลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้นและกล่าวขอบคุณ“ฟังข้าพูดให้จบก่อน!”หยุนเจิงยกมือหยุดจู่หลู่ ก่อนจะพูดต่อ “ทหารแห่งเป่ยหมัวถัวมีความกล้าหาญเพียงพอ แต่ไม่เข้าใจการรบ ข้าจะส่งรองผู้ช่วยสองคนไปช่วยเจ้าเตรี
เมื่อเห็นทั้งสองคน ทหารยามที่อยู่หน้ากระโจมรีบคำนับ“ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงโบกมือ แล้วพาเมี่ยวอินเข้าไปในกระโจมแม้ว่าทัวต๋าจะฟื้นสติได้สองสามวันแล้ว แต่สีหน้าของเขายังคงดูแย่มาก แทบไม่มีเลือดฝาด ดูเหมือนคนที่ใกล้สิ้นใจเต็มทีเมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ทัวต๋าถามอย่างแผ่วเบา “หยุน... หยุนเจิง?”นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกันแต่ทัวต๋าก็สามารถตัดสินได้ทันทีว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้คือจิ้งเป่ยอ๋อง หยุนเจิง“ใช่แล้ว!”หยุนเจิงพยักหน้า พร้อมจ้องทัวต๋าด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าคงได้ยินข่าวว่ากองทัพของเจ้าพ่ายแพ้ทั้งสายแล้วใช่หรือไม่? หากยังไม่ทราบ ข้าก็ยินดีบอกให้เจ้าฟัง”ทัวต๋ารู้ข่าวการพ่ายแพ้ของกองทัพแนวหน้าแล้วจริงๆอีกทั้ง ยังรู้ด้วยว่าพวกเขาพ่ายแพ้อย่างไรแม้ว่าเขาจะไม่เคยออกจากกระโจม แต่ก็ได้ยินทหารยามที่อยู่นอกกระโจมพูดถึงเรื่องนี้ไม่น้อย“เจ้าต้องการ…ให้ข้ายอมจำนนหรือ?”ทัวต๋าพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หายใจรัว พร้อมกับคาดเดาจุดประสงค์ของหยุนเจิงได้“ใช่แล้ว!”หยุนเจิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมกับเจ้า ตราบใดที่เจ้ายอมรับเงื่อนไขของข้า ข้าก็จะให้โอกาสเจ้าแ
เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนเจิงก็ได้รับข่าวว่าหวังชี่ฟื้นแล้ว“ดียิ่งนัก!”หยุนเจิงตะโกนด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบเรียกเมี่ยวอินว่า “เร็ว ไปดูหวังชี่กัน!”พูดจบ หยุนเจิงก็คว้ามือเมี่ยวอินแล้ววิ่งไปยังกระโจมที่หวังชี่อยู่โดยไม่รอคำตอบเมื่อพวกเขามาถึงกระโจม ด้านในก็เต็มไปด้วยผู้คนทั้งหมดเป็นทหารใต้บัญชาของหวังชี่“พอแล้ว พอแล้ว! ออกไปกันก่อนเถอะ ข้างในคนแน่นขนาดนี้ เหลวไหลเกินไปแล้ว?”หยุนเจิงไล่ทหารที่ล้อมอยู่ในกระโจมให้ออกไปทั้งหมด แล้วให้เมี่ยวอินจับชีพจรของหวังชี่เพื่อตรวจดูว่าอาการบาดเจ็บของเขาเริ่มคงที่แล้วหรือยังหวังชี่รู้สึกซาบซึ้งใจจนพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ขอบ…ขอบคุณฮูหยินเมี่ยว…”“พอแล้ว อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้!”เมี่ยวอินขัดหวังชี่ก่อนจะตั้งใจจับชีพจรของเขาต่อหยุนเจิงพยักหน้าให้หวังชี่เล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นไม่นาน เมี่ยวอินก็ปล่อยข้อมือของหวังชี่ พร้อมกับถอนหายใจโล่งอกก่อนจะพูดว่า “ชีวิตเจ้าถือว่ารอดมาได้แล้ว! แต่คราวนี้เจ้าบาดเจ็บหนักมาก คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัว”หวังชี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะกล่าวขอบคุณเมี่ยวอินอีกครั้ง “ขอบ…ขอบคุณฮูหยินเมี่ยวอิน…ที่ช่ว
