หลังจากการรวมตัวกันอย่างเรียบง่าย หยุนเจิงสั่งให้พวกเยี่ยจื่อกลับไปก่อนก่อนออกเดินทางก็กำชับอีกครั้ง ให้พวกนางรีบเดินทางไปยังถ้ำซ่อนทหารกลางคืน เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินนั่งประกบหยุนเจิงซ้ายขวาทั้งสามครล้วนไม่พูดจา แค่นั่งโง่ๆ อยู่เช่นนั้นหากมีคนโผล่เข้ามา คงคิดว่าสามคนนี้ล้วนเอ๋อไปแล้ว!เพียงแต่ ในสมองของหยุนเจิงกำลังคิดการวางกำลังอย่างสมบูรณ์ ส่วนเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินคิดสิ่งใดอยู่ เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันหยุนเจิงทบทวนแผนการทั้หมดภายในสมองอีกรอบ จึงจะสลัดความคิดของตัวเองออกไปหันหน้ามองไป หญิงสาวทั้งสองต่างก็เบิกตากว้าง ทว่าดวงตาทั้งสองข้างกลับเหม่อลอยเห็นได้ชัด หญิงทั้งสองกำลังคิดเรื่องในใจ“ข้าว่า พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใด?”หยุนเจิงโอบกอดหญิงสาวคนละข้าง “พวกเจ้าคงไม่ได้กำลังคิดถึงครอบครัวตัวเองหรอกกระมัง?”ถูกหยุนเจิงถาม ทั้งสองสาวจึงหลุดออกจากความคิดเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ได้ปัดมือหยุนเจิงที่วางไว้ที่เอวออก จากนั้นก็กล่าวพึมพำ “ไม่รู้ว่าท่านแม่และพวกพี่สะใภ้จะฉลองวันส่งท้ายปีกันสนุกหรือไม่?”“น่าจะไม่สนุกกระมัง?”หยุนเจิงกล่าว “พวกนางคงกำลังเป็นห่วงพวกเรา”“เจ้าพู
เจียเหยายืนอยู่ตรงทางเข้ากระโจม มองดูทหารเหล่านั้นแข่งขันกันอย่างเงียบๆ ในใจผิดหวังเล็กน้อยดูเหมือน กองทัพที่ป้อมเมืองสุยหนิงจะไม่มาโจมตีค่ายแล้วเดิมนางคิดว่า หากกองทัพเมืองสุยหนิงคิดจะจัดการพวกเขา พวกเขาก็จะเอาชนะกองทัพของเมืองสุยหนิงได้ในคราวเดียว จากนั้นก็ยึดครองเมืองสุยหนิงเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาไปบุกโจมตีซั่วฟางแล้วแต่กองทัพของเมืองสุยหนิงไม่ให้โอกาสนางต่อไป คงต้องไปสนใจเมืองซั่วฟางแล้ว!ช่างเถอะ!พอดีเลย นางก็อยากเจอกับหยุนเจิงที่ทำให้อาจารย์หมดความมั่นใจ!หากสามารถจับหยุนเจิงได้ ย่อมดีที่สุดขณะที่เจียเหยากำลังวางแผนเงีนยๆ ปานปู้ก็รีบร้อนเดินเข้ามาเมื่อเห็นสีหน้าของปานปู้ เจียงเหยาก็รู้ว่าเขามีเรื่องสำคัญจะรายกงาน จึงเชิญปานปู้เข้าไปคุยกันในกระโจม“องค์หญิง หน่วยสอดแนมของพวกเราได้รับข่าวสำคัญ!”เมื่อเดินเข้าไปในกระโจม ปานปู้กล่าวอย่างร้อนใจ “เมื่อคืนหยุนเจิงไปที่ติ้งเป่ย เหมือนจะเกิดความขัดแย้งกับเว่ยเหวิจง ด่าเว่ยเหวินจงตลอดเส้นทางที่ออกจากเมืองติ้งเป่ย”“เขาด่าสิ่งใด?” เจียเหยาถามด้วยความสนใจปานปู้ตอบ “ด่าเว่ยเหวินจงขี้ขลาดกลัวตาย ใจเสาะ”เช่นนั
