หยุนเจิงเอ่ยลองเชิง“ท่าน…”เสิ่นลั่วเยี่ยนชะงักงัน เอ่ยกรุ่นโกรธ “ข้าพบว่าท่านนี่มันพูดจาไม่น่าฟังจริงๆ! ข้าอุตส่าห์มาดูท่าน แต่ท่านกลับไม่พูดแม้แต่คำดีๆ เลย?”“เจ้าอยากฟังนั้นหรือ?”หยุนเจิงเลิกคิ้วขึ้น แล้วเอ่ยยิ้มร้าย “อ้ายเฟย กอดข้าที ปลอบใจข้าที!”“ไสหัวไป!”เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องหยุนเจิงด้วยความหงุดหงิด แล้วเปิดม่านลงจากรถไปพูดกับสารเลวคนนี้นี่มันเหนื่อยจริงๆเดิมทียังดีๆ อยู่ พูดไปพูดมากลับไม่เข้ารูปเข้าร่างเสียอย่างนั้น…เกือบจะถึงยามให้ พวกเขาถึงเข้าสู่มณฑลอู่หยางขุนนางส่วนใหญ่ของมณฑลอู่หยางตายไปหมดแล้ว ตำแหน่งขุนนางที่สูงที่สุดในตอนนี้คือนายอำเภอหยุนเจิงสั่งให้คนไปเรียกนายอำเภอมาพร้อมแจ้งว่า “ผู้ว่าการกัวเขาถูกจ้าวเฮยหู่กลุ่มโจรลอบโจมตีขณะที่ไปต้อนรับข้านอกเมือง ถึงแม้ทหารของข้าจะตามไปถึงและกำราบโจรพวกนั้นหมดแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่เหลือรอดสักคน…”“อะไรนะ?”นายอำเภอมองหยุนเจิงด้วยสายตาอ้ำอึ้งราวกับไม่กล้าเชื่อหูของตนเองหยุนเจิงไม่มีใจอธิบายให้เขาฟังมากมายแล้วสั่งการไปอีกว่า “เจ้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลไปก่อนชั่วคราว ประเดี๋ยวแจ้งไปที่ราชวัง ก่อนที่ผู้ว่าการ
หลังจากพักผ่อนที่อู่หยางคืนหนึ่ง ทุกคนก็เดินทางกันต่อเมื่อรู้ว่าหยุนเจิงส่งตู้กุยหยวนพวกเขาไปตรวจดูว่ามีโจรหรือไม่ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดไม่ได้จะให้คนรับใช้และสาวใช้ตระกูลเสิ่นรวมตัวกันแล้วตามไปฝึกซ้อมด้วย“ไม่ได้!”หยุนเจิงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “หน้าที่ของพวกเจ้าคือรักษาความปลอดภัยของข้า ข้าอยู่ที่ไหน พวกเจ้าก็ต้องอยู่ที่นั่น! นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าต้องเข้าไปยุ่งด้วย!”“ทำไมถึงจะไม่ได้?”เสิ่นลั่วเยี่ยนโมโห “พวกเขาต้องปกป้องท่าน แล้วไม่ต้องเจอเลือดเจอเนื้อหน่อยหรือไง?”“ไม่ได้ก็คือไม่ได้!” หยุนเจิงไม่อยากสาธยายต่อกับเสิ่นลั่วเยี่ยน “อยู่กับกลุ่มใหญ่นี่แหละ! อย่าเข้าไปยุ่งมั่วซั่วเด็ดขาด!”“ข้าจะไป!” เสิ่นลั่วเยี่ยนคัดค้าน “อย่างไรท่านก็ห้ามข้าไม่ได้อยู่แล้ว!”“ข้าห้ามเจ้าไม่ได้จริงๆ”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้มแย้ม “หากเจ้าคิดจะไปจริงๆ ข้าเองก็ห้ามไม่ได้! แต่ทว่าหากไปถึงซั่วเป่ยแล้ว เจ้าก็จงเป็นพระชายาของเจ้าดีๆ ซะ แล้วก็ไม่ต้องคิดจะนำทัพอีกตลอดชีวิต”“ท่าน…”เสิ่นลั่วเยี่ยนโมโหสุดขีด พร้อมเบิกตาจ้องหยุนเจิงตาเป็นมันไอ้สารเลว!กล้าเอาเรื่องนี้มาข่มขู่ตนนั้นหรือ?สารเลว!สารเลว
