ปานปู้หัวเราะแห้ง “รอให้พวกเขาส่งเครื่องยิงธนูมาถึง พวกข้าคงขนศพพวกนี้กลับไปตั้งนานแล้ว!”“ได้ ข้าให้โอกาสเจ้า!”หยุนเจิงหัวเราะฮ่าๆ แล้วสั่งการให้ทหารเปลี่ยนองศาไปยังตำแหน่งที่ยิงไม่ถึงทหารม้าเป่ยหวน แล้วพูดกับปานปู้ว่า “ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะสามารถย้ายศพพวกนี้ไปได้หรือไม่!”เห็นการกระทำของหยุนเจิงแล้ว ปานปู้พลันแอบสงสัยอยู่ในใจหยุนเจิงทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ปานปู้ก็ได้สั่งให้ทหารข้างกายสองคนเข้าไปใกล้ศพไม่มีเครื่องยิงธนูแล้ว ทหารข้างกายจึงเดินไปข้างหน้าอย่างใจกล้าแต่แล้ว ขณะที่พวกเขาไปเคลื่อนย้ายศพอยู่นั้น ถึงจะพบว่าไม่สามารถขยับร่างศพเหล่านั้นได้เลยไม่ว่าจะออกแรงมากเพียงใด ก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายศพได้ไม่นาน ทหารข้างกายทั้งสองคนก็เดินไปหาปานปู้มือเปล่าเมื่อเห็นท่าทีของทั้งสองแล้ว ทหารต้าเฉียนจึงหัวเราะเยาะขึ้นมา“เกิดอะไรขึ้น?”ปานปู้ถามด้วยสีหน้านิ่งขรึม“ศพถูกคนใช้น้ำรดทุกร่างจึงแข็งตัวรวมกัน ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้เลยขอรับ!”ทหารข้างกายกัดฟันกล่าว แล้วมองไปที่หยุนเจิงด้วยสีหน้าโหดร้ายได้ยินคำพูดของทหารข้างกายแล้ว สีหน้าของปานปู้ก็ย
ปานปู้ไม่เคยคิดว่าตนจะเสียเปรียบถึงเพียงนี้แถมยังเสียเปรียบให้กับหยุนเจิงคนปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่ด้วยสารเลวคนนี้ วางแผนพวกเขาตั้งแต่แรกเริ่มแต่พวกเขากลับถูกไอ้สารเลวนี่ทำให้สับสน ไม่คิดเลยว่าไอ้สารเลวนี่จะลอบกัดถึงเพียงนี้ตอนนี้ พวกเขาสามารถจากไปโดยไม่รับผิดชอบใดๆ เลยก็ได้แต่พวกเขามอบม้าศึกจำนวนสองพันตัวไปแล้ว!หากกลับไปมือเปล่าเช่นนี้ เขาไม่รู้เลยว่าจะรายงานต่อแม่ทัพคนอื่นๆ อย่างไรหรือเขาจะเสียเวลาต่อกับหยุนเจิงก็ได้แต่ทว่าหยุนเจิงมีปัญญานั้น เขาไม่มีถึงแม้องค์ชายใหญ่จะนำกองทหารม้าครึ่งหนึ่งกลับไปชายแดนเว่ยก่อนแล้ว แต่ทหารม้าที่เหลือของพวกเขาไม่มีเสบียงเหลือมากนัก!เดิมทีพวกเขาเพียงแค่คิดว่าจะบุกอย่างรวดเร็ว แล้วโจมตีซั่วฟางค่อยชิงเสบียงมา!เสบียงที่เหลืออยู่ในตอนนี้ คนยังพอว่า เพราะสามารถกินอาหารแห้งได้แต่ทว่าม้าไม่สามารถทนได้มากกว่าสองวันแน่นอน!อย่างมากก็เสียเวลาอยู่ที่นี่หนึ่งวัน พวกเขาก็จะเดินทางกลับกันแล้ว!เพราะอย่างไร เดินทางกลับชายแดนเว่ยก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน!ถึงพวกเขาจะไป ศพพวกนี้ก็ยังคงตกอยู่ในมือหยุนเจิง!แต่ทว่าหากพวกเขามอบม้าศึกอีกหนึ่งพันตัวให้
