ใช้หลักการครอบครองกองกำลังรักษาเสถียรภาพของตนเพื่อปกป้องตัวเอง!แต่หากช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ระหว่างพ่อลูกหมดไป ถ้าเกิดจักรพรรดิเหวินบีบบังคับให้อับจนหนทาง งั้นเขาก็จะก่อกบฏ!หลังจากดื่มสุรากับจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงก็ไปดื่มกับหยุนลี่“พี่สาม ท่านล้ำหน้าไปหนึ่งก้าวจริงๆ!”หยุนเจิงลดเสียงลง พูดกับหยุนลี่ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า“น้องหกพูดอะไรของเจ้า!”หยุนลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเทียบกับน้องหกแล้ว พี่สามยังตามหลังอยู่มาก! ข้าไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน ว่าน้องหกจะน่ากลัวขนาดนี้!”ทั้งสองคนพูดซุบซิบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อจักรพรรดิเหวินเห็นแล้ว ก็รู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษดูเหมือนว่าสองพี่น้องคู่นี้จะคืนดีกันแล้วจริงๆ!วิเศษ!พวกเขาคืนดีกันแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทนี้ก็ถึงเวลาต้องกำหนดเสียที!“เช่นกันเช่นกัน!”หยุนเจิงยิ้มพลางชนแก้วกับหยุนลี่ แล้วกระซิบ “ท่านกลับแล้ว อย่าลืมเตรียมตั๋วเงินสองแสนตำลึงไว้ด้วย ดึกๆ ค่อยมาที่จวนข้า เราจะได้ร่ำสุรากันให้หนำใจ!”สองแสนตำลึง?สีหน้าของหยุนลี่เปลี่ยนไปทันที แต่แล้วก็กลับมายิ้ม “น้องหก เกรงว่าเจ้าจะเสียสติไปแล้วกระมัง”ไอ้เลวระยำหมานี่!นับวั
หลังจากกลับมาถึงจวน หยุนเจิงก็เรียกเกาเหอมาหา และกระซิบข้างหูของเกาเหอไม่กี่คำเกาเหอเหลือบมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ แล้วรีบวิ่งไปที่โรงนาเสิ่นลั่วเยี่ยนกำลังเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ในคืนนี้ให้เยี่ยจื่อฟังอย่างตรงไปตรงมา แต่ซินเซิงกลับเดินเข้ามา “จื่อฮูหยิน องค์ชายหกบอกว่าอยู่ๆ เขาก็ฉุกคิดถึงเรื่องบางอย่างได้ ให้ท่านไปหาที่ห้องหนังสือ”“เรื่องอะไร”เสิ่นลั่วเยี่ยนถามอย่างสงสัยซินเซิงส่ายหัวเล็กน้อย “องค์ชายไม่ได้พูดอะไร แต่ดูจากท่าทางขององค์ชาย คงเป็นเรื่องด่วน”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้ว “เขาจะมีเรื่องด่วนอะไรได้!”“เอาล่ะ เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ!”เยี่ยจื่อเม้มริมฝีปากยิ้มๆ “พวกเจ้ากำลังจะเดินทางไปซั่วเป่ยเร็วๆ นี้ คงมีเรื่องมากมาย ข้าจะไปดูหน่อยว่ามีเรื่องด่วนอะไร ไม่เสียเวลาแล้ว”หลังจากพูดจบ เยี่ยจื่อก็เร่งรุดไปที่ห้องหนังสือเยี่ยจื่อเพิ่งเดินไปถึงห้องหนังสือ ยังไม่ทันจะได้สอบถามหยุนเจิง เกาเหอก็เคาะประตูเสียก่อนหยุนเจิงรับกระสอบป่านที่เกาเหอส่งให้ และสั่งเกาเหอว่า “ยืนเฝ้าที่ประตู ห้ามไม่ให้ใครเข้ามา! รวมทั้งพระชายาด้วย!”“ขอรับ!”เกาเหอรับคำสั่ง แล้วเฝ้าประตูท
