“เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อโง่เขลาเบาปัญญาอย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงกรอกตามองบนใส่นางอีกครั้ง “ท่าทางเจ้าเป็นเช่นนี้เสด็จพ่อมองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าเจ้าทำขนมไหว้พระจันทร์ไม่เป็น! หากถูกจับได้นั่นหมายความว่าเจ้าหลอกลวงกษัตริย์! เจ้าลืมเรื่องล่าสัตว์ที่หนานย่วนไปแล้วหรือไง?”ขนมไหว้พระจันทร์เพียงชุดเดียวต่อให้ราคาแพงมากเพียงใดก็ไม่ได้มีค่ามากตามราคาดังนั้นที่ให้ทุกคนทำขนมไหว้พระจันทร์ด้วยตัวเองนำมาถวาย นับว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เพียงเท่านี้ยังจะไปให้คนอื่นทำให้ หากถูกจับได้ขึ้นมาเสด็จพ่อจะคิดเช่นไร“เอาล่ะๆ! เจ้าพูดถูก พอใจหรือยัง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนแสยะปากทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูกอย่างไม่พอใจ “ข้าว่าเจ้าก็ไม่ได้มีความสามารถอันใด แต่ปากของเจ้ามันยอดเยี่ยมยิ่งนัก! ไม่ว่าจะพูดเช่นไรเจ้าก็มีเหตุผลที่สุดแล้วล่ะ!”“ก็ข้ามีเหตุผลจริงๆ หนิ่!”หยุนเจิงหัวเราะชอบใจขึ้นทั้งสองทะเลาพะกันมาตลอดทาง จนในที่สุดก็มาถึงวังหลวงแล้วงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในปีนี้ถูกจัดขึ้นในสวนหลวงภายใต้การนำทางของคนในวัง ทั้งสองจึงเดินมาถึงสวนหลวงแล้ว“น้องหก น้องสะใภ้! พวกเจ้ามาสักทีนะ!”
ในตอนนี้หยุนลี่อยากจะตบหยุนเจิงให้ตายจริงๆเจ้าสุนัขบ้านี่!นี่เสียสติไปแล้วกระมังตนช่วยเตรียมขนมไหว้พระจันทร์มาให้ ยังกล้ามายิืมเงินตนอีกนี่เขาเสพติดการหลอกเงินตนไปแล้วหรืออย่างไรเสิ่นลั่วเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจนิ่งอึ้งไปกับอาการสมองกลับของอย่างแปลกประหลาดนี้ของหยุนเจิงเช่นกันนี่เขายังไม่ตื่นจากฝันในเมื่อคืนหรืออย่างไรกันเขายังจะยืมเงินหยุนลี่อีกอย่างนั้นหรืออีกทั้งยังกล้าเอ่ยปากยืมถึงแสนตำลึงเขาคิดว่าหยุนลี่เห็นเขาเป็นน้องไปแล้วจริงๆ หรือ“น้องหก เจ้าอย่าทำให้พี่สามลำบากใจเลยนะ”หยุนลี่ระงับความโกรธเอาไว้ในใจ และกล่าวอย่างทุกข์ใจว่า “ตอนนี้พี่สามไม่มีเงินจริงๆ! อีกอย่าง พี่สามมางานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ จะนำเงินมากมายเช่นนั้นติดตัวมาด้วยเหตุใดกันล่ะ?”หยุนเจิงกระพริบตาปริบๆ “ไม่เป็นไร พี่สามก็ไปยืมได้หนิ่!”“ห๊ะ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น มองหยุนเจิงด้วยความสับสนตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยเจอใครที่หน้าด้านเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ!จะให้ไปยืมเงินคนอื่นเอามาให้เขายืมเนี่ยนะ?อีกอย่างมันก็ไม่ใช่เงินแค่สองสามร้อยตำลึงหรือพันตำลึงนั่นมันเงินหนึ่งแ
