“ไม่มีอะไร”หยุนเจิงยิ้มตาหยีและพูดว่า “พูดคุยความรู้สึกกันระหว่างพี่น้องเท่านั้น”“ความรู้สึกงั้นหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบ้ปาก “ข้าว่าพวกท่านกำลังสมคบคิดกันเพื่อฉ้อโกงผู้อื่นอีกแล้วสิ!”หยุนเจิงส่ายหน้าและหัวเราะ “สนมรัก เจ้าอคติกับพวกเรามากเกินไปแล้วนะ!”อคติบ้าบออะไร! เสิ่นลั่วเยี่ยนทำเสียงฮึดฮัดเขาและองค์ชายสาม ไม่ใช่คนดีอะไรเลยสักนิด! ...การประชุมราชสำนักวันที่สองสิ้นสุดลง จักรพรรดิเหวินประกาศให้โลกรู้เปลี่ยนการแต่งตั้งสนมซูตระกูสวีเป็นฮองเฮา แต่งตั้งหยุนลี่เป็นองค์รัชทายาทตำแหน่งองค์รัชทายาทที่เว้นว่างเกือบสามเดือน ในที่สุดก็มีเจ้าของแล้วแต่ว่า ตอนนี้ยังคงเป็นเพียงแค่การประกาศให้โลกรู้ตำแหน่งองค์รัชทายาทไม่ได้ดีไปกว่าผู้ใดหากจัดพิธีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว จึงจะถือว่าหยุนลี่เป็นองค์รัชทายาทโดยชอบธรรมผลลัพธ์เช่นนี้ เป็นไปตามที่หยุนเจิงคาดการณ์ไว้เพียงแต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะมาถึงรวดเร็วเช่นนี้ดูท่าทางว่า คบไฟที่สุมเพิ่มเมื่อคืนนี้ จะเกิดผลในที่สุด! “เรื่องที่พวกท่านทำเมื่อคืน ก็เพื่อช่วยให้องค์ชายสามได้เป็นองค์รัชทายาทงั้นหรือ?”เมื่อได้รับข่าวเรื่
เรื่องของหยุนลี่ หยุนเจิงไม่มีความกังวลเลยแม้แต่น้อยเขาใกล้จะไปจากเมืองหลวงแล้ว หยุนลี่อยากทรมานอย่างไรก็แล้วแต่! ช่วงเวลาต่อมา หยุนเจิงต่างก็ยุ่งกับเรื่องที่จะไปซั่วเป่ยเที่ยงของวันถัดมา หยุนเจิงเพิ่งกินอาหารเที่ยงเสร็จ กำลังเตรียมจะไปดูว่าอาหารแห้งที่เตรียมไว้ที่เขาเมาเอ่อร์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว คนเฝ้าประตูกลับเข้ามารายงานว่า“องค์ชาย คนจากตำหนักตงกงมาพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทใกล้จะมาถึงจวนแล้ว องค์ชายหกกรุณาเตรียมรับเสด็จด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินคำพูดของคนเฝ้าประตู ใบหน้าของหยุนเจิงก็โมโหขึ้นมารับเสด็จ?เมื่อวานเจ้างี่เง่าหยุนลี่เพิ่งได้เป็นองค์รัชทายาท วันนี้ก็เลยรีบมาโอ้อวดแสนยานุภาพต่อหน้าตัวเองงั้นหรือ?ยังต้องรับเสด็จแม่งอีก?ทำไมเขาไม่ให้ตัวเองออกไปต้อนรับตั้งแต่ระยะสามลี้เลยเล่า?รับเสด็จใช่ไหม?ตรูจะดูว่ามรึงยังจะกล้าให้ตรูไปรับเสด็จอีกไหม! หยุนเจิงแอบก่นด่าในใจ และเรียกเยี่ยจื่อมาในทันที “รายงานทุกคนในจวน องค์รัชทายาทมาถึงแล้ว ให้ทุกคนตามข้าออกไปรับเสด็จ!”“รับเสด็จจริงๆ งั้นหรือ?”เยี่ยจื่อถามเสียงเบา“ยังต้องพูดเล่นอีกหรือ?”หยุนเจิงกลอกตา
