ค่ายใหญ่กองทัพเส้นทางขวาเป่ยหวนเจียเหยาเมื่อได้รับข่าวจากหน่วยสอดแนมที่กลับมากองกำลังต้าเฉียนแนวติ้งเป่ยและเทียนหูมีความเคลื่อนไหวแล้ว!แต่กองทัพเสริมของติ้งเป่ยไม่มาก คาดว่ามีเพียงหนึ่งหมื่นคนเรื่องนี้ เจียเหยาไม่แปลกใจสักนิดเว่ยเหวินจงระมัดระวังเกินไป ย่อมต้องเหลือคนพอที่จะป้องกันติ้งเป่ย เพื่อป้องกันพวกเขาย้อนกลับไปโจมตีติ้งเป่ย แต่เว่ยเหวินจงนึกไม่ถึง พวกเขาไม่ได้สนใจติ้งเป่ยเลยสักนิด!นางไม่โง่พอที่จะนำทัพไปบุกโจมตีติ้งเป่ยที่กำแพงเมืองแน่นหนากองเสริมที่ส่งไปเทียนหูและป้อมเมืองจิ้งอันมากหน่อย ประมาณสองหมื่นคนบวกกับเดิมป้อมเมืองจิ้งอันน่าตะมีกองทัพสองหมื่นนาย จำนวนคนของต้าเฉียนกองทัพเส้นทางขวาของพวกเขาที่ไปจู่โจมน่าจะประมาณหกหมื่นคน!ทหารที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีหกหมื่นของต้าเฉียนต่อสู้กับนักรบชั่วคราวสามหมื่นคนของพวกเขา ต้องบอกว่า เว่ยเหวินจงระวังตัวมาก!เจียเหยาครุ่นคิด จากนั้นก็กล่าวกับปานปู้ “เว่ยเหวินจงน่าจะให้การจู่โจมหลอกล่อเป็นหลัก สั่งกองทัพเส้นทางซ้าย พยายามถ่วงเวลากองทัพศัตรู หากศัตรูโจมตีเป็นวงกว้าง ต่อสู้และล่าถอยทันที ขอแค่ทัพใหญ่แบ่งกำลังคนและม้ากลับ
หยวนเลี่ยได้รับคำสั่งจากคนที่เว่ยเหวินจงส่งมา บวกกับสถานะของเซียวว่านโฉวสำหรับเซียวว่านโฉวที่แย่งอำนาจทหารไปจากมือเขา เขานับว่าไม่พอใจ แต่ก็ทำได้เพียงอดทน“องค์ชายกับคุณชายเหลิ่งรู้จักกันได้เช่นไร?”เซียวว่านโฉวกำลังขี่ม้า จากนั้นก็ไถ่ถามคุณชายเหลิ่งจากหยุนเจิง“ตอนที่ข้าผ่านทางสุยโจวก็ได้รู้จักคุณชายเหลิ่ง...”หยุนเจิงใช้ทักษะของเขาอีกครั้ง เริ่มแต่งเรื่องขึ้นมาในเรื่องที่หยุนเจิงแต่ง ตอนที่ผ่านทางสุยโจว บังเอิญพบกับคุณชายเหลิ่งคุณเหลิ่งตั้งใจที่จะกำจัดกลุ่มโจรของจ้าวเฮยหู่ คือแผนดินที่สดใสให้กับชาวบ้านชาวมณฑลอู่หยางจากนั้น คุณชายเหลิ่วมาขอยืมทหารจากเขา ช่วยเขาวางแผนการ จึงสามารถทำลายกลุ่มโจรจ้าวเฮยหู่ได้เขาพบว่าคุณชายเหลิ่งฉลาดมากแผนการ จึงเชิญคุณชายเหลิ่งมายังซั่วเป่ยหลังจากที่เขาขอร้องอยู่หลายครั้ง คุณชายเหลิ่งรู้สึกขอบคุณความไว้วางใจที่มีต่อเขา ดังนั้นจึงตัดสินใจติดตามเขามาที่ซั่วเป่ยหลังจากนั้น คุณชายเหลิ่งก็อยู่ช่วยเขาคิดแผลกลยุทธภายในค่ายมาตลอด...เมื่อได้ฟังเรื่องราวของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะก่นด่าหยุนเจิงในใจอย่างบ้าคลั่งเจ้าสารเลวนี่โกหกเก่