หยุนเจิงเข้าใจการขยิบตาของเขา จึงเดินไปหาหยุนลี่ทันทีเสิ่นลั่วเยี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตามไปเช่นกันนางเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าหยุนเจิงจะถูกทำลายความฝันอย่างไร้ความปรานีลงเช่นไร!ภายใต้การนำทางของหยุนลี่ ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาในที่ที่ลับตาคนหยุนลี่ฝืนเก็บความโกรธเอาไว้ในใจ และยื่นเงินปึกใหญ่ตรงหน้าหยุนเจิง “น้องหก เงินหนึ่งแสนตำลึง เจ้าลองนับดู”ห๊ะ?เมื่อเห็นหยุนลี่ยื่นเงินให้หยุนเจิงเช่นนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นสองคนนี้เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร!คนหนึ่งก็กล้าเอ่ยปากยืม อีกคนหนึ่งก็กล้ายื่นเงินหนึ่งแสนตำลึงให้ยืมนี่พวกเขากำลังฝันอยู่หรือว่านางกำลังฝันอยู่กันแน่นี่มันเรื่องอันใดกันแน่?หยุนลี่กลายเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว?นี่เรียกว่ายืมที่ไหนกันเล่า!เห็นได้ชัดว่าเอาเงินหนึ่งแสนตำลึงมาให้ฟรีๆ“ไม่ต้อง ไม่ต้องนับหรอก ข้าเชื่อใจพี่สาม!”หยุนเจิงหรี่ตายิ้มพลางรับเงินนั้นมา “ต้องขอบคุณพี่สามแล้ว!”เขาเชื่อว่าหนุนลี่ไม่กล้าให้เงินเขาขาดแม้แต่ตำลึงเดียว“ไม่เป็นไร!”หยุนลี่ฉีกยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก และยื่นกล่องขนมไหว้พระจันทร์กล่องนั้นให้ห
ในสวนหลวงถูกจัดแต่งกลายเป็นงานเลี้ยงอย่างรื่นเริงเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์และขุนนางจำนวนไม่น้อยมาถึงแล้วเมื่อเห็นหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนมาถึง คนจำนวนไม่น้อยก็เข้ามาทักทายอย่างกระตือรือร้น“น้องหก อีกไม่กี่นานก็จะเดินทางไปซั่วเป่ยแล้ว เจ้าไปครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก”“องค์ชายหก ไปซั่วเป่ยครานี้ ถนอมตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“น้องสะใภ้ น้องหกต้องมอบให้เจ้าเป็นคนดูแลแล้ว เจ้าต้องปกป้องน้องหกให้ดีนะ ข้าในฐานะพี่ต้องขอบใจเจ้าแล้ว”“องค์ชายหก คืนนี้ต้องดื่มกันสักหน่อยแล้ว……”ทันใดนั้น ทั้งสองก็ดูเหมือนจันทราที่อยู่ท่ามกลางการห้อมล้อมของดวงดาราก็มิปานเผชิญหน้ากับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นเช่นนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดที่จะสับสนมึนงงไม่ได้สถานการณ์ไม่เหมือนกับที่นางได้จินตนาการเอาไว้เลย!นางยังคิดด้วยซ้ำว่าวันนี้คงหลีกหนีไม่พ้นการเยาะเย้ยของคนเหล่านี้!ในฐานะพระชายา นางเตรียมพร้อมรับมือและตอบโต้กับคนเหล่านี้มาแล้วด้วยซ้ำแต่สุดท้าย นึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ คนเหล่านี้จะเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือเช่นนี้ความกระตือรือร้นอย่างน่าประหลาดใจนี้ ทำให้นางตั้งรับไม่ทันเลย