หวังชี่ยังคงอยู่ในอาการหมดสติ และมีไข้สูงที่ไม่ลดลงเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าไข้ของหวังชี่เกิดจากร่างกายที่อ่อนแอเกินไป หรือเพราะบาดแผลติดเชื้อเมี่ยวอินเตรียมยาต้มให้คนคอยป้อนหวังชี่ แต่จนถึงตอนนี้ ไข้ของหวังชี่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะลดลงขณะที่หยุนเจิงเดินเข้ามาในกระโจม เมี่ยวอินก็กำลังตรวจอาการของหวังชี่อยู่“เป็นอย่างไรบ้าง?”หยุนเจิงถามด้วยความกังวล“ก็เหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขาแล้ว!”เมี่ยวอินลุกขึ้นด้วยความอ่อนใจ “หากไข้ของเขาลดลงได้ ก็น่าจะรอดชีวิตได้”สิ่งที่ทำได้ นางได้ทำไปหมดแล้วตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตจำนงในการมีชีวิตรอดของหวังชี่“เข้าใจแล้ว!”หยุนเจิงถอนหายใจเบาๆ “ไปเถิด ไปเดินเล่นข้างนอกกับข้าหน่อย”เมี่ยวอินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนถามว่า “ท่านไปดูทัวต๋ามาหรือยัง?”ทัวต๋าฟื้นสติแล้วแต่ร่างกายยังคงอ่อนแอมาก“ยังไม่ได้ไปเลย!”หยุนเจิงส่ายหน้าแล้วยิ้ม “ให้เขาฟื้นตัวก่อนเถิด ถ้าข้าไปคุยกับเขาแล้วเขาโมโหตายไป ข้าก็เสียเวลาพูดเปล่าๆ!”เมี่ยวอินชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ “นั่นสิ! ขนาดคนที่แข็งแรงยังแทบทนไม่ไหวกับเงื่อนไขของท่าน แล้วคนที่ใกล้ตายแบบเขายิ
ขณะที่หยุนเจิงได้รับข้อความตอบกลับจากเจียเหยา เขากำลังตรวจสอบรายงานการรบที่ตู๋กูเช่อส่งมาข้อความตอบกลับของเจียเหยานั้นเรียบง่ายมากมีเพียงสองคำรับทราบ!และไม่ได้เขียนเป็นรหัสลับเพียงสองคำนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้รหัสลับหยุนเจิงวางข้อความของเจียเหยาทิ้งไว้ข้างๆ และตรวจสอบรายงานการรบของตู๋กูเช่อต่อองค์ชายรองแห่งโฉวฉือ หยวนเว่ย นำกองกำลังป้องกันด่านเทียนฉงทิ้งป้อมหลบหนีในปัจจุบัน จั่วเริ่นได้นำทัพเข้าไปประจำการที่ด่านเทียนฉงแล้วแต่ผลลัพธ์จากการไล่ล่าโหลวอี้ของตู๋กูเช่อและพวกกลับไม่ดีนักแม้ว่านักรบภูตสิบแปดจะสามารถสร้างความขัดแย้งระหว่างกองทัพโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ได้สำเร็จ แต่กลับไม่ได้ทำให้เกิดความโกลาหลในวงกว้าง ทำให้ศัตรูสูญเสียกำลังเพียงสามพันกว่านายเท่านั้นขณะที่ตู๋กูเช่อนำทัพไล่ตาม โหลวอี้ได้นำกองกำลังถอนตัวไปยังพื้นที่ใกล้ชายแดนแคว้นต้าเย่ว์แล้วตู๋กูเช่อนำทัพโจมตี ทำลายศัตรูได้สองพันนาย และจับเชลยได้มากกว่าสี่พันคนกองกำลังใหญ่ของโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ถูกโหลวอี้พากลับเข้าไปในแคว้นต้าเย่ว์ตู๋กูเช่อกังวลเรื่องเสบียง จึงหยุดการไล่ล่า และหันไปควบคุมเชลยศึกกล
ขณะเดียวกัน ผู้เลี้ยงเหยี่ยวที่ได้รับข่าวสารก็ควบม้ามาอย่างรวดเร็ว“องค์หญิง! ข่าวจากฝั่งจิ้งเป่ยอ๋องมาถึงแล้ว!”ผู้เลี้ยงเหยี่ยวมาถึงเบื้องหน้าพวกเขา และส่งข้อความที่ได้รับมาอย่างรวดเร็วเจียเหยารับข้อความนั้น แล้วใช้ไฟจากไม้ขีดจุดกองหญ้าแห้งเล็กๆ เพื่อเริ่มถอดรหัสข้อความกองกำลังของเราสลายกองทัพศัตรูแล้ว ให้รีบมาจับเชลยทางตะวันตกของแม่น้ำหยางฉางข้อความของหยุนเจิงนั้นสั้นกระชับอย่างไรก็ตาม ขณะที่เจียเหยาอ่านข้อความ นางกลับนิ่งอึ้งไปเจียเหยาถูตาอย่างแรง ก่อนจะตรวจสอบข้อความอีกครั้งอย่างละเอียด กลัวว่าตนเองจะถอดรหัสผิดแต่ไม่ว่านางจะถอดรหัสอีกกี่ครั้ง เนื้อหาก็ยังเหมือนเดิมหยุนเจิงนำกองกำลังสลายทัพเจ็ดหมื่นของกุ่ยฟางได้แล้วหรือ?นี่…เป็นไปได้อย่างไร?กุ่ยฟางยังมีกองกำลังถึงเจ็ดหมื่นไม่ใช่หรือ!หยุนเจิงมีกำลังพลแค่หมื่นกว่านาย และในจำนวนนั้นมีทหารม้าเพียงห้าพันเท่านั้น!พวกเขายังไม่ทันโจมตี ยังไม่ได้สมทบกับหยุนเจิงเพื่อโจมตีศัตรู หยุนเจิงก็สลายกองทัพศัตรูได้แล้ว?นี่มันบ้าไปแล้ว!หยุนเจิงทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?ถึงแม้ขวัญกำลังใจของกุ่ยฟางจะตกต่ำ ก็ไม่น่าจะถูกทำลายลงได