สามวันให้หลัง เซียวว่านโฉวมายังซั่วฟางอีกครั้งแต่ก่อนหน้านั้น คนที่หยุนเจิงส่งออกไปได้รับรายงงานข้อมูลที่ถูกต้องแล้วกองทัพเป่ยหวนทางด้านทิศใต้ของป้อมเมืองสุยหนิงมีกลิ่นหอมเนื้อลอยมาตลอดเวลา!น่าจะกำลังเร่งทำอาหารแห้งการคาดเดาของหยุนเจิง น่าจะไม่ผิดพลาดแล้วสิ่งที่เซียวว่านโฉวนำมา มีคำสั่งทหารของเว่ยเหวินจงด้วยเว่ยเหวินจงสั่งหยุนเจิงให้ทิ้งทหารชราอ่อนแอไว้เฝ้าเมืองซั่วฟางและปากเขาเขี้ยวหมาป่า นำทหารทั้งหมดที่สามารถออกรับได้รวมเข้ากับทหารของหยวนเลี่ยที่อยู่บริเวณหุบผาชันช่องลม เวลาก่อนเที่ยงของวันที่เจ็ดบุกโจมตีกองทัพใหญ่ด้านทิศใต้ของป้อมเมืองสุยหนิงหากไม่โจมตีตรงตามเวลา ทำให้พลาดโอกาสบุก ประหาร!เพื่อให้แน่ใจว่ามีการจัดกำหนดการอย่างครบถ้วน เว่ยเหวินจงยังมอบหมายให้เซียวว่านโฉวสั่งการเขาและกองกำลังหยวนเลี่ยเป็นการชั่วคราวเมื่อได้รับคำสั่ง หยุนเจิงมีใจอยากจะแทงเว่ยเหวินจงให้ตายแล้วให้เซียวว่านโฉวมาสั่งการกองทัพของพวกเขา?มารดาเขาสิ อยู่ดีไม่ว่าดี?มารดาเขาสิ!เห็นได้ชัดว่าเว่ยเหวินจงกำลังสร้างปัญหาให้เขา!ที่สำคัญคือ เขาไร้หาทางจะกล่าวหาว่าเว่ยเหวินจงกำลังสร้างปัญหาให้
เห็นหยุนเจิงหยิบถุงพกออกมา เสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะอึ้งไอสารเลวนี่ แม้แต่สิ่งนี้ก็เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วหรือ?ก่อนหน้านี้เขาส่งคนไปหาพี่สะใภ้ คงไม่ใช่เพื่อทำถุงพกนี้หรอกกระมัง?ที่อึ้งยิ่งกว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวทันที “รีบเปิดดูเร็ว! คุณชายเหลิ่งกลยุทธ์ละเอียดถี่ถ้วน ในถุกพกนี่ ต้องมีแผนการจัดการศัตรูชั้นยอดที่คุณชายเหลิ่งทิ้งเอาไว้!”“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!”หยุนเจิงทำสีหน้าผิดหวัง ค่อยๆ เปิดถุกพกออกดูเห็นสีหน้าของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มในใจไอสารเลวนี่แสดงเก่งจริง!คนที่ไม่รู้ คงคิดว่านี่เป็นถุงพกที่คุณชายเหลิ่งผู้ไร้ตัวตนเหลือทิ้งเอาไว้!หยุนเจิงกางกระดาษที่อยู่ในถุงพก หยุนเจิงสีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง“เป็นอะไร?”เซียวว่านโฉวถามด้วยความตื่นตระหนก“อวี๋กั๋วกง ท่านรีบดูสิ สิ่งที่คุณชายเหลิ่งพูด มีความเป็นไปได้หรือไม่!”หยุนเจิงนำกระดาษที่อยู่ข้างในถุงพกส่งให้กับเซียวว่านโฉวเสิ่นลั่วเยี่ยนสงสัย ยื่นหน้าเข้าไปดูด้วยเช่นกันนางไม่ได้แสดงละครนางไม่รู้จริงๆ ว่าภายในถุงพกเขียนสิ่งใดไว้ไม่นาน เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ได้เห็นเนื้อหาในถุงพกนั้นมัน
ค่ายใหญ่กองทัพเส้นทางขวาเป่ยหวนเจียเหยาเมื่อได้รับข่าวจากหน่วยสอดแนมที่กลับมากองกำลังต้าเฉียนแนวติ้งเป่ยและเทียนหูมีความเคลื่อนไหวแล้ว!แต่กองทัพเสริมของติ้งเป่ยไม่มาก คาดว่ามีเพียงหนึ่งหมื่นคนเรื่องนี้ เจียเหยาไม่แปลกใจสักนิดเว่ยเหวินจงระมัดระวังเกินไป ย่อมต้องเหลือคนพอที่จะป้องกันติ้งเป่ย เพื่อป้องกันพวกเขาย้อนกลับไปโจมตีติ้งเป่ย แต่เว่ยเหวินจงนึกไม่ถึง พวกเขาไม่ได้สนใจติ้งเป่ยเลยสักนิด!