ยังดีที่เขาเชื่อถวายสบู่ ยังดีกว่าต้องมาหวาดกลัวลนลานต่อให้หยุนเจิงถวายสบู่แล้วผิดประเพณี แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้หลอกกษัตริย์อีกอย่าง อีกไม่นานหยุนเจิงก็จะไปซั่วเป่ยแล้ว ต่อให้เสด็จพ่อจะตำหนิลงโทษเขา ก็คงไม่ลงโทษถึงขั้นรุนแรงเมื่อคิดได้เช่นนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง“เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ลูกมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”และในตอนีที่พวกเขากำลังถวายสบู่อยู่นั้นเอง องค์ชายสี่หยุนถิงก็ลุกพรวดขึ้นหือ?จักรพรรดิเหวินขมวดพระขนงเล็กน้อย มองหน้าหยุนถิงด้วยความสงสัย ก่อนจะโบกพระหัตถ์พลางกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันงานเลี้ยงไหว้พระจันทร์ ข้าต้องการชมพระจันทร์และดื่มด่ำไปกับพวกเจ้าเท่านั้น ไม่พูดถึงเรื่องบ้านเมือง หากเจ้ามีเรื่องอันใดก็ค่อยว่ากันในท้องพระโรงวันพรุ่ง!”หยุนถิงส่ายหน้าและยืนหยัดที่จะกล่าว “เสด็จพ่อ เรื่องที่ลูกจะกราบทูลนี้ เกรงว่าไม่อาจกราบทูลในวันพรุ่งได้พ่ะย่ะค่ะ”เช่นนั้นหรือ?จักรพรรดิเหวินไม่พอพระทัย ตรัสอีกว่า “งั้นเจ้าก็ว่ามา มีเรื่องอันใดจะกราบทูลข้า?”หยุนถิงโค้งคารวะก่อนจะกล่าวว่า “เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ขนมไหว้พระจันทร์ที่น้องหกถวาย พระชายาของน้อง
“ฮะ?”จักรพรรดิเหวินตกตะลึงนี่ใช้สำหรับอาบน้ำงั้นหรือกลิ่นของสิ่งนี้คล้ายกับกลิ่นขนมไหว้พระจันทร์ชัดๆกลิ่นดอกไม้แรงมากคงจะใส่ดอกไม้เพิ่มระหว่างการผลิตทำไมถึงกลายเป็นว่าสามารถใช้อาบน้ำได้ล่ะหยุนเจิงผลิยิ้มบางๆ และอธิบายว่า “ทั้งลูกและลั่วเยี่ยนเราทำขนมไหว้พระจันทร์ไม่เป็น กลัวว่าขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำมาแบบลวกๆ จะไม่อร่อย ทำให้เสด็จพ่อและทุกคนเสียอารมณ์ จึงเลือกอย่างอื่นมาแทน ตั้งใจจะถวายให้กับเสด็จพ่อ““เมื่อไม่กี่วันก่อน พี่สามมาที่จวนของลูก บังเอิญรู้เข้าว่าลั่วเยี่ยนทำขนมไหว้พระจันทร์ไม่เป็น จึงช่วยทำเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ลูกและลั่วเยี่ยนต้องเสียหน้า”“แต่ลูกไม่กล้าหลอกลวงเสด็จพ่อ และไม่อยากรู้สึกไม่ดีที่ต้องปฏิเสธน้ำใจของพี่สาม ก็เลยเก็บขนมไหว้พระจันทร์ไว้ ตั้งใจว่าจะเอากลับไปกินเอง ขนมไหว้พระจันทร์ที่พี่สามมอบให้ ลูกยังวางไว้ที่นั่น...”ขณะที่พูด หยุนเจิงก็กระวีกระวาดไปเอาขนมไหว้พระจันทร์ที่หยุนลี่ส่งมาเมื่อมองดูขนมไหว้พระจันทร์ในมือของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินก็ขมวดคิ้วอีกครั้งหัวใจของหยุนถิงก็เต้นแรงเช่นกันทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า ตัวเองอาจตกหลุมพรางแล้ว!“เ