ระหว่างที่พูด เสิ่นลั่วเยี่ยนยังขยิบตาให้กับหยุนเจิงด้วยแต่ทว่า หยุนเจิงดูอย่างไรก็ไม่เหมือนขยิบตาแต่เหมือนแม่เสือกำลังงีบหลับมากกว่า“อะแฮ่มๆ…”หยุนเจิงกระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างยากลำบากว่า “นี่น่ะหรือสิ่งที่เจ้าคิดได้น่ะ?”“อืม”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ“เช่นนั้นเจ้าคิดผิดแล้ว”หยุนเจิงส่ายศีรษะกล่าว “ข้าไม่ใช่คนประเภทนี้ วิธีนี้ใช้กับข้าไม่ได้”“ไม่ได้กับผีน่ะสิ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบะปาก “พี่สะใภ้บอกแล้วว่าท่านเป็นพวกหื่นกาม จะให้ข้า…”เสิ่นลั่วเยี่ยนเปิดเผยตัวตนในบัดดลพูดไปครึ่งประโยค นางถึงรู้ตัวว่าตนหลุดปากพูดออกไปจึงรีบมองขยิบตาให้กับหยุนเจิงพร้อมเขย่าแขนหยุนเจิงเบาๆ เป็นการออดอ้อนหยุนเจิงปั้นหน้านิ่งเขาก็ว่าทำไมเสิ่นลั่วเยี่ยนถึงวิ่งเข้ามาออดอ้อนตนกะทันหันเช่นนี้!ที่แท้ก็เพราะแผนการที่เยี่ยจื่อให้นางนี่เอง“ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เจ้ามาออดอ้อนข้า ข้าจะบอกเจ้าเลยแล้วกัน!”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างหมดหนทาง “ที่ข้าไม่ให้เจ้าไปก็เพราะว่าจนถึงตอนนี้แล้วเจ้าก็ยังไม่รู้จักคำว่าเชื่อฟังคำสั่ง! เจ้าจำไว้ล่ะ หน้าที่ของทหารก็คือการเชื่อฟังคำสั่ง!”“เชื่อฟังคำสั่ง?
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ตู้กุยหยวนพวกเขาเริ่มบุกโจมตีปราบโจรถึงแม้เสิ่นลั่วเยี่ยนจะนิสัยไม่ดี แต่ยังดีที่นางทำตามที่ตกลงเอาไว้เวลาไม่กี่วัน นางก็นำพาองครักษ์ประกบตัวนับสิบคนไปปราบโจร ระหว่างที่สู้รบอยู่นั้น นางก็สามารถเชื่อฟังคำสั่งได้สุยโจวมีโจรมากมายแต่ทว่า โจรหัวโจกที่ใหญ่ที่สุดก็คือพวกจ้าวเฮยหู่โจรอื่นๆ อย่าว่าแต่กลุ่มนับพันคนเลย แม้แต่กลุ่มนับร้อยคนยังมีน้อยพวกเขากำราบโจรด้วยกำลังคนที่ได้เปรียบกว่า ไม่มีโจรคนไหนสู้ได้เลยไม่กี่วัน จุดประสงค์ในการฝึกซ้อมทหารก็ลุล่วงไปด้วยดีที่สำคัญ ไม่มีคนบาดเจ็บเลย แถมยังได้โจรมาเพิ่มเป็นจำนวนสามสิบกว่าคนด้วยเดิมทีโจรพวกนี้ก็เป็นทหารของจวนขุนนาง แต่เพราะถูกตัดเงินจึงลาออก ทว่ากลับถูกจวนขุนนางหมายหัวว่าเป็นทหารหลบหนี จึงต้องตกระกำลำบากเป็นเช่นนี้แต่ทว่าพวกเขาไม่เคยทำเรื่องไม่ดี อย่างมากก็แค่ปล้นพวกทหารใจดำชอบปอกลอกคนอื่นเพื่อความร่ำรวยเท่านั้นเริ่มมีกลิ่นอายของการปล้นเศรษฐีเพื่อช่วยเหลือคนยากจนแล้ว“ข้างหน้าก็เป็นเขตหลินผิงแล้วสินะ?”หยุนเจิงมองไปที่ไกลจากรถม้า แล้วถามเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ“อืม ใช่แล้ว!”เยี่ยจื่อพยักหน้าหงึกๆ