แต่หยุนเจิงไม่ใช่ผู้อาวุโสของเขา! แต่ตอนที่กำหนดกฎหมายพิธีการ ผู้ใดจะนึกได้ว่าจะมีข้อยกเว้นแบบหยุนเจิง! ดังนั้น ราชสำนักแคว้นต้าเฉียนจึงยังไม่มีกฎระเบียบใดที่กำหนดให้ท่านอ๋องรุ่นเดียวกันต้องก้มครึ่งตัวเพื่อแสดงความเคารพต่อองค์รัชทายาทใบหน้าของหยุนลี่แสดงความโกรธเป็นระยะ เมื่อลังเลอยู่นาน จึงพยายามฝืนยิ้มออกมา “น้องหกพูดมีเหตุผล พอดีที่ว่าข้าเองก็ไม่ต้องการให้น้องหกทำความเคารพอย่างเป็นทางการต่อข้า พวกเราเข้าไปคุยกันในจวนดีกว่า!”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ช่างบังเอิญเสียจริง”หยุนเจิงหัวเราะแหะๆ และยกมือขึ้นนำทาง “เชิญองค์รัชทายาท”“เชิญน้องหก!”หยุนลี่พูดจาสุภาพอย่างจอมปลอม และก้าวเท้าเข้าด้านในไอ้โง่เอ๊ย! หยุนเจิงแอบก่นด่าในใจ พร้อมเดินตามเข้าไปในจวนขนาดเสด็จพ่อมาที่จวนของตัวเองยังไม่วางมาดเหมือนเขาเลยเขากลับวางมาดองค์รัชทายาทแล้วหรือนี่?เพิ่งได้เป็นองค์รัชทายาท แม้แต่พิธีแต่งตั้งยศก็ยังไม่ได้จัด เขาก็เริ่มทำหน้าใหญ่ใจโตแล้วงั้นหรือ?เขาไม่กลัวว่าเสด็จพ่อจะรู้ และปลดตำแหน่งองค์รัชทายาทของเขา! เขาคงคิดว่าตัวเองมั่นคงในตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้วสินะ?ไม่รู้จ
ยามอัสดง หยุนเจิงกลับมาจากเขาเมาเอ่อร์มาถึงจวนวันพรุ่งค่อยเร่งมืออีกวัน คงจะทำอาหารแห้งออกมาได้มากกว่านี้ ต่อให้พวกเขาไม่ให้แว่นแคว้นที่เดินทางผ่านเตรียมอาหารให้ อาหารแห้งเหล่านี้ก็เพียงพอที่พวกเขาเดินทางไปถึงซั่วเป่ยเพียงแต่ว่า เขาจะต้องแลกด้วยเงินจำนวนไม่น้อยเลยจะเลี้ยงดูทหารกองทัพใหญ่นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ!นี่เพียงแค่ทหารหนึ่งพันคน ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการเลี้ยงดูหากกองทัพทหารจำนวนแสนนาย เงินเพียงเล็กๆ น้อยๆ นั้นของเขาไม่เพียงพอจริงๆ ในขณะที่หยุนเจิงกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะหาเงินได้อย่างไรหลังจากไปถึงซั่วเป่ย ทันใดนั้นเซียวว่านโฉวสองพ่อลูกก็มาหาเขาพอดีแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เพียงแค่พบปะพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่ต้องจากลากันหยุนเจิงฉวยโอกาสนี้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของซั่วเป่ยและกองทหารมณฑลทางเหนือกับเซียวว่านโฉวสองพ่อลูกอย่างไรเสีย สองพ่อลูกเซียวว่านโฉวคู่นี้ก็เคยร่วมศึกซั่วเป่ยเมื่อห้าปีก่อนมาก่อนและเมื่อเซียวว่านโฉวเล่าสถานการณ์เรื่องราวของกองทหารมณฑลทางเหนือให้เขาฟังนั้น หยุนเจิงถึงกับขนลุกซู่ขึ้น“ทหารสามแสนนายอย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงม
เมื่อส่งสองพ่อลูกเซียวว่านโฉวกลับไปแล้ว หยุนเจิงก็เดินกลับไปที่ห้องตำราวันนี้เขาได้รู้เรื่องราวต่างๆ มากมายจากเซียวว่านโฉวและเรื่องราวเหล่านี้ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อเขาทั้งสิ้นเขาหยิบแผนที่คร่าวๆ คลายออกมาดู และครุ่นคิดอย่างเงียบๆ แม้ว่ายังไม่ได้เดินทางไปซั่วเป่ย แต่เขาก็ครุ่นคิดเรื่องราวหลังจากที่ไปถึงซั่วเป่ยเอาไว้แล้วศึกรบ จะต้องรบแน่นอนแต่จะทำศึกรบเช่นไร และจะบุกทะลวงไปได้เช่นไรนั้น ล้วนแต่เป็นปัญหาทั้งสิ้น……เช้าวันต่อมา หยุนเจิงและเยี่ยจื่อไปที่จวนสกุลเสิ่นครั้งนี้พวกเขาเพียงแค่ไปกราบไหว้ป้ายวิญญาณสองพ่อลูกเสิ่นหนานเจิงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องไปอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่หลังจากที่กราบไหว้ป้ายวิญญาณของสองพ่อลูกเสิ่นหนานเจิงเสร็จแล้ว หยุนเจิงก็คุยกับฮูหยินเสิ่นเป็นการส่วนตัวอยู่ครึ่งชั่วยามพวกเขาอยู่กินมื้อค่ำที่จวนสกุลเสิ่นเสร็จถึงจะเดินทางกลับจวน เพื่อจะกลับไปเตรียมตัวครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินทางในวันพรุ่งนี้ในขณะที่ออกจากจวนสกุลเสิ่นนั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนหันหน้ากลับไปมองไปมาด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่สะใภ้ จากนี้ต่อไป ข้าฝากท่านแม่กับท่านด้วย……”เสิ่นลั่วเยี่ยนพ
วันนี้เป็นวันที่สองสามีภรรยาอย่างหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนเดินทางไปยังซั่วเป่ยแล้วจักรพรรดิเหวินทรงนำเหล่าบรรดาขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นมาส่งหยุนเจิงออกเดินทางที่ประตูทิศเหนือด้วยตัวเองอีกทั้งยังเป็นฝ่ายรอหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนอยู่แล้วด้วยสามารถให้จักรพรรดิเหวินและเหล่าบรรดาขุนนางรอได้เช่นนี้ นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งขบวนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แน่นอนว่าดึงดูดเหล่าบรรดาประชาราษมาดูไม่น้อยเพียงแต่ว่าเหล่าบรรดาประชาราษเหล่านั้นไม่อาจเข้ามาใกล้ได้ ทำได้เพียงแค่ดูอยู่ไกลๆ เท่านั้นจักรพรรดิเหวินนั่งประทับอยู่บนขบวนเสด็จ ทอดพระเนตรไปยังประตูทิศเหนือด้วยสีพระพักตร์กลัดกลุ้มพระทัยในการจากลาสงครามซั่วเป่ยกำลังจะเกิดขึ้น เขาอาลัยอาวรณ์ในการไปซั่วเป่ยของหยุนเจิงเป็นอย่างยิ่งทว่า เขากับหยุนเจิงถูกผลักมาจนถึงทางตันแล้ว เขาจำใจต้องให้หยุนเจิงไปซั่วเป่ย“เจ้าคิดว่าเจ้าหกไปครั้งนี้จะมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”จักรพรรดิเหวินถอนหายใจยาวออกมา ก่อนจะตรัสถามหยุนลี่เสียงเบา“ต้องกลับมาได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่เสแสร้งแกล้งเผยสีหน้าอาลัยอาวรณ์ออกมา กล่าวปลอบพระทัยว่า “เสด็จพ่