นางไม่โง่พอที่จะนำทัพไปบุกโจมตีติ้งเป่ยที่กำแพงเมืองแน่นหนากองเสริมที่ส่งไปเทียนหูและป้อมเมืองจิ้งอันมากหน่อย ประมาณสองหมื่นคนบวกกับเดิมป้อมเมืองจิ้งอันน่าตะมีกองทัพสองหมื่นนาย จำนวนคนของต้าเฉียนกองทัพเส้นทางขวาของพวกเขาที่ไปจู่โจมน่าจะประมาณหกหมื่นคน!ทหารที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีหกหมื่นของต้าเฉียนต่อสู้กับนักรบชั่วคราวสามหมื่นคนของพวกเขา ต้องบอกว่า เว่ยเหวินจงระวังตัวมาก!เจียเหยาครุ่นคิด จากนั้นก็กล่าวกับปานปู้ “เว่ยเหวินจงน่าจะให้การจู่โจมหลอกล่อเป็นหลัก สั่งกองทัพเส้นทางซ้าย พยายามถ่วงเวลากองทัพศัตรู หากศัตรูโจมตีเป็นวงกว้าง ต่อสู้และล่าถอยทันที ขอแค่ทัพใหญ่แบ่งกำลังคนและม้ากลับ
หยวนเลี่ยได้รับคำสั่งจากคนที่เว่ยเหวินจงส่งมา บวกกับสถานะของเซียวว่านโฉวสำหรับเซียวว่านโฉวที่แย่งอำนาจทหารไปจากมือเขา เขานับว่าไม่พอใจ แต่ก็ทำได้เพียงอดทน“องค์ชายกับคุณชายเหลิ่งรู้จักกันได้เช่นไร?”เซียวว่านโฉวกำลังขี่ม้า จากนั้นก็ไถ่ถามคุณชายเหลิ่งจากหยุนเจิง“ตอนที่ข้าผ่านทางสุยโจวก็ได้รู้จักคุณชายเหลิ่ง...”หยุนเจิงใช้ทักษะของเขาอีกครั้ง เริ่มแต่งเรื่องขึ้นมาในเรื่องที่หยุนเจิงแต่ง ตอนที่ผ่านทางสุยโจว บังเอิญพบกับคุณชายเหลิ่งคุณเหลิ่งตั้งใจที่จะกำจัดกลุ่มโจรของจ้าวเฮยหู่ คือแผนดินที่สดใสให้กับชาวบ้านชาวมณฑลอู่หยางจากนั้น คุณชายเหลิ่วมาขอยืมทหารจากเขา ช่วยเขาวางแผนการ จึงสามารถทำลายกลุ่มโจรจ้าวเฮยหู่ได้เขาพบว่าคุณชายเหลิ่งฉลาดมากแผนการ จึงเชิญคุณชายเหลิ่งมายังซั่วเป่ยหลังจากที่เขาขอร้องอยู่หลายครั้ง คุณชายเหลิ่งรู้สึกขอบคุณความไว้วางใจที่มีต่อเขา ดังนั้นจึงตัดสินใจติดตามเขามาที่ซั่วเป่ยหลังจากนั้น คุณชายเหลิ่งก็อยู่ช่วยเขาคิดแผลกลยุทธภายในค่ายมาตลอด...เมื่อได้ฟังเรื่องราวของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะก่นด่าหยุนเจิงในใจอย่างบ้าคลั่งเจ้าสารเลวนี่โกหกเก่
“อวี๋ซื่อจง พรุ่งนี้เช้า เจ้านำทหารม้าสามพันไปใกล้บริเวณเป่ยหวนที่อยู่ทางใต้ของสุยหนิง จำไว้ ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนทัพเร็ว แต่ต้องรักษาพลังงานของม้าศึกเอาไว้! ส่งหน่วยลาดตระเวนไปวสำรวจข้างหน้ามากหน่อย เมื่อพบกันกองกำลังทหารม้าเป่ยหวน รีบถอยกลับทันทีด้วยความเร็วเต็มกำลัง!”“ขอรับ!”อวี๋ซื่อจงรับคำสั่ง“เฝิงอวี้ เจ้านำทหารสามพัน ประจำการอยู่ที่ป่าทางตอนใต้ห่างไปห้าลี้จากค่ายเรา รับผิดชอบเก็บฟืนแห้งในป่า ยิ่งเยอะยิ่งดี! เช้าวันถัดไปเจ้านำกองกำลังเร่งเดินทางกลับมา ข้ามีคำสั่งอื่น!”“ขอรับ!”เพื่อการต่อสู้ที่ดี หยุนเจิงเองก็ควักสมบัติของเขาออกมาเช่นกันทว่า คนของพวกเขาไม่สามารถหนึ่งคนขี่ม้าสองตัวได้ยังดีที่ทหารม้าของพวกเขาเป็นเพียงแค่ตัวล่อเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการต่อสู้ศึกใหญ่กับกองทัพเป่ยหวนเขายึดหลักเอาเปรียบแล้ววิ่งหนี ไม่คิดจะให้ม้าศึกเสียศักยภาพชั่วคราว!“ส่วนคนอื่น พรุ่งนี้เช้าเริ่มให้ทหารทุกกองกำลังไปขุดหลุมม้าด้านหน้าค่ายใหญ่ของพวกเรา ขุดได้เท่าใดก็เท่านั้น ขุดวันเดียวเท่านั้น! วันมะรืนตอนเช้า ทหารราบล่าถอยกลับซั่วฟางให้เร็วที่สุด!“ขอรับ!”นายกองพากันรับคำสั่ง ม