โดนเล่นงานแล้ว!ตัวเองโดนเจ้าสามกับเจ้าหกรวมหัวกันเล่นงานเข้าแล้ว!พวกเขาต้องจงใจจัดฉากการแสดงนี้ แล้วให้คนมาบอกคนของตัวเอง!พวกเขาอยากให้ตัวเองยั่วโมโหเสด็จพ่อให้ไม่พอใจ!ไอ้สารเลวสองคนนี้!สุมหัวกันจริงๆ?หลังจากสั่งให้หยุนถิงออกไป จักรพรรดิเหวินก็เงยหน้าขึ้นมองหยุนลี่อีกครั้ง “เจ้าสาม!”“ลูกมีความผิด เสด็จพ่อโปรดลงโทษด้วย!”หยุนลี่คุกเข่ารับผิดอย่างรู้สถานการณ์ทันที“เสด็จพ่อ พี่สามแค่มีเจตนาดี เสด็จพ่อโปรดอย่าตำหนิพี่สามเลย”หยุนเจิงเอ่ยปากขอร้องแทนหยุนลี่ทันทีสายสัมพันธ์แห่งความรักพี่น้องที่ลึกซึ้งของคนทั้งสอง ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างก็ตะลึงงันหยุนเจิงเตะจนชีวิตของหยุนลี่เกือบจะหาไม่แล้ว!เมื่อก่อนทั้งสองคนแทบจะเป็นดั่งน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้!ตอนนี้ กลับกลายเป็นพี่น้องที่รักใคร่ปรองดองกัน?มันจะเหมือนฝันเกินไปแล้ว“เอาล่ะ! ลุกขึ้นเถอะ!”จักรพรรดิเหวินเหลือบมองลูกชายทั้งสองอย่างปลื้มใจ และพูดกับหยุนลี่ “เห็นแก่ความตั้งใจดีของเจ้า ข้าจะไม่สืบสาวราวเรื่องต่อแล้ว! คราวหน้าห้ามทำอีก!”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”หยุนลี่โค้งคำนับอย่างรวดเร็ว ในใจรู้สึกมีความสุขและเจ็บปวดไปพ
หยุนเจิงรับเครื่องรางคุ้มภัยจากหยุนลี่ด้วยใบหน้าซาบซึ้งตรึงใจ ทว่าในใจกลับสบถสาปแช่งไม่หยุดหยุนลี่มอบเครื่องรางคุ้มภัยไม่พอ ยังเสนอต่อจักรพรรดิเหวินว่า “ในอดีตงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ล้วนเป็นการชมพระจันทร์ ประพันธ์บทกกวีหัวข้อการหวนกลับมาอยู่พร้อมกันอะไรทำนองนี้ วันนี้ลูกขอวิงวอนเสด็จพ่อ ให้ทุกคนประพันธ์บทกวีเพื่อเป็นการกล่าวอำลาน้องหกและภรรยา!”หลังจากพูดจบ หยุนลี่ก็ยิ้มให้หยุนเจิงอย่างมีเจตนาแอบแฝงไอ้เลวระยำหมา!คิดจะใช้โอกาสนี้รับของขวัญงั้นหรือของขวัญชิ้นนี้ เจ้าคงพอใจกระมัง?“ดี!”จักรพรรดิเหวินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ใครก็ได้ เตรียมพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกมา!”หลังจากได้รับคำสั่งของจักรพรรดิเหวิน นางกำนัลและขันทีในวังก็รีบไปนำสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือมาทันที“ใครจะเริ่มก่อน”จักรพรรดิเหวินเงยหน้ากวาดสายตามองทุกคน“กระหม่อมเริ่มก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”สวีสือฝู่ลุกขึ้นมาที่โต๊ะ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วท่องบทกวีพร้อมกับเขียนบทกวีนั้นไปด้วยสวีสือฝู่เตรียมบทกวีไว้อย่างตั้งอกตั้งใจมาหลายวัน ย่อมไม่เลวอยู่แล้วทันทีที่บทกวีถูกปล่อยออกมา ก็ได้รับเสียงปรบมือจากทุกค
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่