เยี่ยจื่อพูดไม่ออก “ท่านโดนเขาหลอกเอาเงินไปกี่ตำลึงแล้ว? เขายังจะได้รับเงินอีกสองแสนตำลึงงั้นหรือ?”เพียงแค่สองแสนตำลึงงั้นหรือ?ทั่วทั้งราชสำนักแคว้นต้าเฉียน จะมีสักกี่คนที่มีเงินถึงสองแสนตำลึง?แม้ว่าหยุนลี่จะมีอสังหาริมทรัพย์มากมายภายใต้ชื่อของเขา แต่เงินสองแสนตำลึงก็สามารถทำให้หยุนลี่เจ็บปวดอย่างมากเช่นกันหยุนลี่ถูกเขาหลอกเอาเงินจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งถึงขั้นหักกระดูกของเขาได้อย่างแน่นอนความจริงแล้ว หยุนลี่ถูกหยุนเจิงหลอกจนกระดูกหักจริงๆแม้ว่าเขามีอสังหาริมทรัพย์มากมาย แต่ค่าใช้จ่ายของเขาก็มากเช่นกัน! จำเป็นต้องจ่ายค่าน้ำชาตลอดทั้งวัน และยังต้องจ่ายค่าพบปะเข้าสังคมอีก ค่าใช้จ่ายในจวนจึงมีจำนวนมากโดยเฉพาะ ช่วงนี้ถูกหยุนเจิงหลอกเอาเงินอยู่บ่อยๆ วันแต่งงานของหยุนเจิง เขาก็แทบกระอักเลือดไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อกลับถึงบ้านจึงให้พ่อบ้านนำสมุดบัญชีออกมาดู หยุนลี่จึงได้รู้ว่าในจวนเหลือเงินไม่ถึงสามแสนตำลึงแล้ว!ทรัพย์สินในบ้านของตัวเอง ถูกเจ้าหกไอ้ระยำหมาเอาไปจนหมด! ความโมโหของหยุนลี่ แทบกระอักเลือดออกมาตรงนั้นหลังจากที่พยายามอดกลั้นความโกรธ หยุนลี่ก็ให้พ่อบ้านนำตั๋วเงินแปดหม
การมาเยี่ยมเยียนกลางดึกของหยุนลี่ ทำให้เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจอย่างมากพวกเขามีมิตรภาพพี่น้องที่ลึกซึ้งจริงๆ งั้นหรือ?เพิ่งดื่มเหล้าในวังเสร็จ หยุนลี่ก็มาดื่มเหล้ากับหยุนเจิงที่จวนงั้นหรือ?สองคนนี้ กำลังทำบ้าอะไรกันแน่?แต่ว่า หยุนเจิงและหยุนลี่ต่างก็ไม่เคยอธิบายต่อนางหยุนเจิงกลัวว่าเจ้าสามจะได้กลิ่นคาวเลือดจากห้องหนังสือ จึงจงใจพาเจ้าสามมายังด้านในห้องรับแขกข้างห้องโถงเพื่อคุยกันเพียงลำพังตอนนี้ทั้งสองได้หงายไพ่ใส่กันอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงไม่มีความสุภาพที่จอมปลอมอีกต่อไปแล้วหยุนเจิงหยิบตำราโลหิตออกมา หยุนลี่ก็หยิบตั๋วเงินสองแสนตำลึงออกมามีท่าทางของมือหนึ่งจ่ายเงิน มือหนึ่งแลกของเพื่อให้สมจริงมากยิ่งขึ้น หยุนเจิงจงใจทำให้ตำราโลหิตสกปรกโสโครก และยับยู่ยี่“เจ้าหก ก่อนเจ้าจะไป เจ้าคงไม่ไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อใช่ไหม?”หยุนลี่ถามด้วยความไม่วางใจ“พี่สามวางใจได้ ข้าไม่มีทางได้เป็นองค์รัชทายาท จะทำเรื่องแบบนั้นไปทำไมกัน?”หยุนเจิงเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “เจ้าและข้าต่างก็รู้ดี ตอนนี้พวกเราไม่สนว่าใครจะทำลายใคร ต่างก็ดูไม่ดีในสายตาของเสด็จพ่อ เจ้าคิดเห็นเหมือนกันหรือไม่?”“ท