หลุมม้าไม่จำเป็นต้องลึกมาก ลึกประมาณสองฉื่อกว่าก็พอแล้วแต่ว่า ตามความเร็วในการขุดก่อนหน้านี้ คิดจะขุดหลุมม้ายาวเพียงนี้ทั้งสามทางให้เสร็จ แทบเป็นไปไม่ได้เลยหยุนเจิงสุดท้ายก็ประเมินปัญหาที่มาจากความเหน็บหนาวของซั่วเป่ยต่ำไปแล้วนี่เป็นฤดูหนาว ดินล้วนเย็นและแข็ง คิดจะขุดหลุมม้า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเซียวว่านโฉวก็พบปัญหานี้เช่นกัน ดำเนินการปรับเปลี่ยนทันที สั่งให้ผู้รับผิดชอบขุดหลุมม้าเส้นทางแรกรับประกันว่าขุดได้ความยาวห้าร้อยจ้างขึ้นไป ป้องกันไม่ให้ทหารม้าเป่ยหวนผ่านทั้งสองด้านหลุมม้าเส้นทางที่สองด้านหลัง สามารถย่นระยะทางให้สั้นลงได้อย่างเหมาะสม อีกทั้ง หลุมม้าก็ไม่จำเป็นต้องขุดให้เชื่อมต่อกัน ตรงกลางสามารถปล่อยว่างได้ตามเหมาะสมถึงเช่นไรหลุมม้าสามทางนี้ ก็ต้องมีสักหลุมที่สามารถทำให้ม้าขาแพลงได้หากมีคนโชคดีไม่กี่คนที่ผ่านหลุมม้าสามเส้นทางนี้ไปได้ ทหารม้าของพวกเขาก็จะยิงพวกมันอย่างรวดเร็ว!ขุดหลุมม้าเสร็จหนึ่งเส้นทาง พวกเขาจะสั่งให้คนหากิ่งไม้แห้งคลุมเอาไว้ จากนั้นก็ปูด้วยวัชพืชและหิมะ โดยพื้นฐานแล้วก็นับว่าเสร็จภารกิจทุกคนทำงานกันจนฟ้ามืด ในที่สุดหลุมม้าก็สำเร็จ“อวี๋กั๋วกง
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิเหวินทรงตัดสินพระทัยได้แล้ว หยุนลี่ถึงกับดีใจจนแทบกลั้นไว้ไม่อยู่ พยายามเก็บอาการตื่นเต้นไว้ หยุนลี่กล่าวขึ้นว่า “ขอเสด็จพ่อโปรดมีพระบัญชา ให้โจวเต้ากงนำกองกำลังเตรียมพร้อม และเมื่อเจ้าหกมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ ให้เข้าควบคุมตัวเจ้าหกทันที! อีกทั้ง ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ นำทัพทหาร 30,000 นายที่ฝีมือเยี่ยม เข้าประจำการในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของหัวเมืองสี่ทิศอย่างลับๆ” เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนลี่ หัวใจของจักรพรรดิเหวินพลันเย็นเยือก เจ้าลูกทรพี! คิดจะระดมกองทัพจากตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อจัดการเจ้าหกอย่างนั้นหรือ? เขาคิดจะจุดชนวนสงครามกลางเมืองในต้าเฉียนหรืออย่างไร? “การระดมพลจากตะวันตกเฉียงเหนือในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ทันการ” จักรพรรดิเหวินทรงพยายามระงับพระอารมณ์ ก่อนตรัสว่า “กองกำลังจากตะวันตกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เป็นทหารราบ ต่อให้รีบเร่งเดินทัพมา คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนครึ่ง” หยุนลี่ถึงกับพูดไม่ออก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนลี่จึงกล่าวต่อ “เช่นนั้น ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้นำทัพทหารม้าชั้นยอดหนึ่งหมื่นนายมาแทนพ่ะย่ะค่ะ!