ไอ้สุนัขนี่!แม้แต่ม้าของตนก็จะเอา?เหตุใดไม่ไปตายเสียเล่า?“ราชครูคงไม่ได้ตัดใจไม่ลงหรอกกระมัง?”หยุนเจิงหัวเราะ “ม้าศึกสามพันตัว ราชครูจะยอมให้ได้เลย บัดนี้ข้าขอเพียงม้าศึกตัวเดียวเท่านั้น แต่ราชครูกลับตัดใจให้ไม่ได้? ราชครูไม่กลัวว่าแม่ทัพเป่ยหวนจะบอกว่าเจ้า…”“พอแล้ว!”ปานปู้คัดคำพูดของหยุนเจิง “ข้าให้เจ้า!”กล่าวจบ ปานปู้พลันลงจากม้าอย่างลำบากใจ“ราชครู ให้ไม่ได้นะขอรับ!”ทหารข้างกายห้ามปราม “ไอ้สารเลวคนนี้เป็นคนถ่อยไม่รักษาคำพูด เขา…”“หุบปาก!”ปานปู้ขัดคำพูดของทหารข้างกายอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยเสียงต่ำว่า “หากข้าไม่ให้ เจ้าจะให้แม่ทัพทหารเหล่านี้มองข้าอย่างไร?”หยุนเจิงจับทางเรื่องนี้ได้ถึงได้กล้าขอม้าของเขาเขาเองก็ไม่อยากให้เช่นกัน แต่เขาไม่ให้ไม่ได้!เหมือนอย่างที่หยุนเจิงบอกว่าม้าศึกสามพันตัวเขายังมอบให้ได้!แต่พอมาของตนเอง ตนกลับไม่ยอมมอบม้าออกไป เช่นนั้นต่อไปจะควบคุมฝูงชนได้อย่างไร?ปานปู้จะไม่อยากมอบให้แค่ไหน ก็ทำได้เพียงส่งมอบออกไปเท่านั้นไม่นาน ม้าก็ถูกส่งไปยังหุบเขา“ม้านั่นติดตามข้ามามากกว่าสามปีแล้ว องค์ชายหก ขอให้โชคดี!”ปานปู้ไม่กล้ามองดูม้าสุดที่ร
ติ้งเป่ย!“ชัยชนะอันยิ่งใหญ่! ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของซั่วฟาง!”ทหารส่งสารที่มีธงสีแดงสามธงบนหลังรีบวิ่งไปที่ประตูทิศตะวันตกของติ้งเป่ยเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของทหารส่งสารแล้ว ทหารเฝ้าป้อมปราการเมืองต่างก็เริ่มวิจารณ์กันขึ้นมา“ซั่วฟางประกาศชัยชนะอีกแล้ว?“ไม่ใช่หรอกกระมัง?”“ไม่แน่อาจจะประกาศชัยชนะครั้งก่อนก็ได้?”“จะเป็นไปได้อย่างไร? ครั้งนั้นผ่านมาสิบกว่าวันแล้ว! ไม่มีทางประกาศซ้ำห่างกันนานเพียงนี้หรอก!”“แล้วนี่เป็นชัยชนะจากไหนกัน? ทหารธรรมดาของซั่วฟางกลุ่มหนึ่งทำสงครามชนะทุกครั้ง แต่เรากลับอยู่แต่ในเมืองไม่ออกไปไหน นี่มันขายหน้าชะมัด!”“เฮ้อ ใครว่าไม่จริงล่ะ?”ทหารกลุ่มหนึ่งวิจารณ์กันพลัน ชาวบ้านในเมืองก็เช่นกันในขณะที่ทหารส่งสารวิ่งเข้าไปในจวนแม่ทัพใหญ่มณฑลฝ่ายเหนือ ข่าวเกี่ยวกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่อีกครั้งของซั่วฟางก็แพร่กระจายไปราวกับไฟป่าเมื่อเห็นรายงานการต่อสู้ที่ทหารส่งสารส่งมา เว่ยเหวินจงก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างคนของหยุนเจิง อวี๋ซื่อจง และเฝิงอวี้ทั้งสองคน อ่านแผนการที่จะโจมตีค่ายของเป่ยหวนได้ทะลุปรุโปร่ง และใช้ไฟกวาดล้างทหารที่มาโจมตีค่ายจำนวนหนึ่งหมื่นนายของเป่ย