“อวี๋ซื่อจง พรุ่งนี้เช้า เจ้านำทหารม้าสามพันไปใกล้บริเวณเป่ยหวนที่อยู่ทางใต้ของสุยหนิง จำไว้ ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนทัพเร็ว แต่ต้องรักษาพลังงานของม้าศึกเอาไว้! ส่งหน่วยลาดตระเวนไปวสำรวจข้างหน้ามากหน่อย เมื่อพบกันกองกำลังทหารม้าเป่ยหวน รีบถอยกลับทันทีด้วยความเร็วเต็มกำลัง!”“ขอรับ!”อวี๋ซื่อจงรับคำสั่ง“เฝิงอวี้ เจ้านำทหารสามพัน ประจำการอยู่ที่ป่าทางตอนใต้ห่างไปห้าลี้จากค่ายเรา รับผิดชอบเก็บฟืนแห้งในป่า ยิ่งเยอะยิ่งดี! เช้าวันถัดไปเจ้านำกองกำลังเร่งเดินทางกลับมา ข้ามีคำสั่งอื่น!”“ขอรับ!”เพื่อการต่อสู้ที่ดี หยุนเจิงเองก็ควักสมบัติของเขาออกมาเช่นกันทว่า คนของพวกเขาไม่สามารถหนึ่งคนขี่ม้าสองตัวได้ยังดีที่ทหารม้าของพวกเขาเป็นเพียงแค่ตัวล่อเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการต่อสู้ศึกใหญ่กับกองทัพเป่ยหวนเขายึดหลักเอาเปรียบแล้ววิ่งหนี ไม่คิดจะให้ม้าศึกเสียศักยภาพชั่วคราว!“ส่วนคนอื่น พรุ่งนี้เช้าเริ่มให้ทหารทุกกองกำลังไปขุดหลุมม้าด้านหน้าค่ายใหญ่ของพวกเรา ขุดได้เท่าใดก็เท่านั้น ขุดวันเดียวเท่านั้น! วันมะรืนตอนเช้า ทหารราบล่าถอยกลับซั่วฟางให้เร็วที่สุด!“ขอรับ!”นายกองพากันรับคำสั่ง ม
หลุมม้าไม่จำเป็นต้องลึกมาก ลึกประมาณสองฉื่อกว่าก็พอแล้วแต่ว่า ตามความเร็วในการขุดก่อนหน้านี้ คิดจะขุดหลุมม้ายาวเพียงนี้ทั้งสามทางให้เสร็จ แทบเป็นไปไม่ได้เลยหยุนเจิงสุดท้ายก็ประเมินปัญหาที่มาจากความเหน็บหนาวของซั่วเป่ยต่ำไปแล้วนี่เป็นฤดูหนาว ดินล้วนเย็นและแข็ง คิดจะขุดหลุมม้า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเซียวว่านโฉวก็พบปัญหานี้เช่นกัน ดำเนินการปรับเปลี่ยนทันที สั่งให้ผู้รับผิดชอบขุดหลุมม้าเส้นทางแรกรับประกันว่าขุดได้ความยาวห้าร้อยจ้างขึ้นไป ป้องกันไม่ให้ทหารม้าเป่ยหวนผ่านทั้งสองด้านหลุมม้าเส้นทางที่สองด้านหลัง สามารถย่นระยะทางให้สั้นลงได้อย่างเหมาะสม อีกทั้ง หลุมม้าก็ไม่จำเป็นต้องขุดให้เชื่อมต่อกัน ตรงกลางสามารถปล่อยว่างได้ตามเหมาะสมถึงเช่นไรหลุมม้าสามทางนี้ ก็ต้องมีสักหลุมที่สามารถทำให้ม้าขาแพลงได้หากมีคนโชคดีไม่กี่คนที่ผ่านหลุมม้าสามเส้นทางนี้ไปได้ ทหารม้าของพวกเขาก็จะยิงพวกมันอย่างรวดเร็ว!ขุดหลุมม้าเสร็จหนึ่งเส้นทาง พวกเขาจะสั่งให้คนหากิ่งไม้แห้งคลุมเอาไว้ จากนั้นก็ปูด้วยวัชพืชและหิมะ โดยพื้นฐานแล้วก็นับว่าเสร็จภารกิจทุกคนทำงานกันจนฟ้ามืด ในที่สุดหลุมม้าก็สำเร็จ“อวี๋กั๋วกง
ค่ายกลางเป่ยหวนทหารสามหมื่นของเจียเหยาเมื่อวานได้มารวมตัวกับทหารม้าสองหมื่นที่ถนนกลางแล้วทัพใหญ่ห้าหมื่นรวมตัวกันกลายเป็นแนวหน้าของเป่ยหวนบุกโจมตีซั่วฟางและทหารม้าสองหมื่น ก็กลายเป็นแนวหน้าของทัพหน้าพวกเขาเจียเหยานำทัพทหารม้าสองหมื่นเป็นแนวหน้าด้วยตนเอง ปานปู้นำทัพทหารสามหมื่นด้านหลังพกสิ่งข้างตั้งค่ายเล็กน้อยเคลื่อนพลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อเจียเหยาเร่งความเร็วนำทหารมุ่งหน้าสู่ซั่วฟาง หน่วยสอดแนมที่พวกเขาส่งออกไปนำข่าวกลับมาแล้ว“รายงานองค์หญิง ด้านหน้าทัพเรายี่สิบลี้ พบทหารม้าต้าเฉียนหนึ่งกอง!”