“ลูก…ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่ตอบอย่างตะกุกตะกัก เขาไม่รู้จริงๆ ว่าหยุนเจิงมีกำลังทหารในมือมากเพียงใด คนที่เขาส่งไปซั่วเป่ยแทบไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องในกองทัพเลย “ข้าจะบอกเจ้าเอง!” จักรพรรดิเหวินทรงลูบพระนลาฏเบาๆ พระพักตร์เต็มไปด้วยความกังวล “น้องหกของเจ้ามีกำลังพลในมือมากกว่าสองแสนนาย และหากเขาต้องการ ก็สามารถรวบรวมทหารเพิ่มได้อีกหนึ่งแสนนายทันที! ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพของชนเผ่าเป่ยหวนและเป่ยหมัวถัวยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา! ข้ากระทั่งสงสัยว่า หากเขาต้องการ เขาสามารถเรียกกองทัพห้าแสนนายมาได้ทันที!” “ห้า…ห้าแสน?” หยุนลี่อ้าปากค้าง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน กองทัพห้าแสน? เจ้าหก เจ้าคนเลวนั่นสามารถเรียกกองทัพห้าแสนได้ตลอดเวลา? นี่…เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าหกจะเลี้ยงกองทัพห้าแสนไหวหรือ? จักรพรรดิเหวินทรงถอนหายใจยาว “เจ้าต้องการนำเจ้าหกกลับเมืองหลวง ข้าไม่ขัดข้อง! แต่เจ้าต้องพิจารณาดู หากเจ้าไม่ประสบความสำเร็จ และยังทำให้เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นโกรธขึ้นมา เจ้าจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร?” “นี่…” หยุนลี่ไม่รู้จะตอบคำถามของจักรพรรดิเหวินอย่าง
ไม่นาน มู่ซุ่นก็พาหยุนลี่เข้ามา “ลูกขอคารวะเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” ทันทีที่หยุนลี่เข้ามา เขาก็คำนับอย่างนอบน้อม จักรพรรดิเหวินทรงพยักหน้าให้หยุนลี่นั่งลง พลางตรัสยิ้มๆ ว่า “ครั้งหน้า หากมีธุระก็ให้มู่ซุ่นปลุกข้าเถิด อย่ายืนรออยู่ด้านนอกนานนัก” “เสด็จพ่อทรงเหนื่อยจากการเดินทาง ลูกยืนรออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ” “ตอนนี้เจ้าก็เริ่มเหมือนรัชทายาทแล้วล่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงมองหยุนลี่ด้วยความพอพระทัย “พูดมาเถอะ เจ้าจะมีเรื่องอันใด? บอกมาให้จบก่อน แล้วข้าจะได้สั่งงานเจ้าบ้าง” “ขอเสด็จพ่อทรงบัญชาลูกก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงนิ่งตรองเล็กน้อย ก่อนจะทรงโบกพระหัตถ์ให้มู่ซุ่นและนางกำนัลที่คอยรับใช้ในห้องออกไป เมื่อไม่มีผู้ใดเหลืออยู่ จักรพรรดิเหวินจึงตรัสว่า “ครั้งนี้ที่ข้าไปซั่วเป่ย ข้าตั้งใจไปดูมันเทศที่จางซูพูดถึง ข้าถามผู้คนหลายคนแล้ว และมั่นใจว่ามันเทศนั้นให้ผลผลิตสูงมาก! ข้าตั้งใจจะนำมันเทศนั้นเข้ามาปลูกในเขตใน แต่เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นกลับบอกว่าต้องมาคุยเรื่องนี้กับเจ้า…” ต้องมาคุยกับตนเอง? เปลือกตาของหยุนลี่กระตุกทันที เขารับรู้ได้ในทันทีว่า เจ้าหก
