พอยุ่งทีไร เวลาครึ่งชั่วยามก็ผ่านไปไวเหมือนโกหกจนกระทั่งทั้งสองวางแผนตำแหน่งของงานแต่ละฝ่ายเสร็จ หยุนเจิงถึงจะกลับฐานแต่ทว่า หยุนเจิงไม่ได้ไปพบฮั่วกู้โดยตรง เพียงแค่สั่งการเกาเหอว่า “ไปหยิบชุดเกราะทองอันล้ำค่าของข้ามา!”“ขอรับ!”เกาเหอพยักหน้าตอบรับไม่นาน เกาเหอก็นำชุดเกราะทองอันล้ำค่ามาพร้อมสวมใส่ให้กับหยุนเจิงนี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเจิงสวมใส่หลังจากที่ได้รับพระราชทานชุดเกราะจากจักรพรรดิเหวิน“องค์ชาย ชุดเกราะนี้สง่ามากจริงๆ!”เกาเหอเอ่ยชมด้วยความจริงใจ นัยน์ตามีกลิ่นอายของความอิจฉาเผยออกมาเล็กน้อยชุดเกราะทองอันล้ำค่านี้เป็นชุดเกราะที่ล้ำค่าที่สุดของราชวงศ์ต้าเฉียนแล้วทั้งกองทหารมณฑลทางเหนือ นอกจากท่านอ๋องกับพระชายาแล้ว ผู้ที่มีสิทธิ์สวมชุดเกราะนี้มีไม่เกินสามคน!“เจ้าอย่าได้อิจฉาเลยนะ”หยุนเจิงหัวเราะฮ่าๆ แล้วเอ่ยหยอกล้อว่า “ข้าไม่สามารถสร้างชุดเกราะนี้ได้หรอกนะ อย่างมากก็ทำได้เพียงให้เจ้ายืมใส่ครู่หนึ่งเท่านั้น”เกาเหอได้ยินดังนั้นพลันรีบส่ายศีรษะยิ้มแห้ง “ข้าน้อยไม่กล้าใส่หรอกขอรับ”“ไม่เป็นไร!”หยุนเจิงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “แอบใส่ตอนอยู่ด้วยกันให้รับรู้ถึงเกียร
แอบเก็บชุดเกราะไว้คนเดียวเทียบเท่ากับการก่อกบฎเลยนะ!คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าหยุนเจิงจะกล่าวหาว่าเขาแอบเก็บชุดเกราะได้หลังจากที่สติลอยไปชั่วขณะ ฮั่วกู้ก็รีบควบคุมสติอารมณ์ของตนอย่างรวดเร็วเรื่องนี้ ไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวล!เขาไม่เคยทำเรื่องนี้!หยุนเจิงกล่าวหาว่าเขาแอบเก็บชุดเกราะ ไม่เท่ากับว่าเขาต้องแอบเก็บชุดเกราะจริงๆคิดอยากโยนความผิดฐานแอบเก็บชุดเกราะไว้คนเดียวให้กับตนนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!ฮั่วกู้รีบสงบสติอารมณ์ในแน่วแน่ แล้วเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ท่านอ๋องไม่รู้เสียแล้ว ครั้งนี้ ทหารจากกระทรวงต่างๆ ถูกระดมพลเพื่อฝึกฝน คลังแสงไม่สามารถผลิตชุดเกราะได้มากมายในคราวเดียว ไม่เพียงแต่ฝั่งท่านอ๋องเท่านั้น แต่รวมถึงกระทรวงทั้งหมดที่เข้ารับการฝึกฝนด้วย…”ทหารที่เข้าร่วมการฝึกฝนในครั้งนี้มีทั้งหมดนับแสนกว่านาย!ชุดเกราะก็เสียหายได้นะ!คนเหล่านี้ใช้งานมาห้าปีกว่าแล้ว!ชุดเกราะที่พวกเขาเก็บกลับมาที่คลังแสง ส่วนใหญ่ก็เอาไปทดแทนให้กองทหารที่เตรียมรบอยู่เสมอแล้วชุดเกราะกับอาวุธยุทโธปกรณ์นั้นแตกต่างกันแต่ละเมืองแต่ละกระทรวงต่างก็มีอาวุธที่คัดเลือกโดยเฉพาะอยู่แล้วด้วยเหตุนี้ อาวุธจึง