ทหารม้าต้าเฉียน?เว่ยเหวินจงนึกไม่ถึงจะสั่งให้ทหารม้าซั่วฟางมาขนาบโจมตีพวกเขาหรือ?ได้เลย!ดีเหลือเกิน!เจียเหยาเผยรอยยิ้ม ถามทันที “กำลังทัพศัตรูเป็นเช่นไร?”หน่วยสอดแนมตอบทันที “คนจำนวนไม่มาก น่าจะไม่ถึงห้าพันคน!”ทหารม้าไม่ถึงห้าพันคน?จำนวนไม่มาก!แต่เมื่อเทียบกับเป่ยหวนแล้ว!ต้าเฉียนขาดแคลนม้าศึก ทหารม้าห้าพัน นับว่าเป็นทหารม้าขนาดใหญ่แล้ว!ซั่วฟางไม่ได้สำคัญเหมือนป้อมเมืองชายแดนสองเมืองแนวหน้า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีทหารม้ามากมายทหารม้าไม่ถึงห้าพันนี่ น่าจะเป็นสมบั
ยังดีที่ด้านหลังพวกเขายังมีทัพทหารราบสามหมื่นนาย ด้านหลังทหารราบสามหมื่นนายก็ยังมีทัพใหญ่สามหมื่นกว่านาย!กองทัพแปดหมื่นคนรอบถูกเมืองซัวฟางกินกำลังหลักไป นางไม่เชื่อจะโจมตีไม่ได้!เจียเหยาไม่ลังเลสักนิด ออกคำสั่งโจมตีเต็มกำลังอีกครั้งอีกด้านหนึ่ง อวี๋ซื่อจงนำกำลังล่าถอยไปสี่สิบลี้ ในที่สุดก็กลับถึงสถานที่ตั้งค่ายพักแรมก่อนหน้านี้ของพวกเขาที่ไกลไกล ทหารที่ได้รับคำสั่งพุ่งเข้ามา“อวี๋กั๋วกงมีคำสั่ง ทหารม้าของท่าน ล่าถอยไปยังป่าทางตอนใต้ทันที!”อวี๋ซื่อจงรับคำสั่ง พาคนล่าถอยไปยังป่าไม้ทางนั้นทันทีต่อให้ไม่มีสั่งนี้ เขาเองก็ไม่โง่เขามุ่งไปข้างหน้าหรอก!ด้านหน้ามีหลุมม้าอยู่สามเส้นทาง!พุ่งเข้าไป พวกเขาสามพันคน เกรงว่าคงต้องเสียหายไปมากกว่าครึ่งแล้ว!อวี๋ซื่อจงนำกองกำลังล่าถอยกลับไปยังป่า พวกหยุนเจิงล้อมไว้ทันที“เหตุการณ์เป็นเช่นไร?”เซียวว่านโฉวไถ่ถามด้วยความกระวนกระวายอวี๋ซื่อจงกระหืดกระหอบ “ด้านหลังมีกองทหารม้าเป่ยหวนกองใหญ่ จำนวนไม่น้อยกว่าหมื่นคน!”“ดีมาก! พวกเขาบุกมาจริงด้วย!”เซียวว่านโฉวดีใจ ถามอีกครั้ง “ทัพศัตรูจัดขบวนแบบใด?”อวี๋ซื่อจงส่ายหน้า “ไม่มีรูปแบบขบว
มองไป ทหารม้าเป่ยหวนยาวไม่เห็นหางเจียเหยาอยู่ภายใต้การคุ้มกันของเหล่าองครักษ์ แทบอยากจะพุ่งไปข้างหน้าสุดด้านหน้าของทหารม้าต้าเฉียนมองไม่เห็นเงาแล้วบนหิมะ เหลือไว้เพียงรอยเท้าม้าศึกขนาดใหญ่สองเส้นทางรอยเท้ามุ่งตรงไปยังฝั่งด้านหน้าทางซ้ายของกองทัพใหญ่ ดูจากที่ไกลๆ ยังคงเห็นยอดไม้ถูกปกคลุมด้วยหิมะ มองไปแล้ว ทางนั้นคงมีป่าอยู่แห่งหนึ่งรอยเท้าม้าอีกรอย ยืดยาวไปข้างหน้าแบ่งกันหนี หรือจงใจสร้างค่ายกลลวง?ไม่นาน ในใจเจียเหยามีความกังวลน่าจะเป็นค่ายกลลวง!หากพวกเขาแบ่งทหารไล่ตามไปในป่า เกรงว่าคนถูกทหารม้าต้าเฉียนที่หนีเข้าป่าซุ่มโจมตีทหารม้าเหล่านั้นคิดจะให้พวกเขาแบ่งทหารไล่ตามไป เพื่อลดความกดดันให้กองทหารหลักซั่วฟางที่อยู่ด้านหลัง!ความคิดไม่เลวเลย!น่าเสียดาย นางไม่มีทางติดกับ!เจียเหยาลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็สั่งให้กองทัพบุกไปข้างหน้าสามารถทำลายล้างทหารม้านับพันนั้นได้หรือไม่นั้น ไม่สำคัญเป้าหมายของพวกเขาคือกองกำลังหลักของทัพซั่วฟาง!ขอแค่ทำลายล้างกองกำลังหลักของทัพซั่วฟางได้ ต่อให้ปล่อยทหารม้านับพันเหล่านั้นไปแล้วจะเป็นเช่นไร?ด้วยคำสั่งของเจียเหยา กองทหารม้าเป่ยหว