เฝิงอวี้และจั่วเริ่นรู้ว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนก็มีใจอยากฝึกซ้อมทหารเช่นกัน จึงได้มอบหมายโจรกลุ่มเล็กนี้ให้องครักษ์ใกล้ชิดของเสิ่นลั่วเยี่ยนไปจัดการแต่แล้ว พวกเขากลับประเมินโจรกลุ่มนี้ต่ำไปไม่รอให้เสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขารายงาน สิ่งที่ได้มาก็คือข่าวที่ว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาถูกจับเป็นทั้งหมดบัดนี้ เฝิงอวี้และจั่วเริ่นได้ล้อมรอบหุบเขาไป๋ฮวาไว้แล้วแต่ทว่าเพราะเสิ่นลั่วเยี่ยนพระชายาคนนี้ตกอยู่ในมือของพวกโจร พวกเขาจึงไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรบุ่มบ่ามหัวโจกของโจรกลุ่มนั้นบอกแล้วว่าหากจะให้พวกมันปล่อยตัวพระชายา ก็ให้หยุนเจิงผู้เป็นจิ้งเป่ยอ๋องไปเจรจาด้วยตนเอง!ให้เจ้าไปด้วยตนเอง?เยี่ยจื่อขมวดคิ้วสัมผัสได้ถึงความผิดปกติหุบเขาไป๋ฮวา!นั่นมันสถานที่ที่นัดเจอคนจวนเสิ่นไม่ใช่หรือ?หุบเขาไป๋ฮวามีโจรปรากฏตัวขึ้น ทั้งยังจับตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาไว้ มิหนำซ้ำยังจะให้หยุนเจิงไปเจรจาด้วยตนเองด้วยคิดอย่างไรก็รู้สึกเหมือนเป็นกับดักคนพวกนั้นต้องการเอาเปรียบหยุนเจิง!“หรือว่าเรื่องที่เรานัดพบกันที่หุบเขาไป๋ฮวาถูกแพร่งพรายออกไป?”ในตาของเยี่ยจื่อสั่นวูบไหว สงสัยว่าจวนเสิ่นต้องมีไส้ศึกที่จักรพรรด
ควบม้าไปตลอดทาง ในที่สุดหยุนเจิงก็มาถึงหุบเขาไป๋ฮวากระท่อมของโจรหุบเขาไป๋ฮวาพวกนี้เรียบง่ายมากบอกว่าเป็นกระท่อม แต่ความจริงคือใช้หินตั้งเป็นกำแพงอยู่ข้างนอกถ้ำ จากนั้นทำประตูไม้ง่ายๆ เท่านั้นดูก็รู้ว่าโจรพวกนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ไม่สู้ดีนักแต่ทว่าเพียงแค่โจรกระจอกๆ เช่นนี้กลับจับตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาไว้ได้!เกรงว่า โจรที่เดิมครองกระท่อมนั่นคงถูกฆ่าไปหมดแล้วส่วนคนที่เหลืออยู่ที่นั่นน่าจะเป็นคนที่คิดจะเอาชีวิตของตน!มารดามันเถอะ!ประมาทเกินไป!ไม่คิดเลยว่าตระกูลเสิ่นจะมีไส้ศึก!“ข้าน้อยไม่สามารถปกป้องพระชายาไว้ได้ ขอองค์ชายทรงลงโทษด้วย!”เมื่อเห็นหยุนเจิง เฝิงอวี้และจั่วเริ่นต่างก็เผยสีหน้ารู้สึกผิดขอให้ลงโทษตน“ไม่ใช่ความผิดของพวกเจ้า นี่เป็นแผนการของคนอื่น”หยุนเจิงส่ายศีรษะเบาๆ แล้วถาม “ข้างในนั่นมีประมาณกี่คน?”“ไม่เกินยี่สิบคนขอรับ!” เฝิงอวี้รีบตอบน้อยเพียงนี้เชียวหรือ?หยุนเจิงขมวดคิ้วแน่นคนน้อยเพียงนี้ แต่กลับจับตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาไว้ได้ ดูท่าแล้วฝีมือของคนกลุ่มนี้คงจะไม่ธรรมดา!ทำอย่างไรถึงจะช่วยเสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาออกมาได้นะ?อีกอย่าง ยังต้องตร