“ไม่มีอะไร”หยุนเจิงยิ้มตาหยีและพูดว่า “พูดคุยความรู้สึกกันระหว่างพี่น้องเท่านั้น”“ความรู้สึกงั้นหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบ้ปาก “ข้าว่าพวกท่านกำลังสมคบคิดกันเพื่อฉ้อโกงผู้อื่นอีกแล้วสิ!”หยุนเจิงส่ายหน้าและหัวเราะ “สนมรัก เจ้าอคติกับพวกเรามากเกินไปแล้วนะ!”อคติบ้าบออะไร! เสิ่นลั่วเยี่ยนทำเสียงฮึดฮัดเขาและองค์ชายสาม ไม่ใช่คนดีอะไรเลยสักนิด! ...การประชุมราชสำนักวันที่สองสิ้นสุดลง จักรพรรดิเหวินประกาศให้โลกรู้เปลี่ยนการแต่งตั้งสนมซูตระกูสวีเป็นฮองเฮา แต่งตั้งหยุนลี่เป็นองค์รัชทายาทตำแหน่งองค์รัชทายาทที่เว้นว่างเกือบสามเดือน ในที่สุดก็มีเจ้าของแล้วแต่ว่า ตอนนี้ยังคงเป็นเพียงแค่การประกาศให้โลกรู้ตำแหน่งองค์รัชทายาทไม่ได้ดีไปกว่าผู้ใดหากจัดพิธีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว จึงจะถือว่าหยุนลี่เป็นองค์รัชทายาทโดยชอบธรรมผลลัพธ์เช่นนี้ เป็นไปตามที่หยุนเจิงคาดการณ์ไว้เพียงแต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะมาถึงรวดเร็วเช่นนี้ดูท่าทางว่า คบไฟที่สุมเพิ่มเมื่อคืนนี้ จะเกิดผลในที่สุด! “เรื่องที่พวกท่านทำเมื่อคืน ก็เพื่อช่วยให้องค์ชายสามได้เป็นองค์รัชทายาทงั้นหรือ?”เมื่อได้รับข่าวเรื่
เรื่องของหยุนลี่ หยุนเจิงไม่มีความกังวลเลยแม้แต่น้อยเขาใกล้จะไปจากเมืองหลวงแล้ว หยุนลี่อยากทรมานอย่างไรก็แล้วแต่! ช่วงเวลาต่อมา หยุนเจิงต่างก็ยุ่งกับเรื่องที่จะไปซั่วเป่ยเที่ยงของวันถัดมา หยุนเจิงเพิ่งกินอาหารเที่ยงเสร็จ กำลังเตรียมจะไปดูว่าอาหารแห้งที่เตรียมไว้ที่เขาเมาเอ่อร์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว คนเฝ้าประตูกลับเข้ามารายงานว่า“องค์ชาย คนจากตำหนักตงกงมาพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทใกล้จะมาถึงจวนแล้ว องค์ชายหกกรุณาเตรียมรับเสด็จด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินคำพูดของคนเฝ้าประตู ใบหน้าของหยุนเจิงก็โมโหขึ้นมารับเสด็จ?เมื่อวานเจ้างี่เง่าหยุนลี่เพิ่งได้เป็นองค์รัชทายาท วันนี้ก็เลยรีบมาโอ้อวดแสนยานุภาพต่อหน้าตัวเองงั้นหรือ?ยังต้องรับเสด็จแม่งอีก?ทำไมเขาไม่ให้ตัวเองออกไปต้อนรับตั้งแต่ระยะสามลี้เลยเล่า?รับเสด็จใช่ไหม?ตรูจะดูว่ามรึงยังจะกล้าให้ตรูไปรับเสด็จอีกไหม! หยุนเจิงแอบก่นด่าในใจ และเรียกเยี่ยจื่อมาในทันที “รายงานทุกคนในจวน องค์รัชทายาทมาถึงแล้ว ให้ทุกคนตามข้าออกไปรับเสด็จ!”“รับเสด็จจริงๆ งั้นหรือ?”เยี่ยจื่อถามเสียงเบา“ยังต้องพูดเล่นอีกหรือ?”หยุนเจิงกลอกตา