องครักษ์ปัดป้องลูกธนูไปได้ไม่กี่ดอก ก็ถูกธนูสองดอกยิ่งใส่เมื่อเห็นองครักษ์ถูกยิง เจียเหยาบังคับให้ตัวเองสงบลง ดึงองครักษ์ที่ถูกยิงลากเขาไปในกับดักหลุมม้า ใช้มือปลดแส้ยาวที่ถูกไว้ที่เอวออกแส้ในมือเจียเหยาโบกสะบัด พันรัดคันธนูที่ตกอยู่ไม่ไกลอาศัพแรงจากแซ่ดึงคันธนูกลับมาในชั่วพริบตา เจียเหยาดึงลูกธนูสองลูกที่ปักอยู่บนหิมะออกมา โค้งงอคันธนูและวางลูกธนูทาบลงไปอย่างรวดเร็วฉวยโอกาสจากช่วงเวลาที่ฝนธนูขาดช่วง เจียเหยาผุดลุกขึ่นยืน ปล่อยคันธนูยิงลูกธนูออกไป“ฟิ้ว!”ลูกธนูสองดอกแผดเสียงกลางอากาศ พุ่งเข้าหาทหารม้าต้าเฉียนสองคนที่ถูกแถวด้านหน้าอย่างรวดเร็ว“ฉัวะ...”ลูกธนูพุ่งทะลุร่างทหารม้าต้าเฉียนสองคนทหารม้าต้าเฉียนสองคนร่างกายขดเกร็ง จากนั้นก็ร่วงหล่นจากหลังม้าช่วงเวลาที่ตอนที่เจียเหยาร่วงลงพื้น มือหยินลูกธนูขึ้นมาอีกสามดอก จากนั้นทะยานสู่ท้องฟ้าอีกครั้งลูกธนูสามดอกทะลวงไปกลางอากาศ พุ่งไปทางทหารสามคนระหว่างนั้น สองคนโดนธนูยิง คนหนึ่งรอดพ้นความตายได้อย่างหวุดหวิดโอ้โห!อย่างนี้ก็ได้หรือ?การแสดงที่ยอดเยี่ยมของเจียเหยาดึงดูดความสนใจหยุนเจิงที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคน“กำจัดคนผ
แต่ที่น่าเสียดายคือ เจียเหยาไม่ใช่สตรีแบบนั้น! ทุกความยินยอมและการประนีประนอมของเจียเหยาต่อเขาล้วนเกิดจากสถานการณ์บีบบังคับ เยี่ยจื่อย่อมชื่นชมเจียเหยาอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่หากเจียเหยาเป็นสตรีที่หลงใหลในความรักอย่างเดียว เยี่ยจื่ออาจไม่รู้สึกชื่นชมนาง และคงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่านางกับหยุนเจิงจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ "ไม่แน่หรอก" เยี่ยจื่อยิ้มบาง "เรื่องของความรัก ไม่มีใครในโลกนี้สามารถอธิบายได้ชัดเจน! เช่นเดียวกับข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะไม่สนใจสายตาของผู้คนในแผ่นดิน และรักชายคนหนึ่งอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เขา..." "เรื่องของพวกเจ้ามันไม่เหมือนกัน" หยุนเจิงบีบเบาๆ ที่ตัวเยี่ยจื่อ "พอแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด ไม่เช่นนั้นพอคนในจวนมาเรียกเราไปกินข้าวเย็น เจ้าคงอายอีกแน่" "ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิด้วยความอาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นเยี่ยจื่อสวมชุดชั้นใน หยุนเจิงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาอีก "ยังมองอยู่อีกหรือ?" เยี่ยจื่อปรายตามองหยุนเจิงด้วยความเข