ใบหน้าของคนคนนั้นซีดขาว ดูทรมานยิ่งกว่าบิดาที่ตายไปแล้วเสียอีกรู้สึกว่าเขาจะร้องไห้ออกมาได้ตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้นตอนนี้หยุนเจิงค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า คนคนนี้เป็นโจรที่ถูกข่มขู่แน่นอนไม่แน่อาจจะมีคนชี้ธนูใส่เขาอยู่ข้างในถ้ำก็เป็นได้!จะว่าไปแล้ว ตัวบงการในถ้ำน่าจะไม่มีกำลังคนมากขนาดนั้นสินะ?หากไม่ได้จริงๆ ก็มีโอกาสที่จะลองสู้สักตั้งแล้ว“เช่นนั้นก็ให้ลูกพี่ของเจ้ามาคุยกันหน้าประตู!”หยุนเจิงเอ่ยแล้วสั่งการให้ฝูงชนวางคันธนูในมือลง เผยความจริงใจของตนคนคนนั้นปั้นสีหน้าลำบาก แล้วเอ่ยเสียงเจือร้องไห้ “ลูกพี่ให้ท่านอ๋องเข้ามาคุย…”“ข้าไม่ได้โง่เขลาปานนั้น!”สีหน้าของหยุนเจิงแย่ถึงขีดสุด “ไม่ก็ให้ข้าเห็นหน้าพระชายาก่อน! หรือไม่ก็ให้ลูกพี่ของเจ้าออกมาคุยหน้าประตู! ความอดทนของข้ามีจำกัด อย่าทำให้ข้าต้องลงมือ!”มารดามันเถอะ!คนยังไม่ทันได้เห็นเลยคิดจะให้ตนเข้าไปอีก?นี่มันต้องการเอาชีวิตตนชัดๆ!อีกอย่าง คนข้างในนั่นเป็นอะไรกันแน่?สิ่งที่ตนพูดอยู่ข้างนอก เขาต้องได้ยินอยู่แล้วสิ!แต่ทว่าเหตุใดเขายังต้อให้คนคอยส่งคำพูดอยู่หน้าประตูราวกับเป็นตัวถ่ายทอดคำพูดล่ะ?คนข้างในคงไม่ได
บริเวณข้างในถ้ำ ใบหน้าอันคุ้นเคยทั้งสองปรากฏตรงหน้าเขาเมี่ยวอิน!หมิงเย่ว์!วินาทีนี้ เมี่ยวอินกับหมิงเย่ว์กำลังนั่งอยู่ข้างๆ เสิ่นลั่วเยี่ยน แล้วมองหยุนเจิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มบนพื้นยังมีกลุ่มคนที่นอนราบพื้นอยู่“ข้า…”มุมปากของหยุนเจิงกระตุกเล็กน้อย เกือบสบถคำหยาบออกมาแล้วก็ได้!เขาก็ว่าเหตุใดตัวบงการที่อยู่ข้างในนี้ถึงไม่พูดไม่จา!ที่แท้ก็เป็นพวกนางสองคนนี่เอง!พวกนางนี่มันเยี่ยมยอดจริงๆ!ลำพังแค่คนสองคนก็ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกถึงเพียงนี้“อุ๊บ…”เมื่อเห็นท่าทีหงุดหงิดของหยุนเจิงแล้ว ทั้งสองจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“หัวเราะอะไรกัน! รีบปล่อยคนซะ!”หยุนเจิงจ้องตาสตรีทั้งสองตาเป็นมัน แล้วตะโกนต่อคนที่อยู่นอกถ้ำว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องตื่นตระหนกไป พวกเดียวกันหยอกล้อกันเอง!”พวกเดียวกัน?หยอกล้อ?เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิงแล้ว ผู้คนที่อยู่ข้างนอกถ้ำต่างก็มึนงงกันระนาวเกิดอะไรขึ้น?คนพวกนี้จับตัวพระชายาไปเพื่อหยอกล้อนั้นหรือ?หยอกล้อเช่นนี้กันได้ด้วยหรือ?เกาเหอรีบพาคนวิ่งเข้าไปเมื่อเขาเห็นเมี่ยวอินและหมิงเย่ว์ ก็อ้ำอึ้งอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นท่าทีอ้ำอึ้งของผู้คน ส