ในขณะที่หยุนเจิงกำลังยุ่งอยู่กับการอุทิศตนเพื่อสุขภาพของสตรีทั่วหล้า จักรพรรดิเหวินก็กลับมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ มู่ซุ่นเดินทางกลับมาพร้อมกับจักรพรรดิเหวิน เมื่อหยุนลี่ทราบข่าว เขาก็นำคณะขุนนางมารับเสด็จทันที “จากราชสำนักมีใครส่งรายงานมาไหม?” จักรพรรดิเหวินทรงถามถึงเรื่องสำคัญทันทีที่เสด็จกลับมา “มีพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่รีบรายงาน “เซียวว่านโฉวนำทัพไปช่วยเจียวลู่อ๋องซื่อจื่อปราบปรามกบฏสำเร็จแล้ว แต่พวกเขาช้าก้าวหนึ่ง กัวซื่อนำกองกำลังหลายพันคนหลบหนีไปยังเผ่าต่างๆ ทางหมอซี เจียวลู่อ๋องซื่อจื่อได้ถวายฎีกาต่อราชสำนัก ขอพระราชทานพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาสืบตำแหน่งเจียวลู่อ๋อง…” หลังจากการปราบกบฏของกัวซื่อสำเร็จ หนานจ้าวและอวี้หนานในปีนี้ก็แสดงความจงรักภักดีได้ดีขึ้นมาก ทั้งสองแคว้นได้ส่งบรรณาการเข้ามา โดยจำนวนสิ่งของบรรณาการมากกว่าปีก่อนถึงสามส่วน ราชาหนานจ้าวยังได้กราบทูลขอส่งองค์ชายรัชทายาทมายังเมืองหลวงต้าเฉียนเพื่อศึกษาเล่าเรียน การฟื้นฟูหลังภัยพิบัติในทางใต้กำลังดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ เพียงแต่มีกลุ่มผู้ประสบภัยบางคนจุดไฟในหุบเขาเพื่อให้ความอบอุ่น จนเกิดไฟป่าครั
แต่ที่น่าเสียดายคือ เจียเหยาไม่ใช่สตรีแบบนั้น! ทุกความยินยอมและการประนีประนอมของเจียเหยาต่อเขาล้วนเกิดจากสถานการณ์บีบบังคับ เยี่ยจื่อย่อมชื่นชมเจียเหยาอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่หากเจียเหยาเป็นสตรีที่หลงใหลในความรักอย่างเดียว เยี่ยจื่ออาจไม่รู้สึกชื่นชมนาง และคงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่านางกับหยุนเจิงจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ "ไม่แน่หรอก" เยี่ยจื่อยิ้มบาง "เรื่องของความรัก ไม่มีใครในโลกนี้สามารถอธิบายได้ชัดเจน! เช่นเดียวกับข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะไม่สนใจสายตาของผู้คนในแผ่นดิน และรักชายคนหนึ่งอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เขา..." "เรื่องของพวกเจ้ามันไม่เหมือนกัน" หยุนเจิงบีบเบาๆ ที่ตัวเยี่ยจื่อ "พอแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด ไม่เช่นนั้นพอคนในจวนมาเรียกเราไปกินข้าวเย็น เจ้าคงอายอีกแน่" "ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิด้วยความอาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นเยี่ยจื่อสวมชุดชั้นใน หยุนเจิงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาอีก "ยังมองอยู่อีกหรือ?" เยี่ยจื่อปรายตามองหยุนเจิงด้วยความเข