แต่หยุนเจิงไม่ใช่ผู้อาวุโสของเขา! แต่ตอนที่กำหนดกฎหมายพิธีการ ผู้ใดจะนึกได้ว่าจะมีข้อยกเว้นแบบหยุนเจิง! ดังนั้น ราชสำนักแคว้นต้าเฉียนจึงยังไม่มีกฎระเบียบใดที่กำหนดให้ท่านอ๋องรุ่นเดียวกันต้องก้มครึ่งตัวเพื่อแสดงความเคารพต่อองค์รัชทายาทใบหน้าของหยุนลี่แสดงความโกรธเป็นระยะ เมื่อลังเลอยู่นาน จึงพยายามฝืนยิ้มออกมา “น้องหกพูดมีเหตุผล พอดีที่ว่าข้าเองก็ไม่ต้องการให้น้องหกทำความเคารพอย่างเป็นทางการต่อข้า พวกเราเข้าไปคุยกันในจวนดีกว่า!”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ช่างบังเอิญเสียจริง”หยุนเจิงหัวเราะแหะๆ และยกมือขึ้นนำทาง “เชิญองค์รัชทายาท”“เชิญน้องหก!”หยุนลี่พูดจาสุภาพอย่างจอมปลอม และก้าวเท้าเข้าด้านในไอ้โง่เอ๊ย! หยุนเจิงแอบก่นด่าในใจ พร้อมเดินตามเข้าไปในจวนขนาดเสด็จพ่อมาที่จวนของตัวเองยังไม่วางมาดเหมือนเขาเลยเขากลับวางมาดองค์รัชทายาทแล้วหรือนี่?เพิ่งได้เป็นองค์รัชทายาท แม้แต่พิธีแต่งตั้งยศก็ยังไม่ได้จัด เขาก็เริ่มทำหน้าใหญ่ใจโตแล้วงั้นหรือ?เขาไม่กลัวว่าเสด็จพ่อจะรู้ และปลดตำแหน่งองค์รัชทายาทของเขา! เขาคงคิดว่าตัวเองมั่นคงในตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้วสินะ?ไม่รู้จ
ยามอัสดง หยุนเจิงกลับมาจากเขาเมาเอ่อร์มาถึงจวนวันพรุ่งค่อยเร่งมืออีกวัน คงจะทำอาหารแห้งออกมาได้มากกว่านี้ ต่อให้พวกเขาไม่ให้แว่นแคว้นที่เดินทางผ่านเตรียมอาหารให้ อาหารแห้งเหล่านี้ก็เพียงพอที่พวกเขาเดินทางไปถึงซั่วเป่ยเพียงแต่ว่า เขาจะต้องแลกด้วยเงินจำนวนไม่น้อยเลยจะเลี้ยงดูทหารกองทัพใหญ่นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ!นี่เพียงแค่ทหารหนึ่งพันคน ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการเลี้ยงดูหากกองทัพทหารจำนวนแสนนาย เงินเพียงเล็กๆ น้อยๆ นั้นของเขาไม่เพียงพอจริงๆ ในขณะที่หยุนเจิงกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะหาเงินได้อย่างไรหลังจากไปถึงซั่วเป่ย ทันใดนั้นเซียวว่านโฉวสองพ่อลูกก็มาหาเขาพอดีแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เพียงแค่พบปะพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่ต้องจากลากันหยุนเจิงฉวยโอกาสนี้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของซั่วเป่ยและกองทหารมณฑลทางเหนือกับเซียวว่านโฉวสองพ่อลูกอย่างไรเสีย สองพ่อลูกเซียวว่านโฉวคู่นี้ก็เคยร่วมศึกซั่วเป่ยเมื่อห้าปีก่อนมาก่อนและเมื่อเซียวว่านโฉวเล่าสถานการณ์เรื่องราวของกองทหารมณฑลทางเหนือให้เขาฟังนั้น หยุนเจิงถึงกับขนลุกซู่ขึ้น“ทหารสามแสนนายอย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงม
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่