เนื่องจากเยี่ยจื่อกำลังตั้งครรภ์ หยุนเจิงจึงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเกินไป อย่างไรก็ตาม พายุที่โหมกระหน่ำมีเสน่ห์ในแบบของมัน และสายฝนที่โปรยปรายก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ หลังจากหยุดยั้งความเร่าร้อน เยี่ยจื่อซบอยู่ในอ้อมอกของหยุนเจิงอย่างแมวน้อยเชื่องๆ "คืนนี้ข้าจะนอนที่ห้องของเจ้า" หยุนเจิงกอดร่างอ่อนนุ่มของเยี่ยจื่อไว้ ด้วยท่าทีที่ดูยังไม่พอใจ "อย่าเลย!" เยี่ยจื่อเอื้อมมือมาตบหน้าอกของหยุนเจิงเบาๆ "หากเจ้ามาอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องโดนเจ้ารังแกอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับลูก เราคงร้องไห้ไม่ออก เจ้าไปห้องเมี่ยวอินเถิด!" จากนิสัยของหยุนเจิง ต่อให้ใช้ปลายเท้าคิด นางก็รู้ว่าเขาต้องรังแกนางอีกสักหนึ่งหรือสองรอบหากเขาอยู่ในห้องนี้ แม้ว่าช่วงตั้งครรภ์จะไม่ใช่ว่าจะใกล้ชิดกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรทำบ่อยเกินไป "ลูกของข้าหยุนเจิง จะอ่อนแอขนาดนั้นได้อย่างไร?" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะวางมือลงบนหน้าท้องของเยี่ยจื่อโดยไม่รู้ตัว "เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิอย่างเขินอาย "เมื่อสองวันก่อน ลั่วเยี่ยนยังแอบมาบอกข้าเลยว่าเจ้าไปรังแกนางอีก จวนนี้มิใช่มีเพียงข้ากับลั่วเยี่ยนสองค
ชุดนี่มันชั้นแล้วชั้นเล่า ถอดออกแต่ละครั้งช่างเสียเวลาเสียจริง หยุนเจิงบ่นในใจพลางจัดการอยู่นาน กว่าจะถอดอาภรณ์ออกหมด แล้วรีบก้าวลงไปในถังอาบน้ำขนาดใหญ่ด้วยความกระตือรือร้น "ดูท่าทางเจ้าสิ!" เยี่ยจื่อจ้องมองหยุนเจิงด้วยความเขินอาย พลางหัวเราะเบาๆ "หากคนอื่นมาเห็นเข้า คงคิดว่าเจ้าคือโจรขโมยดอกไม้จริงๆ!" "ต่อหน้าเจ้า ข้าก็เป็นโจรขโมยดอกไม้ดีๆ นี่เอง!" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง แล้วดึงเยี่ยจื่อเข้ามาในอ้อมกอด เกรงว่าเยี่ยจื่อจะหนาว หยุนเจิงจึงราดน้ำอุ่นลงบนตัวนาง แน่นอนว่า ระหว่างนี้มือเจ้าเล่ห์ของหยุนเจิงก็ไม่วายลวนลามบนตัวเยี่ยจื่อ เยี่ยจื่อปล่อยให้หยุนเจิงทำตามใจ พลางยื่นนิ้วเรียวขาวลูบไล้รอยแผลเป็นที่เอวของเขา นางจำได้ว่ารอยแผลนี้เกิดขึ้นจากศึกที่หยุนเจิงสังหารฮูเจี๋ยฉานอวี่ นั่นน่าจะเป็นการบาดเจ็บที่หนักที่สุดของหยุนเจิงนับตั้งแต่คุมทัพมา โชคดีที่เป็นเพียงบาดแผล ไม่ได้ถึงแก่ชีวิต ตอนนี้บาดแผลนั้นสมานแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังคงปรากฏอย่างชัดเจน "ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป" เยี่ยจื่อก้มหน้าพลางพึมพำ "หากวันใดเจ้ามิได้เป็นเช่นนี้ คงเพราะเราชราและห