เนื่องจากเยี่ยจื่อกำลังตั้งครรภ์ หยุนเจิงจึงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเกินไป อย่างไรก็ตาม พายุที่โหมกระหน่ำมีเสน่ห์ในแบบของมัน และสายฝนที่โปรยปรายก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ หลังจากหยุดยั้งความเร่าร้อน เยี่ยจื่อซบอยู่ในอ้อมอกของหยุนเจิงอย่างแมวน้อยเชื่องๆ "คืนนี้ข้าจะนอนที่ห้องของเจ้า" หยุนเจิงกอดร่างอ่อนนุ่มของเยี่ยจื่อไว้ ด้วยท่าทีที่ดูยังไม่พอใจ "อย่าเลย!" เยี่ยจื่อเอื้อมมือมาตบหน้าอกของหยุนเจิงเบาๆ "หากเจ้ามาอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องโดนเจ้ารังแกอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับลูก เราคงร้องไห้ไม่ออก เจ้าไปห้องเมี่ยวอินเถิด!" จากนิสัยของหยุนเจิง ต่อให้ใช้ปลายเท้าคิด นางก็รู้ว่าเขาต้องรังแกนางอีกสักหนึ่งหรือสองรอบหากเขาอยู่ในห้องนี้ แม้ว่าช่วงตั้งครรภ์จะไม่ใช่ว่าจะใกล้ชิดกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรทำบ่อยเกินไป "ลูกของข้าหยุนเจิง จะอ่อนแอขนาดนั้นได้อย่างไร?" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะวางมือลงบนหน้าท้องของเยี่ยจื่อโดยไม่รู้ตัว "เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิอย่างเขินอาย "เมื่อสองวันก่อน ลั่วเยี่ยนยังแอบมาบอกข้าเลยว่าเจ้าไปรังแกนางอีก จวนนี้มิใช่มีเพียงข้ากับลั่วเยี่ยนสองค
ชุดนี่มันชั้นแล้วชั้นเล่า ถอดออกแต่ละครั้งช่างเสียเวลาเสียจริง หยุนเจิงบ่นในใจพลางจัดการอยู่นาน กว่าจะถอดอาภรณ์ออกหมด แล้วรีบก้าวลงไปในถังอาบน้ำขนาดใหญ่ด้วยความกระตือรือร้น "ดูท่าทางเจ้าสิ!" เยี่ยจื่อจ้องมองหยุนเจิงด้วยความเขินอาย พลางหัวเราะเบาๆ "หากคนอื่นมาเห็นเข้า คงคิดว่าเจ้าคือโจรขโมยดอกไม้จริงๆ!" "ต่อหน้าเจ้า ข้าก็เป็นโจรขโมยดอกไม้ดีๆ นี่เอง!" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง แล้วดึงเยี่ยจื่อเข้ามาในอ้อมกอด เกรงว่าเยี่ยจื่อจะหนาว หยุนเจิงจึงราดน้ำอุ่นลงบนตัวนาง แน่นอนว่า ระหว่างนี้มือเจ้าเล่ห์ของหยุนเจิงก็ไม่วายลวนลามบนตัวเยี่ยจื่อ เยี่ยจื่อปล่อยให้หยุนเจิงทำตามใจ พลางยื่นนิ้วเรียวขาวลูบไล้รอยแผลเป็นที่เอวของเขา นางจำได้ว่ารอยแผลนี้เกิดขึ้นจากศึกที่หยุนเจิงสังหารฮูเจี๋ยฉานอวี่ นั่นน่าจะเป็นการบาดเจ็บที่หนักที่สุดของหยุนเจิงนับตั้งแต่คุมทัพมา โชคดีที่เป็นเพียงบาดแผล ไม่ได้ถึงแก่ชีวิต ตอนนี้บาดแผลนั้นสมานแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังคงปรากฏอย่างชัดเจน "ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป" เยี่ยจื่อก้มหน้าพลางพึมพำ "หากวันใดเจ้ามิได้เป็นเช่นนี้ คงเพราะเราชราและห