“ประเดี๋ยวตอนพบท่านอ๋องค่อยพูดกับเขาอีกทีแล้วกัน!”เว่ยเหวินจงกล่าว “รอดูความเห็นของท่านอ๋องก่อน ข้าเชื่อว่าท่านอ๋องเป็นคนมีเหตุผลอยู่แล้ว”“อื้ม!”ตู๋กูเช่อพยักหน้าเบาๆ ไม่พูดอะไรใดๆเร่งม้ามาตลอดทั้งทาง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหุบผาชันช่องลมก่อนที่ฟ้าจะมืดวินาทีนี้ คนของหยุนเจิงกำลังทำความสะอาดสนามรบอยู่ใช้คำพูดของหยุนเจิงนั่นคือ ศพพวกนี้ให้คนอื่นดูประเดี๋ยวเดียวก็ต้องกำจัดทันทีมิเช่นนั้นจะเกิดโรคระบาดได้มองดูร่างษพที่เต็มเกลื่อนเป็นภูเขาตรงหน้านี้ ทั้งสองจำต้องเชื่อเนื้อหาในรายงานผลสงคราม“ท่านอ๋องอยู่หรือไม่?”เว่ยเหวินจงหยุดทหารคนหนึ่งไว้แล้วถาม“ท่านอ๋องอยู่ในป้อมทหารลาดตระเวนขอรับ”ทหารชี้ไปยังป้อมทหารลาดตระเวนที่ผุพังป้อมทหารลาดตระเวนนี่ถือเป็นสถานที่หลบภัยที่สมบูรณ์ที่สุดในบริเวณรอบๆ แล้วเพราะกระโจมค่ายเหล่านั้นไหม้เป็นผุยผงไปหมดแล้ว“บริเวณผิวแม่น้ำนั่นเกิดอะไรขึ้น?”ทันใดนั้น เว่ยเหวินจงสังเกตเห็นหลุมขนาดใหญ่บริเวณบนแม่น้ำอุณหภูมิที่สูงทำให้ชั้นน้ำแข็งบนผิวแม่น้ำละลายร่างศพที่ไม่ถูกเผาล้วนจมลงไปในแม่น้ำทั้งหมด“ข้าพอจะเดาออกแล้วล่ะ”ตู๋กูเช่อกล่าว “แ
การกระทำของหยุนเจิงกะทันหันเกินไปแม้ว่าเว่ยเหวินจงจะฝีมือดี แต่ก็ไม่ได้ทำการป้องกันตัวจึงไม่ได้หลบหลีกเลยแม้แต่น้อยทั้งตู๋กูเช่อและทหารข้างกายล้วนอ้ำอึ้งแม้แต่ทหารอารักขาของหยุนเจิงเองก็อึ้งด้วยเช่นกันไม่มีใครคาดคิดว่าหยุนเจิงจะกล้าเตะเว่ยเหวินจงลงพื้นแม้ว่าหยุนเจิงจะเป็นท่านอ๋อง แต่อย่างไรเว่ยเหวินจงก็เป็นถึงผู้บังคับบัญชาของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือเชียวนะ!ปกติเขามักใช้สถานะที่เป็นท่านอ๋องมาโต้เถียงกับเว่ยเหวินจง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแต่เขาเตะเว่ยเหวินจงให้ล้มลงกับพื้นต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้มันข้ามหัวกันชัดๆ!หากอยู่ในกองทหารล่ะก็ อย่างต่ำก็ต้องโบยยี่สิบทีแล้ว!เว่ยเหวินจงเองก็ถูกเตะจนมึนงง ผ่านไปนานกว่าจะได้สติไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เพราะมึนงงจริงๆ!“หยุนเจิง!”เว่ยเหวินจงพ่นเสียงตะคอกออกมาแล้วลุกขึ้นด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “เจ้ากล้ารังแกข้า? คิดว่าเจ้าเป็นท่านอ๋องแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรือ?”“เด็กๆ!”ด้วยเสียงตะคอกของหยุนเจิง ทหารที่อยู่ข้างนอกพลันวิ่งพรวดเข้ามาทันที“หยุด!”เว่ยเหวินจงและทหารข้างกายของตู๋กูเช่อเรียกสติกลับมาได้ แล้วรีบชักดาบคุ้มกันทั้งสองในบัดดล