หลังจากส่งสาวรับใช้หน้าประตูไปแล้ว หยุนเจิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที ก่อนจะผลักประตูเข้าไป "อิงเถา ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงใครผลักประตูเข้ามา" เสียงของเยี่ยจื่อดังมาจากหลังฉากกั้น "บ่าวก็เหมือนจะได้ยินเหมือนกัน บ่าวจะไปดูเจ้าค่ะ" อิงเถาตอบรับแล้วรีบวิ่งออกมาจากหลังฉากกั้น นางเพิ่งจะออกมาก็เห็นหยุนเจิงยืนอยู่ในห้อง เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่คนอื่นที่บังอาจบุกรุกเข้ามา อิงเถาถึงได้คลายความกังวลก่อนจะรีบคำนับ แต่ก่อนที่อิงเถาจะทันได้พูดอะไร หยุนเจิงก็ทำท่าทางให้เงียบ และโบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้อิงเถาออกไป ดูเหมือนอิงเถาจะเดาได้ว่าหยุนเจิงตั้งใจจะทำอะไร ใบหน้าของนางพลันขึ้นสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว หยุนเจิงปิดกลอนประตูจากด้านใน แล้วค่อยๆ ย่องไปทางหลังฉากกั้น "อิงเถา มีคนผลักประตูหรือไม่?" เยี่ยจื่อเอ่ยถาม ความคิดซุกซนของหยุนเจิงเริ่มเล่นงาน เดิมทีเขาตั้งใจจะจู่โจมเยี่ยจื่ออย่างไม่ให้ทันตั้งตัว แต่คิดได้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ เกรงว่าจะทำให้นางตกใจจนเกิดเรื่องไม่คาดคิด จึงเอ่ยขึ้นว่า "มีสิ มีโจรขโมยดอกไม้คนหนึ่ง" เมื่อได้ยิน เยี่ยจื่อหน้าถ
หยุนเจิงกลับมาจากโรงงานผลิตอาวุธ เพียงแค่เดินมาถึงหน้าจวนอ๋อง ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกวุ่นวายดังมาจากในจวน พอเข้าไปในจวนตามคาด เขาเห็นเหล่าเด็กซนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในลานหน้า ลูกชายสองคนกับลูกสาวหนึ่งคนของฉินชีหู่ รวมถึงลูกชายของอดีตรัชทายาท มาที่จวน และกำลังเล่นปาหิมะกับเสิ่นเนี่ยนฉือและฉีเหยียน เด็กๆ เหล่านั้นต่างสวมเสื้อผ้าหนาเตอะเหมือนหมี แม้จะล้มลงบนพื้นหิมะก็ไม่รู้สึกเจ็บ “คารวะฝ่าบาท!” เมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา อาจารย์ที่คอยดูแลเด็กๆ รีบเข้ามาคารวะ “พอเถอะ ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอยู่ในจวนไม่ต้องเคร่งขนาดนั้น” หยุนเจิงโบกมือพลางถามว่า “พี่สะใภ้ตระกูลฉินมาที่นี่แล้วหรือ?” “เจ้าค่ะ” ซินเซิงยิ้มบางๆ ขณะช่วยปัดหิมะออกจากเสื้อหยุนเจิง พลางตอบว่า “ช่วงบ่ายฮูหยินฉินก็มากับเด็กๆ ตอนนี้คงเล่นไพ่นกกระจอกกับเหล่าพระชายาอยู่” หยุนเจิงว่า “เช่นนั้นข้าไปดูสักหน่อย เจ้าเฝ้าเด็กๆ ไว้ อย่าให้พวกเขาเล่นจนเหงื่อออกมากนัก” “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” ซินเซิงพยักหน้าเบาๆ หยุนเจิงมองดูเด็กซนที่กำลังเล่นอย่างบ้าคลั่ง และครุ่นคิดในใจว่าจะให้พวกเขาทำ “การบ้านช่วงปิดเทอม