หลังจากส่งสาวรับใช้หน้าประตูไปแล้ว หยุนเจิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที ก่อนจะผลักประตูเข้าไป "อิงเถา ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงใครผลักประตูเข้ามา" เสียงของเยี่ยจื่อดังมาจากหลังฉากกั้น "บ่าวก็เหมือนจะได้ยินเหมือนกัน บ่าวจะไปดูเจ้าค่ะ" อิงเถาตอบรับแล้วรีบวิ่งออกมาจากหลังฉากกั้น นางเพิ่งจะออกมาก็เห็นหยุนเจิงยืนอยู่ในห้อง เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่คนอื่นที่บังอาจบุกรุกเข้ามา อิงเถาถึงได้คลายความกังวลก่อนจะรีบคำนับ แต่ก่อนที่อิงเถาจะทันได้พูดอะไร หยุนเจิงก็ทำท่าทางให้เงียบ และโบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้อิงเถาออกไป ดูเหมือนอิงเถาจะเดาได้ว่าหยุนเจิงตั้งใจจะทำอะไร ใบหน้าของนางพลันขึ้นสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว หยุนเจิงปิดกลอนประตูจากด้านใน แล้วค่อยๆ ย่องไปทางหลังฉากกั้น "อิงเถา มีคนผลักประตูหรือไม่?" เยี่ยจื่อเอ่ยถาม ความคิดซุกซนของหยุนเจิงเริ่มเล่นงาน เดิมทีเขาตั้งใจจะจู่โจมเยี่ยจื่ออย่างไม่ให้ทันตั้งตัว แต่คิดได้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ เกรงว่าจะทำให้นางตกใจจนเกิดเรื่องไม่คาดคิด จึงเอ่ยขึ้นว่า "มีสิ มีโจรขโมยดอกไม้คนหนึ่ง" เมื่อได้ยิน เยี่ยจื่อหน้าถ
หยุนเจิงกลับมาจากโรงงานผลิตอาวุธ เพียงแค่เดินมาถึงหน้าจวนอ๋อง ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกวุ่นวายดังมาจากในจวน พอเข้าไปในจวนตามคาด เขาเห็นเหล่าเด็กซนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในลานหน้า ลูกชายสองคนกับลูกสาวหนึ่งคนของฉินชีหู่ รวมถึงลูกชายของอดีตรัชทายาท มาที่จวน และกำลังเล่นปาหิมะกับเสิ่นเนี่ยนฉือและฉีเหยียน เด็กๆ เหล่านั้นต่างสวมเสื้อผ้าหนาเตอะเหมือนหมี แม้จะล้มลงบนพื้นหิมะก็ไม่รู้สึกเจ็บ “คารวะฝ่าบาท!” เมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา อาจารย์ที่คอยดูแลเด็กๆ รีบเข้ามาคารวะ “พอเถอะ ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอยู่ในจวนไม่ต้องเคร่งขนาดนั้น” หยุนเจิงโบกมือพลางถามว่า “พี่สะใภ้ตระกูลฉินมาที่นี่แล้วหรือ?” “เจ้าค่ะ” ซินเซิงยิ้มบางๆ ขณะช่วยปัดหิมะออกจากเสื้อหยุนเจิง พลางตอบว่า “ช่วงบ่ายฮูหยินฉินก็มากับเด็กๆ ตอนนี้คงเล่นไพ่นกกระจอกกับเหล่าพระชายาอยู่” หยุนเจิงว่า “เช่นนั้นข้าไปดูสักหน่อย เจ้าเฝ้าเด็กๆ ไว้ อย่าให้พวกเขาเล่นจนเหงื่อออกมากนัก” “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” ซินเซิงพยักหน้าเบาๆ หยุนเจิงมองดูเด็กซนที่กำลังเล่นอย่างบ้าคลั่ง และครุ่นคิดในใจว่าจะให้พวกเขาทำ “การบ้านช่วงปิดเทอม