แม่ทัพที่ถูกปลดเหล่านี้อยากขัดขืน แต่ก็ไม่กล้า ทำได้เพียงปล่อยให้เกาเหอและโจวมี่ยึดอาวุธของพวกเขา“ตัดซะ!”หยุนเจิงตะคอกเสียงต่ำอีกครั้งอะไรนะ?คราวนี้ แม้แต่เกาเหอกับโจวมี่ก็อ้ำอึ้งด้วยเช่นกันท่านอ๋องจะตัดศีรษะพวกเขา?ท่านอ๋องคิดจะฆ่าไก่ขู่ลิงรึ?ส่วนแม่ทัพที่ถูกปลดเหล่านั้นก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด ต่างก็ส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ฮั่วกู้แม้แต่ฝันพวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่ไปฟ้องฮั่วกู้ หยุนเจิงก็จะตัดหัวพวกเขานี่มันไม่เห็นแก่กฎหมายเลยชัดๆ!“ท่านอ๋อง!”คราวนี้ฮั่วกู้โมโหจริงๆ แล้ว เขายืนบังข้างหน้าคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าเยือกเย็น “ถึงแม้ท่านอ๋องจะมีฐานะสูงส่ง แต่ก็ไม่อาจเข่นฆ่าแม่ทัพในกองทหารตามอำเภอใจได้! หากท่านอ๋องทำตามอำเภอใจเช่นนี้ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”“เจ้ากำลังขู่ข้าอยู่นั้นรึ?”มีไอเย็นวาบผ่านสายตาของหยุนเจิง ดวงตาทั้งสองข้างจ้องที่ฮั่วกู้เขม็ง “ข้ายืนอยู่ตรงนี้ไม่ขยับ แถมให้โอกาสแก่เจ้า ดูซิว่าเจ้าจะกล้าชักดาบต่อหน้าข้าหรือไม่!”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่ค่อยดี โจวมี่จึงรีบสั่งการให้องค์รักษ์รอบๆ ไปตามเสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นได้ชัดว่าหยุนเจิงกำลังกริ้วโกรธ!พวกเขากลัว
หยุนเจิงให้พวกเขาตัดอาวุธของแม่ทัพพวกนี้น่ะหรือ?หากเขาหมายความเช่นนี้จริง เหตุใดถึงไม่พูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเล่า?ไม่นาน เกาเหอและโจวมี่ก็ได้สติองค์ชายหกตั้งใจทำให้คนเข้าใจผิด!หรือไม่ก็เพราะต้องการทำให้แม่ทัพที่หนีไปฟ้องฮั่วกู้เหล่านี้ตกใจกลัว หรือไม่ก็กำลังทำลายศักดิ์ศรีของฮั่วกู้!หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง“ยืนบื้ออะไรอยู่อีก?”หยุนเจิงจ้องเกาเหอกับโจวมี่ “เร็วเข้าสิ ตัดอาวุธพวกมันซะ!”ตัดดาบเฉยๆ!ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว!ทั้งสองมึนงงเล็กน้อย แล้วหยิบอาวุธของแม่ทัพเหล่านั้นขึ้น จากนั้นก็ชักดาบของตนออกโดยไม่ลังเล เสียง “ต๊องแต๊ง” ดังขึ้น อาวุธของแม่ทัพเหล่านั้นก็ขาดออกเป็นสองท่อนเมื่อเห็นดาบที่หักเป็นสองท่อนบนพื้นแล้ว สีหน้าของฮั่วกู้ก็เปลี่ยนแม่ทัพที่สติหลุดเหล่านั้นต่างก็มองอาวุธที่ขาดสะบั้นบนพื้นด้วยสีหน้าตะลึงใจเช่นกันตัด…ตัดเช่นนี้ได้เลยหรือ?นี่มันอาวุธอะไรกัน?ถึงได้สามารถตัดอาวุธให้ขาดง่ายๆ เพียงนี้?ไม่รอให้คนเหล่านั้นได้สติ หยุนเจิงพลันรับดาบมาจากเกาเหอให้โยนให้กับฮั่วกู้หยุนเจิงมองฮั่วกู้นิ่งๆ “แม่ทัพฮั่ว ท่านคิดว่าดาบนี้เป็นอย่างไร?”ฮั่วกู้รวบรวมสติ แล