ตลอดสองวันที่ผ่านมา เจียเหยาเจรจากับกุ่ยฟางอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าข้อเสนอจากกุ่ยฟางจะเกินกว่าเงื่อนไขขั้นต่ำที่เจียเหยากำหนดไว้ในใจแล้ว แต่นางยังไม่พอใจ นางต้องการต่อรองเพื่อให้ได้ทรัพยากรมากขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่า จุดที่ยังคงเจรจากันไม่ลงตัวอยู่ที่ค่าชดเชยจากสงครามและจำนวนบรรณาการ กุ่ยฟางแสดงเจตนาอย่างชัดเจน หากต้องการค่าชดเชยเพิ่ม จำนวนบรรณาการจะต้องลดลง แต่ในเรื่องจำนวนบรรณาการ เจียเหยาไม่ยอมอ่อนข้อเลย ในที่สุด กุ่ยฟางจำต้องยอมรับข้อกำหนดของเจียเหยาในการถวายบรรณาการตามจำนวนที่นางระบุ ส่วนค่าชดเชยที่กุ่ยฟางสามารถมอบให้ได้ เมื่อคำนวณแล้วอยู่ที่ประมาณร้อยละสี่สิบห้าของข้อเรียกร้องเริ่มต้นของเจียเหยา ผลลัพธ์นี้แม้ไม่ใช่สิ่งที่นางคาดหวังไว้ แต่ก็ดีกว่าที่เจียเหยาประเมินไว้ไม่น้อย เมื่อการเจรจาสิ้นสุด เจียเหยาถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ ด้วยทรัพยากรเหล่านี้ ประชาชนแห่งเป่ยหวนจะผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้อย่างไม่ลำบากนัก “องค์หญิง เหตุใดท่านจึงไม่ยอมอ่อนข้อในเรื่องบรรณาการ?” เกออาซูถามด้วยความไม่เข้าใจ “หากเรายอมลดเงื่อนไขเรื่องบรรณาการ เราก็จะได้สิ่งอื่นเพ
ทว่า สำหรับเจียเหยาในตอนนี้ นี่อาจไม่ใช่เรื่องดีนัก เมื่อผู้ที่เข้าร่วมเจรจาจากกุ่ยฟางมีหลายคน ความเห็นของพวกเขาอาจไม่ตรงกัน การดึงกลยุทธ์นี้อาจทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้น เจียเหยารู้สึกกังวลในใจ แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย “ท่านทูตเชิญนั่งก่อน ข้ามีเรื่องสำคัญต้องจัดการเสียก่อน!” กล่าวจบ เจียเหยาก็ก้มหน้าก้มตาเขียนจดหมายต่อ แต่ความคิดของเจียเหยาในตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่จดหมายอีกแล้ว นางดูเหมือนกำลังเขียนจดหมาย แต่แท้จริงแล้วกำลังกดดันอาเคอถูและคณะ นางรู้ว่าชื่อเหยียนต้องมอบอำนาจในการเจรจาบางส่วนให้แก่อาเคอถูและคณะ สิ่งที่นางต้องทำคือการกดดันคณะทูตกุ่ยฟางเพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น การกระทำของเจียเหยาส่งผลอย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่าเจียเหยาดูเหมือนไม่ได้รีบร้อนเจรจาเลย สมาชิกในคณะทูตกุ่ยฟางก็เริ่มมองตากันไปมา สุดท้าย สายตาของทุกคนต่างหันไปที่มู่ลี่จวี เห็นได้ชัดว่ามู่ลี่จวีเป็นผู้คุมการเจรจาครั้งนี้ มู่ลี่จวีรู้สึกโกรธกับความเย็นชาของเจียเหยา แต่เขารู้ดีว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์แสดงความไม่พอใจต่อหน้านาง ชื่อเหยียนมอบอำนาจให้เขาตัดสินใจในบางเรื่องได้จริง แต่ใ