“ไม่ได้วางตนอย่างนั้นหรือ?”จักรพรรดิเหวินสีหน้าดำคล้ำเขียวด้วยความโกรธจ้องเขม็งหยุนลี่ “น้องหกของเจ้าเรียกเจ้าว่าองค์รัชทายาท เจ้าก็ยอมรับหรือ น้องหกของเจ้าโค้งคารวะเจ้าใหญ่โตเจ้าก็ยอมรับหรือ นี่ไม่เรียกว่าวางตนอีกอย่างนั้นหรือ? ตกลงเจ้าเป็นพี่สามของเขาหรือว่าเป็นองค์รัชทายาทกันแน่?”คำถามในเชิงตำหนิของจักรพรรดิเหวินทำให้หยุนลี่รู้สึกหวาดกลัวมากเขานึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องเพียงแค่นี้จะนำมาถึงคำถามเชิงตำหนิได้มากมายเพียงนี้หยุนลี่กลัดกลุ้มใจมากจึงรีบกล่าวว่า “ลูกเป็นพี่สามของน้องหก และจะเป็นตลอดไปพ่ะย่ะค่ะ!”เขาเข้าใจแล้ว!ก็เพราะเจ้าสุนัขสารเลวนี่คารวะเขายกใหญ่ แถมยังเรียกเขาว่าองค์รัชทายาทอีกด้วยภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จากความสัมพันธ์อันใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อก่อนหน้านี้ของพวกเขา ตอนนี้เขาควรเสแสร้งนอบน้อม บอกหยุนเจิงว่าเรียกองค์รัชทายาทมันดูเหมือนเป็นคนนอก ควรให้หยุนเจิงเรียกเขาว่าพี่สามเหมือนเดิม!ต้องทำเช่นนี้เท่านั้นถึงจะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อของตนและเขาได้ต้องทำเช่นนี้เท่านั้น เสด็จพ่อถึงจะไม่มองว่าเขาวางตนข่มท่านทำตัวเป็นองค์รัชทายาทกับหยุนเ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหยุนเจิง ทุกคนก็อดที่จะเผยสีหน้าประทับใจออกมาไม่ได้แบกโลงศพไปซั่วเป่ย!ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีผู้ใดกระทำเช่นนี้มาก่อนนี่องค์ชายหกถึงกับเดินทางไปซั่วเป่ยด้วยความคิดที่ว่าหากไม่ประสบความสำเร็จก็จะพลีชีพที่ซั่วเป่ย!วิญญาณขอกลับมายังบ้านเกิด ตัวขอฝังกลบอยู่ที่ซั่วเป่ย!ยอมตายแต่ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีของความเป็นเป่ยจิ้งอ๋อง!เดิมทีจักรพรรดิเหวินเองก็เตรียมใจเอาไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหยุนเจิง ดวงตากลับน้ำตาคลอเบ้าลูกคนนี้ แม้ไม่เก่งในเรื่องบุ๋นและไม่ถนัดเรื่องบู๊ แต่กลับมีจิตใจอันบริสุทธิ์ยิ่งนัก!“องค์ชายหกช่างกล้าหาญยิ่งนัก กระหม่อมนับถือยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”“ต้าเฉียนของเรามีองค์ชายอย่างองค์ชายหกเช่นนี้ เป่ยหวนจะไม่ดับสูญได้อย่างไรเล่า!”“องค์ชายหกทำเช่นนี้ ต้องเพิ่มขวัญกำลังใจให้ทัพทหารได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“วันข้างหน้าหากมีโอกาส กระหม่อมจะทำตามแบบอย่างขององค์ชายหก แบกโลงไปซั่วเป่ย! ศึกครั้งนี้ หากไม่ได้ชัยชนะกลับมา ก็จะขอพลีชีพ!”“องค์ชายหก โปรดรับการคารวะจากกระหม่อมด้วย……”เหล่าบรรดาขุนนางต่างแสดงสีหน้านับถือ และกล่าวชื่นชมอย่างไม