ระหว่างที่พูด ฮั่วกู้ก็รีบโค้งคำนับขอโทษหยุนเจิงทันทีเห็นท่าทีของฮั่วกู้แล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงรีบเบือนหน้าหนีพยายามกลั้นหัวเราะสุดฤทธิ์หยุนเจิงไอ้สารเลวนี่ร้ายกาจจริงๆ!ฮั่วกู้มาพบเขาเพื่อต้องการคำอธิบายจากเขา ทว่าไม่เพียงแต่ถูกเขาทำจนตกใจไปยกใหญ่ แถมบัดนี้ยังย้อนกลับมาขอร้องเขาด้วย?ไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดในสมองของไอ้สารเลวคนนี้ถึงได้มีแผนการร้ายกาจมากมายเพียงนี้เขาอาศัยอยู่ในเรือนปี้ปัวมาหลายปี วันๆ คงเอาแต่คิดวิธีเล่นงานคนอื่นสินะ?เมื่อเห็นว่าเรื่องใหญ่พอควรแล้ว หยุนเจิงเองก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “เดิมทีข้าคิดจะเอาดาบล้ำค่าเช่นนี้พันเล่มมาแลกชุดเกราะกับเจ้าพันชุด หากทางราชสำนักนำชุดเกราะมาสนับสนุนกระทรวงข้าครบเมื่อไหร่ ข้าค่อยนำชุดเกราะไปคืนเจ้า แต่ดาบพวกนั้นก็ให้เจ้าเหมือนเดิม! แต่เจ้ากลับย้อนมาข่มขู่ข้า?”เมื่อฟังคำพูดของหยุนเจิงแล้ว หัวใจของฮั่วกู้พลันกระตุกไหวชุดเกราะหนึ่งพันชุดแลกดาบรบหนึ่งพันเล่ม?ที่สำคัญ เมื่อถึงตอนนั้นยังจะคืนชุดเกราะให้กับเขาด้วย!คิดคำนวณไปมาก็เท่ากับเขามอบดาบล้ำค่าพันเล่มนี้ให้เขาเปล่าๆ!นี่มันธุรกิจที่มีแต่ได้กั
ฮั่วกู้คิดว่าเจอกำไรก้อนใหญ่แล้วเสียอีกบัดนี้ดูแล้วกำไรก้อนนี้คงจะเก็บได้ไม่ง่ายนัก“ดูเจ้าซิ!”หยุนเจิงจ้องฮั่วกู้เขม็ง “ข้าหมายความว่า วัสดุที่เจ้าสามารถหามาให้ได้ก็ส่งมา! หากหาไม่ได้ เดี๋ยวข้าจะควักเงินไปซื้อเอง! ข้าจะเอาเปรียบเจ้าได้หรือไงกัน?”“อ้อๆ…”ฮั่วกู้หัวเราะร่าราวกับเข้าใจแจ่มแจ้ง “เช่นนั้นก็รบกวนท่านอ๋องแล้ว! ข้าจะจัดแจงช่างตีเหล็กมาให้โดยเร็ว!”“อืม ตามนี้แล้วกัน!”หยุนเจิงนวดดวงตา “พวกเจ้าไปทำธุระของพวกเจ้าเถอะ! ยังมีเรื่องในฐานทัพต้องทำอีกเยอะ ข้าเองก็ต้องกลับไปแล้วล่ะ!”“ขอตัวก่อนขอรับ!”ฮั่วกู้รีบพาแม่ทัพสองสามคนออกไปอย่างรวดเร็วผู้คนกำลังจะออกจากฐานทัพ ทว่ากลับเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินไล่แกะไปยังฐานทัพในรถไม้นั่นยังมีไก่เป็ดปลาเนื้อจำนวนมาก ดูเสียจนต้องกลืนน้ำลาย“พวกเจ้าทำอะไรน่ะ?”ฮั่วกู้เรียกทหารคนหนึ่งไว้ แล้วตะคอกไม่พอใจ “ของบำรุงพวกนี้ ใครให้พวกเจ้าส่งมา?”มารดามันเถอะ!ทหารชั้นยอดของตนยังไม่เคยได้รับของบำรุงเช่นนี้เลย!แต่กลับส่งเนื้อมากมายเพียงนี้มาให้กับทหารถุนเถียนพวกนี้อีก?ของดีๆ มอบให้กับหยุนเจิงผู้เป็นท่านอ๋องคนนี้หมดจริงๆแม่ทัพน้