เจียเหยาตัดสินใจหยุดการเคลื่อนทัพต่อ กองทหารของพวกนางถูกส่งออกไปกวาดต้อนทรัพยากร ดินแดนที่พวกนางเข้ายึดครองในตอนนี้เกินกว่าห้าร้อยลี้ไปนานแล้ว แต่เจียเหยาตั้งใจเพียงให้ทัวฮวนและกองทหารยึดครองดินแดนของกุ่ยฟางเพียงสามร้อยลี้ตามเงื่อนไขขั้นต่ำของหยุนเจิงเท่านั้น การยึดครองดินแดนมากกว่านี้ ไม่เพียงเพื่อกวาดต้อนทรัพยากรและกดดันชื่อเหยียน แต่ยังเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในเจรจา ท้ายที่สุด หากนางยอมคืนดินแดนบางส่วนให้ชื่อเหยียน ชื่อเหยียนก็จะไม่สามารถเรียกร้องเงื่อนไขอื่นได้อย่างเข้มงวดนัก ดังที่เจียเหยากล่าวไว้ นางกับหยุนเจิงเป็นคนประเภทเดียวกัน และในตอนนี้ ชื่อเหยียนก็ดูคล้ายกับสถานการณ์ของนางเมื่อก่อนที่ถูกหยุนเจิงกดดันจนถึงทางตัน เพราะเหตุนี้ เจียเหยาจึงเข้าใจจิตใจของชื่อเหยียนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เจียเหยาเคยคิดอยากเป็นผู้พิฆาตมังกร แต่สุดท้ายนางกลับกลายเป็นมังกรร้ายเสียเอง สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจียเหยาจะได้รับคำตอบจากชื่อเหยียน นางกลับได้รับข่าวจากหยุนเจิงผ่านเหยี่ยวขาว “รีบกลับมา ก่อนสิ้นปีมาพบข้าที่ติ้งเป่ย” ข้อความจากหยุนเจิงสั้นมาก เมื่
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง!” เจียเหยากล่าวพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กุ่ยฟางต้องยอมสวามิภักดิ์และถวายบรรณาการอย่างแน่นอน แต่จำนวนบรรณาการต้องเพิ่มขึ้นอีกร้อยละห้าสิบพร้อมกันนี้ กุ่ยฟางต้องเปิดการค้าเสรีกับต้าเฉียนและเป่ยหวน นอกจากนี้ กุ่ยฟางต้องชดเชยความเสียหายที่เป่ยหวนและต้าเฉียนได้รับจากศึกครั้งนี้ โดยจ่ายชดเชยเป็นทองคำ 100,000 ตำลึง แกะ 100,000 ตัว วัว 30,000 ตัว ม้า 10,000 ตัว และเสบียงอาหาร 4 ล้านตัน และเพื่อเป็นการตอบแทน เจียเหยาจะไม่เรียกร้องให้กุ่ยฟางยกดินแดน 500 ลี้ แต่ลดลงเหลือเพียง 300 ลี้เท่านั้น! ส่วนข้อที่ให้กุ่ยฟางถวายหญิงงาม 100 คนแก่ต้าเฉียนนั้น เจียเหยาได้ยกเว้นให้โดยตรง สำหรับเงื่อนไขปลีกย่อยอื่นๆ เจียเหยาก็ยอมรับตามที่กุ่ยฟางเสนอมา เมื่อได้ยินเงื่อนไขของเจียเหยา อาเคอถูรู้สึกราวกับสมองของตนกำลังอื้ออึง การเพิ่มบรรณาการขึ้นร้อยละห้าสิบยังพอว่า แต่เจียเหยากลับเรียกร้องให้กุ่ยฟางจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลในคราวเดียว? อย่าว่าแต่ปศุสัตว์และเสบียงเลย เพียงแค่ทองคำ 100,000 ตำลึง กุ่ยฟางก็แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว ทองคำ 100,000 ตำลึง