อย่าว่าแต่หยุนเจิงเลย ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็สงสัยเว่ยเหวินจง!เพราะอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เขาเคยบอกกับเว่ยเหวินจงเพียงผู้เดียวเท่านั้นตัวเขาเองไม่ได้เอาแผนการไปบอกกับคนของเป่ยหวน แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?ในเมื่อไม่ใช่เขา เช่นนั้นก็ต้องเป็นเว่ยเหวินจงแล้ว!“ใส่ร้าย! เจ้ากำลังใส่ร้ายข้า!”เว่ยเหวินจงโกรธจัด “คิดจะป้ายความผิดฐานร่วมมือกับศัตรูให้กับข้า ถามหรือยังว่าพลทหารสองแสนนายของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือตกลงหรือไม่?”“ใส่ร้าย?”หยุนเจิงหัวเราะแห้ง “ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าเจ้าคิดจะฆ่าข้า ข้ายังไม่เชื่อ! บัดนี้ เจ้ากระโดดออกมาเองแล้ว ข้าไม่เชื่อไม่ได้จริงๆ!”สีหน้าของเว่ยเหวินจงมึดมน “ใครบอกว่าข้าคิดจะฆ่าท่านอ๋อง? ให้มันออกมาซะ!”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง!”หยุนเจิงแค่นเสียงเย็นชา แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นเยือกว่า “เว่ยเหวินจง แม้แต่ข้าที่นำทหารไม่เป็นคนหนึ่งยังรู้เลยว่าทันทีที่เป่ยหวนครอบครองซั่วฟาง ทั้งซั่งเป่ยก็จะถูกกดขี่ทันที!”“เจ้าที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของมณฑลจะมองไม่ออกเลยหรือไง?”“ดาบในมือข้าเล่มนี้ เสด็จพ่อพระราชทานให้กับข้าต่อหน้าขุนนางและเมืองหลวง! เจ้ากล้านำความปลอดภัยของ
ได้ยินหยุนเจิงเอ่ยมุ่งมั่นเช่นนี้แล้ว ตู๋กูเช่อก็อดไม่ได้ขมวดคิ้วมุ่นหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตู๋กูเช่อพลันเอ่ยจริงจังว่า “ท่านอ๋อง ท่านวางดาบลงก่อน เราค่อยๆ คุยกัน ในนี้จะต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ!”“ได้! ข้าจะคอยดูว่าพวกเจ้าจะคุยอย่างไร!”หยุนเจิงเก็บดาบในมือ แล้วชี้ไปที่ทหารข้างกายของทั้งสอง “มัดตัวพวกเขาไว้ก่อน! แล้วข้าจะค่อยๆ คุยกับพวกเจ้า!”เว่ยเหวินจงกำลังจะห้าม แต่ตู๋กูเช่อกลับส่ายหน้าเบาๆ “ให้ท่านอ๋องมัดไปเถอะ! ขอแค่เราไม่ได้กระทำผิด ข้าเชื่อว่าท่านอ๋องไม่ทำอะไรเราแน่นอน!”เว่ยเหวินจงเงียบอยู่พักหนึ่ง แล้วส่ายศีรษะให้กับทหารข้างกายเหล่านั้นหลังจากได้รับคำสั่งของเว่ยเหวินจงแล้ว คนเหล่านั้นจึงระงับความต้องการต่อต้านเอาไว้ แล้วยอมปล่อยให้ทหารของหยุนเจิงมัดตัว“พวกเจ้าเองก็ถอยไปก่อน!”หยุนเจิงโบกมือให้กับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่น“ถ้าพวกเขาคิดจะทำร้ายท่านจะทำอย่างไร?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเอ่ยหงุดหงิด“พวกเขาไม่กล้าหรอก!”หยุนเจิงส่ายศีรษะ “ถึงแม้พวกเข้าคิดจะฆ่าข้า ก็กล้าใช้แค่วิธีลอบสังหารเท่านั้น! ข้ามอบความกล้าให้กับพวกเขา พวกเขาก็ไม่กล้าฆ่าข้าโดยตรงหรอก!”“หวัง