อีกอย่าง คนอื่นเขาเพียงแค่หาคนมาเรียกร้องความยุติธรรมเท่านั้น เขาจะตัดศีรษะคนอื่นเขาทำไมกัน?ไม่ชอบใจก็แค่ทำให้ตกใจสักหน่อยเป็นพอ!จะตัดศีรษะจริงๆ ได้อย่างไร!“อืมๆ!”ทุกคนพยักหน้า แล้วออกไปจากกระโจม“ท่านจะให้ดาบห้าร้อยเล่มกับพวกเขาจริงหรือ?”จนถึงบัดนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนถึงได้ถามหยุนเจิงอย่างสงสัยนางรู้สึกว่าหยุนเจิงจอมร้ายกาจนี่ไม่มีทางมอบดาบให้ฮั่วกู้แน่นอน“ให้สิ!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้มๆ “ข้าน่ะเชื่อได้ที่สุดแล้ว บอกว่าจะให้ก็ต้องให้!”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้ว เอ่ยไม่พอใจ “คนของเรายังมีคนมากมายที่ไม่มีอาวุธนั้นเลย!”ปัจจุบัน นอกเหนือจากนางและหยุนเจิงแล้ว คนที่สามารถติดตั้งอาวุธที่สร้างจากเหล็กมีลวดลายก็มีเพียงทหารจวนหนึ่งพันนายของหยุนเจิงและองครักษ์ข้างกายอย่างพวกเกาเหอเท่านั้นแม้แต่ทหารรักษาพระองค์สิบกว่านายที่นางคัดเลือกจากตระกูลเสิ่น ก็ไม่มีอาวุธนี้ใช้ด้วยซ้ำ“รอให้ตีดาบเสร็จก็มีแล้วไม่ใช่หรือไง?”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มแย้ม “ฮั่วกู้จะส่งช่างตีเหล็กมาไม่ใช่หรือ? ถึงตอนนั้นผนวกกับช่างตีเหล็กของเรา เพียงแค่ชำนาญแล้วไม่นานก็จะสามารถสร้างอาวุธของทุกคนออกมาได้.“เช่นนั้นสามารถ
คนเยอะกำลังมาก เพิ่งผ่านช่วงเย็นไป ต้นแบบของโรงหลอมก็ปรากฏขึ้นแล้วถึงจะหยาบไปหน่อย แต่ขอแค่ใช้งานได้ก็เป็นพอ!เรื่องอื่นสามารถใช้ไปแก้ไปได้ขณะที่เข้าใกล้ช่วงค่ำ ฮั่วกู้ก็ได้ส่งคนนำชุดเกราะหนึ่งพันชุดมาให้คนที่รับผิดชอบนำชุดเกราะมาส่งคือหม่าเซียนและทหารร้อยนายของเขาพวกเขาเพิ่งเข้าใกล้ที่หมาย ก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นของเนื้อกลิ่นหอมที่ลอยแตะจมูกทำให้ผู้คนอดกลืนน้ำลายไม่ได้“หม่าโถวเอ๋อร์ ทหารพวกนี้กินอะไรอยู่กัน? กลิ่นหอมเชียว!”ทหารหวังกุ้ยพลางกลืนน้ำลายพลางถามหม่าเซียน“ไร้สาระ!”หม่าเซียนตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ปกติเจ้าชอบบอกว่าตนเป็นจมูกสุนัขไม่ใช่หรือ? กลิ่นหอมของเนื้อชัดเจนปานนี้ดมไม่ออกหรือ?”“ข้ารู้ว่านี่กลิ่นหอมจากเนื้อ!”หวังกุ้ยกลืนน้ำลายอีกครั้ง “แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่าทหารพวกนี้จะได้กินเนื้อน่ะ!”กินเนื้อสำหรับทหารธรรมดาทั่วไปแล้วเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยมากแม้จะเป็นกองทหารมณฑลทางเหนืออย่างมากก็ได้กินเนื้อเพียงแค่เดือนละสองครั้งเท่านั้นอีกอย่าง เนื้อยังน้อยมากเสียจนน่าสงสาร คนหนึ่งได้กินเนื้อดิบเพียงหนึ่งถึงสองชิ้นเท่านั้น!เนื้อที่ต้มสุกแล้วก็หดเหลือขนาดเท่ารูฟันเท่าน
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่